|
คิดผิด ย่อมติดขัด
แต่ เอ๊ะ ที่ทางและเวลาที่ถูกต้อง มันเป็นอย่างไรกันนะ
มีผู้เขียนหนังสือด้านการฝึกการคิดและพัฒนาสมอง ชื่อ Kurt Hanks และ Jay Parry บอกไว้ว่า ความคิดดีๆ จะล้มเหลว เมื่อ...
1. มาผิดเวลา เช่น เราคิดวิธีการเก็บขยะหลังน้ำท่วมได้ตอนเรียนวิชาภาษาไทย ก็เลยโพล่งขึ้นมากลางคาบ หวังว่าอาจารย์จะเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่จะไปช่วยเก็บขยะ แต่อาจารย์ยิ่งโกรธเพราะหาว่าไม่ตั้งใจเรียน นี่มันวิชาภาษาไทย ไม่ใช่ชั่วโมงบำเพ็ญประโยชน์นะ!
2. ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สมมติว่าเราคิดได้ว่า น้ำท่วมเพราะผนังกั้นน้ำตรงบริเวณXYZ ไม่ดีแน่นอน ด้วยทฤษฎีต่างๆ ที่เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เลยเอาสมมติฐานของที่คิดได้ไปเขียนไว้ในBlogของเรา มีคนเห็นเลยเอาไปแบ่งปันทางสังคมออนไลน์ต่างๆ แทนที่คนจะเห็นว่าควรไปจัดการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำให้ได้ผลตามทฤษฎีของเรา กลับเอาไปพูดว่าใครสร้างพนัง คนสร้างพนังมันโกงกินจนพนังไม่ดีแน่นอนแทน เรื่องดีๆ กลายเป็นเรื่องแย่ๆ เพราะเกิดความเข้าใจผิดต่างๆ แม้เราไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
3. ปริมาณที่ไม่ถูกต้อง เช่น การทายาผื่นแพ้ต่างๆ บางทีหมอก็บอกว่าให้ทายาบางๆ แต่เรากลัวไม่หายเลยทายาลงไปมากๆ แทนที่ยาจะไช่วยให้ผื่นแพ้หาย ยิ่งแพ้เข้าไปใหญ่เพราะยาทำปฏิกิริยาผิดพลาดไป ปริมาณกับความคิดก็เป็นเรื่องสัมพันธ์กัน ทั้งในรูปแบบจำนวนความคิด และกรรมวิธี อย่างเรื่องส่วนผสม ใส่สารเคมีตัวนั้นน้อยไป ไม่เกิดผล ใส่ตัวนั้นมากไป เลยระเบิดเสียหาย เป็นต้น หรือแม้กระทั่งมัวแต่คิดและเสนออย่างเดียว แต่ไม่ลงมือทำอะไร เข้าทำนองเจ้าความคิดแต่ไม่มีผลงาน
 ความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ แต่ความสำเร็จเกิดการปัจจัยหลายๆ อย่าง เหมือนจิ๊กซอว์ กว่าจะสำเร็จเป็นรูปร่างก็มาจากหลายชิ้นส่วน ความคิดที่จะเป็นประโยชน์ก็เกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่างเช่นกัน แต่ดังที่น้องๆ คงจะเห็นแล้วว่าบางทีข้อมูล ความคิดที่กลั่นกรองมาจากสมองของเรา อย่างดีมากๆ แล้วก็ตาม แต่ถ้าเราไม่รู้จักต่อจิ๊กซอว์แห่งความคิดของเราให้ถูกที่ ถูกกาลเทศะ ถูกวิธีการ ก็อาจไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ความคิดของเราได้เป็นความคิดที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ ไม่ติดขัด และเป็นปัญหาแก่ใครค่ะ
คิดให้ดี คิดให้ถูกที่ คิดให้ถูกเรื่อง ถึงจะเรียนว่า "คิดเป็น" นะ
 
|
คิดผิด ย่อมติดขัด
พี่เกียรติ
- Community Master
ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น
7 ความคิดเห็น
กำหนดมันขึ้นมา หากอยากรู้ว่าจริงไหม เมื่อไรที่คุณคิดว่าผิด ลองคิดต่อว่าทำไม มันถึงผิด
เหตุผลจะค่อยเกิดขึ้น และมันจะกลายเป็นไม่ผิด และเมื่อไรที่คุณคิดว่าถูก ลองคิดว่า ทำไม
มันถึงถูก เหตุผลจะค่อยๆเกิดขึ้นและกลายเป็นไม่ถูก จริงๆมันอยู่ที่ใจเราตะหาก
ที่อยากให้เป็นอย่างไร อย่างเช่นว่า ถ้าคุณเป็นคนประหยัด การซื้อหนังสือใหม่สักเล่ม
จะกลายเป็นเรื่องผิด ด้วยเหตุผลที่ว่า เล่มเก่ายังอ่านไม่จบ บ้าง ยืนเพื่อนก็ได้ บ้าง
ร้อยแปดเหตุผลที่จะทำให้ไม่ซื้อ ซิ่งเป็นผลมาจากใจที่ประหยัด กับอีกคนที่ ชอบการอ่าน
การซื้อหนังสือเล่มใหม่ สักใหม่ กลับไม่ใช่เรื่องผิด ไม่มีกฏหมายออกมาว่า
คุณต้องอ่านหนังสือเล่มเก่าให้จบก่อนนะ ถึงซื้อเล่มใหม่ได้ จะยืมเพื่อนทำไม
เป็นเจ้าของเองดีกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากใจที่รักการอ่าน ที่นี้ก็คุณแล้ว ใจของคุณเป็นอย่างไร
สิ่งนั้นมันจะถูกเพราะมันมีแนวโน้มไปทางเดียวกันกับใจของแต่ละคนมันก็เท่านั้นเอง
คนเราถ้าใช้เหตุผล ถ้าเปลี่ยนมุมมอง อะไรๆ มันก็จะมองได้กว้างขึ้น และชัดเจนขึ้น
(แต่บางเรื่องที่มันผิดก็ให้มันผิดไปเถอะค่ะ เช่น เสพยา ขโมยของ อะไรแบบเนี๊ยะ ไม่ต้องคิดให้มันไม่ผิดก็ได้)