เจ๋งอีกแล้ว!! "เสื้อเกราะพันธุ์อึด" ช่วยชีวิตทหารไทย

            สวัสดีค่ะน้องๆ^^ ในชีวิตจริงจะมีสักกี่คนที่ได้สัมผัสกับเสื้อเกราะ แต่สำหรับรั้วของชาติอย่างทหาร เสื้อเกราะอาจจำเป็นกว่าข้าวแต่ละมื้อซะอีก เพราะแค่กระสุนนัดเดียวนี่หมายถึงชีวิตทั้งชีวิตเลยนะ ของขลังอะไรก็ช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้าได้ติดตามข่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่าทหารไทยเราใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงยิ่งกว่าละครอีกนะ ทั้งปัญหาชายแดน ปัญหาความไม่มั่นคงต่างๆ รวมไปถึงปัญหายาเสพติด เพราะฉะนั้นเสื้อเกราะจึงถือเป็นอุปกรณ์สำคัญมากๆ ที่ช่วยรักษาชีวิตพวกเค้าให้อยู่รอดปลอดภัย วันนี้พี่มิ้นท์ก็เลยนำเอาเรื่องราวดีๆ มาฝากกัน รับรองว่าน้องๆ จะต้องอิ่มใจแน่นอน

         เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ศูนย์เทคโนโลยีโลหะวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ได้เห็นความสำคัญของการรักษาชีวิตของทหารกล้าทั้งหลาย จึงได้มีการวิจัยและพัฒนาแผ่นเกราะกันกระสุนแบบแข็ง สำหรับใช้ป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ จริงๆ แล้วโครงการนี้ได้มีการทำมาระยะหนึ่งแล้วค่ะ และมีการส่งมอบให้กับทหารและตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วด้วย ส่วนปัจจุบันก็ได้พัฒนาปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนถือเป็นรุ่นที่ 2 แล้วซึ่งล่าสุด ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รมต.กระทรวงวิทย์ฯ ก็ได้ส่งมอบให้กับแม่ทัพภาคที่ 3 อีกจำนวน 47  ตัว เพื่อไว้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคงและร่วมปราบปรามยาเสพติด

          เสื้อเกราะรุ่นที่ 2 นี้ มีความพิเศษมากเลยล่ะ เพราะเป็นเสื้อเกราะชนิดแข็ง ใช้แผ่นกระสุนที่ทำจากแผ่นเซรามิกส์อลูมินา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเสื้อเกราะนี้ เพราะคุณสมบัติของวัสดุเซรามิกส์ที่เบาและแข็งนี้เอง สามารถทำลายหัวกระสุนที่มีความเร็วสูงให้แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ได้ และความแข็งช่วยกระจายแรงได้ดีอีกด้วย จากนั้นก็หุ้มด้วยโลหะอลูมิเนียมและเส้นใยเคฟล่าความหนาแน่นสูง ทำหน้าที่ดูดซับแรงและเก็บสะเก็ดไม่ให้เป็นอันตราย ความสุดยอดอีกต่อนึงก็คือ ได้มีการออกแบบและประกอบให้มีลักษณะโค้ง เพื่อให้รับกับสรีระของคนไทยโดยเฉพาะอีกด้วย

 

           พูดถึงคุณสมบัติขนาดนี้แล้ว ก็อยากรู้ถึงประสิทธิภาพของเสื้อเกราะคุณภาพสูงนี่แล้วใช่มั้ยล่ะ?? ขอบอกว่าเสื้อเกราะนี้มีประสิทธิภาพการป้องกันภัยได้ถึงระดับ 3A (ยิงด้วยกระสุน .44 แม็คนั่ม และ M855) และมีประสิทธิภาพในระดับ 3 (ยิงด้วยกระสุน 7.62) เมื่อใช้ร่วมกับเสื้อเกราะอ่อน 3A ตามมาตรฐาน NU (National Institute of Justice) ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ทั้งนี้ เสื้อเกราะกันกระสุนแต่ละตัว จะมีน้ำหนักเพียง 8 กิโลกรัม และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า เพราะสามารถทนต่อความชื้นและแสงแดดได้ดีกว่า รวมไปถึงยังมีราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการนำเข้าจากต่างประเทศอีกด้วย

          ปล. มาคิดกันเล่นๆ ดีกว่าว่า ถ้าไม่ใช่เสื้อเกราะ น้องๆ จะประดิษฐ์อะไรขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาชีวิตพี่ๆ ทหารใจดีของเรากัน??