ครูพลอย พูดเสริมอีกว่า "เยอรมันในมหาวิทยาลัย กับเยอรมันในโรงเรียนมัธยม ต่างกันมากๆ เรียกได้ว่าเหนือว่ายังมีฟ้า เอาง่ายๆ ม.ปลาย เรียนอ่านประโยคสั้นๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนจากประโยคเป็นเรื่องสั้นประมาณสี่ร้อยหน้า ไม่ได้อ่านอย่างเดียวด้วย ต้องมานั่งคิด นั่งวิเคราะห์ ให้ถึงแก่น ตอนนั้นก็ไปแอบสืบมาเลยว่ารุ่นพี่คนไหนเก่ง ก็ไปตีซี้ให้เขามาติวให้"
ระหว่างที่เรียนที่คณะอักษรศาสตร์นั้น ครูพลอย ก็ได้สอนพิเศษให้กับลูกของญาติไปด้วย.. ซึ่งกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย "ตอนนั้นที่สอนไม่มีปัจจัยเรื่องเงินเลย ก็สอนวิชาภาษาอังกฤษ สอนอยู่ใต้ตึก คณะ ตอนนั้นคิดว่าการสอนก็เหมือนได้แหย่เด็ก โดยสอนไปนานๆ ก็มีน้องๆ เริ่มมาขอเรียนด้วยมากขึ้น จากนั้นก็สอนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรียนจบก็เลยตัดสินใจหันหลังให้การสอนแล้วไปสมัครงานเป็นล่ามตามที่ฝันไว้"
"แต่พอเข้าไปทำช่วงแรกๆ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นคนจิตใจหดหู่ ทุกเช้าที่ตื่นมาก็จะเห็นชีวิตเป็นวงจรทุกครั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมงานก็ดี งานที่ทำก็ชอบ ก็เลยลองมาปรึกษาเป็นเพื่อนสนิทดู เพื่อนที่เป็นนักจิตวิทยาก็ให้ลองวิเคราะห์ตัวเองว่า มีอะไรบ้างที่เราเคยทำ แต่ตอนนี้เราไม่ได้ทำ ก็พบว่าเป็นการสอนหนังสือนั้นเอง"
"จากนั้นจึงตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วกลับมาสอนเหมือนเดิม ปรากฏว่าอาการ และความรู้สึกเหล่านั้นหายไป ! และกลับมีความสุขมากขึ้นด้วย.. วินาทีนั้นจึงตัดสินใจเปิดติวเตอร์สอนน้องๆ อย่างเป็นทางการทันที จึงเป็นที่มาของโรงเรียนกวดวิชาบ้านครูพลอย [อิงลิช บลิงค์] จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาทั้งหมด 2 ปีครึ่ง และปัจจุบันเปิดมาแล้ว 2 สาขาคือ สาขาสะพานควาย และสาขาวงเวียนใหญ่"
ในโอกาสที่ได้มาพูดคุยกับ ครูพลอย ในครั้งนี้ พี่ลาเต้ ก็อดไม่ได้ที่จะขอถามสูตรเด็ดในการฝึกตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษมาฝากชาวเด็กดีกันซักหน่อย ซึ่งครูพลอย ก็แนะมาว่า "อันดับแรกเลย ไปที่ร้านหนังสือ ไปเพื่อเลือกซื้อหนังสือ ไปดูเลยว่าชอบหน้าปกเล่มไหน ชอบรูปของเล่มไหน ก็ซื้อกลับมาเลย แนะนำว่าควรจะเป็นหนังสือขายดี อ่านสนุก ซื้อมาก็ลองมาอ่านเรื่อยๆ เพราะการอ่านแบบนี้จะเป็นการเริ่มต้นในการฝึกที่ดี คนที่ฝึกก็จะได้คำศัพท์ต่างๆ กลับมาด้วย ซึ่งวิธีนี้ลองมาแล้วได้ผลค่ะ"
สุดท้ายนี้ พี่ลาเต้ ขอทิ้งท้ายการสัมภาษณ์ ครูพลอย ด้วยเรื่องราวความประทับระหว่างติวเตอร์ และลูกศิษย์ จะเป็นอย่างไรไปฟังกันครับ "เรื่องประทับใจมีเยอะมากๆ แต่ขอเลือกเรื่องนี้ คือมีเด็กคนหนึ่งมาเรียนคอร์สสด แต่ละครั้งหน้าตาบอกบุญไม่รับมากๆ นั่งกอดอกตลอกเวลา จนเราก็คิดว่าคอร์สต่อไปคงไม่ได้เจอกัน ปรากฏว่าคอร์สต่อมาเขาก็ลงต่อ เราก็เลยคิดว่าสงสัยพ่อแม่บังคับมาแน่ๆ ก็พยายามถามเขาแต่ก็ไม่ได้คำตอบคืบหน้าอะไร เวลาผ่านไปจนวันประกาศผลแอดมิชชั่น เขาก็เข้ามาหาที่โรงเรียน แล้วมาบอกว่า "ผมติดหมอแล้วครับ ถ้าไม่ได้ครูผมคงไม่มีวันนี้" ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกินคาดมากๆ จากคนที่เราไม่คาดหวังเลย แล้วมาพูดอะไรแบบนี้ จึงเป็นเรื่องที่ประทับใจมากค่ะ"
12 ความคิดเห็น
ถึงคุณแม่น้อง P ความเห็นที่ 2 ครับ
คำพูดประกอบในรูปภาพที่ 7 ทีมงานได้แต่งแต้มขึ้น เพื่อเป็นเพียงการสร้างบรรยากาศ และเพิ่มความสนุกสนานให้กับรูปภาพประกอบคอลัมน์เท่านั้นครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างอรรถรสในการอ่านของน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน.. ไม่ได้เป็นการปล่อยไก่แต่อย่างใดครับ.. ^_^
ถึงคุณแม่น้อง P ความเห็นที่ 2 ครับ
คำพูดประกอบในรูปภาพที่ 7 ทีมงานได้แต่งแต้มขึ้น เพื่อเป็นเพียงการสร้างบรรยากาศ และเพิ่มความสนุกสนานให้กับรูปภาพประกอบคอลัมน์เท่านั้นครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างอรรถรสในการอ่านของน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน.. ไม่ได้เป็นการปล่อยไก่แต่อย่างใดครับ.. ^_^ แต่ทั้งนี้เพื่อความถูกต้อง ทางทีมงานได้ปรับเปลี่ยนให้แล้วครับ.. ^_^
อันเก่า ยังไม่ได้มาแก้ข่าวเลยน้าา
ครูพลอยอ้วนไปจากเดิมป่าวคราบบบบ
แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หนูเข้ามาดูนึกว่าพี่เจนี่ เทียนโพ มาสอนหนังสือ
พอกดเข้ามา
เอ้า!!!!!! พี่หนูแหม่ม สุริวิภา นี้หน่า อิอิ
เลยเหมาะสมที่เว็บเด็กดีจะupdateความเป็นไปของเค้าค่ะ
แต่ตอนนี้ครูพลอยก็ดูจะผอมลงไปน่าจะสองสามโลแล้วมั้ง
แค่แซวเฉยๆค่ะ อย่าคิดมากนะคะ
เตรียมฯ สายศิลป์-เยอรมันซะด้วยๆๆ
นานๆทีจะได้เจอรุ่นพี่คนเก่งจากสายตัวเองซะที
5555+
* - *