อยากทราบครับว่านิยายที่เเต่งโดยใช้การบรรยายกับเเต่งโดยใช้บทสนทนา อันไหนดีกว่ากัน
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามหัวข้อเลยครับ พอดีเเต่งนิยายอยู่เเล้วก็ได้อ่านนิยายของหลายๆท่านผ่านมา บางคนก็เน้นบทสนทนา บางคนก็เน้นบรรยาย เลยสงสัยว่าควรใช้เเบบไหนดีกว่ากัน
10 ความคิดเห็น
ไม่มีแบบไหนดีไปกว่ากันหรอกค่ะ เพราะถ้าคุณเน้นขายเอาเงินสุดท้ายผู้อ่าน ยอดขายเป็นตัวตัดสิน
เพราะจุดนี้เป็นเอกลักษณ์ เป็นวอยซ์ หรือซิกเนเจอร์คนเขียน คุณจะเขียนเวิ่นเว้อก็ได้ถ้านักอ่านคุณชอบ หรืออย่างที่เคยไปแนะนำนักเขียนบางคนไป เจ้าตัวบอกนี่ซิกเนเจอร์เขา มันก็เรื่องของเขา ถ้าเราไม่ชอบก็ถอยออกมา ถ้าคนอ่านไม่มีและเขาไม่ปรับตัวก็อยู่ที่เขาเลือกเอง ที่จะรักษาซิกเนเจอร์ตัวเองไว้หรือออกจากกรงเพื่อเรียกคนอ่าน
ถ้าคุณรู้จักความเหมาะสม เน้นจุดที่ควรเน้น หมายถึงช่วงที่ควรให้บรรยายเด่นก็ให้แอร์ไทม์มากหน่อย จุดที่อยากให้เน้นบทสนทนาคมคายเพื่อแสดงความโดดเด่นตัวละครให้ OP คุณก็ต้องให้พื้นที่เขาพูด แต่ในขณะเดียวกัน นักเขียนที่บาลานซ์มันให้สมดุลกันได้มันก็มี
เหมือนการวาดรูปขาวดำ จะให้สวย สีขาว-สีดำอัตราส่วนต้องใกล้เคียงกันที่ 50:50 ค่ะ บาลานซ์น้ำหนักรูป ซ้ายขวา บนล่างต้องมี มันถึงจะให้ impression แก่คนดู
ขอบคุณเป็นอย่างมากครับ ส่วนตัวเป็นคนชอบบทสนทนาเพราะไม่รู้จะเขียนบรรยายยังไงให้เห็นภาพดี55
บทบรรยายคุณอาจจะต้องเริ่มต้นจากการอ่านเก็บประสบการณ์ฝึกรำพึงรำพันเวิ่นเว้อไปสักพัก แล้วค่อย ๆ ตบให้มันกระชับค่ะ
อยากรู้ความแตกต่างระหว่างคำว่า บรรยาย"ให้เห็นภาพ" กับ "เวินเว่อ" หน่อยครับ
https://www.dek-d.com/board/writer/4057717/5/0
ตอนที่ 9 : บรรยายอย่างไรให้ภาษาสวย/ให้สมจริง
https://www.dek-d.com/board/writer/4058835/1/1
ส่วนเราเป็นนักอ่านที่เน้นพล็อตมากกว่าการบรรยายค่ะ
นั่นสิเนอะ ถ้าบรรยายดีเเต่พล็อตห่วยคนก็คงไม่คอยชอบอยู่ดี
เราจำไม่ได้แล้วว่าสมาชิกบอร์ดท่านไหนพูดเอาไว้ แต่เขาบอกว่า
นิยายที่มีแต่บทบรรยาย มันจะเงียบ
นิยายที่มีแต่บทสนทนา มันหนวกหู
ดังนั้นต้องหาจุดสมดุล
ส่วนตัวแล้ว ถ้าอ่านนิยายที่ตัวเองเขียนแล้วรู้สึกขาดอะไรไป ก็แปลว่าบรรยายไม่พอ ต้องมาวิเคราะห์หาการบรรยายเพิ่ม แต่ถ้าอ่านแล้วเหนื่อย แปลว่าบรรยายเวิ่นเว้อเกินไป ก็ตัดทอนเอา
การบรรยายให้ดี มีทางเดียวคือต้องอ่านนิยายเยอะๆ และฝึกเขียนเยอะๆ ไม่มีทางลัด
