สวัสดีจ้าชาว Dek-D.com จากคราวที่แล้วพี่แนนได้แนะนำน้องๆ ให้รู้จักการแผนการเรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษ หรือ EP กันไปแล้ว ใน ชี้ชัดๆ แผน EP เรียนอะไรกัน? ก็มีน้องๆ ที่ทั้งสนใจ และกำลังเรียนอยู่ มาคอมเมนท์กันเยอะเชียวค่ะ ทำให้พี่แนนได้รู้ลึกซึ้งไปอีก ทั้งการเรียนที่บอกว่าไม่ยากมาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หรือคนที่อยากเรียนและกำลังตัดสินใจอยู่ ก็ได้อ่านแล้วชั่งใจกับการตัดสินใจมากขึ้น ถ้าใครอยากฟิตภาษาอังกฤษ แผนนี้พี่แนนว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

     วันนี้อย่างที่บอกไปในคราวที่แล้วว่า พี่แนนจะลักพาตัว เอ้ย จะนำประสบการณ์จากคนที่เรียนแผนนี้จริงๆ มาบอกกัน ว่าเรียนแผนนี้ มันส์ โหด หรือสนุกแค่ไหน วันนี้พี่แนนก็ได้โอกาสฟังเรื่องนี้จากน้องเหวิน-ชวิศา เฉิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ภาคภาษาอังกฤษ แผนการเรียน ศิลป์-คำนวณ ค่ะ เย้ ๆ

     ที่โรงเรียนน้องเหวินจะเรียกแผนนี้ว่า EPTS - The English Program for Talented Students ซึ่งถ้าใครติดตาม คอลัมน์เรียนต่อนอกของพี่เป้ คงจะคุ้นๆ กัน เพราะน้องเหวินคือ สุดยอดเด็กไทย! ได้ลงหนังสือพิมพ์ที่อเมริกา!!  นั่นเองค่ะ ว่าแล้วลองไปฟังน้องเหวินเล่าเรื่องการเรียนในแผน EP ดีกว่าค่ะ 

          >>การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต<<

         ก่อนที่เหวินจะมาเรียนที่นี่ เหวินก็ศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซึ่งก็เป็นโรงเรียนที่มีแต่ภาคภาษาไทย การที่เหวินมาเรียนที่นี่ จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงการเรียนครั้งใหญ่ของเหวินเหมือนกันค่ะ

     จากที่ปกติก็เรียนเป็นภาษาไทย กับอาจารย์คนไทย ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดคนต่างชาติมากนัก ก็เรียนเกือบทุกวิชาเป็นภาษาอังกฤษ อาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติ ทุกอย่างจึงใหม่และน่ากลัวสำหรับเหวินมากในช่วงที่เหวินเข้ามาม.1 ใหม่ๆ

     โรงเรียนของเหวินก็มีตั้งแต่ชั้น ม.1 ไปจนถึง ม. 6 เลยค่ะ แต่ละชั้นก็จะมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น ห้องนึงก็นักเรียนแค่ 35 คน จึงถือได้ว่ารุ่นนึงมีนักเรียนแค่ 70 ถือว่าน้อยในระดับนึง แต่มันก็ทำให้พวกเราสนิทกันมากๆ ไปไหนไปด้วยกัน ทำอะไรก็ทำด้วยกัน โดนดุก็โดนดุด้วยกัน เวลาสอบก็ช่วยกันติว งานก็ช่วยกันทำ ออกแนวร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเลยก็ว่าได้ เหมือนเป็นกลุ่มเดียวกัน


     >>ความอบอุ่นที่ได้รับ กับการเรียนกับครูต่างชาติ<<

         สำหรับเหวิน การที่ได้มาเรียนภาคภาษาอังกฤษที่นี่ เหมือนได้ทั้งเพื่อน และครอบครัวเลยค่ะ อาจารย์ทุกคนใจดี และเป็นกันเอง สบายๆตามสไตล์คนต่างชาติ คือถ้าเราผิดจริง อาจารย์เค้าก็น่ากลัวค่ะ แต่ถ้าปกติ ก็ถือว่าน่ารักมาก ภาคภาษาอังกฤษรร.เหวิน ก็มีทั้งอาจารย์ที่เป็นชาวต่างชาติ และอาจารย์ที่เป็นคนไทย อาจารย์ที่เป็นคนคนไทยก็จะเป็นอาจารย์ประจำชั้น ให้การช่วยเหลือในยามที่เรามีปัญหา ส่วนอาจารย์ชาวต่างชาตินั้น ก็จะเป็นอาจารย์ผู้สอน และอาจารย์ที่ปรึกษา มีทั้งชาวอังกฤษ อเมริกัน แคนาดา ออสเตรเลีย รัสเซีย ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ


 


     การเรียนจะเรียนทุกวิชาเป็นภาษาอังกฤษ ยกเว้นวิชาภาษาไทย พระพุทธศาสนา แนะแนว ศิลปะ ดนตรีไทย ดนตรีสากล การงานพื้นฐานอาชีพและเทคโนโลยีค่ะ ซึ่งตารางสอนและกิจกรรมทุกอย่างก็เป็นเหมือนกันทั้งรร.ค่ะ ม.ต้นก็เรียนเหมือนกันทุกอย่าง แค่เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย 
     พอ ม.ปลายเราก็มีแบ่งสายเหมือนกันเลยค่ะ แต่เรามีเพียงแค่ 4  สาย คือ สายวิทย์-คณิต, สายศิลป์คำนวณ, สายศิลป์- ฝรั่งเศส, สายศิลป์ญี่ปุ่น ตอนที่เรามีวิชาที่ต้องแยกกันเรียน เพื่อนๆที่เรียนภาษาญี่ปุ่นก็จะไปเรียนกับเพื่อนๆภาคปกติ ส่วนที่เหลือก็เรียนกันที่เดิมค่ะ

     ส่วนเรื่องเกรดก็เหมือนภาคปกติเลยค่ะ คือไม่ได้ง่ายกว่า แล้วก็ไม่ได้ยากกว่า คือเหมือนมันเรียนคนละแบบ มันก็มีเกณฑ์ที่แตกต่างกัน จึงทำให้คะแนนออกมาไม่ต่ างกันมากนักค่ะ


      จริงๆ แล้วรร.เหวินเค้าก็มีนโยบายให้พูดกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่เป็นเพราะความเคยชิน พวกเราก็ยังคุยกันเป็นภาษาไทยอยู่ดี คือในห้องเราก็พูดเป็นภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพราะเรียนกับอาจารย์ฝรั่งค่ะ

     >>ความอดทนในก้าวแรก กับผลที่ได้รับ<<

         ข้อเสียสำหรับเหวิน ตอนแรกๆ ที่เข้ามาเรียน ถ้าก่อนหน้านั้นเรียนแบบภาคไทยมา ก็จะลำบากหน่อยค่ะ ในปีแรก ต้องขยัน และอดทนมากๆค่ะ แล้วก็บางครั้งและภาคก็จะมีการแบ่งแยกกัน ไม่ชอบหน้ากัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราเรียนมาไม่เหมือนกัน แวดล้อมไปด้วยคนที่ไม่เหมือนกัน ความคิดก็มักจะแสดงออกมาในทางที่ต่างกันค่ะ

         สำหรับข้อดีนะคะ ก็น่าจะเป็นเรื่องภาษา และมีความกล้าคิด กล้าทำ กล้านำเสนอ ในการที่เราได้ใกล้ชิดกับเจ้าของภาษา และอยู่ในแวดล้อมที่ออกแนวยังคับให้พวกเราพูดภาษาอังกฤษ ทำให้เราได้ฝึกตัวเอง ในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น และการเรียนการสอนของเราก็เป็นแบบอเมริกัน ทำให้พวกเรามีความกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็นของเราให้คนอื่นให้รับรู้มากขึ้น แต่กล้าในเวลาที่ถูกต้องด้วยนะคะ คือเรามีการผสมผสานระหว่างไทยและต่างชาติค่ะ มันจะไม่เหมือนรร.นานาชาติที่เหมือนเรียนที่เมืองนอกไปเลย คือก็ยังคงความเป็นไทยอยู่ค่ะ


