ติวเตอร์ดัง : พี่หมอเมศ "อ่าน 5 รอบทำข้อสอบได้ 90%"

     สวัสดีจ้าชาว Dek-D.com ปิดเทอมหลั่นล้าเฮฮาสุดๆ แบบนี้ ใครไปเที่ยวไหนกันมาบ้างคะ
เนี่ย แต่ยังไงก็อย่าลืมมาเจอกับ พี่แนน และสัมภาษณ์ติวเตอร์ดัง กันเหมือนเดิมนะคะ โดย
เฉพาะวันนี้ พี่แนน ได้คุยกับสัตว์แพทย์หนุ่ม ที่มีใจรักการสอนอย่างวิชาชีววิทยา มานั่งคุย
แบบฮาแทบตกเก้าอี้ ฮ่าๆๆ

     แท่น..แท้น..นั่นก็คือ พี่หมอเมศ น.สพ.กฤษณะ ธรรมศิริ จากสถาบันกวดวิชาเจี๋ย นั่นเองค่ะ !!พี่หมออารมณ์ดีจบคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่วันนี้จะมา
เล่าให้ พี่แนน ฟังว่าไปไงมาไงถึงมาเป็นติวเตอร์ได้ แถมเคล็ดลับว่าสอนชีววิทยายังไงถึงจะไม่
น่าเบื่อไปดูกันเลยค่ะ!!

     หลายคนคิดว่า ครูเป็นคนถ่ายทอดวิชาอย่าง
เดียว แต่จริงๆ แล้ว ครูก็ได้ความรู้จากเด็กด้วย โดย
ที่เด็กๆ อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สิ่งที่เราจะได้จากเด็กก็
คือ คำถาม เมื่อเราเจอเด็กเยอะขึ้น สิ่งที่เราจะเจอ
เยอะขึ้นก็คือ คำถาม เราก็ต้องไปหาคำตอบมากขึ้น
เมื่อเราไปหาคำตอบมากขึ้น เราก็จะได้ความรู้มากขึ้น
เราก็จะได้รู้ด้วยว่า เด็กหลายๆ คนสงสัยจุดไหนอยู่
ไม่เข้าใจบทนี้เพราะอะไ รเราก็จะได้รู้จักเด็กมากขึ้น
แล้วก็จะตอบโจทย์ตอบคำถามในใจเค้าได้มากขึ้นครับ

พี่แนน : แล้วตอนนี้ พี่หมอเมศสอนคอร์สไรบ้างคะ
พี่หมอเมศ : ตอนนี้พี่สอนของ ม.ต้น และ ม.ปลาย ครับ ของม.ต้น ก็จะสอนเป็นวิทย์รวม คือวิทย์ ม.2
ม.3 สอนพาร์ทชีววิทยา แล้วตอนนี้ที่กำลังเปิดก็เป็น
ชีวฯ ม.ต้น เพื่อการสอบเข้าเตรียมฯ หรือเพื่อการแข่งขัน การแข่งขันนี่ก็จะเป็นการแข่งขันโอลิมปิก
ม.ต้น ที่เค้าเรียกชื่อย่อว่า IJSO

พี่แนน : โอ้ คอร์สวิทย์เตรียมสอบ มันเป็นไงคะ?
พี่หมอเมศ : เรื่องความเข้มข้นก็จะต่างจากวิทย์ ม.ต้น ปกติ สำหรับเนื้อหาไปทาง ม.ปลายด้วยซ้ำ แต่อาจจะมีบางจุด หรือบางบทที่อาจไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ถ้าสอนปกติ เนื้อหาก็จะลดหลั่นลงมา

     ส่วนวิทย์เพื่อสอบเข้าเตรียมอุดม อันนี้จะสอนได้เราก็ต้องเคยเห็นตัวข้อสอบ หรือศึกษา
มาก่อน ว่าเค้าออกแนวไหน หรือออกอะไร เราก็ถึงจะพยากรณ์ หรือสอนไปตามนั้นก็คือสโคป
เนื้อหาไปตามนั้น หรือเกินก็ไม่มากเกินไปจะได้ไม่มากไป

พี่แนน : น้อง ๆแอบกลัวเนื้อหาชีววิทยากันเยอะ พี่หมอเมศมีเทคนิคสไตล์การสอนยังไงให้
น้องเข้าใจบ้างคะ
พี่หมอเมศ : ต้องเน้นให้น้องเข้าใจในตัววิชาชีวะฯก่อน สมัยก่อน พี่ก็เคยไม่ชอบวิชานี้มาก่อน
เพราะฉะนั้นก็ต้องตอบโจทย์ตัวเอง และน้องก่อนด้วยว่า ทำไมไม่ชอบ อันแรกที่พี่ได้ก็คือ น้องไม่เห็นภาพ อย่างเวลาที่เราเรียนชีววิทยา หรือพูดถึงเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ เราจิ้น(จินตนาการ)ไม่เห็นภาพ เพราะฉะนั้นการเรียนชีวะฯ ที่ถูกต้อง เราต้องเห็นภาพทันที เช่น
อาจจะขึ้นสมาร์ทบอร์ด หรือวาดรูป การวาดรูปก็เป็นเรื่องจำเป็น ให้เค้าวาดด้วย ก็จะทำให้เค้า
จำได้มากขึ้น สองก็คือ เมื่อเห็นภาพแล้วก็ต้องเข้าใจภาพรวมก่อน แล้วถึงจะเจาะลึกได้

     การเรียนชีววิทยา พี่จะบอกน้องเสมอว่าเหมือนการซูม ต้องซูมเข้าซูมออกได้ ก็คือ เมื่อ
เห็นภาพนี้ปั๊บ ต้องซูมไปถึงตัวเนื้อหา หรือคอนเซ็ปต์ได้ แต่ถ้าซูมเข้าอย่างเดียว ไม่ซูมออก
เลย คุณอาจจะหลงทางได้ เพราะฉะนั้นการซูมเข้าซูมออกของวิชาชีววิทยานั้นมีความสำคัญ

     ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของ Mind Mapping ที่จะทำ
ให้น้องๆ เห็นภาพรวม แล้วก็การเจาะลึกถึงตัวข้อสอบ
เพราะถ้าวันนี้เรียนชีวะฯเข้าใจสุดๆ แล้ว แต่ยังไม่เคย
ทำข้อสอบเลย ก็เหมือนน้องฝึกวิทยายุทธ์แต่ไม่เคยไป
รบเลย ต้องฝึกโจทย์ในแต่ละรูปแบบด้วย เพื่อที่จะทำ
ให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น

พี่แนน : แล้ว Bio-Super Melody ของพี่หมอเมศนี่
เป็นยังไงคะ
พี่หมอเมศ : คือส่วนตัวพี่ตอนเรียนจุฬา ไม่ได้เป็น
คนที่เรียนอย่างเดียว แต่ทำกิจกรรมด้วย เป็นคนชอบ
ร้องเพลงด้วย สอนชีวฯก็ไม่ได้คิดว่าจะมาร้องเพลง
ชีวฯหรือทำเพลงชีวขึ้นมา แต่ว่ามีไปสอนคอร์สหนึ่ง
น้องเค้าก็ถามขึ้นมาว่า ทำไมพี่ไม่แต่งเพลงเรื่องนี้
มาหล่ะ ก็เลยบอกว่า ได้เลยน้อง พี่ขอเวลาแต่งแล้ว
ก็เรียบเรียง 4 วัน (ฮ่าๆๆ)

     วันแรกก็ชิวๆอยู่ วันที่สองก็เริ่มเอาเพลงมาฟัง แล้วก็ร้องไปด้วย จนเราแต่งเพลงขึ้นมา ก็
เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซลล์ ก็คือ ความลับของเซลล์ ก็ดัดแปลงจาก ความลับของพอส วันต่อมา
ก็มาสอนแล้วก็ใช้เลย เอาเนื้อขึ้นกระดานเลย ปรากฏว่าเด็กก็ชอบ พี่ก็ตกใจ ว่าเฮ่ย อย่างนี้เลย
หรอ มันโอเคเลยหรอ (ฮ่า) บางช่วงสอนๆอยู่ น้องเค้าก็ร้องขึ้นมาเลยทั้งกลุ่ม เราก็รู้สึกมันใช้
ได้เว่ย (ฮ่าๆ)นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ ไบโอเมโลดี้ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้น้องเปิดใจในการเรียนชีวมาก
ขึ้น ครับ

พี่แนน : ปัญหาส่วนใหญ่ที่น้องๆ มาปรึกษาเกี่ยวกับวิชานี้ มีอะไรบ้างคะ
พี่หมอเมศ : ปัญหาของน้องๆ ก็คือ บางคนยังไม่เข้าใจเลยว่าวิชาชีววิทยา คืออะไร อย่างน้อง ม.ต้น ก็จะใช้เรียกว่า วิทย์รวม พอเราพูดถึงวิชาชีววิทยา เค้าก็จะงงว่า คืออะไร วิชาของ
ม.ปลาย หรือเปล่า จริงๆ มันก็อยู่ในวิทย์รวมนั่นแหละ เป็นเรื่องราวสิ่งมีชีวิต เกี่ยวกับตัวเอง
พืช สัตว์ หรือพันธุศาสตร์ ตรงนี้ก็ต้องเริ่มให้น้องเค้าเห็นภาพก่อน

     แต่ส่วนใหญ่ก็คือ มุมมองของน้อง ที่จะคิดว่า
ทำไมชีวะฯ ถึงเยอะจัง เนื้อหาเยอะ ทุกคนจะพูด
อย่างนี้ ที่เค้ารู้สึกอย่างนี้ เพราะปัจจุบัน ตอนนี้
หนังสือชีวฯมีขายเยอะมาก แล้วมันก็หนามากกกก
(ฮ่าๆ) ถ้าอ่านเองคงไม่ไหว เค้าเข้าใจมาแบบนั้น
เราก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติเค้าเราต้องไปตอบโจทย์
เค้าตรงนั่นว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้เยอะที่เห็นว่าเนื้อหา
เยอะ แต่จริง ๆแล้วคุณต้องเข้าใจแก่น หรือ Main
Idea ของมันก่อน ว่าคอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้มันคือ
อะไร บางทีมันอาจจมี60-70% ซึ่งที่เหลืออาจจะ
เรียกว่าเป็นความสวยงามข้างทาง ซึ่งก่อนที่จะไป
เก็บความสวยงามข้างทางก็ต้องเข้าใจคอนเสปต์
หลักก่อนว่าคืออะไร

พี่แนน : ถ้าอยากเรียนให้ประสบความสำเร็จ พี่หมอ
แนะนำน้องๆยังไงดีคะ
พี่หมอเมศ : เราต้องค้นหาตัวเอง และมีเป้าหมาย
ไม่อย่างงั้นการเรียนอะไรก็ตาม หรือทำอะไรก็คงยาก
พี่ก็เคยเป็นแบบนั้นจนมาถึงจุดหนึ่งที่เราต้องมาตอบ
ตัวเองว่า ทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จในการ
เรียนสักที ทั้งๆ ที่เราก็ทำตามเพื่อนที่เก่งๆ อย่าง
เพื่อนคนนึงอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน แล้วไปสอบ
ทำไมมันสอบได้ แต่พอเราไปสอบเราทำไม่ได้ ก็
ลองเปลี่ยนวิธีอื่น ไปทำตามเพื่อนที่ได้ 4.00 เรา
ก็ทำไม่ได้ รู้สึกมันไม่ใช่เรา

     จนมีวันนึงพี่ไปนั่งนิ่งๆ พอถึงจุดๆ หนึ่งเราคิดได้ว่า เราต้องหาจริตของเรา ต้องเข้าใจตัว
เองมากขึ้น ว่าเราเป็นคนอ่านหนังสือยังไง อย่างแต่ก่อน พี่ไปอ่านหนังสือที่หอสมุด เห็นคน
อื่นๆ เค้าอ่านกันได้ แต่พี่หลับ (ฮ่าๆ) ก็มาหาร้านสำหรับการอ่านหนังสือ จนมาเจอร้านกาแฟ
เพราะรู้ตัวเองว่าที่นี่แหละ และเราก็ต้องรู้ตัวเองอีกว่า บางคนทำตามเพื่อนอย่างเดียว โดยไม่
ศึกษาตัวเอง อย่างของพี่ มารู้ตัวเองว่าก่อนสอบ เราต้องอ่าน 5 รอบ ทำข้อสอบได้แล้ว 90%
หัวใจมันอยู่ตรงนี้ แค่เราหาตัวเองเจอว่าเราเป็นคนยังไง มันไม่จำเป็นที่ต้องไปทำตามเค้า
แล้วเราก็ทำตามโจทย์ในชีวิตของเราครับ

พี่แนน : เห็นพี่หมออารมณ์ดีแบบนี้ ตอนสอนมีเรื่องสนุกๆอะไรบ้างคะ?
พี่หมอเมศ : เคยมีครั้งนึง ตอนนั้นสอนไปด้วย แล้วก็เลี้ยงพิซซ่าน้องทั้งห้อง แต่ว่าก่อนหน้า
นั้น มีคลาสหนึงเรียนกับพี่ เป็นคลาสเช้า แต่พี่เลี้ยงคลาสบ่าย พี่ให้น้องคลาสบ่ายถือพิซซ่าคน
ละชิ้น แล้วบุกไปยั่วคลาสเช้า ปรากฎเด็กคลาสเช้าออกจากห้องมาเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง
อยากกินพิซซ่าบ้าง (ฮ่าๆๆ) ขนาดชิ้นที่กัดไปแล้วก็จะเอา (ฮ่าๆๆ)

พี่แนน : ว้า..มาถึงคำถามสุดท้ายซะแล้วค่ะ อยากให้
พี่หมอเมศฝากอะไรถึงน้องๆ ชาว Dek-D.com สัก
นิดค่ะ
พี่หมอเมศ : สำหรับน้องๆที่อยู่ใน ม.ต้น มีหมอเมศ
ก็แนะนำว่า ถึงแม้หนูจะอยู่ ม.ต้น ถามว่าจำเป็นไหมที่
หนูต้องมีเป้าหมาย พี่บอกว่าจำเป็นต้องมี ถ้าเกิดหนู
อยู่ ม.3 เทอม2 แล้วเพิ่งมารู้ว่าอยากสอบเข้าเตรียมฯ
ถามว่ามันทันไหม ในมุมพี่หมอเมศบอกว่าทัน แต่ถ้า
เรารู้เร็วกว่าจะดีไหม ถ้าเรารู้เร็วกว่า เราก็จะมีเวลา
เตรียมตัวได้มากขึ้น การฝึกโจทย์ การฝึกวิทยายุทธ
ได้มากขึ้น ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

     ส่วนน้อง ม.ปลายก็เช่นกัน ก็จำเป็นต้องมีจุดหมาย เพราะมัน คืออนาคตของเรา ว่าเราอยากจะเข้าคณะ
อะไรเพื่อที่เวลาไปเรียนจะได้ไม่ทุกข์ด้วย(ฮ่าๆ) เพราะ
ถ้าตอนนี้น้องยังไม่รู้ตัว เข้าคณะอะไรก็ได้ พอเข้าไป
เรียนบางทีเราก็ไม่ชอบคณะนั้นหรอก น้องก็อาจจะ
ต้องรอซิ่วเพราะพอไปเรียนก็ไม่ชอบ หรือบางคนเข้า
ไปเรียนแล้วก็เรียนด้วยความทุกข์ ไม่สนุก เรียนด้วย
ความจำใจ ถามว่ามันจะดีกว่าไหม ที่จะรู้ตัวเองวันนี้
แล้วไปเลือกคณะที่น้องชอบ ก็คือวางเป้าหมาย แล้ว
ไปให้ถึงตรงจุดนั้นครับ ^_^