ช่วงเขียนแรกๆ มันฝืดก็ไม่แปลก แต่พอเขียนไปนานๆเข้ามันจะมาเองโดยอัตโนมัติค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
@คุณ Lee
ของเราจำลาง ๆ ได้ว่า มีท่านนึงกล่าวไว้
ถ้านิยายมีแต่บทบรรยายอย่างเดียว มันจะดูลอย ๆ เพ้อ ๆ
ในขณะเดียวกันถ้ามีแต่บทสนทนาอย่างเดียว มันจะขาดรสชาติ เหมือนอ่านนิยายแช็ตที่ไม่มีบทบรรยายต้องไปทำความเข้าใจสถานการณ์หรืออ่านสถานการณ์เอาเอง
มันใช้ได้ทั้งสองรูปแบบ ไม่มีกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับความถนัดว่าเราจะเน้น "พูดมาก" หรือ "คิดในใจ" หรือว่า "สมดุลย์" เพราะเขียนนิยายก็เหมือนศิลปะอย่างหนึ่ง บางคนถนัดแรงเงาภาพวาดเหมือน ขณะที่บางคนถนัดวาดรูปการ์ตูนน่ารักก็มี และขณะที่บางคนทำได้ทุกลักษณะรูปภาพ
แต่ถ้าเราตีกรอบตัวเองว่าจะต้องมีบทพูดเยอะกว่านี้ หรือมีคำบรรยายเยอะกว่านี้ โดยที่ไม่ใช่เป็นการเขียนที่เราถนัด ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะเป็นหายนะก็ได้ครับ
ตัวอย่างก็อยู่ตรงนี้แล้ว ผมถนัดแนวบรรยายมากกว่าบทพูด แต่เมื่อพยายามเพิ่มบทพูดเข้าไป กลับกลายเป็นว่าทำให้นิยายเละแทน
ดังนั้นจงค้นหาตัวเองว่าถนัดอย่างไรจะดีที่สุด
สิ่งที่คือคือ ความพอดี
จากที่ตัวเองเคยลองเขียนในแต่ละตอน และลองอ่านนิยายของคนอื่นๆดูแล้ว
ถ้าเน้นบทสนทนา ในหนึ่งตอนเนื้อเรื่องมันจะไปเร็วมากๆ ไม่ยืด ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูหนังที่เห็นตัวละครมันคุยกันจริงๆ แต่ข้อเสียคือ คนอ่านจะต้องใช้จินตนาการนิดนึง เพราะเราไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรไว้เลย เช่น ตัวละตัวนี้คิดอะไรอยู่ รู้สึกยังไง หรือใครกำลังทำอะไร บางทีคนอ่านอาจจะงงนิดหน่อย
ถ้าเน้นบรรยาย คนอ่านจะเข้าใจสิ่งที่เราสื่อออกมา แต่ข้อเสียคือมันอาจจะเบื่อๆเพราะคนอ่านไม่ได้ยินที่ตัวละครพูดเลย แถมในหนึ่งตอนเนื้อเรื่องมันจะเดินช้า สรุปคือเอาทั้งสองอย่างมารวมกันนั่นแหละ บทสนทนาเยอะ แต่มีการบรรยายไปด้วยอะไรก็ว่าไป
ถ้าถามผมว่าชอบแบบไหน ผมชอบแบบเน้นบนสนทนาน้ะ
อันนี้จากมุมมองนักอ่านคนหนึ่งนะคะ
- ขี้นอยู่กับแนวของนิยาย ถ้าเป็นวรรณกรรมและอิงประวัติศาสตร์ บทสนทนาเยอะเกินไปไม่ดี ทำให้งานเขียนดูขาดความลุ่มลึก แต่ถ้าเป็นแนว YA โรแมนติกคอเมดี้ อะไรแบบนี้เราว่าก็โอเคอยู่ อันนี้ด้วยส่วนตัวเราพอไหวกับความเยอะของบทสนทนา
- ขึ้นอยู่กับว่าตัวละครจำเป็นต้องพูดเยอะขนาดนั้นไหม บทสนทนาจำเป็นจริง ๆ หรือแค่เอาไว้เต็มเติมหน้ากระดาษเฉย ๆ ถ้าเป็นอย่างหลัง สำหรับเราไม่มีดีกว่า เพราะมันทำให้เรื่องราวออกทะเลจนน่าเบื่อ
- ขึ้นอยู่กับความถนัดของ จขกท ถ้า จขกท สามารถทำให้บทสนทนาน่าสนใจ และบ่งบอกถึงคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจของตัวละครที่พูด ก็ใส่โลด ดูอย่างนิยายของเจน ออสเตนสิ บทสนทนาเพียบเลยแต่นิยายของเธอก็ดังข้ามศตวรรษ ซ้ำบทพูดหลายบทในนิยายของเธอยังถูกยกขึ้นมาเป็นบทพูด/คำคมที่เด็ดจับใจคนอ่าน
เพิ่มเติม: จริงอยู่บทพูดใช้ในการขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้าได้ดี แต่ถ้าบทพูดเยอะเกินไป ระวังนิยายจะกลายเป็นบอกเล่ามากกว่าการแสดงให้เห็นค่ะ
อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ แต่มีคนเคยบอกไว้ว่า นิยายสมัยก่อน ที่เป็นวรรกรรมเยาว์ชน จะเป็นนิยายที่เน้นการบรรยายมากกว่าสนทนา แสดงว่าจริงๆ แล้ว สัดส่วนระหว่างสองอย่างนี้ มันสามารถใช้แยกประเภทนิยายได้ด้วย หรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกันนะคับ
สำหรับผม คิดว่ามันต้องบาลานช์กันคับ แต่ลึกๆ แล้ว ผมว่าเน้นบรรยายจะได้เปรียบกว่าหน่อย เพราะมันสามารถบอกภาพได้ดีกว่า/ง่ายกว่า บทสนทนา ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าบรรยายจะดีกว่านะคับ อย่่างที่บอก มันแค่ได้เปรียบเวลาแต่ง ที่ดีสุดคือต้องบาลานช์กันคับ
แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน การเข้าใจความสามารถตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หากสับสนก็ถามตัวเองว่ากำลังเล่าเรื่องราวของอะไร
สิ่งที่เขียนออกไปเล่าเรื่องราวเหล่านั้นได้ดีแล้วหรือยัง
นิยายผมถนัดโดยการเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาครับ มันสามารถทำควบคู่กันไปได้ แต่นิยายผมจะนำโดยบทสนทนา อย่างเช่นถ้าเราอยากจะบอกนักอ่านเกี่ยวกับความสามารถของตัวเอก เอาก็แค่สร้างบทให้ตัวละครสองตัวมาคุยกันเกี่ยวกับความสามารถของพระเอก พูดคุย แสดงความเห็น แต่ถ้าเราจะดำเนินเรื่องโดยใช้บทสนทนา เราก็ต้องคิดบทพูดให้มันเป็นธรรมชาติ ยิ่งเราทำให้มันเหมือนคนคุยกันจริงๆได้เท่าไหร่ นักอ่านจะยิ่งอิน ข้อดีก็คือมันจะทำให้นักอ่านเข้าใจตัวละครมากขึ้น ทั้งนิสัย คาแรคเตอร์ การกระทำ ส่วนบทบรรยาย เขาก็ใส่มาตามสะดวก ข้อดีของการใช้บทสนทนานำเรื่องคือเรื่องจะไม่เวิ่นเว้อ ใคร ทำอะไร ที่ไหน มันจะเร็ว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?