สวัสดีครับ.. พี่ลาเต้ และคอลัมน์สัมภาษณ์ติวเตอร์ดังประจำเดือนมิถุนายนมาแล้วครับ.. ครั้งนี้ พี่ลาเต้ ควงคู่มากับติวเตอร์สาวคนสวยที่น้องๆ ชาวเด็กดีหลายคนคุ้นเคย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ติวเตอร์ท่านนี้คือ ครูพลอย พัชรา ชินประสาทศักดิ์ แห่งโรงเรียนกวดวิชาบ้านครูพลอย [อิงลิช บลิงค์] นั้นเองครับ.. วันนี้ ครูพลอย ได้อาสาขนเอาประสบการณ์เรื่องราวดีๆ ตอนเรียนมัธยม แลัวช่วงเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยมาฝากกัน.. อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะ.. ถ้างั้นไปกันเลยยย.. 
   
           ครูพลอย เกริ่นเรื่องที่น่าตกใจให้ พี่ลาเต้ ฟังว่าแม้ปัจจุบันจะเป็นติวเตอร์ชื่อดังด้านภาษาอังกฤษ แต่ชีวิตตอน ม.ต้น ที่โรงเรียนโยนออฟอาร์ค กลับเป็นนักเรียนที่อ่อนวิชาภาษาอังกฤษมากๆ อ่อนถึงขนาดแยกไม่ออกเลยว่ารูปประโยค คืออะไร และทุกเทอมก็จะทำเกรดวิชานี้ได้ประมาณเกรด 2 ครูพลอย ได้เล่าบรรยากาศในชั่วโมงเรียนวิชาภาษาอังกฤษตอน ม.ต้น ให้ฟังอีกว่า "ในชั่วโมงเรียนจะค่อนข้างตึงเครียด ครูสอนอังกฤษก็จะดุมากๆ ครูจะถือไม้เรียวมาทุกครั้ง หากไม่ทำการบ้านมาส่งตามกำหนด ก็จะทำโทษทันที พอครูดุมาก ก็ทำให้เราไม่กล้าถาม"  
         
           จากเด็กนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเอาซะเลย ก็เริ่มมามีแรงบันดาลใจในการฝึกฝนให้เก่งขึ้น ซึ่งมาจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่ง ครูพลอย ได้เล่าว่า "ตอนนั้นได้ดูภาพยนตร์เรื่องที่ กวินเน็ธ พัลโทรว์ แสดงนำเป็นล่าม พอดูแล้วก็รู้สึกชอบ และอยากทำอาชีพเกี่ยวกับล่าม จึงไปปรึกษารุ่นพี่ๆ ซึ่งเขาก็แนะนำมาว่าหากอยากเป็นล่าม ก็จะต้องเลือกเรียน ม.ปลาย สายศิลป์ภาษา และไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะอักษรศาสตร์ หรือมนุษยศาสตร์ ซึ่งตอนนั้น ครูพลอย ก็ได้ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองไว้เลยว่า คณะที่เรียนเกี่ยวกับภาษาที่เราอยากเข้าไปเรียนมากที่สุด คือ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"

 
   
 


         
           ด้วยเป้าหมายที่จะต้องสอบเข้า คณะอักษรศาสตร์ เพื่อจะเป็นล่ามให้ได้ ประกอบกับในช่วงนั้น ครูพลอย ใกล้ที่จะจบ ม.ต้น และกำลังมองหาโรงเรียนที่เปิดรับ ม.ปลาย ซึ่งก็เล็งไว้ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ด้วยเหตุผลที่ว่า รับเยอะกว่าโรงเรียนอื่นๆ และที่สำคัญมีแผนการเรียนศิลป์ภาษาด้วย ครูพลอย จึงหันมาทบทวนภาษาอังกฤษแบบสุดตัว โดยคราวนี้เน้นอ่านตั้งแต่พื้นฐานเลย ตอนแรกก็เลือกอ่านเป็นหนังสือไวยากรณ์ ภาคภาษาไทย พอเข้าใจก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอังกฤษ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นหนังสือพิมพ์ และก็พวกนวนิยาย จนในที่สุดก็สามารถทำเกรด 4 ในวิชาภาษาอังกฤษ และสอบเข้าไปเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้สมใจหวัง
     
           ครูพลอย แอบเล่าถึงนิสัยส่วนตัวด้วยว่า "ชีวิตประจำวันพอเลิกเรียนก็กินๆๆ กลับบ้าน ทานข้าว ดูหนังหลังข่าว แล้วค่อยไปอ่านหนังสือ และก็ชอบอ่านหนังสือกลางคืน ที่ตั้งใจเลือกสายศิลป์เยอรมัน เพราะศิลป์ฝรั่งเสศมีคนเรียนเยอะแล้ว ตอนสอบเข้าเตรียมฯ ก็อ่านหนังสือเองหมดเลย ไม่เรียนกวดวิชา เพราะฝังใจจากตอนเด็กที่ถูกแม่บังคับให้เรียน ก็เลยเกลียดการเรียนกวดวิชา และหันมาตั้งใจอ่านเอง สอบเอง โดยยึดสโลแกนที่ว่า หากเป้าหมายตั้งไว้ 100 เราต้องทำ 150

           หลังจากสอบเข้าไปเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้สมใจหวัง ครูพลอย เล่าให้ พี่ลาเต้ ฟังว่า ชีวิตตอนนั้นไม่ได้เป็นหนอนหนังสือตามที่หลายๆ คนมองภาพเด็กเตรียมฯ แต่กลุ่มเพื่อนสนิทของ ครูพลอย ถือเป็นเจ้าแม่สยามตัวจริง โดยทุกวันหลังเลิกเรียนสามารถหลับตาเดินจากเตรียมฯ ไปสยามได้เลย ชีวิตในช่วงนั้นไม่มีคำว่าเครียดในการเรียน ทำกิจกรรมทุกอย่าง อ่านหนังสือทุกเย็น และก็สนุกกับเพื่อนทุกวันเช่นกัน จนกระทั่งจบออกมาจากเตรียมฯ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.98 ครูพลอย เสริมต่อว่าที่เกรดขาดอีก .02 เพราะพละได้เกรด 3 นั้นเอง

        

          ครูพลอย ได้ฝากถึงน้องๆ ที่มีความฝันอยากเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในแผนศิลป์ภาษาด้วยว่า "ที่นี่จะเน้นแกรมม่า การเขียน การอ่าน แต่น้องๆ คนไหนที่ไม่มีมีพื้นฐาน ก็สามารถเข้ามาเรียนได้สบายมาก เพราะอาจารย์จะปูพื้นเอง แต่ทั้งนี้น้องๆ ก็ต้องเรียนอย่างต่อเนื่องโดยการไม่โดดเรียน ไม่ขาดเรียนด้วยเช่นกัน"

         จากเด็กในรั้วโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ครูพลอย ก็สามารถสอบเอ็นทรานซ์เข้าไปเรียนใน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ในอันดับที่ 1 ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ ครูพลอย เล่าแบบภูมิอกภูมิใจว่า มาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่มาพูดไซโค จนทำให้ต้องเร่งอ่านหนังสืออย่างหนัก ซึ่งหนังสือที่ ครูพลอย แนะนำ คือหนังสือเรียน ม.ปลายนั้นเอง ข้อสอบจะอยู่ในตำราหมดเลย และก็ต้องให้น้ำหนักกับข้อสอบเก่ามากๆ อ่านหนังสืออ่านเพื่อเก็บเนื้อหาได้ครบ แต่ข้อสอบเก่าจะทำให้เราชำนาญ และรู้แนวข้อสอบ

          เมื่อได้เข้าไปเป็นนิสิตรั้วจามจุรีแล้ว ครูพลอย ก็ยังไม่ทิ้งการทำกิจกรรม เพราะมีโอกาสได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ และเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องทุกครั้ง ขณะเดียวกันเรื่องการเรียน ครูพลอย ก็เอาใจใส่อย่างเต็มที่เช่นกัน โดย ครูพลอย ได้เล่าชีวิตการเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ ให้ พี่ลาเต้ ฟังว่า "เรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ปีหนึ่งจะเรียนรวม ปีสองถึงจะเรียนแยกเอก ซึ่งก็ตัดสินใจเลือกเอกเยอรมัน ซึ่งที่นี่มีกฎว่าหากจะเรียนเอกไหน ปีหนึ่งต้องเลือกพื้นฐานของเอกนั้นถึงจะเข้าได้"

 
 


          ครูพลอย พูดเสริมอีกว่า "เยอรมันในมหาวิทยาลัย กับเยอรมันในโรงเรียนมัธยม ต่างกันมากๆ เรียกได้ว่าเหนือว่ายังมีฟ้า เอาง่ายๆ ม.ปลาย เรียนอ่านประโยคสั้นๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนจากประโยคเป็นเรื่องสั้นประมาณสี่ร้อยหน้า ไม่ได้อ่านอย่างเดียวด้วย ต้องมานั่งคิด นั่งวิเคราะห์ ให้ถึงแก่น ตอนนั้นก็ไปแอบสืบมาเลยว่ารุ่นพี่คนไหนเก่ง ก็ไปตีซี้ให้เขามาติวให้"

          ระหว่างที่เรียนที่คณะอักษรศาสตร์นั้น ครูพลอย ก็ได้สอนพิเศษให้กับลูกของญาติไปด้วย.. ซึ่งกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย "ตอนนั้นที่สอนไม่มีปัจจัยเรื่องเงินเลย ก็สอนวิชาภาษาอังกฤษ สอนอยู่ใต้ตึก คณะ ตอนนั้นคิดว่าการสอนก็เหมือนได้แหย่เด็ก โดยสอนไปนานๆ ก็มีน้องๆ เริ่มมาขอเรียนด้วยมากขึ้น จากนั้นก็สอนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเรียนจบก็เลยตัดสินใจหันหลังให้การสอนแล้วไปสมัครงานเป็นล่ามตามที่ฝันไว้"

          "แต่พอเข้าไปทำช่วงแรกๆ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นคนจิตใจหดหู่ ทุกเช้าที่ตื่นมาก็จะเห็นชีวิตเป็นวงจรทุกครั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมงานก็ดี งานที่ทำก็ชอบ ก็เลยลองมาปรึกษาเป็นเพื่อนสนิทดู เพื่อนที่เป็นนักจิตวิทยาก็ให้ลองวิเคราะห์ตัวเองว่า มีอะไรบ้างที่เราเคยทำ แต่ตอนนี้เราไม่ได้ทำ ก็พบว่าเป็นการสอนหนังสือนั้นเอง"

           "จากนั้นจึงตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วกลับมาสอนเหมือนเดิม ปรากฏว่าอาการ และความรู้สึกเหล่านั้นหายไป ! และกลับมีความสุขมากขึ้นด้วย.. วินาทีนั้นจึงตัดสินใจเปิดติวเตอร์สอนน้องๆ อย่างเป็นทางการทันที จึงเป็นที่มาของโรงเรียนกวดวิชาบ้านครูพลอย [อิงลิช บลิงค์] จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาทั้งหมด 2 ปีครึ่ง และปัจจุบันเปิดมาแล้ว 2 สาขาคือ สาขาสะพานควาย และสาขาวงเวียนใหญ่"

            ในโอกาสที่ได้มาพูดคุยกับ ครูพลอย ในครั้งนี้ พี่ลาเต้ ก็อดไม่ได้ที่จะขอถามสูตรเด็ดในการฝึกตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษมาฝากชาวเด็กดีกันซักหน่อย ซึ่งครูพลอย ก็แนะมาว่า "อันดับแรกเลย ไปที่ร้านหนังสือ ไปเพื่อเลือกซื้อหนังสือ ไปดูเลยว่าชอบหน้าปกเล่มไหน ชอบรูปของเล่มไหน ก็ซื้อกลับมาเลย แนะนำว่าควรจะเป็นหนังสือขายดี อ่านสนุก ซื้อมาก็ลองมาอ่านเรื่อยๆ เพราะการอ่านแบบนี้จะเป็นการเริ่มต้นในการฝึกที่ดี คนที่ฝึกก็จะได้คำศัพท์ต่างๆ กลับมาด้วย ซึ่งวิธีนี้ลองมาแล้วได้ผลค่ะ"

            สุดท้ายนี้ พี่ลาเต้ ขอทิ้งท้ายการสัมภาษณ์ ครูพลอย ด้วยเรื่องราวความประทับระหว่างติวเตอร์ และลูกศิษย์ จะเป็นอย่างไรไปฟังกันครับ "เรื่องประทับใจมีเยอะมากๆ แต่ขอเลือกเรื่องนี้ คือมีเด็กคนหนึ่งมาเรียนคอร์สสด แต่ละครั้งหน้าตาบอกบุญไม่รับมากๆ นั่งกอดอกตลอกเวลา จนเราก็คิดว่าคอร์สต่อไปคงไม่ได้เจอกัน ปรากฏว่าคอร์สต่อมาเขาก็ลงต่อ เราก็เลยคิดว่าสงสัยพ่อแม่บังคับมาแน่ๆ ก็พยายามถามเขาแต่ก็ไม่ได้คำตอบคืบหน้าอะไร เวลาผ่านไปจนวันประกาศผลแอดมิชชั่น เขาก็เข้ามาหาที่โรงเรียน แล้วมาบอกว่า "ผมติดหมอแล้วครับ ถ้าไม่ได้ครูผมคงไม่มีวันนี้" ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกินคาดมากๆ จากคนที่เราไม่คาดหวังเลย แล้วมาพูดอะไรแบบนี้ จึงเป็นเรื่องที่ประทับใจมากค่ะ"

 
   
 

 
   
   
 

          
           เอาล่ะครับ.. การสัมภาษณ์ติวเตอร์ดังประจำเดือนนี้จบลงอย่างสวยงามนะครับ.. พี่ลาเต้ ขอแอบบอกว่าบรรยากาศในการสัมภาษณ์ติวเตอร์ท่านนี้ สนุกสนานมากๆ ซึ่งน้องๆ คนไหนอยากจะรู้จัก และทักทาย ครูพลอย ก็มาสามารถเข้าไปเยี่ยมเยียนได้ที่ www.baan-kruploy.com ครับ.. สำหรับวันนี้ พี่ลาเต้ ต้อขอตัวไปก่อน ขอบคุณน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคนที่ติดตาม สวัสดีครับ.

 
 

 

 
   
   
   
   
พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

12 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
คุณแม่น้องP 14 มิ.ย. 52 00:06 น. 2
คุณลาเต้ปล่อยไก่อย่างจังค่ะ ดูตามรูปที่7นับจากรูปแรก ครูพลอยไม่มีวันพูด "Are you understand?"นะคะ รับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ครูพลอยจะต้องพูดว่า "Do you understand?"ค่ะ แค่อยากจะยืนยันว่าถ้าปีที่ผ่านมาลูกชายดิฉันไม่ได้เรียนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษกับครูพลอยแล้วล่ะก็ ปีนี้ก็คงไม่ได้เข้าไปเป็นน้องใหม่ในรั้วจามจุรีอย่างที่เค้าใฝ่ฝันเอาไว้ค่ะ ต้องขอขอบคุณครูพลอยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
0
กำลังโหลด
พี่ลาเต้ Columnist 15 มิ.ย. 52 09:43 น. 4

   ถึงคุณแม่น้อง P ความเห็นที่ 2 ครับ  

คำพูดประกอบในรูปภาพที่ 7 ทีมงานได้แต่งแต้มขึ้น เพื่อเป็นเพียงการสร้างบรรยากาศ และเพิ่มความสนุกสนานให้กับรูปภาพประกอบคอลัมน์เท่านั้นครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างอรรถรสในการอ่านของน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน.. ไม่ได้เป็นการปล่อยไก่แต่อย่างใดครับ.. ^_^

0
กำลังโหลด
พี่ลาเต้ Columnist 15 มิ.ย. 52 10:50 น. 6

   ถึงคุณแม่น้อง P ความเห็นที่ 2 ครับ  

คำพูดประกอบในรูปภาพที่ 7 ทีมงานได้แต่งแต้มขึ้น เพื่อเป็นเพียงการสร้างบรรยากาศ และเพิ่มความสนุกสนานให้กับรูปภาพประกอบคอลัมน์เท่านั้นครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างอรรถรสในการอ่านของน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน.. ไม่ได้เป็นการปล่อยไก่แต่อย่างใดครับ.. ^_^ แต่ทั้งนี้เพื่อความถูกต้อง ทางทีมงานได้ปรับเปลี่ยนให้แล้วครับ.. ^_^

0
กำลังโหลด
nut 16 มิ.ย. 52 00:02 น. 7
ทำใมครูพลอยถึงได้ลงหน้านี้ถึง 2 ครั้งเลยอ่ะครับ (ติวเตอร์คนอื่น เช่น ครูสมศรี ,ซุปเค ก็ดังออก ยังได้ครั้งเดียวเอง)

อันเก่า ยังไม่ได้มาแก้ข่าวเลยน้าา

ครูพลอยอ้วนไปจากเดิมป่าวคราบบบบ

แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กัสจัง 29 มิ.ย. 52 19:58 น. 10
คุณครูขา

หนูเข้ามาดูนึกว่าพี่เจนี่ เทียนโพ มาสอนหนังสือ
พอกดเข้ามา

เอ้า!!!!!! พี่หนูแหม่ม สุริวิภา นี้หน่า อิอิ
0
กำลังโหลด
คนที่เชียร์ครูพลอย 10 ก.ค. 52 01:58 น. 11
เพราะตอนนั้นครูพลอยดูจะน้ำหนักขึ้นจากตอนที่สัมภาษณ์ครั้งแรก

เลยเหมาะสมที่เว็บเด็กดีจะupdateความเป็นไปของเค้าค่ะ

แต่ตอนนี้ครูพลอยก็ดูจะผอมลงไปน่าจะสองสามโลแล้วมั้ง

แค่แซวเฉยๆค่ะ อย่าคิดมากนะคะ
0
กำลังโหลด
White Erlicheer~ Member 25 ก.ค. 52 15:15 น. 12
ว้าว
เตรียมฯ สายศิลป์-เยอรมันซะด้วยๆๆ
นานๆทีจะได้เจอรุ่นพี่คนเก่งจากสายตัวเองซะที
5555+
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
meew 14 ต.ค. 52 13:26 น. 17
อยากสอบตรง จุฬาฯ และธรรมศาสตร์ ได้คะแนนสูง ๆ ติดต่อครูด่วนที่เบอร์ 089-492-4035 ค่ะ ครูเป็นอาจารย์สอน ภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย มีประสบการณ์สอนสูง หากน้องต้องการครูติวมีคุณภาพ ติดต่อครูด่วน ค่ะ สอนทั้งแต่ ม.5 - 6 ค่ะ ต่ำกว่านี้ไม่สอนค่ะ สอนกลุ่มย่อย 2 - 4 คน หรือ ตัวต่อตัว เท่านั้น ค่ะ จองคิวเรียนด่วน เพราะครูมีน้อง ๆ มาเรียนด้วยเยอะมาก
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด