เผยเคล็ดลับเรียนเก่ง ว่าที่ "นศ.ทันตะฯ" ดีกรี 4.00 สิบเทอม!

            ถ้าจะมานั่งระลึกอดีตว่าเคยได้เกรด 4.00 กี่ครั้ง พี่มิ้นท์คงต้องย้อนกลับไปสมัยประถมเลยค่ะ ประถมเป็นช่วงที่เลข 4 ในสมุดพกชุกชุมมาก แต่พอขึ้นมัธยมมาอย่าพูดถึงเกรด 4.00 เลย เอาแค่ 3.5 ก็เฉียดไปเฉียดมาไม่ได้ซักที

            แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่ายังมีเด็กไทยที่ได้เกรดอลังการเสมอต้นเสมอปลาย นับรวมแล้วก็ได้เกรด 4.00 ทั้งหมด 10 เทอม!! GPAX ม.ปลายไม่ค่อยโหดเท่าไหร่ 3.98 เท่านั้นเอง ><

             ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ชาว
Dek-D.com คงคุ้นหน้ากันพอสมควร นั่นก็คือ กัปตันเอ๋ย แห่ง Brand's Admission Reality ปี4 ที่ ณ ตอนนี้พี่เอ๋ยของเราสอบติดรับตรงคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลไปเป็นที่เรียบร้อย เท่ากับว่าพี่เอ๋ยทำภารกิจคณะในฝันสำเร็จแล้ว พี่มิ้นท์เลยคว้าตัวมาสัมภาษณ์เค้นเคล็ดลับเด็ดๆ ที่มาสถิติเกรด 4.00 สิบเทอม!! ตอนนี้น้องๆ คงอยากรู้เหมือนกันล่ะสิ อย่ารอช้าค่ะ ไปทำความรู้จักกันเลย

     Dek-D.com : แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยค่า จบจากไหน ตอนนี้สอบติดที่ไหนแล้ว
     พี่เอ๋ย : สวัสดีค่ะ ชื่อเอ๋ย ณัฐพร สุทธิสว่างวงศ์ หรือกัปตันเอ๋ย BAR4 เพิ่งจบ ม.6 สดๆ ร้อนๆ ที่โรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุฯ ตอนนี้สอบติดคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ :)

   
  Dek-D.com : ทำไมถึงอยากเรียนทันตะ มีแรงบันดาลใจอะไร
     พี่เอ๋ย : ตอน ม.ต้น เคยจัดฟันค่ะ ทำให้ต้องไปคลินิกทำฟันบ่อยมาก ด้วยความคุ้นเคยแล้วคุณหมอใจดีมาก เลยเป็นเหมือนแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากจะเป็นหมอฟันตั้งแต่นั้น และตอนเด็กๆ เวลาไปรักษาฟันก็ไม่เคยกลัวหมอฟันเลยชอบมากๆ ด้วยซ้ำค่ะ 555

     
Dek-D.com : ได้ข่าวว่าเอ๋ยเรียนเก่งมาก ได้ 4.00 กี่เทอมคะ บอกให้ทรมานใจหน่อย ฮ่าๆ
      พี่เอ๋ย : นับรวมๆ 10 เทอมค่ะ ม.ต้น ได้ 4.00 ทุกเทอมค่ะ แต่ถ้านับตอนขึ้น ม.ปลาย แล้วก็ได้ทั้งหมด 4 เทอมค่ะ คือ ม.4 เทอม 1, ม.4 เทอม 2, ม.5 เทอม 2, ม.6 เทอม 1 สลับกันไปมา ยิ่งโตยิ่งเรียนยากค่ะ T^T

     
Dek-D.com : ได้บ่อยขนาดนี้  พอได้เกรดสี่เทอมหลังๆ ยังดีใจเหมือนเดิมไหม
      พี่เอ๋ย : ดีใจแน่นอนค่ะ ดีใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่บอกว่ายิ่งโตยิ่งเรียนยาก พอเราได้ 4.00 มันก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจว่าอย่างน้อย เราก็ตั้งใจเรียนที่โรงเรียนมากพอ และเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้สำเร็จอีกเทอม