น้องเหวินตอนเป็น นร.แลกเปลี่ยนโครงการ AFS ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

     >>แนะเป็นอีกแนวในการเพื่อความได้เปรียบ<<

         สำหรับข้อแนะนำนะคะ ก็คงจะไม่มีอะไรมากค่ะ คือทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า สมัยนี้ภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญ คนที่รู้ภาษามากก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่รู้ เหวินคิดว่าการที่มาเรียนแบบ 2 ภาษาแบบนี้ก็เป็นอีกแนวทางที่ดีค่ะ ในขณะที่เราเรียนภาษาอื่น เรียนรู้วัฒนธรรมอื่น เราก็ยังคงความเป็นไทยในตัวค่ะ ก็อยากจะบอกว่า ในปีแรกอาจจะลำบากจริง แต่พอเรียนไปแล้วสนุกมากๆค่ะ ได้ทั้งความรู้ และครอบครัว

     โอ้โห ฟังที่น้องเหวินเล่าให้ฟังแล้ว ประหนึ่งได้เข้าไปเรียนจริงเลยนะคะเนี่ย เห็นภาพเลยทีเดียว และก็อย่างที่น้องเหวินบอกนะคะว่า ในช่วงเริ่มต้นมันอาจจะยาก แต่ถ้าเราอดทนและพยายาม ผลที่ออกมาคุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะอย่างน้องเหวินเอง ก็มีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนโครงการ AFS เลยนะคะ คุ้มค่าสุดๆ

     ชาว Dek-D.com คงได้แนวคิดอะไรจากน้องเหวินไปบ้างนะคะ อย่างน้อยก็เรื่องของการคิดถึงอนาคต ที่อาจจะต้องมองไปไกลๆ ว่าต่อไป จะไปทางไหนดี แต่ก็ไม่ต้องเครียดไปนะคะ ถ้าสับสน หรือมีปัญหา เข้ามาที่เว็บ Dek-D.com แห่งนี้ ไม่มีทอดทิ้งน้องๆแน่นอนค่ะ ชัวร์!!!





พี่แนน
พี่แนน - Columnist พี่ใหญ่ฝ่ายกิจกรรมด้านการศึกษา และฝ่ายดูแลสุขภาพจิตของน้องๆ ในทีมให้เป็นปกติ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

7 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
khunununun<3 Member 22 ต.ค. 53 12:35 น. 2
 ใช่ค่ะ สำหรับเด็กที่อยากจะแข่ง AFS ต้องอายุ 15 ขึ้นค่ะ :)
จุ๋ยก็เรียนโปรแกรมนี้เหมือนกัน ..รู้สึกอบอุ่นค่ะ เพราะว่า teacher เค้าก็จะคอยสอนเราทุกอย่าง
แต่ก็ต้องเรียนหนักจริง ๆ ค่ะ มันก็ทำให้รู้สึกกดดัน.
แต่ teacher เค้าก็เหมือนเพื่อนเล่นเราอ่ะค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ดาชตะ Member 26 ต.ค. 53 21:18 น. 7

เราอยู่ป.6  แม่เราบอกว่าเดี๋ยวม.1จะให้ไปEP เพราะรร.เรามีภาคไทยกะEP รร.เราฝั่งEPอ่ะ ม.ต้นมีห้องเดียว  ห้องละ30คน (เคยไปเช็คมาอ่านะ)  ม.ปลาย  มี3สายคือ  วิทย์-คนิด ,ศิลป์-คำนวณ,ศิลป์ภาษา  แต่บางวิชาก้อเรียนรวมกัน  บางวิชาก้อเรียนแยกกัน  แต่พอถ่ายรูปลงหนังสือรุ่น  เขาให้ถ่ายรวมกัน  ครูประจำชั้นคนเดียวกัน  เพราะแต่ละสายมีเด็กแค่8-10คนเอง

0
กำลังโหลด
แจง 1 พ.ย. 53 14:42 น. 8
เราก็เรียนEPแม่เราที่เป็นครูENGบอกว่าสำเนียงดีขึ้นมาก
และพออายุ15ก็จะสอบAFSเหมือนกัน
ปล.เรียนหนักมากกกกกกกกกแต่สนุกสุดๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด