Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อีกคำถามไม่เกี่ยวกับนิยายหรือเกี่ยว ? ทำไมถึงแบ่ง เวทมนตร์และวิทยาศาสตร์ สมมุติว่าเวทมนตร์มีอยู่จริง มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์เหรอ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ข้อต่อจากหัวข้อนะครับ ในโลกของนิยายที่มีเวทมนตร์มันมีกฏ มีโครงสร้างและรากฐานของตัวเอง มีการวิจัยค้นคว้า รวมถึงบันทึก นั้นไม่ใช่วิทยาศาสตร์เหรอ ? แล้ววิทยาศาสตร์คืออะไร ? โลกทางเทคโนโลยีที่ไม่มีพลังวิเศษ ? 


ข้อแก้นิสนึง อันที่สงสัยจริง ๆ คือ ทำไมต้องแบ่งโลกทางเทคโนโลยี(โลกสมัยใหม่หรือยุคดวงดาว) กับโลกเวทมนตร์ ด้วยคำว่าวิทยาศาสตร์ งงไหม เรางงแล้ว?

ตอนนี้ๆด้คำตอบแล้วขอบคุณมาก ๆ ครับ

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

Miran/Licht 21 ก.ค. 66 เวลา 10:28 น. 1

รู้จักคำว่า ESP (Esper) ไหมคะ เป็นการอธิบายพลังจิตในรูปแบบวิทยาศาสตร์นั่นแหละค่ะ


อยากได้การอธิบายเรื่องเวทมนตร์เป็นวิทยาศาสตร์ให้ไปอ่านเรื่องพี่น้องปริศนาโรงเรียนเวทมนตร์


เราทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ค่ะ แต่เราฝึกกสินไฟนะ ฮาาา

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

gassasin 21 ก.ค. 66 เวลา 11:59 น. 3

แยกง่ายๆครับ


อย่างวิทยาศาสตร์แห่งการบิน ถ้าจะพูดเชิงวิทย์: บางอย่างจะบินขึ้นได้ จำเป็นต้องมีแรงตรงข้ามที่มากพอที่ทำการสวนแรงโน้มถ่วง ทำให้สิ่งนั้นบินขึ้น อย่างเช่นแรงดันจากเจ็ต หรือใบพัดจากเฮลิคอปเตอร์


แต่ถ้าจะพูดเชิงเวทย์มนตร์: คอปเตอร์ไม้ไผ่ อุปกรณ์ที่ถ้าติดไว้บนหัวแล้วจะทำให้บินได้ทันที ทั้งที่ก็เห็นกันชัดๆว่ามันเป็นแรงดันที่ไม่มากพอที่จะยกโนบิตะหรือใครก็แล้วแต่ให้ลอยขึ้นได้ แต่มันก็ทำได้ ซึ่งเป็นไอเดียที่ขัดกับวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง นี่แหละคือเวทย์มนตร์


เวทย์มนต์ ขัดกับวิทยาศาสตร์ และจะไม่รวมกัน เพราะวิทย์ยาศาสตร์มีหลักการ แต่เวทยมนตร์ไร้ซึ่งหลักการใดๆ และเวทย์มนตร์ก็มีหลักการของตัวเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องอิงวิทยาศาสตร์ในการเมคเซนส์


ส่วนเวทย์มนตร์ที่สามารถกลายมาเป็นวิทยาศาสตร์ได้ คือวิทยาศาสตร์ที่เรายังไม่รู้หลักการเท่านั้นเอง ไม่ใช่เวทย์มนตร์


เวทย์มนตร์ที่แท้จริงจะไม่มีวันมารวมกับวิทยาศาสตร์ เพราะมันไม่มีวันเมคเซนส์ในสายตาของวิทยาศาสตร์

5
riva0 21 ก.ค. 66 เวลา 12:07 น. 3-1

ขอบคุณครับ เข้าใจแล้วว่าเวทมนตร์ก็มีหลังการของมันเอง ไม่จำเป็นต้องอิงวิทยาศาสตร์

คำถามใหม่

แล้วเวทมนตร์ที่มีหลังการของมันเอง เป็นวิทยาศาสตร์หรือไม่ (เอ๊ะ เหมือนเราวนอยู่ที่เดิม ?)

0
นิยายฝันหวาน 21 ก.ค. 66 เวลา 12:18 น. 3-2

ถ้าเวทมนต์มีหลักการ มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป และสามารถพิสูจน์ได้ เขาก็ไม่เรียกว่าเวทมนต์แล้วล่ะ

0
gassasin 21 ก.ค. 66 เวลา 12:41 น. 3-3

เวทย์มนตร์ที่มีหลักการเรียกว่า ศาสตร์เวทย์ หรือ ไสยศาสตร์ครับ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

0
gassasin 21 ก.ค. 66 เวลา 17:29 น. 3-4

ขอขยายนะครับ วิทยาศาสตร์มันก็แค่ชื่อเรียก ไม่ใช่ความจริง


ตัวอย่างเช่น คนเรา เอาไม้มาถูกัน ทำให้เกิดไฟ บางคนบอกว่ามันคือวิทยาศาสตร์ แต่อย่าไปเหมาเอาเองว่า การเอาไม้มาถูกันแล้วทำให้เกิดไฟถูกคิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์นะครับ.... มันคือธรรมชาติที่มีอยู่ก่อนแล้ว มนุษย์เราต่างหากที่เพิ่งจะรู้ว่าเอาไม้มาถูกันแล้วทำให้เกิดไฟได้ หลังจากนั้นมนุษย์จึงบันทึกปรากฏการณ์นี้ว่า "วิทยาศาสตร์ด้านไฟและการเสียดสี" .....ทั้งหมดนั่นไม่ได้ถูกคิดค้นและประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด


เรื่องธรรมชาติส่วนใหญ่ที่ถูกจัดเป็นวิทยาศาสตร์ก็เป็นแบบนั้นน่ะแหละครับ วิทยาศาสตร์ด้านไฟฟ้า โมเลกุล ต้นไม้ อาหาร อากาศ ดวงดาว มันมีของมันอยู่แล้ว แค่เราไปศึกษามัน แล้วเรียกมันว่า "วิทยาศาสตร์ด้านนั้นๆ" เท่านั้นเอง พูดง่ายๆว่า มันก็แค่ชื่อเรียกนั่นแหละครับ เพื่อให้ศึกษาและเข้าใจได้ง่ายขึ้น


และเมื่อคนเราศึกษาวิทยาศาสตร์ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าใจโครงสร้าง ต่อมาก็จะเกิด Science Innovation หรือ สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดมาจากการศึกษาวิทยาศาสตร์แขนงนั้นๆ อย่าง หลอดไฟ ถุงพลาสติก ระเบิดนิวเคลียร์ ของเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่ก่อนบนโลกของเรา แต่ถูกมนุษย์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น อันนี้แหละที่เรีกว่า "วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง"


แต่เวทย์มนตร์มาบอกว่า "ไม่จำเป็นอะ ระเบิดนิวเคลียร์แค่ร่ายคาถาก็สร้างได้ละ" ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนถึงกับปวดหัวเลยทีเดียว.....


วิทยาศาสตร์ อาจจะอยากรวมตัวเองเข้ากับเวทย์มนตร์ แต่เวทย์มนตร์ ไม่ได้ต้องการรวมตัวเองเข้ากับวิทยาศาสตร์นะครับ มันมีกฏของมันเองที่วิทยาศาสตร์ไม่มี และนั่นแหละคือความสวยงามและ Chaos ของพลังเวทย์

0
ผ่าน 21 ก.ค. 66 เวลา 13:48 น. 5

ข้อแรก "ถ้าเวทมนต์มีหลักการรองรับ มีกฏ มีโครงสร้างและรากฐาน" คำตอบคือมันเป็นวิทยาศาสตร์ครับ

เวทมนต์มันก็แล้วแต่ผู้เขียน ผู้เขียนอยากให้เป็นยังไงก็อย่างงั้นแหละ

"ทำไมต้องแบ่งโลกทางเทคโนโลยีกับโลกเวทมนตร์" ไม่เห็นมีใครแบ่งนะ

0
มือดิบ 21 ก.ค. 66 เวลา 15:33 น. 6

เวทมนตร์มีส่วนย่อยของไสยศาสตร์ ซึ่งมีหลักการคิดแตกต่างจากวิทยาศาสตร์สิ้นเชิง ขอยกตัวอย่างจากสายฟ้าจะได้แยกแยะง่าย


ไสยศาสตร์ = แนวคิดคือ 'ความเชื่อ' ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ เชื่อว่าเทพเจ้าสายฟ้าพิโรธ ที่ยิงใส่ต้นไม้หรือบ้านเรือนเพราะชาวบ้านดันไปทำให้พระเจ้าโกรธจัด ต้องสักการะบูชาให้พระองค์ใจเย็นลง ถ้าผ่าคนไหน หมายถึงคนนั้นทำบาปมหันต์สุดๆ


วิทยาศาสตร์ = แนวคิดคือ 'อย่าหลงเชื่อ จนกว่าจะพิสูจน์' นักวิทยาศาสตร์ทุกคนมักจะมีพฤติกรรมขี้สงสัย ถ้าไฟฟ้าโดนน้ำแล้วช็อต ทำไมตอนฟ้าผ่าดันไม่ช็อตกู แล้วทำไมฟ้าผ่าลงที่บุคคลไม่กี่คน พูดง่ายก็คือ ตั้งคำถาม คลี่คลายความสงสัย หาคำตอบด้วยตัวเอง


แต่ๆๆๆๆๆๆ มันมีวิทยาศาสตร์แท้กับวิทยาศาสตร์เทียมด้วย วิทยาศาสตร์แท้เปรียบดังวิชาการทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เทียมคือนิยาย(เรื่องแต่ง)วิทยาศาสตร์ วิธีการคิดของวิทยาศาสตร์เทียมคือ ช่ า ง แ ม๋ ง สิ กูจะโม้ความเทพของวิทยาศาสตร์ไม่สนหลักการ ภาษาคนสุภาพแปลว่า เอาวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่จริงมาจินตนาการอยู่เหนือเหตุผล ถ้ามัวจับผิดว่าไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ ไปอ่านวิชาการทางวิทยาศาสตร์ไม่ดีกว่าเหรอ

2
มือดิบ 21 ก.ค. 66 เวลา 15:48 น. 6-1

ลืมบอกไป มันมีมายากลอีกพวก คนโบราณมักจะเชื่อว่านักมายากลคือพ่อมด มีเวทมนตร์อภินิหารแกร่งกล้าพร้อมไม่เสียพรหมจรรย์ ถึงวัย 30 ปีถึงจะกลายเป็นจอมเวทย์


อะแฮ่ม


มายากลไม่มีเวทมนตร์อะไรเลย เป็นแค่กลลวงตบตาคนทั่วไป ถ้าเล่นเก่งโดยไม่ถูกจับได้ก็เทพแล้ว มีเพียงนักมายากลด้วยกันถึงจะดูออก ต้องเล่นเนียนมากสุด มิฉะนั้นถูกกล่าวหาเป็นนักต้มตุ๋นหรือ 18 มงกุฏ ที่มนุษย์คนโบราณเชื่อว่านักมายากลมีพลังเวทมนตร์ เพราะความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีไม่มากพอ และการศึกษาก็ไม่ได้สูงเท่าคนรุ่นหลังๆ อย่างฟ้าผ่าเอะอะบอกเทพเจ้าทรงพิโรธน่ะแหละ (ก็ไปต่อสายดินสิ ส่งเทพเจ้าสายฟ้าไปทะเลาะกับเทพเจ้าปฐพีแทน)

0
yurinohanakotoba 21 ก.ค. 66 เวลา 15:54 น. 7

วิทยาศาสตร์มีเป้าหมายเพื่ออธิบายธรรมชาติ ในขณะที่เวทมนตร์มีเป้าหมายเพื่อควบคุมธรรมชาติ


คือถ้าเวทมนตร์มีอยู่จริงมันคือใช้"พลังเหนือธรรมชาติ" หรือพลังที่นอกเหนือสมการของธรรมชาติ เพื่อควบคุมธรรมชาติ

เช่นโลกมีมานาไฟ แต่ธรรมชาติไม่สามารถใช้มานาไฟได้ เวทมนตร์คือใช้มานาไฟควบคุมให้อากาศร้อนขึ้นได้


0
NANATUS 21 ก.ค. 66 เวลา 15:55 น. 8

คำว่า "วิทยาศาสตร์" แปลตรงตัวว่า ศาสตร์แห่งความรู้

โดยความรู้ในที่นี้หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับเอกภพและธรรมชาติเรื่องต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการประมวลความรู้เชิงประจักษ์ หรือที่เรียกกันว่า"กระบวนการทางวิทยาศาสตร์"


เพราะฉะนั้น ถ้าเรา"สมมติ"ว่าเวทมนตร์มีอยู่จริง

มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าอยู่ในเอกภพร่วมกับเรา หากมนุษย์เราสามารถสร้างทฤษฏี รวบรวมองค์ความรู้ จนประกอบกันเป็นศาสตร์แห่งเวทมนตร์ขึ้นมาได้

"เวทมนตร์"ก็จะกลายเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง เหมือนกับชีววิทยา ไม่ต่างกับดาราศาสตร์


แต่พอดีว่าเวทมนตร์ มันไม่มีอยู่จริงในตอนนี้ มันไม่สามารถพิสูจน์ได้ มันไม่สามารถใช้หลักการใดจับต้องได้ผ่านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันเวทมนตร์จึงไม่จัดว่าเป็นวิทยาศาสตร์


ถ้าให้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ก็คงคล้ายกับการเกิด"ดาวตก"

คนสมัยก่อนไม่รู้ว่าคืออะไร เรียกมันว่าผีพุ่งไต้ เอามันไปเชื่อมโยงกับเรื่องความเชื่อ กับเรื่องโชคลาง จนเหมือนกับว่ามันห่างไกลกับคำว่า"วิทยาศาสตร์"

แต่ต่อมา พอมนุษย์เรามีความรู้มากขึ้น เราเข้าใจแล้วว่าดาวตกเกิดจากอะไร เกิดขึ้นได้ยังไง สุดท้ายกลายเป็นว่า"ดาวตก"ชักจะใกล้เคียงกับดาราศาสตร์มากกว่าเรื่องความเชื่อหรือเรื่องโชคลาง


พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นสองสิ่งที่มีฟังก์ชั่นต่างกัน สรุปอีกครั้งแบบสั้นๆ

เวทมนตร์เหมือนเป็นปรากฏการณ์ ส่วนวิทยาศาสตร์คือศาสตร์ความรู้ที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์นั้น

โดยรวมก็ประมาณนั้น หวังว่าผมคงไม่อธิบายงงเกินไปและทำให้งงยิ่งกว่าเดิมนะครับ ฮ่าๆๆ

0
white cane 21 ก.ค. 66 เวลา 20:49 น. 9

คำนามทั้งสองนี้ก็บ่งบอกอย่างชัดเจนอยู่แล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือวิทยาศาสตร์


เวทมนตร์ คือ สิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แม้ว่าทำให้มันดูเป็นไปได้ก็ตาม อย่างเช่นว่า แฮร์รี่พอตเตอร์จะล่องหนได้ก็ต่อเมื่อสวมผ้าคลุมล่องหนเท่านั้น เพราะผ้าคลุมนี้ถูกปลุกเสกด้วยคาถาอาคมวิเศษ และถ้าถามละเอียดเจาะลึกเข้าไปอีก ก็ต้องเล่าไปถึงส่วนผสมสารพัด แล้วก็ตามด้วยคาถาอาคมที่ถูกผลิตออกจากปาก เป็นต้น เห็นไหมล่ะว่ามันมีหลักการ แต่เมื่อเอาเข้าจริง ในโลกแห่งความเป็นจริงมันทำไม่ได้ครับ


วิทยาศาสตร์ คือ สิ่งที่พิสูจน์แล้วเป็นไปได้ อย่างเช่นว่า ผ้าคลุมนี้สามารถกันแดดร้อนได้อย่างดี เนื่องจากมันมีความหนาและเป็นสีขาว ซึ่งเหตุผลที่ต้องเป็นสีขาวเพราะว่ามันจะช่วยสะท้อนแสงออกไปและไม่กักเก็บความร้อนเอาไว้ ส่วนวิธีการทำผ้าคลุมขึ้นมานั้น ตรงส่วนนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เป็นต้น หรือแม้กระทั่งมายากลที่เหมือนเป็นเวทมนตร์แต่แท้จริงเป็นวิทยาศาสตร์ ตรงส่วนนี้ก็ต้องเหมารวมว่าเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย แม้กระทั่งนายอับดุลที่ชอบบอกว่าตัวเองนั้นรู้ทุกสรรพสิ่ง

0
BLS_Super 21 ก.ค. 66 เวลา 21:57 น. 10

วิทยาศาสตร์มีรากฐานการศึกษา ทดลอง สรุปผล วิเคราะห์วิจัยและส่งต่อองค์ความรู้กันมา ซึ่งความรู้หรือข้อเท็จจริงเหล่านั้นได้รับการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือมาโดยตลอด อะไรผิดก็ล้ม อะไรถูกต้องก็ยึดถือ เป็นกฎเป็นทฤษฎีก็ว่าไป ฉะนั้นถ้าจะแบ่งแยกจริงจังก็มีแต่ “เป็น” หรือ “ไม่เป็น” วิทยาศาสตร์เท่านั้น


ส่วนเวทมนตร์จะเป็นยังไงมันแล้วแต่คนเขียนนิยาย จขกท. อย่ามัดรวมโลกนิยายกับโลกจริง มันเป็นคนละเรื่องกัน ถ้าเวทมนตร์มีอยู่จริง มันก็มีจริงในนิยาย จบเห๊อะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-big-11.png

0
novelman1990 21 ก.ค. 66 เวลา 22:54 น. 11

ตามแต่นิยายแต่ละเรื่องจะตีความ

แต่ผมชอบการตีความพลังเวทกับวิทยาศาตร์ของนิยายเรื่องหนึ่ง


มันก็คือเรื่องวอแฮมเมอร์ 40k


ในเรื่องเวทมนต์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์แยกกันชัดเจน


เวทมนต์ ในเรื่องจะเรียกว่าพลังจิต ถ้าเสกเวทมนตร์(หรือใช้พลังจิต) มาก ๆ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นพวก เฮเรซี (พวกทรยศ) และจะโดนจัดการทันที เวทมนต์ในเรื่องนี้ดึงพลังมาจากความชั่วร้าย จึงมีโอกาสที่จะทำให้ผู้ใช้แปลงสภาพเป็นปีศาจ


ในเรื่องจึงถือว่าเวทมนต์เป็นพลังต้องห้าม ใช้ได้แค่บางส่วนที่จำเป็นเท่านั้น


ถ้าในนิยาย มีใครบอกว่า เวทมนต์นั้นก็คือวิทยาศาสตร์ จะโดนหาว่าเฮเรซีทันที (ตายสถานเดียว)


ไม่รู้เข้าใจถูกป่าวนะ

1
Hoshisora 22 ก.ค. 66 เวลา 19:07 น. 11-1

พวกไซเคอร์ใน W40K คือกลุ่มคนที่สามารถดึงพลังงานจากมิติวาร์ปมาใช้ได้คับ ซึ่งก็ใช้ได้หลายแบบมากๆ จนเหมือนเวทมนตร์ แต่จะไม่เรียก Magic คับ จะเรียกว่า Psychic แทน


แต่ใดๆ คือ พลังงานในมิติวาร์ป มันคือ Force of Chaos คับ ทำให้คนที่ใช้มีโอกาสที่จะโดนครอบงำได้มากๆๆๆ ทำให้ใน Imperium จึงมีกฏห้่ามคนธรรมดาศึกษาเรื่อง Chaos คนที่จะใช้ของพวกนี้ได้คือคนที่ฝึกมาแล้วเท่านั้น เช่น Psyker ที่เป็นคน หรือพวก Librarian / Gray Kinght ที่เป็น Space Marine ที่ใช้พลังได้คับ


เหตุที่ต้องมีการจำกัดอย่างเข้มงวดแบบนี้ เพราะการที่คนๆ นึง ถูก Force of Chaos ยึดร่าง มันจะไม่ใช่แค่การยึดร่างคับ แต่ Chaos จะสามารถฉีกมิติผ่านร่างคนๆ นั้นออกมาได้ และมิติที่ฉีกก็จะกลายเป็นประตูให้พวกปีศาจในวาร์ปสามารถเดินทางมาในมิติความเป็นจริงได้คับ ซึ่งอันตรายมากๆ ที่จักรพรรดิต้องนั่งบนบังลังก์ทองตลอดเวลา เหตุผลนึงก็เพื่อกดประตูมิติที่ฉีกออกมาตอนที่ไพร์มาทแม็คนัสเดอะเรดฝ่ากำแพงป้องกันวังหลวงเข้ามาแจ้งข่าวนั่นด้วยคับ

0
Hoshisora 22 ก.ค. 66 เวลา 18:31 น. 12

มันง่ายดีที่จะแยกแบบนั้นคับ เพราะมันเป็นเรื่องที่คนเข้าใจในคอมมอนเซนต์อยู่แล้ว ว่าสิ่งที่เป็นเทคโนโลยี กับ เวทมนตร์ มันหน้าตาต่างกันไง ถ้าเอาแบบสั้นๆ คือ อะไรก็ตามที่เป็นไปได้ในโลกของเรา/อาจเป็นไปได้ในอนาคตและไม่ผิดกฏ = วิทยาศาสตร์ ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็เวทมนตร์คับ


เวทมนตร์ มันจะต้องมีบางจุดที่ขัดกับกฏพื้นฐานของธรรมชาติ หรือที่เราเรียกว่า กฏฟิสิกส์นั่นล่ะคับ เพราะกฏฟิสิกส์เป็นกฏที่ทำงานอยู่ในโลกจริงๆ ของเรา อะไรก็ตามที่ขัดกฏฟิสิกส์ จะไม่ถูกเรียกว่าเป็นวิทยาศาสตร์คับ เพราะมันขัดกับกฏของธรรมชาติ โลกของเราเลยไม่มีเวทมนตร์ (ในเชิงรูปธรรม) ยังไงล่ะคับ


ยกตัวอย่างง่ายๆ เวทมนตร์เสกระเบิดนิวเคลียร์ อันนี้คือผิกฏการอนุรักษ์พลังงานอย่างชัดเจน อยู่ๆ คุณจะสร้างอะไรจากสิ่งที่ไม่มีอะไรไม่ได้คับ และถึงทำได้ วิธีที่คุณจะทำแบบนั้นได้ก็จะไปผิดกฏข้ออื่นๆ อยู่ดี ในขณะที่เวทมนตร์ ระเบิดนิวเคลียเกิดจากการนำอะตอมของยูเรเนียมมาทำบลาๆๆๆๆ จะได้ระเบิดมา คือสามารถอธิบายได้หมด และสามารถทำได้จริงในโลกของเราจริงๆ ด้วย


แต่เอาจริงๆ ทุกวันนี้ในโลกของเราก็มีอะไรที่คล้ายๆ กับเวทมนตร์อยู่นะคับ เช่น สถานะ Superposition ของอะตอม ที่มัน "เหมือนจะ" สามารถอยู่ได้สองสถานที่ได้ในเวลาเดียวกัน (อันนี้เรื่องจริงนะคับ) จนกว่าเราจะสังเกตเห็นมัน อันนี้คือเรายังหาคำตอบไม่ได้จริงๆ คับว่าทำไมมันเป็นงั้น แต่ใดๆ คือ มันก็ยังไม่ได้ขัดกฏฟิสิกส์ควอนตัม แค่เรายังไม่รู้ว่ามันทำงานยังไงเฉยๆ จะเหมือนมีเวทมนตร์คับ


หรืออานุภาพ "ผี" ที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมายาง นิวทรีโน ที่ไม่ทำปฏิกิริยาอะไรกัยสิ่งใดๆ เลย ตรวจจับยากมากๆ และมีความสามารถประหลาดคือ มันสามารถทะลุทะลวงสสารอื่นๆ ได้ คือมันสามารถวิ่งผ่านโลกทั้งใบไปโผล่อีกฝั่งได้เลยคับ อันนี้ก็เรื่องจริงเหมืิอนกัน แต่ก็ไม่ใช่เวทมนตร์ เพราะนิวทรีโนไม่ได้ทำผิกกฏฟิสิกส์ข้อไหน แค่เรายังไม่รู้ว่ามันทำแบบนั้นได้ไงเฉยๆ คับ


ในทางวิทยาศาสตร์ รู้ว่าไม่รู้ = รู้นะคับ



0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Ryuune_chan 24 ก.ค. 66 เวลา 13:55 น. 14

ขึ้นกับบริบทการใช้


ถ้าเอาตามบริบทโลกจริง เวทมนตร์คือปรากฎการณ์ลี้ลับที่พิสูจน์ไม่ได้ ไม่อาจทำความเข้าใจ คนทั่วไปทำตามในบริบทที่เขาสอนไม่ได้ ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะได้ผลจริง คาดเดาไม่ได้ เช่นพระพร คำสาป อิทธิปาฏิหาริย์ สิ่งที่มองไม่เห็น ส่วนวิทยาศาสตร์ ใช้เรียกสิ่งที่มนุษย์สามารถอธิบายออกมาเป็นเรื่องเป็นราวได้ สามารถทำความเข้าใจ พิสูจน์ได้จากการทดลองซ้ำ ๆ ซึ่งแม้คนทั่วไปถ้าทำตามถูกขั้นตอนก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน

(แต่ถ้ามองในอีกแง่ เวทมนตร์กับวิทยาศาสตร์ก็อาจเป็นสิ่งเดียวกันแค่เรียกคนละอย่าง เข้าใจคนละแบบ อธิบายคนละทาง เพราะอันที่จริงพวกโหราศาสตร์เองก็ใช้หลักสถิติ การดูดาว ส่วนพวกการเล่นแร่แปรธาตุก็เป็นรากฐานของวิชาเคมี ส่วนพวกคำสาป ต้องเข้าใจว่าสมัยก่อนชาวบ้านทั่วไปไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำ สูตรวิชาต่าง ๆ เป็นความลับที่ผู้เชี่ยวชาญถ่ายทอดต่อ ๆ กันในวงแคบ ๆ บางทีอาจเป็นรหัสลับ รู้และเข้าใจแค่วงใน และเป็นคำอธิบายในยุคที่ไม่มีใครเรียกอะตอมว่าอะตอม และไม่มีใครสนใจคำว่าแรงโน้มถ่วง)

ก่อนอื่นต้องเข้าใจด้วยว่า ในโลกความจริง ถ้าคุณไปถามพวกลัทธิที่เชื่อในเวทมนตร์หรือเรียกตัวเองว่าพ่อมดแม่มดจริง ๆ เช่นวิคคา พวกเขาจะบอกว่าเวทมนตร์ในเกมหรือนิยายแฟนตาซีอย่างไฟร์บอลหรือไลท์นิ่งโบลท์ไม่มีจริง และพวกเขาถือว่าคาถาในแฮรี่พอตเตอร์เป็นเรื่องไร้สาระ ส่วนเวทมนตร์ที่พวกเขาฝึกทำพิธีกรรมและเชื่อ บูชาเทพีต่าง ๆ นั้น จะเป็นพวกคาถามหาสเน่ห์ ดึงดูดใจ หรือคำสาปแช่งให้มีอันเป็นไป อะไรงี้มากกว่า ตรงนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล

ส่วนพวกคำสาปหรืออิทธิฤทธิ์แม่มด ที่เสกเป็นไฟลุก ให้วัวพูดได้ หรือหายตัวไปมา ส่วนมากเป็นคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาของพวกชาวบ้านหรือศาสนจักรที่เชื่อและประโคมกันจนมันดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่มีอะไรยืนยันว่าจริง (และมันก็ฟังดูตลกที่ ถ้ายิงไฟร์โบลท์จากนิ้วได้ หรือเทเลพอร์ทหายตัวได้ แต่ตัวเองกลับถูกจับมัดกับเสาแล้วเผาทั้งเป็นโดยหนีไม่ได้เนี่ยนะ!?)

1
Ryuune_chan 24 ก.ค. 66 เวลา 15:03 น. 14-1

มาว่าถึงโลกแฟนตาซี... มันขึ้นกับคนเขียนจะจำกัดความ

ซึ่งต้องเข้าใจอีกว่า โลกแฟนตาซีส่วนใหญ่อิงจากยุคกลาง ยุคอดีต อย่าว่าแต่คำว่าวิทยาศาสตร์ ชาวบ้านธรรมดาส่วนมากยากจนเกินกว่าจะได้เรียนหนังสือจนอ่านออกเขียนได้ด้วยซ้ำ

แค่เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ และไม่มีความสามารถพอจะทำตามได้ ก็เรียกเป็นเวทมนตร์ คาถาอาคม อิทธิปาฏิหาริย์ ฯลฯ กันทั้งนั้นแล้วครับ

ซึ่งมันก็แล้วแต่การกำหนดสเกลของเรื่องอีก แต่ส่วนมากจะระบุให้เวทมนตร์เป็นศาสตร์ชั้นสูงที่อาจต้องการคุณสมบัติพิเศษของบุคคล หรือการศึกษาและฝึกฝนอย่างหนักจึงจะทำได้ (บางเรื่องคนธรรมดาต้องมีอาจารย์สอนจึงจะทำได้ หรือบางเรื่องบังคับเลยว่าต้องมีคุณสมบัติ ถ้าเกิดมาไม่มีคือใช้ไม่ได้ 100% อะไรงี้)


แต่ส่วนมาก เวทมนตร์มักจะเป็นศาสตร์ในรูปของการแปรพลังงานให้ออกมาเป็นปรากฎการณ์ (ไม่ว่าพลังงานในตัว หรือพลังงานจากธรรมชาติตามแนวคิดเรื่องมานา อะไรงี้) คือต่างจากวิทย์ตรงที่ขอแค่รู้สูตร รู้วิธีควบคุมกระแสพลัง ก็สามารถก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ตามปกติขึ้นมา (เช่นเสกลูกไฟโจมตีศัตรู สร้างหมอกพิษ ทำให้เห็นภาพลวงตา ร่ายคำสาป หรือเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา)

ส่วนวิทยาศาสตร์... เอาง่าย ๆ คือ การอธิบายปรากฎการณ์ "ตามปกติ" (ใช่ ตะกี๊เพิ่งบอกว่าเวทมนตร์เป็นอะไรที่ "ไม่เป็นไปตามปกติ") คือไม่ได้ใช้หลักของเวทมนตร์แต่กลับทำให้เกิดปรากฎการณ์ขึ้นมาได้แบบ Physical คือเป็นไปตามกฎที่มันเป็น เช่นการจุดไฟด้วยเชื้อเพลิง การเสียดสี หรือทำระเบิดจากดินปืน งี้ ซึ่งคนธรรมดาใช้เวทไม่เป็นก็สามารถทำได้

แต่เอาเข้าจริงถ้าอิงความหมายจริง ๆ ของวิทยาศาสตร์ที่ว่า "สิ่งที่เห็นและพิสูจน์ได้ ทดลองให้เกิดได้" มันก็นั่นล่ะ ในเมื่อจอมเวทเขาร่ายไฟร์บอลเป็น และร่ายกี่ทีก็ได้ตราบที่มานาเหลือ และออกมาให้เห็นได้จริง ๆ ตามกระบวนการ มันก็... นั่นล่ะ ก็ต้องตั้งคำถามอีกว่าสิ่งนั้นไม่ถือเป็นวิทย์ได้อย่างไร?

ก็ขึ้นกับคนเขียนล่ะครับ จะตีความนิยามว่าวิทยาศาสตร์คือ "ภาพรวมของทุกสิ่งที่เป็นจริงในจักรวาลนั้น ๆ " หรือแค่ "สิ่งที่แตกต่างและตรงข้ามกับเวทมนตร์" เท่านั้นกันล่ะ?

0
Kornkorja 25 ก.ค. 66 เวลา 07:48 น. 15

วิทยาศาสตร์คือความรู้ที่ได้จากการพิสูจน์ ความรู้นั้นต้องเป็นจริงเสมอ แบบเดียวกับคณิตศาสตร์ แต่สามารถถูกแก้ไขได้ เมื่อมีหลักฐานใหม่ที่พิสูจน์ได้ว่าจริงกว่าของเดิม ถ้าหากเวทมนตร์ตรงตามหลักการนี้ทั้งหมด และมีหลักฐานไปหักล้างความรู้อื่นที่ขัดกับเวทมนตร์ เวทมนตร์ก็คือวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง

0