วิชาพลศึกษา ใครว่าไม่สำคัญ!!!

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีที่รักทุกคน พี่แนนคิดว่าน้องๆ คงจะได้เรียนวิชาพลศึกษากันทุกคนแน่นอน เพราะเป็นหลักสูตรหนึ่งของการศึกษาที่มีตั้งแต่อนุบาลกันเลยทีเดียว ซึ่งหลายๆ คนก็ชอบวิชานี้เป็นที่สุด เพราะได้ยืดเส้นยืดสาย ได้เล่น ได้ออกกำลังกาย ไม่ต้องอยู่ในห้องจ้องกระดานดำ

     แต่น้องๆ รู้ไหมคะว่า การมีวิชาพละเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน หากไม่มองกันที่เกรดเท่านั้น จะได้ทั้งแรงกายและแรงใจในการพัฒนาการเรียนของเราได้อีกด้วยนะคะ

     แรงกาย – ได้ออกเดิน ออกวิ่ง ออกกระโดด ออกแรง ออกเสียง (เวลาตะโกน+หัวเราะ) ออกลีลา ฯลฯ
     แรงใจ – การเล่นพละก็เป็นการฝึกแรงใจอย่างหนึ่งนะคะ ทั้งการฝึกให้เราไม่ย่อท้อ ไม่กลัวอุปสรรค สร้างสมาธิ รับการกดดันได้ดี รวมทั้งการทำงานเป็นทีม ในกีฬาที่ต้องอาศัยคนหมู่มาก และยังได้ความสุขสนุกสนานเบิกบานนับไม่ถ้วน อิอิ

{pic-desc}

     กีฬาที่จัดให้อยู่ในวิชาพลศึกษาก็มีมากมายหลายชนิดค่ะ แล้วแต่หลักสูตรของแต่ละโรงเรียน ซึ่งน้องๆ ก็สามารถจะได้ทั้งแรงกายและแรงใจจากกีฬาแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น

     ปิงปอง- เวลาเล่นเป็นการฝึกให้ร่างกายกระฉับกระเฉง คล่องตัว เพราะต้องตีซ้ายตีขวา วิ่งวนรอบโต๊ะ ตาจ้องลูกปิงปอง และต้องสร้างสมาธิแล้วตีโต้กลับ จึงช่วยฝึกไหวพริบและส่งเสริมสมรรถภาพสมองให้ทำงานได้มากขึ้นอีกด้วย

     วอลเลย์บอล – อันนี้ต้องใช้กำลังแบบหมู่คณะ จึงช่วยในการสร้างความสามัคคี รู้จักการทำงานเป็นทีม และฝึกการวางแผน รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า กล้าตัดสินใจ และสามารถยอมรับความผิดพลาดทั้งของตัวเองและเพื่อนร่วมทีมได้ และรู้จักการถ่อมตน เพราะเก่งคนเดียวก็ไม่สามารถทำให้ทีมชนะได้

     ว่ายน้ำ- เป็นการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกาย และฝึกสมาธิอย่างเห็นได้ชัด (อยู่ในน้ำ เหมือนตัดขาดโลกบนฝั่ง) ฝึกความแน่วแน่จากการตั้งเป้าหมาย (ที่จะแตะขอบสระ)

     ยังมีกีฬาอีกหลายชนิดที่พี่แนนยังไม่ได้กล่าวถึง (เพราะมีอีกเยอะมาก) ซึ่งประโยชน์จากวิชาพลศึกษา ชาวเด็กดีสามารถนำมาประยุกต์ใช้การเรียนของตัวเองได้นะคะ ทั้งการวางแผน การฝึกสมาธิ การฝึกไหวพริบ ฯลฯ เห็นไหมคะว่า วิชาพลศึกษาทั้งแรงกายและแรงใจจริงๆ

     แล้วน้องๆชาวเด็กดี เรียนวิชาพลศึกษาเป็นอย่างไรกันบ้าง สนุกสนานกันขนาดไหนลองมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ^^

พี่แนนขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.nd.edu