สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com พ.ศ.นี้ ถือได้ว่าธุรกิจกวดวิชาเฟื่องฟูจริงๆ หันซ้ายหันขวาก็เจอแต่น้องๆ แบกกระเป๋าไปเรียนพิเศษตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันอาทิตย์!! ล่าสุดน้อง ป.6 ก็ถึงกับเข้าโรงเรียนกวดวิชาเพื่อเข้าม.1 กันแล้ว น้องๆ หลายคนก็ได้มาระบายให้ฟังอยู่เสมอว่าไม่ได้เรียนพิเศษเหมือนคนอื่นเขา แล้วจะสู้คนอื่นได้มั้ย
จริงๆ แล้ว รุ่นพี่ที่เรียนได้เกรดดีและเรียนประสบความสำเร็จหลายคนก็ไม่ได้เข้าคอร์สกวดวิชามาก่อน แต่มาจากความพยายามของตัวเอง นี่ก็เป็นเหตุผลที่ พี่มิ้นท์ จะมาย้ำกับน้องๆ ว่า แม้ไม่เรียนพิเศษ เกรดของเราก็วิเศษได้ด้วยตัวเอง ว่าแล้วลองมาดูวิธีการต่างๆ กันดีกว่า
เคล็ดลับที่ 1 : รู้ก่อนเพื่อน
รู้ก่อนเพื่อน คือ ทุกครั้งก่อนเข้าเรียน น้องๆ ควรอ่านเรื่องที่จะเรียนมาล่วงหน้าก่อน เพื่อให้รู้เนื้อหาหรือขอบเขตคร่าวๆ ของสิ่งที่เราจะเรียนกันในวันนั้น เพื่อเป็นการปูความรู้พื้นฐานให้มีอยู่ในหัว พอได้เข้ามานั่งเรียนจริง เรื่องง่ายก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายมากก ส่วนเรื่องยากก็อาจจะกลายเป็นเรื่องง่ายของเรา อาการนั่งเอ๋อ เกาหัวหมดไปแน่นอน
สรุปแล้วในทุกๆ คืน ขอให้น้องๆ หยิบแผนการสอน หรือ course syllabus ขึ้นมาดูว่าพรุ่งนี้เราเรียนเรื่องอะไร แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านในบทนั้น ตรงไหนไม่เข้าใจก็ให้ทำเครื่องหมายไว้ แล้วตั้งใจฟังในห้องเรียน หรือ เก็บไว้ถามคุณครูก็ได้ค่ะ
เคล็ดลับที่ 2 : ใส่ใจเพิ่ม 100% ในวิชาที่คิดว่าตัวเองยังไม่ปึ้ก
วิชาเรียนในแต่ละเทอมมีเกือบสิบวิชา ก็ต้องมีทั้งวิชาที่เราถนัดและไม่ถนัด ซึ่งวิชาที่ไม่ถนัดเป็นตัวฉุดให้เราได้คะแนนที่ไม่ดี หากเป็นคนทั่วๆ ไป ก็คงจะเกลียดเข้าไส้กันไปข้าง แต่ถ้าอยากพัฒนาตัวเองจริงๆ ต้องวิ่งสวนทางเหมือนพี่นิชคุณ อร๊าย! ไม่เกี่ยว!! คือ เราต้องวิ่งเข้าหาไม่ใช่วิ่งหนี เมื่อรู้ว่าไม่ถนัด ก็ควรใส่ใจเพิ่มมากขึ้น เช่น ตั้งใจฟังมากขึ้น พยายามทำการบ้านให้ได้มากขึ้น เข้าหาครูมากขึ้น การเข้าใจในวิชาที่ไม่ถนัด ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ต้องทำให้ได้นะ^^
ส่วนวิชาที่ชอบและปึ้กแล้ว ก็ขอให้รักษามาตรฐานของตัวเองต่อไป
เคล็ดลับที่ 3 : หาเทคนิคการจำแบบฉบับของตัวเอง
ข้อสอบมัธยมส่วนใหญ่จะมาเป็นข้อสอบช้อยส์และเน้นความจำ ถ้าท่องแบบธรรมดา เตรียมตัวมาไม่ดี แค่วิ่งสะดุดบันไดก็อาจทำให้ลืมที่ท่องมาทั้งหมดได้ ดังนั้นควรสร้างเทคนิคส่วนตัว เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในระบบความจำของเรานานขึ้น อย่างเช่น ใครจำตารางธาตุไม่ได้ เดี๋ยวนี้ก็มีหลายคนพยายามทำออกมาเป็นเพลงช่วยจำหลายเวอร์ชั่น ซึ่งน้องๆ หาดูได้ตามเว็บ youtube หรือการท่องจำวิชาอื่นๆ ก็ใช้หลักเดียวกันได้ คือ จำเป็นเพลง จำเป็นจังหวะ สมองเราจะจดจำได้นานขึ้นค่ะ ซึ่งวิธีนี้ห้องเรียนกวดวิชาก็ใช้เป็นเทคนิคอันดับต้นๆ เลย
วิธีไหนที่ใช้ได้ผล ก็อย่าลืมจำไว้เป็นเทคนิคส่วนตัวและนำไปใช้กับวิชาอื่นๆ ต่อไปด้วยนะ
เคล็ดลับที่ 4 : ขอหนังสือจากรุ่นพี่มาอ่าน
หากมีรุ่นพี่ที่รู้จักและสนิทพอสมควร ก็ลองเอ่ยปากถามขอชีทหรือหนังสือไว้อ่านเตรียมสอบก็ได้นะคะ เพราะพี่มิ้นท์ก็เคยใช้วิธีนี้ตอนเรียน โดยเฉพาะตอนขึ้น ม.6 ก็ขอหนังสือจากรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ส่วนใหญ่ใจดีให้แน่นอนค่ะ อาจจะได้เยอะกว่าที่คิดไว้ก็ได้
จุดโฟกัสไม่ใช่แค่ได้หนังสือฟรี แต่น้องจะได้ความรู้และเทคนิคที่พี่เค้าจดมาให้ด้วย ดีไม่ดีหนังสือที่ได้ก็เป็นหนังสือกวดวิชาของพี่ๆ เค้านั่นแหละค่ะ แค่กลับมาตั้งใจทบทวน ก็ไม่ต้องเสียเงินไปเรียนกวดวิชาแล้ว
เคล็ดลับที่ 5 : เข้าห้องสมุด หาหนังสือเพิ่ม
หนังสือที่ใช้เรียนอยู่ตอนนี้ อาจตอบโจทย์ความรู้ที่อยากได้ไม่ดีพอ แทนที่จะหันไปเรียนพิเศษ ลองเอาเวลาเหล่านั้นเข้าห้องสมุด หาหนังสืออ่านเพิ่มเองก็ได้ประโยชน์มากพอๆ กัน หากไม่เดือดร้อนก็ซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มซักสองสามเล่ม แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็น ห้องสมุดของน้องๆ จะกลายเป็นพระเอกก็งานนี้ ในห้องสมุดของโรงเรียนมีหนังสือเป็นพันๆ เล่ม รอน้องๆ ยืมไปอ่านอยู่นี่แหละจ้า
แต่ความยากของเคล็ดลับนี้ คือ ไม่มีใครมาจ้ำจี้จ้ำไชหรืออธิบายทุกเรื่อง จึงเป็นหน้าที่ของน้องๆ ที่จะต้องจริงจังและทุ่มเทไปกับการอ่าน และการหาความรู้มากกว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าทำได้ล่ะก็ 4.00 ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
สิ่งสำคัญที่สุดในทุกเคล็ดลับ คือ อยากให้น้องๆ มีความตั้งใจที่สูงกว่าคนอื่น ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีความมั่นใจในตัวเอง รวมถึงมีกำลังใจดีๆ ในทุกๆ วัน แค่นี้ก็เชื่อว่าประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครยังไม่มีกำลังใจล่ะก็ มารับจากพี่มิ้นท์ไปเลยจ้า :D
46 ความคิดเห็น
อ่านแล้วก็งงบ้าง ก็เข้าใจบ้าง
ก็พยายามทำความเข้าใจอยู่
เราก็ไม่ได้เรียนพิเศษ ก็ได้เกรด 3.76
แค่เราตั้งใจก็ไม่ไกลความพยายามของเราค่ะ
จาก น้องนิว.
ก็จะรกบ้านมากๆเลย ฉะนั้น ทำตามสไตล์เราเองนะคะ 555
เราเปิดหาในเน็ต ดู youtube เอา
พอกลับมาบ้านก็ทำการบ้านให้เสร็จแล้วอ่านหนังสือ
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ลองไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
ปีที่แล้วได้เกรด 3.81 แน่ะ...ลองนำไปใช้ดูนะคะ