8 นิสัยไม่ได้เรื่อง!!! สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์



       พี่เกียรติคิดว่า วินาทีนี้ เรากำลังแข่งขันกันเพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศในการเรียนและการทำงานต่างๆ ดังจะเห็นได้ว่า น้องๆ ต่างเรียนกันอย่างหนักหน่วง เรียนพิเศษได้เป็นเรียน ไปค่ายได้ต้องไป ทำงานโรงเรียน แต่งนิยาย ไปแข่งกีฬา ฯลเป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยเนอะ แต่ที่เราเหนื่อยกัน ก็เพื่อจะได้เป็นคนมีอนาคตที่ดีใช่ไหมล่ะ? แต่จะเรียนเก่งอย่างเดียว ก็กลายเป็นเด็กคงแก่เรียนธรรมดาเกินไป เราต้องนำสมัยเป็นเด็กเรียนก็ดี เด็กเล่นก็ได้ในคนเดียวกัน
 
        เพราะฉะนั้น เราต้องมีความคิดสร้างสรรค์ จะได้ทำการบ้านที่แปลกใหม่ คิดหาวิธีแก้ไขโจทย์เลขได้ ทำงานศิลปะที่แหวกแนว แล้วก็มีวิธีการผ่อนคลายที่เหมาะสมที่เป็นประโยชน์ เอ๊ะ แล้วความคิดสร้างสรรค์มันจะสร้างขึ้นมาได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย พี่เกียรติได้นำเสนอไปแล้วบางส่วน ในบทความเรื่อง "คิดอย่างไร ให้อยู่นอกกรอบ" แต่จริงๆ แล้วเจ้าความคิดสร้างสรรค์ ก็ถูกสกัดกั้นจากนิสัยส่วนตัวของเราเองด้วยนะ เรามาดูกันดีกว่าว่าอุปนิสัยแบบไหนที่ควรนำมันออกไป ไม่อย่างนั้นมันจะมีสกัดกั้นเราจากการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ขาดความคิดสร้างสรรค์ก็เหมือนขาดสีสันที่จะแต่งแต้มให้สมองเราพัฒนาด้วยนะ





นิสัยที่สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์
 
        1. ไม่ช่างสังเกต ความช่างสังเกตนี่เป็นพื้นฐานของคนฉลาด เพราะความช่างสังเกตจะทำให้เกิดการสงสัย การสงสัยนำไปซึ่งการหาคำตอบ แล้วการได้คำตอบก็เท่ากับเราได้สร้างความรู้ใหม่ให้แก่สมองเรา แต่ถ้าเราไม่เริ่มสังเกตอะไรเลย ปล่อยให้ชีวิตอยู่กับสิ่งเดิมๆ ไม่ใช่แต่สมองที่ไม่ได้พัฒนา และไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์นะ แม้แต่ชีวิตเราก็จะเกิดอุบัติเหตุเพราะความประมาทอันไม่ช่างสังเกตได้ เช่น การเดินไปโรงเรียนทุกวันบนทางเท้าประจำจนชิน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมามีการปรับปรุงทางเท้านี้โดยที่เราไม่รู้ มีเทปูนไว้ ปูนก็ยังไม่แห้ง มีป้ายเตือนติดไว้ แต่บังเอิญป้ายปลิวหายไป ด้วยความที่เราเดินทุกๆ วัน เราก็ไม่สังเกตความผิดปกติอะไรของพื้นทางเท้านั้น สุดท้ายเราก็เดินตกลงไปในปูนที่ยังไม่แห้ง ตัวอย่างนี้มีจริงนะเออ!! เพราะฉะนั้น มาเป็นคนช่างสังเกตดีกว่า เริ่มจากสิ่งรอบตัวนี่แหละ คำเตือน อย่าวางใจกับเส้นทางที่คุณเดินทางประจำ ฮา

           2. เห็นพ้องไปกับคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่เห็นด้วย คนที่ไม่กล้าปฎิเสธ หรือทำตามความคิดเห็นของตนเอง แม้จะคิดว่ามันดีกว่าก็ตาม ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขได้นะ เคยไหมที่โมโหตัวเอง เพราะมัวแต่ไปเชื่อคนอื่น เพราะ ต่อให้เรามีความคิดดีๆ แต่ไม่กล้าบอกความคิดเขา กลัวผิด ยอมที่จะเห็นพ้องไปกับคนอื่นทุกเรื่อง เป็นการสั่งสมให้เรากลายเป็นคนที่ไม่สามารถมีความสุขของชีวิต ด้วยไม่เคยพบกับความสำเร็จที่เกิดจากความคิดตนเองเลยได้ แต่การเห็นต่างก็ต้องมีเหตุและผลนะคะ ถ้าเป็นการเห็นต่างเพราะไม่ชอบ ไม่ถูกชะตาเฉยๆ แบบนี้ก็สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ในแง่การไม่ยอมรับความคิดของผู้อื่นเหมือนกัน

       3. คิดไปก่อนแล้วว่า “เป็นไปไม่ได้ มันทำไม่ได้” จริงๆ แล้วชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับตัวเราเองนะ อย่างเวลาที่เราตัดสินใจอะไรสักอย่าง ถ้าเราเลือกที่จะทำตามคนอื่น แต่ในบางเวลาหรือต้องเผชิญสิ่งใหม่...หลายครั้งเรากลับคิดแต่ว่า ทำไม่สำเร็จ เป็นไปไม่ได้ ทำไปก็เท่านั้น ฯลฯ แล้วก็เลือกที่จะไม่ทำ สุดท้ายเราก็จะไม่มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาในชีวิตเลย  สมองทำงานอยู่กับความคิดคำนึงของตัวเรานะ ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้บ่อยๆ เข้า สมองจะรับข้อมูลนั้นและเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก ทำให้เราไม่สามารถสลัดความเป็นไปไม่ได้นั้นออกไปได้ เราเลยเชื่อว่า ตัวเองทำไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่างไงล่ะ

          4. ทำอะไรซ้ำๆ สิ่งจำเจเป็นอาการดื้อยาของสมอง     เจอบ่อยๆ ยาก็ไม่ออกฤทธิ์ ไม่ออกประโยชน์ การทำอะไรซ้ำๆ เลยเป็นสิ่งสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ ลองทำสิ่งใหม่ให้สมองได้เรียนรู้บ้างดีกว่า อย่ามัวแต่กินอาหารเมนูเดิม เปลี่ยนบ้างสิ อิอิ ถ้าตอนนี้ยังทำให้เห็นเป็นพฤติกรรมไม่ได้ แค่คิดอะไรใหม่ก็ยังดี จินตนาการใช้ได้จริงนะ!!



     5. ไม่ชอบแสดงความคิดเห็น มาพร้อมกับการเห็นพ้องไปกับคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่เห็นด้วย หรือบางทียิ่งแย่ไปกว่านั้นเพราะ แทบที่จะไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เช่น ในการประชุมกลุ่มรายงาน คิดว่าให้เพื่อนเก่งๆ เขาทำๆ ไป เดี่ยวเราค่อยช่วยออกแรงพิมพ์รายงานก็พอ ตอนนี้แหละที่อีกหนึ่งความคิดเห็นดีๆ หายไป งานกลุ่มควรเป็นงานที่ทุกคนในกลุ่มช่วยกันออกความคิดเห็นและร่วมกันทำ แต่มีไม่น้อยเลย ที่งานกลุ่ม คือ ความคิดเห็นของผู้นำกลุ่มหรือเพื่อนที่เรียนเก่งที่สุดเพียงคนเดียว แบบนี้คนที่เก่งก็ได้คิดและเก่งอยู่คนเดียวน่ะสิ การที่เราไม่ออกความคิดเห็น ทำให้สมองไม่ได้เกิดการทำงาน ไม่มีการแก้ไขปัญหา ไม่มีการเชื่อมโยงความคิดเห็นและแสดงออกมาเป็นคำพูด เท่ากับสมองไม่ได้พัฒนาในเวลาที่มีโอกาสนั่นเอง




 
      6. ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น คนที่กล้าแสดงความคิดเห็นของตนเอง และใช้ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ก็เป็นอีกอุปนิสัยที่สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ เพราะ ความคิดเห็นของคนๆ เดียว อาจผิดพลาด หรือไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็ได้ แม้จะมาจากคนที่เราเห็นว่าเก่งที่สุดก็ตาม และยิ่งเป็นคนที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นแล้ว จะทำให้ตนเองกลายเป็นคนน่ารังเกียจ ที่ไม่มีใครอยากทำงานร่วมด้วยอีกต่างหาก การรับความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราตั้งใจคิดตามทุกความคิดเห็นของคนอื่นด้วย เราจะเห็นว่าแต่ละคนมีมุมมองที่มาจากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เมื่อมุมมองเหล่านั้นมารวมกัน จะทำให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ 

         7. ยึดติดกับความรู้เดิมๆ หรือประสบการณ์เดิมๆ คนที่อ่านหนังสือมาก คนที่เรียนเก่ง มักคิดว่าความรู้ที่มีเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องหาความรู้เพิ่ม คนที่คิดแบบนี้กำลังขังตนเองอยู่ในกรอบ  ทำตัวเป็นกบในกะลา และยังคิดอีกว่าเป็นกะลาที่ดีที่สุดในโลก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว โลกนี้กว้างใหญ่ และยังมีปริศนามากมายที่ไขไม่ออก แปลว่า ยังมีความรู้อีกมากที่เรายังไม่รู้ อย่าให้ใครมาบอกว่าเราเป็นกบในกะลาได้

         8. อยากรู้หรือสงสัยแต่ไม่ถาม บางทีน้องๆ อาจเป็นคนช่างสังเกตอยู่แล้ว อาจเป็นคนคิดเก่ง และมีคำถามอยู่เสมอ แต่ถึงแม้จะมีอุปนิสัยพื้นฐานของคนฉลาดอยู่แล้ว แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะถาม เลยทำให้พลาดความรู้ดีๆ หรือโอกาสที่ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวได้ บางที่น้องๆ ที่มีคำถามอาจไปหาคำตอบจากหนังสือ หรืออินเทอร์เน็ตก็ได้ แต่ในชั้นเรียนกลับไม่กล้าถามครู บางทีไปหลงทางที่ไหน ก็กลับไม่กล้าถามทาง หรือลืมที่จะหาคำตอบของปัญหานั้นๆ ไปอีก อย่าลืมว่าบางทีความคิด หรือจุดเริ่มต้นดีๆ ก็มาแบบแป๊บๆ แล้วก็เลือนไปจากสมองได้ ทำไมเราไม่หาคำตอบทันทีที่สงสัยเลยล่ะ ถ้าปิ๊งแล้วต้องปุ๊บปั๊บลงมือทำลงมือคิดด้วยนะ





น้องๆ ชาว Dek-D.com ลองสำรวจตนเองดูนะ...ว่า
กำลังทำตัวเองให้กลายเป็นคนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์หรือเปล่า?

อย่าปล่อยให้อุปนิสัยสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ 
มาทำให้เราหยุดคิด หยุดฝัน หยุดสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่เพื่อตัวเราเลยค่ะ
 
 


พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

30 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Aswin@mao21.24.118.81 Member 2 ส.ค. 54 03:04 น. 13
ผมว่าบางข้อก็เห็นต่างนะ อย่างทำอะไรซ้ำๆ บางครั้งถ้าเราทำมันซ้ำแต่เราได้อะไรใหม่ๆจากการทำซ้ำล่ะ ผมก็ว่าสามารถที่จะนำไปเป็นความคิดสร้างสรรค์ได้นะ
หรือการไม่แสดงความคิดเห็น ซึ่งข้อนี้อาจมาจากอุปนิสัยพื้นฐานได้ หนำซ้ำการไม่แสดงความคิดเห็นออกมาไม่ได้แปลว่าเราไม่มีความคิดเห็น เพียงแต่เราไม่ยินดีที่จะแสดงมันออกมาต่างหาก
ซึ่งการไม่แสดงความคิดเห็นออกมาหลายครั้งอาจเพาะสถานการณ์กำหนดเสียด้วยซ้ำทำให้ยากที่จะเอ่ยความคิดความเห็นออกมาได้ ซ้ำโดยส่วนตัวผมว่าความคิดสร้างสรรค์มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาพถูกกดดันด้วยซ้ำ
แต่ก็มีหลายข้อ(ซึ่งเป็นส่วนใหญ่อ่ะ)นะครับที่ผมเห็นด้วย แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ต้องควบคู่ไปกับการรู้จักตนเอง และ การใช้จินตนาการ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Karine!! et ~KiaT_T~ Community 2 ส.ค. 54 18:06 น. 16
ขอบคุณน้อง คห.13 มากๆ เลยจ้าาาา

เป็นแบบอย่างของคนที่จะไม่ถูกนิสัยหรือพฤติกรรมใดๆ ปิดกั้นความคิดดีๆ เพราะกล้าแสดงความคิดเห็นต่างที่ดี มีเหตุผลประกอบ อิอิ

เรื่องจินตนาการและการรู้จักตนเอง จะช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ พี่เห็นด้วยมากๆจ้า 

ส่วนเรื่องทำอะไรซ้ำๆ นั้น ถ้าทำซ้ำเพื่อให้เกิดความชำนาญก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ และก็ได้อะไรใหม่ๆอย่างน้องว่ามาด้วย  แต่บางที่การทำซ้ำก็กลายเป็นความเคยชิน นำมาซึ่งความน่าเบื่อหน่าย ชวนให้ไม่พัฒนาตนเอง เฉยชา เหมือนการทำงานอะไรซ้ำของพนักงานผลิตของในโรงงาน ที่ทำแต่แบบเดิมๆ แต่ก็ไม่เกิดความคิดใหม่เลย พาลเบื่อไปด้วย 

ส่วนในเรื่องที่ เราเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นออกมาก็ได้ ข้อนี้พี่เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ทั้งหมดนะ เพราะคนที่ไม่กล้าแสดงออกมาจริงๆ ก็มี คนที่ไม่กล้าแบบนั้นจะสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ดีๆค่ะ อย่างน้อยที่สุด เราจะไม่ได้ฟังเรื่องดีๆ จากคนๆนั้นไง แบบนั้นไม่ใช่การเลือกที่จะไม่พูดเนอะ

ดีใจจังเลย
ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ติดตามน้าาาา

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด