Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รับวิจารณ์นิยายครับ หรือใครอยากช่วยวิจารณ์ ก็เชิญได้ครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

รับวิจารณ์นิยายตามชื่อกระทู้เลยครับ หรือถ้าใครสนใจจะช่วยวิจารณ์ ก็สามารถช่วยวิจารณ์ได้ตามสบายนะครับ

ขอคนที่จิตใจแข็งแรงมากนิดนึงนะครับ เพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับนิยาย โหมดจริงจังมันติดประจำ


ไม่รับนิยายขายsex แต่ถ้าแค่มีฉากsex ไม่ว่ากันครับ ไม่รับแฟนฟิคด้วยนะ นอกนั้นได้หมดครับ

ไม่วิจารณ์ตามลำดับที่คนมาแปะนะครับ ขอเลือกเรื่องที่ถูกใจนะ

ไม่จำกัดจำนวน เน้นเรื่อยๆครับ

ใครเข้าใจแล้วก็เชิญแปะครับ

สุดท้าย...ถ้าโชคดีจริตตรงกัน อาจรับเป็นที่ปรึกษาเรื่องการเขียนนิยายให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

แสดงความคิดเห็น

>

34 ความคิดเห็น

Pasit234 4 ก.ย. 64 เวลา 22:56 น. 1

จักรพรรดิมังกรบรรพกาล

เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้พร้อมกับสมุดบันทึกที่บอกการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของโลกนี้เอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจึงต้องออกตามหาพ่อแม่ไปพร้อมๆกับเพิ่มความแข่งแกรงของตัวเองไปด้วย แถมที่น่าตกใจ คือเขาดันมารู้ทีหลังว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผู้มีสายเลือดมังกรบรรพกาล ทั้งยังเป็นรัชทายาทด้วย!! https://writer.dek-d.com/Pasit234/writer/view.php?id=2185027

6
ใครสักคน 5 ก.ย. 64 เวลา 01:01 น. 1-1

ถ้าจะให้วิจารณ์ล่ะก็ สามารถนิยามด้วยข้อความสั้นๆ ได้ครับ


...มือใหม่


ถึงจะบอกว่าเป็นมือใหม่ แต่ไอเดียนี่ระดับดาวล้านดวง ถ้าเกลาดีๆ สามารถเขียนให้สร้างชื่อได้เลยครับ


ไอเดียที่เอามาใส่ในบทนำนี่เจ๋งมาก แต่ขาดเทคนิค เน้นความสะดวกเข้าว่ามากไปหน่อย คัดเลือกวัตถุดิบมาดี เกรดพรีเมี่ยมระดับสูงสุด แต่เอาไปปรุงแบบสูตรสำเร็จที่หาได้ทั่วไป นั่นคือจุดที่พลาดครับ


จะขอแสดงให้ดูนะครับ ว่าถ้าปรุงให้รสเลิศจะออกมาประมาณไหน



ตัวอย่าง...


(จะปรุงแบบพอเห็นภาพนะครับ)


เริ่มจาก...เปลี่ยนฉากครับ เปลี่ยนไปใช้ฉากย้อนอดีต พยายามเขียนแบบไม่บอกรายละเอียดมากนัก บอกเท่าที่จำเป็น มันจะดูน่าค้นหาครับ


"นี่ หนังสืออะไรครับแม่"

"แบงค์ หนังสือนี่เป็นภาษาโบราณ เพื่อเตรียมตัว ลูกจำเป็นต้องเรียนรู้มันเอาไว้"

*แล้วเสริมอีกนิด เช่น ตอนที่แม่ของเขาสอนเรื่องคำอ่าน

ตัดฉาก

"แบงค์ เรียนเกี่ยวกับภาษาโบราณไปถึงไหนแล้ว เรียนกับแม่สนุกไหม?"

"มันยากมากเลยฮะพ่อ แต่แบงค์จะพยายาม"

"งั้น วันนี้หยุดเรียนกับแม่สักวัน ไปออกกำลังกายกันไหมวันนี้ และเพื่อการเตรียมตัวของแบงค์ พ่อจะสอนเรื่องศาสตร์แห่งการควบคุมลมหายใจและสมาธิ"

ตัดฉาก

เพราะสังเกตเห็นว่าพ่อกับแม่จริงจังกับการสอนเขามาก มันทำให้แบงค์กดดันและค่อนข้างเหนื่อย วันหนึ่ง แบงค์เลยถาม "แม่ฮะ พ่อฮะ แบงค์ต้องเตรียมตัวจริงๆ เหรอฮะ? แล้วแบงค์ต้องเตรียมตัวสำหรับอะไร?"

"ลูกต้องเตรียมตัวแบงค์ เพราะเมื่อลูกอายุครบสิบแปดตามคำนายในหนังสือ ในวันนั้น..."


พ่อกับแม่พูดพร้อมกัน


"...เสียงของพระเจ้าจะดังขึ้น แล้วโลกนี้จะเปลี่ยนไป ตลอดกาล"


0
Pasit234 5 ก.ย. 64 เวลา 06:41 น. 1-2

อมก ขอบคุณมากครับ เป็นทีตลาิกใหม่ที่ผมอ่านแล้วขนลุกตามเลย เดี๋ยวจะนำไปแก้ตอนรีไรท์แน่ๆๆๆๆ ขอบคุณจริงๆครับ

0
ใครสักคน 5 ก.ย. 64 เวลา 13:42 น. 1-3

คือ พอไม่ได้ล็อกอิน มันเข้าไปแก้ไข หรือลบไม่ได้


ผมเกริ่นนิดนึงนะครับ คือ ความตั้งใจของผมตอนที่ได้อ่านนิยายของคุณ มันมีแต่ความรู้สึกว้าวครับ เลยคึกไปหน่อย อยากให้คุณได้เห็นความเป็นไปได้ของผลงานตัวเอง เทคนิคอาจยังไม่สูง แต่คนอ่านน่าจะยอมปิดตาข้างนึงให้ครับ ติดที่ พอผมพิมพ์ไปเสร็จ กดตอบ เพิ่งมาคิดได้ว่าคุณเขียนไปไกลหลายตอนแล้ว หลายๆ รายละเอียดหากต้องแก้มันจะวุ่นวายเกินไป ตอนแรกเลยกังวล ว่าที่พิมพ์ไปนั่นจะไปกระทบอะไรรึเปล่า? โชคดีที่ยังพิมพ์ไปไม่หมด แต่ถ้าวันไหนคุณมีความตั้งใจจะรีไรท์ครั้งใหญ่ ขอให้เอาสิ่งนี้ไปใช้ครับ


เหมือนชีวิตยังมีอะไรที่ต้องค้นหาไม่มากพอ พ่อกับแม่ก็เลยหายตัวไปเฉยๆ ไม่ยอมบอกล่าว พวกเขาทิ้งหนังสือประหลาดที่บันทึกคำทำนายอันน่าเหลือเชื่อไว้เป็นเบาะแส ภารกิจไขปริศนาลึกลับและการเดินทางอันยาวไกลจึงเริ่มต้นขึ้น โดยที่ แบงค์ ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย ว่าเขาจะมีสายเลือดของมังกรแห่งบรรพกาล


0
Pasit234 5 ก.ย. 64 เวลา 14:20 น. 1-4

ถ้าผมจะขอยืมสี่บรรทัดสุดท้ายไปเป็นคำโปรยใหม่ของเรื่องจะได้มั้ยครับ

0
Elphame 4 ก.ย. 64 เวลา 23:37 น. 2

ขออนุญาตฝากนิยายเรื่องแรกค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


ชื่อเรื่อง : สีน้ำมันบนผืนผ้าใบและการแตกสลาย

เรื่องย่อ : เรื่องราวความรักสีเทาของเด็กสาวผู้เป็นโรคซึมเศร้าและเด็กหนุ่มผู้เก็บความลับอันดำมืดไว้ (Warning! เนื้อหามีเรื่องของโรคซึมเศร้าค่ะ)

https://writer.dek-d.com/gaiacavan/writer/view.php?id=2251366


2
ใครสักคน 5 ก.ย. 64 เวลา 16:11 น. 2-1

การปล่อยให้ความรู้สึกมันจมลงไปกับการเขียน มันสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกได้ดีก็จริง แต่ในความคิดผม มันค่อนข้างอันตรายกับตัวคนเขียนเองนะครับ


ลองเปลี่ยนมุมมองในการเขียนดูไหมครับ ปล่อยให้ตัวเองเป็นแค่คนเล่าเรื่อง ไม่ต้องทำเหมือนให้ตัวละครเข้ามาสิงเรา เรามีหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปในเรื่อง


หากมีเวลาที่รู้สึกหงุดหงิด รู้สึกว่ายังสื่อสารออกมาไม่ได้ดั่งใจ หรืออยากให้สื่อสารได้ดีกว่านี้ ลองทำแบบนี้นะครับ เขียนซีนนั้นใหม่ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำที่มีความหมายกว้าง หันมาเจาะจงให้ชัดขึ้น วิธีที่ได้ผลอย่างแรก คือการยกตัวอย่างเหตุการณ์ขึ้นมาสักเหตุการณ์ครับ วิธีที่สองคือการอธิบายสิ่งที่ตัวเองเขียนครับ กำหนดผู้ฟังในอุดมคติขึ้นมาสักคน คนที่เราไว้ใจและเชื่อถือ เขาจะถามคุณว่า "ตรงนี้เหมือนขาดอะไรไป เหมือนมีอะไรไม่ชัดเจน ช่วยอธิบายเพิ่มได้ไหม? หรือช่วยเจาะจงกว่านี้ได้ไหม?" จากนั้น คุณก็แค่ให้คำตอบกับเขา และนำสิ่งนั้นไปแก้ ในจุดที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันยังดีไม่พอครับ

0
Elphame 5 ก.ย. 64 เวลา 19:54 น. 2-2

ในตอนที่เริ่มเขียนนิยาย เราอยากจะสื่อให้เข้าใจถึงคนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็เลยสร้างร่างโคลนตัวเอกนิยายโดยใช้ตัวเราเป็นต้นแบบ แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนที่เขียน เราใส่ความรู้สึกของตัวเองลงในนิยายมากเกินไปจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับคำแนะนำค่ะ อธิบายได้ตรงจุด เข้าใจง่าย จะนำไปพัฒนางานเขียนต่อค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-01.png

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

korn250543 4 ก.ย. 64 เวลา 23:57 น. 4

งั้นขอฝากนิยายของผมด้วยนะครับ อยากรู้ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน จะได้นำมารีไรท์ให้สำนวนดีและลื่นไหลขึ้น เพราะเขียนใกล้จบแล้ว และมีแผนจะทำเป็น ebook ด้วยครับ

เป็นนิยายแนวพีเรียดยุโรป สมัยศตวรรษที่ 17 (ยุคเดียวกับบุพเพสันนิวาส) โรแมนติก คอมเมดี้ พลอตด้นสด จบในตอน แนว ๆ ซิตคอม หรือเรื่องสามเกลอเลยครับ

ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

http://writer.dek-d.com/korn250543/writer/view.php?id=2226095

3
ใครสักคน 5 ก.ย. 64 เวลา 16:58 น. 4-1

งานเขียนเหมือนกระจกที่สะท้อนตัวตนของผู้เขียนครับ


ไม่ได้จะบอกว่าคุณเป็นคนดีหรือแย่นะครับ ผมกำลังจะพูดถึงในอีกมุมมองหนึ่ง ที่ต้องการให้คุณสะท้อนออกมาผ่านงานเขียนครับ


คุณบอกว่าตัวเองมีสิ่งที่หลงใหล แล้วทำไมถึงไม่สะท้อนสิ่งนั้นออกมาผ่านงานเขียนให้มากกว่านี้ล่ะครับ ทำไมไม่พาคนอ่านไปรู้จักสิ่งที่ทำให้คุณถึงกับหลงใหลให้มากกว่านี้ล่ะครับ


นิยายที่คุณเขียน บอกตามตรงครับว่ามันดูมือใหม่มากๆ แต่กลับมีเสน่ห์ที่อธิบายไม่ถูก เสน่ห์นั้นมันมาจากตัวตนของคุณ ที่ถูกสะท้อนออกมา ความหลงใหลในบางสิ่งที่ถูกสะท้อนออกมา มันดีครับ เพราะฉะนั้น เอามันมาใช้ครับ และใช้ให้เกิดประโยชน์ ผมคิดว่าคนอ่านจะยอมปิดตาข้างนึงให้กับความเป็นมือใหม่ แต่จะยอมรับเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในงานเขียน


จะได้ผลแค่ไหน ไม่คิดว่าน่าลองดูเหรอครับ?

0
korn250543 5 ก.ย. 64 เวลา 19:58 น. 4-3

จะบอกว่ามือใหม่จริง ๆ ครับ เพราะเพิ่งเริ่มเขียนนิยายเรื่องยาวเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรกยังแอบขำเลยครับ เนื้อเรื่องสนุกแต่ยังไม่ค่อยอินอย่างที่ จขกท ว่าจริง ๆ ขอบคุณอีกครั้งครับ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-08.png

0
Meow99 5 ก.ย. 64 เวลา 00:18 น. 5

ฮึบหลายทีกว่าที่จะกล้าส่ง

ฝากด้วยอีกสักเรื่องเถอะค่ะ หัวใจรักรินรดา

เธอแต่งงานกับเขามาแล้วถึงสองครั้ง แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถคว้าหัวใจของเขามาครองได้

จะไปต่อหรือพอแค่นี้ดีนะ...รินรดา

https://writer.dek-d.com/Meow99/writer/view.php?id=2252128

2
ใครสักคน 5 ก.ย. 64 เวลา 17:18 น. 5-1

งานเขียนของคุณไม่ต้องการคำวิจารณ์หรอกครับ อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มีเสน่ห์ ตัวงานเขียนเป็นงานที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกสดชื่น มีความน่ารักในตัวของมันเอง อีกอย่าง ผมว่านักอ่านสมัยนี้ไม่ได้ใจร้ายอะไรเลยครับ หากคุณทำให้เขาชอบได้ ต่อให้ไม่สมบูรณ์แบบ นักอ่านก็พร้อมจะสนับสนุน สิ่งที่คุณต้องทำ ก็แค่จริงใจกับการเขียนต่อไปครับ


การวิจารณ์อาจจะจับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคุณได้ แต่นั่นไม่จำเป็นเลยครับ อย่าปล่อยให้มันแย่งความสุขในการเขียนของคุณไปได้ครับ

0
Meow99 5 ก.ย. 64 เวลา 20:26 น. 5-2

ขอบคุณค่ะ...เก็บไว้เป็นกำลังใจในการเขียนและพัฒนาต่อจ้าาา

0
ThePongpol 5 ก.ย. 64 เวลา 00:41 น. 6

ทางนี้ยังโคตรด้อยประสบการณ์ ดังนั้นขอวิจารณ์เน้น ๆ ยับ ๆ เลยครับ ดีไม่ดีตรงไหนชี้เลย อย่าได้ยั้งมือ ขอขอบคุณล่วงหน้านะครับ!

เรื่อง : GOD'S ASHES - อัฐิแห่งพระเจ้า

คำโปรย : หนึ่งศตวรรษล่วงไปนับแต่สงครามวันโลกดับ ผู้หลงเหลือล้วนต้องเอาตัวรอดท่ามกลางซากแห่งอารยธรรม ...หากแต่ความหวังนั้นยังไม่สูญสลาย หลากชีวิตจึงคิดบากบั่นฝ่าอันตรายเพื่อสิ่งที่ถูกเรียกว่า 'อัฐิแห่งพระเจ้า'

ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/thepongpol/writer/view.php?id=2202059

6
ใครสักคน 5 ก.ย. 64 เวลา 22:10 น. 6-1

สัมผัสได้ถึงความทุ่มเทนะครับ โลกที่คุณสร้างเต็มไปด้วยรายละเอียดที่คุณใช้เวลาฟูมฟักขึ้นมา คุณไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจในความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เลย


เพียงแต่ คนอ่านต้องการผู้นำทางที่ดีครับ


ลองสมมติแบบนี้นะครับ คุณซื้อบ้านหลังโตให้พ่อแม่ บ้านที่คุณทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีในการออกแบบ รวมถึงสรรหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเอาไว้มากมาย คุณหวังว่าพ่อกับแม่จะต้องสุขสบายภายในบ้านหลังโตนั้นแน่นอน


เมื่อถึงวันเข้าอยู่ คุณพาพ่อกับแม่เข้าบ้าน แล้วเริ่มแนะนำทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้าน คุณบอกพ่อแม่ ว่าบ้านมีระบบรักษาความปลอดภัย ต้องใส่รหัส8หลักตามมาตรฐานสากล เตาแก๊สสามารถปรับไฟได้ 5 ระดับ กระทะใบนี้ใช้สำหรับทอดเท่านั้น กระทะอีกใบผลิตจากวัตถุดิบพิเศษ มันจะร้อนกว่ากระทะปกติ 5 เท่า มีกระทะสำหรับรองรับได้ทุกการใช้งาน รวมกันถึง 11 แบบ ชักโครกเป็นแบบไม่มีสายฉีด มีแต่ปุ่มให้กด มีฟังก์ชั่นให้เลือก 10 แบบ จะดูทีวีก็ได้ กล่องทีวีมี 12 กล่อง สามารถดูทุกได้ทุกช่องในโลกนี้ แต่เวลาดูจะต้องเลือกกล่องที่มีช่องที่ต้องการ


นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอ่านของคุณครับ


การออกแบบนิยายที่ดีไม่เพียงพอครับ คุณต้องออกแบบการนำทางผู้อ่านที่ดีด้วย


คุณต้องเริ่มจากการหาผู้อ่านให้เจอครับ ว่าตอนนี้ผู้อ่านยืนอยู่ที่จุดไหน เมื่อเจอแล้วคุณพาตัวเองไปยืนข้างๆ ผู้อ่านครับ ทำเหมือนว่าคุณก็เป็นผู้อ่านคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย ผู้อ่านจะบอกกับคนเขียนว่า "ช่วยพาฉันชมโลกของคุณหน่อยได้ไหม? ฉันต้องการความเพลิดเพลิน เพราะชีวิตจริงของฉันมันวุ่นวายและน่าปวดหัวมากพอแล้ว ฉันไม่ต้องการมาปวดหัวที่นี่อีก แต่ฉันยินดีจะหัวเราะ และร้องไห้ไปกับเรื่องราวที่คุณเล่า ฉันต้องการสิ่งเหล่านี้จริงๆ คุณพอจะเป็นผู้นำทางคนนั้นให้ฉันได้ไหม? "

0
ThePongpol 5 ก.ย. 64 เวลา 22:49 น. 6-2

พอลองปล่อยให้สมองโล่งแล้วไปอ่านใหม่ดู ใช่เลยครับ! ตามที่คุณชี้มาเลย เนื้อหาพยายามโยนข้อมูลที่เกินจำเป็น แทบไม่เปิดอะไรให้คนอ่านคุ้ยเอง ส่วนตัวถึงผมจะตัดออกไปเยอะแล้ว ให้แพลมในส่วนที่จำเป็นต่อตัวละคร แต่สุดท้ายก็เยอะไปอยู่ดี อย่างไรก็ขอบคุณจริง ๆ ครับ ช่วยให้ผมมองอีกมุมได้ชัดเจนเจ๋งแจ๋วมากเลย!

0
ใครสักคน 6 ก.ย. 64 เวลา 14:53 น. 6-3

ตอนที่เราจะเขียนฉากใดฉากหนึ่ง เราต้องเลือกโลเคชั่นด้วยครับ วิธีที่ง่าย คือการที่เราใช้สถานที่ที่เราต้องการให้ข้อมูลเป็นโลเคชั่น ถ้าทำแบบนั้น เราจะสามารถบอกเล่าข้อมูลที่จำเป็นในการปูเนื้อหาตีคู่ไปกับการดำเนินเรื่องได้ ซึ่งในจุดนี้ คุณจะได้เปรียบคนอื่นมากๆ เพราะคุณได้ออกแบบโลกของคุณไว้เรียบร้อยแล้ว และสถานที่ต่างๆ ก็มีความเฉพาะ และน่าสนใจในตัวมันเองอยู่แล้วด้วยครับ

0
ThePongpol 6 ก.ย. 64 เวลา 20:50 น. 6-4

ถ้าการใช้สถานที่เป็นตัวส่งต่อข้อมูลให้ผู้อ่าน แล้วแบบไหนจะได้ผลกว่ากันงั้นหรือครับ

ระหว่างให้ตัวละครดำเนินเรื่องไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับข้อมูลที่ว่า (ให้คนอ่านดื่มด่ำไปพร้อมตัวละคร) กับให้ตัวละครทราบดีอยู่แล้ว แล้วให้คนอ่านแกะจาก reaction ตัวละครเอา

ผมจะถามจุกจิกหน่อยนะครับ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องตอบก็ได้น่อ อย่างไรการที่คุณมาจี้จุดโหว่ให้ผมก็ดีใจเหลือเกินแล้วครับ

0
ใครสักคน 6 ก.ย. 64 เวลา 23:22 น. 6-5

ให้ตัวละครไม่รู้อะไรเลยจะได้เปรียบกว่าอีกแบบครับ สำหรับคุณ ผมแนะนำให้ใช้่แบบที่ตัวละครไม่รู้อะไรเลยครับ


กลับกัน การให้ตัวละครรู้อยู่แล้วมันจะสะดวกกับคนเขียน ฟังดูแล้วเหมือนจะทำให้เขียนง่ายใช่ไหมครับ? แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่เลย มันคือกับดักดีๆ นี่เอง สะดวกกว่าก็จริง แต่มันจะเขียนยากกว่าอีกแบบมากๆ ครับ นักเขียนต้องใช้เทคนิคมากกว่าเพื่อเขียนแต่ละฉาก เป็นกับดักที่มือเก๋าๆ ยังดับอนาจได้โดยไม่รู้ตัว รายละเอียดมันจะเยอะมากๆ ครับ ไม่น่าจะเล่าได้หมด แต่จะลองยกตัวอย่างให้ดูสักหนึ่งข้อนะครับ


ย้อนกลับมาที่บ้านหลังเดิมครับ


คุณแนะนำพ่อกับแม่ใช้เตาแก๊ส คุณทำการบ้านมาแล้ว คุณบอกวิธีใช้ให้พ่อแม่พร้อมสรรพ วันต่อมา คุณไปทำงาน พ่อกับแม่โทรมาบอกว่า เตาแก๊สเสีย จุดไฟไม่ติด คุณโทรเรียกช่างเข้าไปดู จากนั้น ช่างโทรกลับมาบอกว่า เตาแก๊สไม่ได้เสียครับ คุณแค่ลืมอธิบายให้พ่อกับแม่ฟัง ว่าต้องปลดเซฟตี้ ถึงจะจุดไฟติดได้ เรื่องการลืมแบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาที่เรารู้อะไรทั้งหมดอยู่แล้ว แต่คนที่เราบอกเขาไม่รู้ด้วย


แต่กลับกัน


คุณต้องสอนพ่อกับแม่ใช้เตาแก๊ส แต่ตัวคุณเองก็ดันใช้เตาแก๊สไม่เป็น ไม่รู้อะไรเลย คุณก็เลยกางคู่มือออกมา คุณก็ยังสับสนอีก พ่อกับแม่คุณก็เลยต้องวุ่นวายโทรไปถามช่าง จนท้ายที่สุด กลายเป็นพ่อกับแม่ของคุณเป็นคนสอนคุณใช้เตาแก๊ส แบบนี้เป็นไงครับดูวุ่นวายเนอะว่าไหม? แต่คุณก็น่าจะพอสัมผัสได้ ว่ามันน่าสนุกกว่าอีกแบบเป็นไหนๆ


การที่ตัวละครรู้อยู่แล้ว มันก็จะมีเสน่ห์และวิธีใช้ของมันครับ ไม่ใช่ว่าไม่ดีไปซะหมด แต่ผมแค่ยังไม่แนะนำให้คุณในตอนนี้ใช้ครับ แต่ถ้าเป็นคุณในอนาคต ก็ค่อยลองอีกที

0
ใครวะ 9 ก.ย. 64 เวลา 17:20 น. 6-6

การที่เราเป็นผู้เขียน แต่ทำเหมือนว่าคุณก็เป็นผู้อ่านคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย มันยากมากเลยนะ 555+

0
ลูเซีย The jar's modeller 5 ก.ย. 64 เวลา 10:42 น. 7
ฝากด้วยคนค่ะ :)


เมื่อฉันกลายเป็นสาวเบต้าใน Omegaverse


โคลอี้เป็นนักเขียนอยู่ดีๆ ก็หลุดเข้ามาอยู่ในนิยายตัวเอง 

แต่เขียนอะไรไม่เขียน ดันเขียนนิยายวาย Omegaverse (ชายท้องได้) 

แล้วยังเป็นวันสิ้นโลกที่มีซอมบี้ยั้วเยี้ยไปหมด 

ในโลกที่อัลฟ่าและโอเมก้าเป็นคนพิเศษ เธอดันเป็นเบต้าซะงั้น


https://writer.dek-d.com/dekd/writer/view.php?id=2190147


ปล. กำลังอยู่ในระยะเฉื่อย อยากได้คนมาช่วยดูค่ะ

2
ใครสักคน 6 ก.ย. 64 เวลา 01:51 น. 7-1

งานเขียนของคุณมันสมบูรณ์แบบแล้วครับ ตัวละคร รายละเอียดต่างๆ ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จนทำให้ตัวงานเขียนมันสมบูรณ์แบบมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพียงแต่...


ถ้าเกิดคุณยังรู้สึกไม่พอใจ ยังรู้สึกหงุดหงิดที่งานเขียนมันยังน่าจะดีกว่านี้ได้ มีความโลภมากๆ จนอยากจะพังเพดานของตัวเอง มันก็สามารถทำได้ครับ


คุณแค่ต้องพังความสมบูรณ์แบบของงานเขียนตัวเองก่อน เมื่อความสมบูรณ์แบบถูกพัง มันจะเกิดตำหนิ และตำหนิ จะทำให้เกิดช่องว่างที่เรียกว่าความอึดอัดในใจผู้อ่านอย่างรุนแรง


มันพูดง่ายนะครับ แต่ทำจริงยากมากๆ และมีความเสี่ยงสูงสุดๆ ถ้าให้เปรียบเทียบ มันเหมือนเราทำตำหนิไว้บนของชิ้นนึง ตำหนินั้นจะทำให้เกิดทางเลือกทางความรู้สึกอย่างรุนแรงสองอย่าง หนึ่ง...ความรู้สึกที่อยากโยนมันทิ้ง หรือสอง...ความรู้สึกที่เห็นคุณค่าของมันมากขึ้น หวงแหนมันมากกว่าเดิม

0
ลูเซีย The jar's modeller 6 ก.ย. 64 เวลา 20:32 น. 7-2

ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์นะคะ 

ก่อนหน้านี้คิดจะแก้บางส่วนจริงๆ ค่ะ รู้สึกเหมือนน่าจะดีกว่านี้ได้อีก แต่พอคิดย้อนกลับมา มีเรื่องก่อนที่เคยแก้ก็ประสบปัญหาแบบเดียวกับที่คุณบอก เหมือนจะสมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่ใช่ TT ยิ่งแก้ยิ่งแย่ จนย้อนกลับมาตอนนี้ยังเสียดายอยู่เลยค่ะ

0
gifgif8817 5 ก.ย. 64 เวลา 11:36 น. 8

https://writer.dek-d.com/gifgif8817/writer/view.php?id=2253680

ไม่รู้ว่าจะวางลิ้งค์แล้วกดได้เปล่าเพราะทำในมือถือครับ


เนื้อเรื่องคือมีนักบินอวกาศไปดวงดาวแห่งนึงและพบกับน้ำสีแดงๆและนักวิทยาศาสตร์มาทำเป็นยาต้านโรค ตัวเอกชื่อว่า ห้า เป็นนักเรียนธรรมดาและต้องเอาชีวิตรอดจากพวกวอมซอม(ชื่อเรียกซอมบี้) เขากับคนอื่นๆต้องเอาชีวิตรอดให้ได้

เนื้อหามีเลือดสาดและมีความรุนแรง

2
ใครสักคน 6 ก.ย. 64 เวลา 15:33 น. 8-1

ผลงานของคุณไม่ควรเอาไปให้ใครวิจารณ์ครับ


บอกตามตรง ว่าตอนแรกที่อ่านรู้สึกไม่คาดหวังอะไรเลย แสงของมือใหม่มันแยงตาผมเอามากๆ คำผิดก็มากพอๆ กัน แต่ที่ต้องแก้อย่างเร่งด่วนคือ Hell Land ครับ สังเกตดีๆนะครับ ตัว e นะ


แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ทำให้คุณมีความยืดหยุ่นที่สูงมาก ผลงานมีความดิบ ที่สำคัญ มันทำให้คุณมีความกล้าที่สูงมากๆ ความกล้านี้ทำให้คุณไม่กลัวที่จะทดลองอะไรที่คุณเชื่อว่ามันดี


คำวิจารณ์จะทำลายข้อดีทั้งหมดที่คุณมี ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจช่วยให้คุณเขียนงานได้ดีขึ้น แต่ไม่คุ้มครับ


สิ่งที่อยากแนะนำ คือเก็บผลงานของคุณเอาไว้ให้ห่างจากคำวิจารณ์ครับ แยกเอาความอ่อนหัดของคุณออกมา แล้วไปหาความรู้เพิ่มเติมเอาครับ เริ่มจากการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง สะกดคำอย่าให้ผิด ทำความเข้าใจหลักภาษาให้ดีขึ้นกว่านี้

0
KaivaBeer 5 ก.ย. 64 เวลา 11:42 น. 9

ชื่อเรื่อง : ฝ่าวิกฤตชีวิตบัดซบ

แนว : รักดราม่า / ย้อนเวลา / ชีวิตวัยเรียน / เวรกรรม

เรื่องย่อ : กมล ชายหนุ่มผู้อับโชคต่อชะตา เหตุเพราะกรรมเก่าที่ก่อเอาไว้ วันหนึ่งเขาได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงและแก้ไขชีวิตของตนที่เคยผิดพลาดให้ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เขาคิดไว้

ลิงก์ของนิยาย : https://writer.dek-d.com/KaivaBeer/writer/view.php?id=2190982

ขอบคุณสำหรับพื้นที่ฝากนิยายด้วยครับ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-05.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-05.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-05.png

8
ใครสักคน 6 ก.ย. 64 เวลา 16:07 น. 9-1

ในกระทู้นี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่อ่านแล้วต้องหยุดครับ


คุณเป็นเหมือนรูปโปรไฟล์เลย เหมือนตาลุงแว่นดำ มีหนวดแพลมๆ มีความหมกมุ่นทำบทเก่ง มีแบบแผนในการนำเสนอ เป็นพวกวางแผนก่อนเขียนจ๋าเต็มรูปแบบ รู้ว่าต้องทำยังไง มีประสบการณ์ ความรู้แน่น


แล้วเดี๋ยวจะมาต่อนะครับ แต่มันจะดีมากๆ เลย ถ้าคุณเจาะจงว่ามีความต้องการอย่างไร คิดว่าถ้าได้สนทนากัน คงจะสนุกน่าดู

0
KaivaBeer 6 ก.ย. 64 เวลา 18:23 น. 9-2

ผมเพิ่งลองเขียนนิยายเป็นครั้งแรกครับ

อีกอย่างเรื่องภาษาผมเองก็ไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่

เลยอยากขอคำวิจารณ์และคำแนะนำหน่อยนะครับ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-06.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-06.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-06.png


0
ใครสักคน 6 ก.ย. 64 เวลา 23:25 น. 9-3

ตอนแรก นึกว่าคุณเป็นนักเขียนที่มีความรู้เรื่องเขียนบทหนังอะไรพวกนั้นน่ะครับ เพราะการเรียบเรียงค่อนข้างคล้ายบทหนังเก่าๆ พอสมควร เลยคึกใจเร็วด่วนสรุปไปหน่อย


เดี๋ยวมาต่อนะครับ



0
ใครสักคน 7 ก.ย. 64 เวลา 05:30 น. 9-4

คุณเป็นมือใหม่ ที่มีจุดสตาร์ทไกลกว่าคนอื่นครับ


ศาสตร์การเขียนนิยายมันคลุมเครือไม่ชัดเจนเอามากๆ หลายๆ คนมีความคิดไม่เหมือนผม เพราะผมคิด ว่าความจริงของสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ คือความรู้ และประสบการณ์จากหลายๆ ด้านมารวมกัน ซึ่งคุณมีต้นทุนที่ว่านั้นอยู่มากพอสมควร


สิ่งที่เผยความเป็นมือใหม่ของคุณ คือหลังจากบทเปิดเป็นต้นไป คุณออกแบบให้โลกหมุนรอบตัวละครมากไปครับ การทำแบบนี้คือหายนะเลย


บทเปิด คุณทำได้ดีมาก ไม่ว่าจะทำด้วยความตั้งใจ หรือทำไปโดยไม่รู้ตัว และถ้าหากทำไปโดยไม่รู้ตัว คุณอาจใช้บทเปิดของตัวเองเป็นไกด์ไลน์ เพื่อพัฒนางานเขียนของคุณได้


เพราะงั้น ผมจะขอเอ่ยถึงบทเปิดของคุณ เพราะมันน่าสนใจดีครับ


ย่อหน้าแรกของคุณ เป็นเทคนิคการตีหัวคนอ่านเข้าบ้าน มันดีเกินกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบ มันอาจมีจุดที่ยังทำให้ดีกว่านี้ได้ แต่แค่นี้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว คิดดูสิ ใช้แค่ย่อหน้าเดียวเองนะ


น่าเสียดาย ที่ดูเหมือนจะไม่มีการใช้ซ้ำ ผมเลยเดา ว่าคุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว


หลังจากนั้น คุณปูเรื่อง และขายนิยายตัวเองไปได้พร้อมๆ กัน ทำให้คนอ่านรับรู้ ว่าเขาจะได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับอะไร และมันน่าสนใจอย่างไร เอาจริงๆ ผมชมคุณในใจเลย ว่าเทคนิคคุณสูง และเป๊ะมาก มีกลิ่นอายแบบคนเขียนบทหนังเก่าๆ ที่ผันตัวมาเขียนนิยาย


แต่หลังจากบทเปิด ยังไม่เห็นมีการนำมาใช้ซ้ำเช่นเดียวกัน


หลังจากนั้น คุณเดินเรื่องไปจนจบตอนแบบตามตำรา ดูไม่หวือหวา แต่ก็โอเคนะ


ผมบอกสิ่งที่อยากบอกไปแล้ว งั้นเรามาดูสิ่งที่คุณสนใจบ้าง


คุณบอกไม่ค่อยเก่งภาษา แต่ผมคิดว่า ความเข้าใจเรื่องภาษาของคุณเกินมาตรฐานนะ เพราะงั้น การบรรยายไม่มีทางเป็นปัญหาของคุณแน่นอน อาจมีการเว้นวรรคแปลกๆ บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อ่านแล้วแก้ คงไม่มีอะไรน่ากังวล


สิ่งที่คุณต้องกังวลมากๆ คือการที่คุณออกแบบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเอก


0
ใครสักคน 7 ก.ย. 64 เวลา 05:42 น. 9-5

ขอเสริมนิดนึงนะครับ เกือบลืมเลย


คุณต้องทำการบ้าน เกี่ยวกับคำที่ควรเลี่ยง


อันดับแรก ชื่อเรื่องเลยครับ ฝ่าวิกฤตชีวิตบัดซบ

0
KaivaBeer 7 ก.ย. 64 เวลา 10:21 น. 9-6

ขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ไหมครับ

ในส่วนที่ว่าผมออกแบบให้โลกหมุนรอบตัวเอกมากเกินไป

ผมควรลดหย่อนยังไงดีครับ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-13.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-13.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-13.png

0
ใครสักคน 7 ก.ย. 64 เวลา 15:50 น. 9-7

คุณออกแบบให้ทุกสิ่งในนิยายพุ่งความสนใจไปที่ตัวเอกครับ ตั้งแต่เพื่อนนักเรียน ไปจนถึงป้าร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งคุณอาจมองว่าได้ใส่เหตุผลเอาไว้รองรับแล้ว แต่ในใจของผู้อ่าน แค่นั้นยังไม่พอครับ


ในความเป็นจริง การออกแบบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวละครใดสักตัว สามารถทำได้จริงนะครับ แต่มันยากมากๆ คุณต้องเริ่มจากการก่อร่างชุดความคิดขึ้นมาในใจของผู้อ่านก่อน ซึ่งชุดความคิดที่ว่านั้น ยังไม่มีครับ


ปัญหาในจุดนี้ อาจเกิดจากการที่คุณและตัวละครรู้ทุกอย่างอยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่คนอ่านไม่ได้รู้มากเท่าคุณ ทำให้คุณข้ามขั้นตอนสำคัญในการอธิบายให้คนอ่านเข้าใจไป หรือจะให้เข้าใจง่ายๆ คือคนอ่านตามคุณไม่ทันครับ

0
KaivaBeer 7 ก.ย. 64 เวลา 16:35 น. 9-8

ขอบคุณมากๆ ครับ ผมคงละเลยตรงจุดนั้นไปจริงๆ เพราะคิดไว้ว่าจะค่อยๆ เล่าเรื่องโดยเปิดปมไปทีละจุดในภายหลัง สงสัยผมคงต้องเปลี่ยนความคิด และจะลองกลับไปแก้ไขดูอีกทีครับ


ส่วนชื่อเรื่องผมขอใช้แบบนั้นไปก่อนสักพักนะครับ คือผมเองยังหาคำที่มีความหมายที่ใกล้เคียงกับคำว่าชีวิตบัดซบไม่ได้เลยครับ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
ke__ 5 ก.ย. 64 เวลา 21:48 น. 10

พิพากษาสวรรค์

คำโปรย : ผมหนีออกจากขุมนรกเพียงเพื่ออิสรภาพที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าร่างจะแหลกสลายหรือสูญหายไปตลอดกาลก็ยินยอมน้อมรับ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกปฏิปักษ์ของพระเจ้าสาปให้เป็นแมวแบบนี้ !


รบกวนด้วยค่ะ


https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2239571

8
ใครสักคน 7 ก.ย. 64 เวลา 17:10 น. 10-1

ตัวละครขี้บ่น คือเสน่ห์สูงสุดของการใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งครับ


พอมันมาคู่กับคำว่าสูงสุด มันก็เลยมาพร้อมกับความยากในการใช้งาน ที่เรียกได้ว่าอภิมหาโหด ถ้าคุมไม่อยู่ มันจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายแทน แต่ถ้าเอาอยู่ เนื้อเรื่องไม่ต้องมีก็ได้ครับ แค่ปล่อยให้ตัวละครบ่นไป คนอ่านก็ฟินแล้ว


มันเป็นเทคนิคระดับที่เกินกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบไปอีก หลายๆ คนเลยพร้อมใจกัน บอกว่า อย่าให้ตัวละครบ่นเลย มันน่ารำคาญ ตัดทิ้งไปซะ


ที่ว่ามาทั้งหมดนี่ อยากจะสื่อว่า ถึงคุณในตอนนี้จะยังคุมมันไม่อยู่ แต่ไม่อยากให้ตัดใจจากความเป็นไปได้ของตัวเองครับ ในอนาคตคุณอาจจะหาวิธีคุมมันอยู่หมัดเลยก็ได้ แต่ในตอนนี้อาจจำเป็นต้องเลี่ยงๆ มันไปก่อน


เดี๋ยวมาต่อนะครับ


0
ke__ 7 ก.ย. 64 เวลา 17:45 น. 10-2

ขอบคุณค่ะ รออย่างใจจดใจจ่อเลย

0
ใครสักคน 8 ก.ย. 64 เวลา 08:45 น. 10-3

งานเขียนของคุณค่อนข้างน่าสนใจมากๆ เลยครับ


ความจริง ผมอ่านไปหลายรอบตั้งแต่เมื่อวาน บอกตามตรง ว่าเมื่อวานรู้สึกเขวไปมากๆ 555 จนคิดว่าตัวเองเบลอไปรึเปล่า เพราะงานเขียนของคุณทำให้รู้สึกเหมือนโดนโปะยากล่อมประสาทหน่อยๆ ไม่ได้จะเอ่ยถึงในแง่ดี หรือไม่ดีนะครับ แค่จะเอ่ยถึงในแง่ที่มันน่าสนใจมากๆ เลยมีคำถามอยากถามก่อนครับ


1. หลังจากวางพวกโครงเรื่องแล้ว ตอนเขียน เขียนไปโดยไม่ได้คิดอะไร หรือออกแบบให้เป็นอย่างที่เป็นครับ ทั้งการมีตัวละครขี้บ่น และทั้งการเลือกใช้คำคลุมเครือ คำถามนี้ตอบสั้นๆ ก็ได้นะครับ


2.อยากให้ช่วยบอกความรู้สึก ตอนที่อ่านงานของตัวเองหน่อยได้ไหมครับ ว่าอ่านแล้วคิดเห็นยังไงบ้าง?

0
Menomy 8 ก.ย. 64 เวลา 09:49 น. 10-4

เออ...ขออนุญาตแทรก x)


งานคุณนั้นบางทีน่าจะติดเตือนว่า "ไม่เหมาะกับผู้มีภาวะซึมเศร้า" หรืออะไรทำนองนั้น

เนื่องจากความน้อยเนื้อต่ำใจของมนุษย์ที่มีต่อระบบธรรมชาตินั้นพาเอาจิตตกได้ และหากรี้ดจิตตกอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งตกกว่าเดิม


เปิดบทแรกมาก็รู้สึกหน่วงๆ แล้ว ยังดีที่เราพอมีธรรมะเป็นภูมิคุ้มกันเลยอ่านไปจิตไม่ตกเท่าไร แต่ถ้าเป็นเราเมื่อก่อนที่ยังไม่รู้จักธรรมะอาจจะอาการหนัก 555

0
ke__ 8 ก.ย. 64 เวลา 12:17 น. 10-5

1.เขียนไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรค่ะ การวางพล็อตเองก็เพิ่งวางหลังจากที่ลงไปแล้วสองตอน


2.รู้สึกว่ายังไม่มีอะไรน่าดึงดูดค่ะ เลยอยากให้คนอื่นช่วยวิเคราะห์และชี้จุดด้อยให้


@Menomy ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ

0
ใครสักคน 8 ก.ย. 64 เวลา 19:12 น. 10-6

@Menomy เอ่ยถึงประเด็นที่น่าสนใจ ผมเลยอยากเสริมก่อนนะครับ


ทำไมคนเราถึงชอบดูหนัง ฟังเพลง มากกว่าฟังแม่บ่น?


ในความเป็นจริง สองอย่างนี้ค่อนข้างคล้ายๆ กันนะครับ สิ่งที่แม่บ่น มันก็มีทั้งเรื่องที่เป็นจริง และในหลายๆ ครั้ง เหล่าคุณแม่ ก็มโนแต่งเติมขึ้นมาโดยรู้ตัวบ้าง หรือไม่รู้ตัวบ้างเพื่อโน้มน้าวเรา ไม่ต่างจากในหนัง หรือในเพลงเลย งั้น อะไรที่เป็นตัวกำหนดให้เราชอบดูหนัง ฟังเพลง มากกว่าฟังแม่บ่นกัน?


บางคนอาจบอกว่า "...เพราะนักร้องหล่อ เสียงสวยกว่าแม่" ความเห็นนี้ พูดตามตรงก็มีส่วนนะครับ


บางคนอาจบอกว่า "...เครียดมามากพอแล้ววันนี้ อยากพักสมองบ้าง" ความเห็นนี้ ผมเห็นด้วยครึ่งนึง เพราะอีกครึ่ง การดูหนัง หรือฟังเพลงทำให้เราตื่นตัว และร้องไห้ มากกว่าในชีวิตจริงซะอีก


หรือบางคนอาจบอกว่า "...เพราะรู้สึก ว่าเนื้อหาในหนัง หรือในเพลง เค้าดูเข้าอกเข้าใจเรามากกว่าแม่" ความเห็นนี้ก็ฟังดูน่าสนใจ


จะพูดไป ก็เหมือนล้อเล่นนะครับ เพราะ ในบรรดาความเห็นทั้งหมดที่ว่ามา ความเห็นที่บอกว่า '...เพราะนักร้องหล่อ เสียงสวยกว่าแม่' ดูจะตรงใจเราที่สุด มากกว่า ความเห็นที่บอกว่า '...เค้าดูเข้าอกเข้าใจเรามากกว่าแม่' เป็นไหนๆ


ความแตกต่างสำคัญเลยก็คือ ความตรงไปตรงมาครับ


ถึงตรงนี้ คุณอาจเริ่มคิดไม่เห็นด้วยในใจแล้ว เพราะไม่มีใครชอบเรื่องโกหกหรอกใช่ไหมครับ แต่ความตรงไปตรงมาที่ว่านี้ ไม่เกี่ยวกับความจริง หรือเรื่องโกหกครับ มันเกี่ยวกับ วิธีสื่อสาร


ตอนที่แม่บ่น เขาใช้วิธีสื่อสารอย่างนึง ส่วนในหนังหรือในเพลงก็ใช้วิธีสื่อสารอีกแบบนึง


ขอสมมติเป็นเรื่องใกล้ตัวแบบปัจจุบันจ๋าเลยนะครับ


ถ้าแม่วิจารณ์นิยายให้เรา แม่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีสื่อสารแบบบ่นจับผิดเรา ติติงเราไปเรื่อย อาจจะมีโยงเข้ากับนิสัยส่วนตัวของเรา หรือแม้แต่ ยกอดีตตอนเราทำผิดพลาดอะไรสักอย่างนึงเมื่อสมัยชาติสองชาติที่แล้วขึ้นมาโน้มน้าวเรา แต่จะมันไม่ได้ผล มันบ่อนทำลายจิตใจเรา มันเป็นพิษต่อเรา มันจะทำให้เราหมดกำลังใจ มันทำร้ายเรา


ในฐานะนักเขียน เราจึงต้องออกแบบวิธีสื่อสารขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่ว่าขึ้น นั่นเป็นการบ้านที่เราต้องทำ ที่ผมต้องทำ ที่คุณต้องทำ และนักเขียนต้องทำ เพื่อรับผิดชอบต่อตัวเอง และสังคม


แต่ คุณอาจมีคำถามเล็กๆ ขึ้นในใจแล้วว่าทำไมถึงต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากแบบนั้น คำตอบคือ...เพราะเราไม่อยากให้งานเขียนของเราไปทำร้ายใคร เหมือนเวลาที่เราโดนพ่อแม่บ่นแล้วมันทำร้ายจิตใจเรา


ผมเป็นคนนึงที่ทำผิดพลาดเรื่องนี้มานานมากๆ และพยายามแก้ไขให้มันถูกต้องอยู่ ความจริงที่อยากจะบอกคือ ผมอยากโน้มน้าวให้คุณทำสิ่งที่ยาก เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า ผลตอบแทน ที่จะทำให้หัวใจของคุณพองโตขึ้น ชิ้นงานของคุณจะดีขึ้นอย่างเห็นผลได้ทันตา และผมเชื่อว่าใครๆ ก็สามารถทำได้เหมือนกัน โดยหวังว่าจะโน้มน้าวคุณสำเร็จ


ส่วนที่เหลือเดี๋ยวมาต่อนะครับ แต่ถึงจะบอกว่าเดี๋ยว ก็ไม่แน่ใจว่าวันนี้รึเปล่านะ



0
ใครสักคน 9 ก.ย. 64 เวลา 00:41 น. 10-7

ก่อนอื่น ผมอยากบอก ว่าผมอยากลบคอมเม้นต์ด้านบนที่ผมพิมพ์ไปยาวๆ ครับ แต่จนปัญญาจริงๆ รู้สึกอายหน่อยๆ ด้วย


ผมอ่านนิยายคุณแล้วพยายามรวบรวมความคิดมาสองวันแล้ว พยายามทำความเข้าใจมันให้ได้ แต่ ก็เหมือนไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไร จนกระทั่งผมเห็น-ที่ตัวเองพิมพ์ไปยาวๆ ด้านบนนั่น


คือถ้าให้อธิบาย ไอด้านบนนั่น ผมพยายามจะคุยกับคุณก็จริง แต่กลายเป็นว่าความคิดที่มันเคยสะเปะสะปะอยู่ในหัว มันก็ระเบิดออกมาด้วยพร้อมๆกัน มันเลยเหมือนกำลังคุยกับคุณ และเพ้อเจ้อมั่วซั่วไปในเวลาเดียวกันด้วย


บทเปิดของคุณเป็นคล้ายๆ แบบนั้นเลย แต่ไม่หนักเท่า-ด้านบนที่ผมพิมพ์ไป55 มันเหมือนคุณมีความคิดหลายอย่าง ของหลายๆเรื่องในชีวิตบรรจุอยู่ในแท้งค์น้ำ และทันทีที่คุณหมุนก๊อก ความคิดที่มันอัดกันอยู่ก็ไหลล้นออกมาแบบสับสน


ที่น่าสนใจก็คือ ผลที่ออกมามันกลับไม่ได้แย่ ทั้งที่มันควรจะแย่ แต่มันกลับกลายเป็นว่า มันเฉียดไปทางดีซะมากกว่า


ลองคิดตามนะครับ ตัวละครของคุณขี้บ่น = พูดเยอะ และบ่นนอกเรื่องด้วย + กับการใช้คำที่มีความหมายสับสน หลายครั้งแยกไม่ออกว่าเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือ มันคือการเปรียบเปรยกันแน่ เช่น '...ผมหนีออกจากขุมนรกเพียงเพื่ออิสระภาพที่ไม่คุ้นเคย'


พออ่านไปแล้วจะรู้สึกแวบแรกเหมือนอ่านรู้เรื่อง แต่ เอ๊ะ! ตัวโตๆ จะตามมา พออ่านต่อไปอีกสักพัก อ้าว! ขุมนรก นี่หมายถึงสถานที่หรอกเหรอ แกล้งกันชัดๆ เหมือนอ่านรู้เรื่อง แต่ก็เหมือนสับสน ในขณะที่คนอ่านมีอาการเหมือนโดนโปะยากล่อมประสาทอ่อนๆ โดนสิ่งที่ตัวเอกบ่นล่อไปทาง โดนคำที่มีความหมายสับสนล่อไปอีกทาง พอรู้ตัว ก็ เอ่อ อ่านเพลินดีนะ เนื้อเรื่องสนุกใช้ได้ มีการค่อยๆ เฉลยน่าติดตามดี และรู้สึกเสพติดอยากอ่านต่อนิดๆ ขอวันละตอนเลยได้ไหม


เพียงแต่ สามย่อหน้าแรก ควรจะแก้นะครับ ส่วนตรงอื่น จะแก้หรือไม่แก้ก็ตามใจ


บอกตามตรงว่าผมรู้สึกสนุก และรู้สึกสนใจงานเขียนของคุณมากๆ ครับ เลยอยากให้สิ่งนี้เป็นการตอบแทน


มันจะดีมากๆ ครับ ถ้าให้ตัวเอกขี้บ่น บ่นเรื่องเกี่ยวกับนรก(ที่เป็นคำเปรียบเปรย หรือบ่นเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องนรกก็ได้) อย่าให้คนอ่านรู้ ว่าตัวเอกกำลังพูดถึงนรกของจริง และกำลังอยู่ในนรกจริงๆ คุณต้องหลอกให้คนอ่านตายใจ ให้คนอ่านเข้าใจไปเอง ว่าเขาแค่โมโหแล้วพาล ก็เลยบ่นไร้สาระไปเรื่อย แล้วก็ บู้ม! ค่อยเฉลย ว่าเขาตายแล้ว และกำลังอยู่ในนรก ที่เป็นนรกจริงๆ ไม่ใช่คำเปรียบเปรย หรือความเชื่อ

0
ทรรศยา 6 ก.ย. 64 เวลา 17:38 น. 11

ฝากหน่อยนะคะ ยังคิดว่าตัวเองมองข้ามหลายเรื่องและอยากที่จะปรับปรุงให้มันดีขึ้น แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเขียนเรื่องก็ไม่รู้ว่าตัวเองขาดตกบกพร่องในด้านไหน ขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะคะ ^0^

เรื่องตัวตนใหม่ :

หญิงสาวที่ถูกคนรอบข้างหักหลังและสร้างความเจ็บปวดจนเธอแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ และเธอก็ได้พบกับระบบที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอและสร้างตัวตนใหม่ที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง

https://writer.dek-d.com/dekd/writer/view.php?id=2202298

7
ใครสักคน 10 ก.ย. 64 เวลา 07:41 น. 11-1

คุณต้องตั้งใจให้น้อยลงครับ


บอกแบบนี้ คุณอาจเริ่มคิดแล้วว่าผมล้อเล่นรึเปล่า เปล่าเลยครับ ผมไม่ได้ล้อเล่น เพราะตอนที่เขียน คุณกำลังเกร็งจริงๆ มันเหมือนคนที่ถูกเพื่อนผลักให้ออกไปพูดหน้าเสาธง ความเกร็งทำให้คุณคิดเยอะจนไม่เป็นธรรมชาติ


คุณต้องลองสร้างผู้ฟังจำลองขึ้นมาสักคนครับ อ้างอิงคนที่คุณรู้จัก คุ้นเคย ไว้วางใจ คนที่คุณจะเล่าเรื่องอะไรๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้นให้เค้าฟังได้อย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นลองอ่านออกเสียงให้เค้าฟัง พยายามบีบหัวข้อที่จะเล่าให้มันเล็กลง พยายามหาจุดโฟกัสของเรื่องที่จะเล่าให้ได้ พยายามคิดว่าสิ่งที่กำลังเล่าอยู่ตอนนี้จะดึงดูดความสนใจของเค้าได้ไหม


บางครั้ง การจะทำอะไรให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น บางที เราก็ต้องตั้งใจทำให้น้อยลงครับ

0
ทรรศยา 10 ก.ย. 64 เวลา 10:00 น. 11-3

เป็นเรื่องแรกที่แต่งจนจบ แต่ว่าเราก็ตั้งใจจริงๆ แต่ปัญหาคือเรามุ่งเข้าสู่แต่ประเด็นสำคัญจนทำให้คนอาจจะเคร่งเครียดและก็เอียนไปกับความจริงจังเกินไป เพราะในชีวิตจริงก็เป็นคนที่พูดเล่นไม่เป็น เวลาเขียนอะไรลงไปก็เลยหาอะไรที่มันผ่อนคลายไม่ไม่เป็นค่ะ

0
ใครวะ 10 ก.ย. 64 เวลา 12:11 น. 11-4

อันนี้ผมแนะนำด้วยนะครับ การอ่านออกเสียงนิยายของเราเอง แล้วอัดเสียงไว้ให้เราฟังเอง ให้บรรยากาศที่ต่างมาก คุณจะสัมพัสกับอารมณ์ใหม่ๆมากขึ้นผ่านคำพูกมากกว่าตัวหนังสือ มันอาจเปิดมุมมองใหม่ๆ เหมือนกับคุณฟังเรื่องนี้จากคนอื่นเล่า(เสียงจากคุณเองละ) จริงๆผมก็พึ่งลองทำ สนุกมาก ผมแนะนำ

0
ใครสักคน 10 ก.ย. 64 เวลา 19:30 น. 11-6

การเขียนนิยายตอนกลางคืนอาจช่วยคุณได้ครับ


เคยมีคนต่างประเทศทำวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการพูดคุยของคนเรา ในเวลากลางวัน หัวข้อสนทนาของคนเราจะเคร่งเครียด จริงจังมากกว่าตอนกลางคืนครับ หรือในอีกความหมาย ตอนกลางคืน คนเราจะพูดคุยกันในหัวข้อที่ผ่อนคลายมากกว่า มันอาจไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงคุณในทันที แต่คุณอาจใช้ประโยชน์จากความรู้นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีได้ครับ


หากคุณเป็นคนนอนไว การเปลี่ยนเวลานอน อาจเหมาะสำหรับคุณ เข้านอนให้ไวขึ้นอีก และตื่นตอนเช้ามืดมาเขียนนิยาย หลีกเลี่ยงการเขียนนิยายตอนกลางวัน พยายามอย่าหักโหมเขียนนิยายตอนกลางคืนจนพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะคุณจะผ่อนคลายไม่ได้ ถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ


พยายามเข้าใจความผ่อนคลายของตัวเองให้ได้ เพราะถ้าคุณเข้าใจความผ่อนคลายของตัวเองได้ การเขียนนิยายตอนกลางวัน ก็จะไม่ใช่ปัญหาของคุณอีกต่อไป


อยากให้สังเกตนะครับ ผมใช้คำว่า '...พยายามเข้าใจความผ่อนคลายของตัวเอง' นะ ไม่ใช่ บอกให้ 'พยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลาย' สองอย่างนี้มันค่อนข้างจะแตกต่างกันมาก คือ คุณต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้ ว่าสถานที่ไหน มุมไหน ลักษณะแบบไหนที่ทำให้คุณผ่อนคลายจริงๆ เป็นตัวของตัวเองที่สุด


เช่น คุณอาจชอบไปนั่งตากลมตรงระเบียงเพราะมันช่วยทำให้คุณรู้สึกหายเหนื่อย หรือ การนั่งทำงานบนโต๊ะหน้าทีวีมันช่วยทำให้คุณรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด มันต้องมีสักมุม ที่ทำให้คุณรู้สึก ว่าความคิดความอ่านมันทำงานได้ดีกว่าปกติ หรือตอนไหนสักตอน ที่คุณไปเที่ยว หรือ เจอใครสักคนที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ


คุณไม่จำเป็นต้องเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ แต่คุณต้องทำความเข้าใจตัวเอง และจดจำมัน


ส่วนการทำให้ตัวเองผ่อนคลาย ผมแนะนำให้คุณขยับร่างกาย เดินเล่น ทำงานบ้าน แต่ผมไม่แนะนำให้คุณใช้วิธี อ่านนิยาย ดูหนัง ฟังเพลง เพราะมันจะมอบแรงบันดาลใจปลอมๆ ให้คุณได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ในทางที่แย่ที่สุด มันจะทำให้คุณหลงทาง และถ้าคุณเก็บมันมาใช้ในงานเขียนของคุณโดยไม่รู้ตัว มันจะฆ่าอัตลักษณ์ของคุณ


ถ้าคุณต้องการอะไรที่ยั่งยืนกว่า ถาวรกว่า การเข้าใจตัวตนของตัวเองคือคำตอบ คุณจำเป็นต้องสะท้อนตัวตนของคุณออกมาในงานเขียน แผดเสียงของตัวตนให้มันกังวาล และกังวาลยิ่งขึ้น กังวาลจนแม้แต่ตัวคุณเองยังรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่ตัวเองเขียนขึ้นมา

0
ทรรศยา 10 ก.ย. 64 เวลา 20:26 น. 11-7

แปลว่าปัญหาที่หนักสุดในตอนนี้มันดูจริงจังเกินไป จนขาดความเป็นธรรมชาติสินะคะ พอจะมองตัวเองออกในเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ

0
หมอกเงียบ 6 ก.ย. 64 เวลา 20:50 น. 12
ขออนุญาตรบกวนด้วยนะครับ
ผมเป็นมือใหม่แบบใหม่สุด ๆ เลยครับ
ชื่อเรื่อง : ผู้พิชิตสุดขอบโลก
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องแนวถูกอัญเชิญไปยังต่างโลก ด้วยเหตุผลบางอย่าง จนต้องทำให้ออกเดินทาง พัฒนาเวทมนตร์และช่วยเหลือพวกพ้องครับ

https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2254246

2
ใครสักคน 10 ก.ย. 64 เวลา 08:23 น. 12-1

หาอาจารย์คนแรกสักคนครับ


คุณต้องหาใครสักคนมาช่วยดู และสอนการเขียนนิยายให้ คนใจดีค่อนข้างเยอะนะครับ ไม่น่าจะหายาก แต่คงต้องลำบากหานิดนึง

0
Notiflife 6 ก.ย. 64 เวลา 23:40 น. 13

ขอรบกวนด้วยคนค่ะ ยังรับอยู่ใช่มั้ยคะ

ชื่อเรื่อง : ข้าเกี่ยวอะไรกับที่พวกเจ้ารักกัน

ข้อมูลเบื้องต้น : คราแรกข้าดีใจจนเต็มตื้น ได้แต่งงานกับบุรุษที่พึงใจ

แต่ครั้นพอได้เข้ามาเป็นเมียเอกถึงได้รู้ว่า สตรีนับร้อยที่รายล้อมตำนักกับเมียรองอีกสี่คนหาใช่ศัตรูและคู่ต่อสู้

หากเป็นคนสนิทข้างกายสามีต่างหาก ที่ทำให้ข้าและสตรีอื่นที่นี่เหมือนตายทั้งเป็น


https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2250302


ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

2
ใครสักคน 12 ก.ย. 64 เวลา 09:30 น. 13-1

ลักษณะการบรรยาย กับวัฒนธรรมในเรื่อง ดูเป็นย้อนยุคไทยมากกว่าย้อนยุคจีนนะครับ


ถ้าจำไม่ผิด และถ้าเข้าใจไม่ผิด วัฒนธรรมจีนโบราณจะมียุคที่เห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกตินะครับ ชายรักชาย แต่อยากได้คนสืบสกุลเลยแต่งเมีย หรือแม้กระทั่ง ชายรักหญิงปกติ แต่ให้เมียตัวเองไปปรนเปรอชายอื่นได้ อันนี้บอกตามตรงว่าไม่แม่นครับ คุณเจ้าของเรื่องควรตรวจสอบดูนะครับ เผื่อจะแก้ไขปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้


ต่อมา เรื่องเกี่ยวกับตัวงานเขียน ความจริง คุณแทบไม่ต้องกังวลอะไรเลย คุณอาจมีการใช้คำที่ไม่ตรงความหมายบ้าง แต่ส่วนสำคัญ คือคุณรู้ว่าตัวเองต้องการเล่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร เล่าทำไม เล่าอย่างไร จากนี้จะทำอะไรต่อ ฉากเปิดก็เลือกได้ดีครับ เกือบจะไร้ที่ติเลย


หากย่อหน้าแรกคุณเรียงลำดับการเล่าเรื่องใหม่สักหน่อย จะเป็นย่อหน้าที่ใช้ตีหัวคนอ่านเข้าบ้านได้ครับ แบบว่า เปิดเรื่องแบบนี้ย่อหน้าเดียวเอาอยู่ ไร้ที่ติเลย


0
Notiflife 12 ก.ย. 64 เวลา 10:45 น. 13-2

รู้สึกว่าไม่มีกลิ่นอายจีนเหมือนกันค่ะ ส่วนย่อหน้าแรกไม่รู้จะปรับเปลี่ยนให้ตรงโจทย์ที่แนะนำได้มั้ย เพราะบางอย่างก็พอฟังเแล้วเข้าใจ แต่หาทางแก้ไม่ได้ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-08.png อย่างไรตรงนี้ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

0
Teetrach 7 ก.ย. 64 เวลา 06:50 น. 14

ขอฝากด้วยนะครับ ผมเป้นมือใหม่ที่อยากรู้ข้อบกพร่องของตัวเอง

ชื่อเรื่อง: Legend of Excalibur

คำโปรย:"ฉันไม่ใช่อาเธอร์"

เนื้อเรื่องมันจะประมาณว่าตำนานเกี่ยวกับอาวุธที่มีพลังวิเศษมีอยู่จริงอะไรประมาณนี้ครับ

https://writer.dek-d.com/Teetrach/writer/view.php?id=2242772

1
ใครสักคน 12 ก.ย. 64 เวลา 09:48 น. 14-1

อ่านแล้วค่อนข้างชอบนะครับ เพลินมากๆ


ถ้าถามหาข้อบกพร่อง คุณเป็นมือใหม่ครับ ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น


เหมือนที่บอกครับ อ่านแล้วค่อนข้างชอบเลย เพราะงั้น คุณควรเก็บนิยายตัวเองเอาไว้ห่างๆ คำวิจารณ์ครับ คำวิจารณ์อาจทำให้คุณพัฒนา แต่มันจะฆ่าข้อดีของคุณไปด้วยในเวลาเดียวกัน คุณควรใช้การหาความรู้ด้วยตัวเองเป็นสำคัญ อย่างน้อย ก็จนกว่าคุณจะเก่งกว่านี้

0
BrightCat 7 ก.ย. 64 เวลา 11:00 น. 15

ขอร่วมรับการวิจารณ์ด้วยครับ นี่เป็นนิยายเรื่องแรกของผม


เรื่อง : เซียนเบียว

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อสัมผัสกระบี่ประหลาด ชักนำวิญญาณของชายสามัญธรรมดาผู้หนึ่งเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกตนท้าทายลิขิตสวรรค์

ฟ้าอยู่สูง ปถุชนอยู่ต่ำ แล้วเป็นเช่นไร ข้าจะตัดฟ้าแยกผืนดิน อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง

Link: https://writer.dek-d.com/earth7775/writer/view.php?id=2250015

2
ใครสักคน 12 ก.ย. 64 เวลา 11:37 น. 15-1

งานเขียนสะท้อนว่าเจ้าของผลงานเป็นคนชอบทดลอง


ตอนที่หนึ่งมีการใส่เสียงพากย์กับการเล่นคำ ตอนที่สองเสียงพากย์จางลงแต่การเล่นคำยังเด่นอยู่ ตอนที่สามเสียงพากย์เริ่มกลืนเป็นธรรมชาติ การเล่นคำก็จางลง ตอนหลังจากนั้นมีความสับสนเหมือนยังหาหลักยึดของตัวเองไม่เจอ เหมือนยังเซ็ตเสียงของเครื่องดนตรีไม่ได้ ด้วยนิสัยชอบทดลองนี้ ผมขอเดา ว่าหลังจากนี้คุณจะยิ่งลำบากใจครับ


นิสัยชอบทดลอง จะทำให้งานเขียนมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด แต่เพราะมันก้าวกระโดด คุณเลยอาจตามมันไม่ทัน ผลที่ได้คือความสับสน ของเล่นใหม่ที่ได้มามันไม่ชินมือ รู้ว่ามันดี แต่ก็ยังใช้ไม่ได้ดั่งใจ


ทำต่อไปครับ ขอให้เชื่อในตัวเอง มาถูกทางแล้ว แค่ต้องให้เวลาตัวเองหน่อย ถ้าอย่างเร็ว ก็คือเร็ว ถ้าอย่างช้า อาจต้องใช้เวลาเป็นปี หรือมากกว่านั้น


หลังจากนี้จะยิ่งปวดหัวกว่านี้ ของเล่นใหม่ ก็อาจจะเยอะกว่านี้ด้วยเหมือนกัน แต่อย่ายอมแพ้ครับ


ทำอะไรๆ ให้ง่ายสำหรับคนอ่านครับ เพราะเมื่อทำอย่างนั้น มันจะง่ายสำหรับคุณด้วยเหมือนกัน ...นั่นเป็นคำแนะนำเดียวที่มีให้

0
BrightCat 12 ก.ย. 64 เวลา 12:32 น. 15-2

ค่อนข้างตรงใจผมมากเลยครับ คือผมเสพงานเขียนและงานแปลของคนหลายๆท่าน ทั้งใหม่และเก่า สำนวนผมเลยปนเปมากๆ ตอนนี้ปวดหัวอยู่เหมือนกันครับ ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ครับผม ชี้ทางให้ผมได้เยอะเลย

0
WWalEE 7 ก.ย. 64 เวลา 12:25 น. 16

ขออนุญาตฝากด้วยนะคะ อยากพัฒนางานเขียนของตัวเองให้ดีขึ้นมากๆ ค่ะ

ชื่อเรื่อง : song of prize ปกรณัมคำสาป

คำโปรย : ทอมตาย ความเมตตาเปล่งประกายสีทองจรัสไหลรดอาบร่างให้เขาฟื้นคืน มีสมบัติ รัก ครอบครัวเป็นของขวัญต้อนรับพร้อมกับความผิดบาป เคียดแค้น และหมองเศร้าบรรจงห่อให้

เส้นแสงที่สาดส่องต้องร่างยามหลับไหล บอกได้หรือไม่ว่าคือความเมตตา

https://writer.dek-d.com/WWalEE/writer/view.php?id=2245016

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ^^

1
ใครสักคน 13 ก.ย. 64 เวลา 01:49 น. 16-1

คุณเปิดเผยตัวตนออกมาในงานเขียนด้วยความจริงใจและซื่อตรงมากๆ


ไม่ได้เจองานเขียนแบบนี้นานแล้วครับ


คุณทำให้มันมีพลัง มันกรีดเป็นรอย มันบีบ และมันอึดอัด คุณจมแบบดำดิ่งลงไปในงานเขียนตัวเอง คุณมีเซนต์ละเอียดอ่อน สามารถระบายความอึดอัดในใจให้ออกมาในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เป็นการปลดปล่อยเยียวยาตัวเองที่ดีครับ แต่น่าเป็นห่วง


อย่างที่บอกครับ มันกรีดเป็นรอย มันบีบ และมันอึดอัด นั่นคือสิ่งที่คนอ่านรู้สึก มันมากเกินไปครับ คนอ่านรับไม่ไหวแน่นอน


ที่บอกไปทั้งหมดนี่เหมือนมีแต่ข้อเสีย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ ถ้ามองอีกมุม คือคุณมีความสามารถในการถ่ายทอดระดับสูงมาก คุณแค่ไม่รู้ว่าจะต้องควบคุมจัดการกับมันยังไง และจะเอาไปใช้แบบไหน เมื่อไรที่คุณควบคุมจัดการมันได้ นอกจากจะช่วยเปลี่ยนแปลงงานเขียนให้ดีขึ้นแล้ว มันจะช่วยตัวคุณเองด้วยครับ


ส่วนที่ผมจะบอก มันอาจฟังดูตลกๆ แต่อยากให้ลองเอาไปใช้ดูครับ


ตอนที่เขียนงาน คุณจะรู้สึกว่าตัวตนของคุณจมลงไปในงานเขียน คุณต้องปล่อยให้มันจมลงไปจนลึกที่สุดเหมือนทุกครั้งครับ แต่อย่าเพิ่งเขียน หรือทำอะไรกับมัน ให้รับรู้แค่ว่าตัวตนของคุณอยู่ตรงนั้นแล้ว


จากนั้น ให้คุณถอดตัวตนตรงนั้น เอาวางไว้ครับ แล้วดึงตัวตนปกติของคุณที่กำลังจมกลับขึ้นมา ทีนี้ คุณจะมองเห็นอัตตาของตัวเองที่จมอยู่ข้างล่าง


มาถึงส่วนที่ตลกที่สุดแล้วครับ คุณต้องพูดคุยกับเค้า เค้าคืออัตตาของคุณที่จมอยู่ด้านล่าง เค้าจะบอกเล่าให้คุณฟัง ว่าคุณต้องเขียนอะไรบ้าง และสิ่งที่คุณต้องทำ คือการหยิบเรื่องที่เค้าเล่า ไปเล่าต่ออีกทอดนึง


ถ้าทำได้ คุณจะเป็นอิสระ งานเขียนของคุณจะเข้าสู่โลกใหม่ และ ถ้าทำได้เมื่อไร

Welcome To My World ครับ

0
Whiteflower Ri 7 ก.ย. 64 เวลา 14:38 น. 17
ฝากวิจารณ์ด้วยน้า... ขอบคุณมากๆ จัดเต็มมาเลยนะ


รับแนวใสๆ น่ารัก บ้างไหมคะ พระเอกก๊วนโอ๊ย เรื่องนี้เลยค่า

รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ

เมื่อนักดนตรีจอมกวน มาเจอกับสาวบัญชีจอมเฮี้ยบ จะเกิดความป่วนแค่ไหน

ถ้าเธอกล้าท้าทายเขา มีหรือคนอย่างเขาจะไม่กล้ารับคำท้า แม้ว่าคำท้านั้น จะทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตของตัวเองใหม่ทั้งชีวิต


1
ใครสักคน 13 ก.ย. 64 เวลา 02:17 น. 17-1

คุณไม่ใช่มือใหม่ครับ คุณมีทักษะ แต่คุณจำเป็นต้องย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น


ก่อนที่คุณจะเล่าเรื่องอะไรได้ คุณจำเป็นต้องมีเรื่องที่จะเล่าก่อนครับ


คุณอาจเริ่มรู้สึกอยากโต้แย้งขึ้นมา เพราะถ้าคุณไม่มีเรื่องที่จะเล่า แล้วคุณจะเขียนนิยายจนยาวหลายตอนได้อย่างไร ถ้าคุณคิดแบบนี้ ถือว่าถูกครึ่งเดียวครับ


ลองนึกตามนะครับ คุณเจอเพื่อนคนนึง คุณเข้าไปชวนเค้าคุย คุณพูดทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เค้าสนใจคุณ สังเกตคำว่าสนใจคุณนะครับ นั่นแปลว่า คุณไม่มีเรื่องที่จะเล่าครับ


วันนี้ ผมเพิ่งได้รับสายของเบอร์แปลกๆ เบอร์นึง มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา สรุปเสียงนั้น และเบอร์แปลกนั้น โทรมาจากโรงพัก มีตำรวจแจ้งข่าวว่าพบคนที่ผมรู้จักเสียชีวิต ประเด็นคือตรงนี้ครับ ผมต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับลูกสาวเค้า


เมื่อคุณมีเรื่องราวที่ต้องการเล่า จำเป็นต้องเล่า มีคุณค่าพอให้เล่า คุณจะไม่จำเป็นต้องหว่านล้อมให้คนฟังสนใจ คุณแค่ต้องเล่าสิ่งที่ต้องเล่าไปก็เท่านั้น แล้วคนฟังจะสนใจงานเขียนของคุณเองครับ

0
0owl 7 ก.ย. 64 เวลา 17:49 น. 18

every day ทุกวันนี้ขอเเค่ฉันมีเธอ

โดย 0wl

เมื่อเขาต้องกลับไปตกหลุมรักแฟนเก่าของเขาอีกรอบเขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะกุมหัวใจเธออีกครั้ง

https://writer.dek-d.com/0911125630/writer/view.php?id=2251940

1
ใครสักคน 13 ก.ย. 64 เวลา 02:35 น. 18-1

คุณต้องการเวลามากกว่าคำวิจารณ์ครับ


ถ้าคุณเข้าใจความหมายของมันเมื่อไร ถึงตอนนั้น คุณอาจต้องการคำวิจารณ์จริงๆ

0
์Nine Neet No Name 7 ก.ย. 64 เวลา 21:57 น. 19

ฝากด้วยครับ ผมเองก็อยากให้คนมาวิจารณ์บ้างเหมือนกัน และช่วยชี้แนะด้วย เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะปรับปรุงอะไร ถ้าไม่ได้คนเข้ามาวิจารณ์สักครั้ง

https://writer.dek-d.com/popmevsek2/writer/view.php?id=2223276

7
ใครวะ 14 ก.ย. 64 เวลา 22:03 น. 19-4

ขอร่วมวิจาร์ด้วยน้า


อยากแรกเลย ฉากเปิดตัวตอนแรก คุณจี้ความรู้สึกได้นะครับ

บรรยายให้เห็นบรรยากาศได้มากกว่านี้นะครับ

ถ้าอยากให้รู้สึกเศร้าก็บรรยายให้แสงในห้องดูมืดๆ อากาศดูเย็นๆ

ถ้าอยากให้อึกอัดก็บรรยายถึงความเงียบ ความนิ่งสนิท ให้คนอ่านเห็นภาพแล้วเขาจะสร้างบรรยากาศขึ้นมาเอง


มันดูมีชั้นเชิงมากกว่าบอกตรงๆ ว่า

"ทุกคนมีความรู้สึกเห็นใจและเศร้าใจ"


อย่างที่สอง คุณใช้คำซ้ำเยอะเกิดไป โดยเฉพาะบุรุษสรรพนาม

ถ้าคำแรกใช้หญิงสาว คำต่อไปใช้เธอได้ มันจะทำให้การบรรยายกระชับและไหลลื่นมากขึ้น ไม่งั้นคนอ่านจะต้องอ่านคำว่าหญิงสาวซ้ำๆสองถึงสามคำจนกว่าจะบรรยายเสร็จ มันทำให้ฝืด

เช่นคำแรกใช "ราชินีไม่ได้แม้แต่เห็นหน้าลูก" คำที่สองก็ยังใช้ "และพระราชินีได้จากไป"

คุณเข้าใจใช้ไหม มันดูยืด


อยากที่สาม การเดินเรื่อง บรรยายสับสนไป คุณใส่รายละเอียดเยอะจนคนอ่านสับสน ถ้าตอนนี้คุณเน้นการจากลาของสองตัวละคร คุณก็ไม่ควรเน้นเรื่องอื่น

สมมตินะ ในฉากที่แม่กำลังจะตาย

แต่คุณกลับบรรยายว่า นางเอกมีความฝัน อยากเป็นอิสระ อยากใช้ชีวิตสามัญ

คุณเข้าใจใช้ไหม ว่ามันชวนออกนอกเรื่อง

คุณสามารถไปบรรยายในตอนถัดไปได้ว่านางเอกรู้สึกอย่างไร หลังจากงากศพผ่านไปแล้ว

ดังนั้นตอนนี้ควรโฟกัสไปที่ฉากการจากลา


ดูเหมือนคุณจะใส่อะไรไปเยอะจนไม่สามารถบอกได้ว่า คุณอยากให้อะไรเด่น ทุกอย่างมันดูปนๆ กันไปหมด มันทำให้งานของคุณไม่สนุก

0
ใครสักคน 14 ก.ย. 64 เวลา 23:26 น. 19-5

ถ้าคุณอยากแก้ไขจริงๆ คุณต้องกลับไปแก้ที่จุดเริ่มต้นครับ


แก่นเรื่องของคุณไม่ชัดเจน เพื่อให้เห็นภาพ คุณลองนึกถึงอนิเมะที่คุณดูในมือถือ ตอนภาพไม่เต็มจอมันก็พอถูไถ แต่พอขยายเต็มจอเท่านั้นแหละ ภาพแตกจนดูไม่ได้เลย


พอแก่นไม่ชัดเจน เวลาคุณขยายโครงเรื่องออกมา เนื้อหาแต่ละตอนมันเลยยิ่งดูสะเปะสะปะครับ


นอกจากเรื่องที่ต้องทำให้แก่นชัดเจนแล้ว คุณยังต้องทำให้แก่นเรื่องน่าสนใจด้วย และการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบไม่จบไม่สิ้น จะไม่ช่วยอะไรคุณเลย

0
์Nine Neet No Name 15 ก.ย. 64 เวลา 07:05 น. 19-6

ขอบคุณครับ สงสัยผมจะวางเนื้อเรื่องคลุมเคลือเองจนไม่น่าสนใจ อันที่จริงผมอยากจะเขียนประมาณว่า ตอนแรกอย่างให้มันกระจัดกระจายไปให้มากที่สุด แล้วค่อยๆนำชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้ามาประติบประต่อขึ้นมาใหม่ ถึงมันอาจจะนานแสนนาน แต่ผมคาดหวังผลลับของนักอ่าน ที่จะผูกพันกับเรื่องนี้ให้มากที่สุด จนผมไม่คิดว่าผมจะเขียนวางเนื้อเรื่องไม่ชัดเจนมากถึงขนาดนี้

0
์Nine Neet No Name 15 ก.ย. 64 เวลา 07:10 น. 19-7

ขอบคุณครับ ผมจะแก้ไข แต่เนื้อเรื่องเริ่มแรงผมไม่ได้โฟกัสตรงจากลาแต่เป็น ความรู้สึกของหญิงสาวที่อยากจะหลุดพ้นไปจากที่ตรงนี้เสียที จนไม่ได้คิดถึงเรื่องลูกสาวของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่จะมีช่วงหลังที่เธอเองก็ลังเลอยู่จนต้องกลับลงมาใหม่ แต่ในหลายๆอย่างก็ต้องขอขอบคุณมากครับ ผมจะนำไปปรับปรุง


0
ใครสักคน 13 ก.ย. 64 เวลา 02:46 น. 20-1

คุณแค่ขาดประสบการณ์ครับ คงต้องให้เวลาตัวเองสะสมประสบการณ์มากกว่านี้

0
ใครวะ 14 ก.ย. 64 เวลา 18:21 น. 20-2

ขออนุญาติช่วยวิจาร์นะจ้า มันติดลม ^ ^


อย่างแรก คุณเลือกใช้คำหยาบ ซึ่งสำหรับผม เป็นเครื่องมือที่ใช้ยากและชวนให้คนอ่านออกห่างง่าย

แต่หนังไทยหลายเรื่องก็ใช้คำหยาบในบทสนทนาได้สนุก


คุณต้องรู้ว่าส่วนในใช้คำหยาบได้แล้วสนุก

ส่วนไหนใช้แล้ว คนอยากเดินหนี

มันเหมือนเราฟังคำพูด "ไอเ*ี้ย"

จากน้าค่อมแล้วแล้วตลก สนุกสนาน

กับฟังจากคนธรรมดาพูดแล้วรู้สึกอึกอัด


อย่างที่สอง นิยายคุณเหมือนไดอารี้ประจำวันนั่งบ่นเรื่อยเปื่อย

พยายามตั้งคำถามว่า ตอนนี้เราอยากได้อะไร

พยายามเตรียมตัวก่อนจะเรื่อมเขียนเยอะๆ

เขียนลงในกระดาษก่อนก็ช่วยได้ มันทำให้ช้าลง มีเวลาคิดมากขึ้น เพราะเวลาพิมพ์กระบวนการมันเร็วไป

ผมรู้ดีว่าคุณอยากเก่งขึ้น เลยมาอยู่ตรงนี้

ต้องมีคนบอกอะไรคุณซักอย่าง เป็นกระจกส่องในมุมที่คุณไม่สามารถมองเห็น


พยายามหาอ่านหนังสือ "แต่งนิยายหรือเขียนยังไงให้ดีขึ้น" พยายามเรียนรู้จากคนอื่น ในห้องเรียนนี้มีบทเรียนเยอะเลยครับ เข้าไปอ่าน ใครทำได้ดี ทำได้ยังไง ใครทำได้ไม่ดี เป็นยังไง


สุดท้ายผมฝากอีกห้องเรียนที่ผมสร้างขึ้น หวังว่ามันจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย

https://www.dek-d.com/board/view/3695646/


0