      Dek-D.com  : สไตล์การเรียนของน้องเอ๋ยเป็นยังไงคะ
      พี่เอ๋ย : สไตล์เอ๋ยเน้นอ่านเองเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ถ้าลองดูก็เรียนในห้อง 30% ให้เพื่อนช่วยติว 5% เรียนพิเศษ 25% อ่านเอง 40% เพราะการอ่านเองทำให้เรามีสมาธิอยู่กับตัวเอง รู้ว่าอ่อนตรงไหน ควรเสริมตรงไหน และสร้างวินัยในตัวเองด้วยค่ะ ใครจะลองปรับสัดส่วนตามนี้ก็ได้นะคะ :)

     
Dek-D.com : ที่บอกว่ากลับมาทบทวนเอง การอ่านหนังสือทบทวนของน้องเอ๋ยเหมือนหรือต่างกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบมั้ย
      พี่เอ๋ย : อ่านหนังสือเพื่อทบทวนกับอ่านเพื่อสอบ วิธีการของเอ๋ยต่างกันค่ะ เพราะเวลาเราทบทวนหมายถึง ทบทวนบทเรียนที่เราเรียนมาในแต่ละวันให้เราจำได้ดีขึ้น เผื่อว่าวันไหนต้องใช้ก็จะดึงออกมาได้ง่ายและเร็ว

                 แต่การเตรียมตัวสอบนี่เอ๋ยจะจริงจังกว่าการทบทวน เพราะทบทวนจะชิวๆ ไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าเตรียมตัวสอบแต่ละครั้ง ก็ต้องวางแผนว่าสอบวิชาอะไรบ้าง เนื้อหาที่สอบมีอะไร แล้วค่อยๆ ไล่อ่านไปทีละวิชา และบางทีเราก็ดึงความรู้ที่เคยทบทวนไปมาช่วยได้ด้วยค่ะ

     
Dek-D.com : เรียนเก่งขนาดนี้ มีวิชาที่ไม่ชอบบ้างมั้ย? แล้วเวลาที่ต้องเข้าเรียนวิชาที่ไม่ชอบ ทำยังไง
      พี่เอ๋ย : วิชาที่ไม่ชอบหรอคะ มีค่ะ หลายวิชาเลย 555 แต่ถ้าเอาตัวหลักๆ จะไม่ชอบ วิชาฟิสิกส์มากๆๆๆ แต่โชคดีที่เพื่อนสนิทเก่งฟิสิกส์ เวลาไม่เข้าใจเลยให้เพื่อนช่วยอธิบายได้เยอะเลย แล้วเวลาเรียนในห้องอาจารย์ชอบให้ทำโจทย์ คือโจทย์เยอะมากๆ ทำให้ไม่ต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มที่ไหน ทำโจทย์ก็ช่วยได้เยอะจริงๆ ค่ะ เป็นการทวนความรู้ไปในตัว ยิ่งทำยิ่งจำแม่นค่ะ

                อีกวิชาคือสังคม โดยเฉพาะพวกภูมิศาสตร์ คือเป็นวิชาที่เอ๋ยอ่อนมาก ต้องอาศัยอ่านเยอะๆ แทน ไม่งั้นก็จะจำไม่ได้เลย

      
Dek-D.com : คำถามนี้น้องๆ น่าจะอยากรู้มากๆ กัปตันเอ๋ยเรียนพิเศษยังไงให้ได้ผล
       พี่เอ๋ย : อย่างที่เคยบอกไปใน BLOG ของเอ๋ยว่า การเรียนพิเศษให้ได้ผล คือการตั้งใจที่จะไปเรียนจริงๆ ไม่ใช่เรียนตามกระแสว่าเห็นเพื่อนไปเรียนเยอะ เลยอยากเรียนบ้าง แต่พอไปเรียนแล้วกลับไม่ใส่ใจ อันนั้นทั้งเสียเงินของคุณพ่อคุณแม่ และเสียเวลามาก อยากให้น้องๆที่มีโอกาสได้เรียนพิเศษเยอะๆ ตั้งใจเก็บความรู้ที่อาจารย์ทุกท่านถ่ายทอดมา เพราะการเรียนพิเศษจะช่วยย่นระยะเวลาการอ่านของเราได้มาก หมั่นทบทวน ทำการบ้านตามที่อาจารย์สั่ง เข้าไปแล้วไม่หลับ ไม่โดด พยายามตั้งใจฟัง รับรองว่าน้องจะได้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ (ถึงกลับมาเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ต้องสะกดจิตตัวเองให้ทวน ให้ทำ อย่าผัดวันประกันพรุ่งเลย)
     
    
  Dek-D.com : เวลาเครียดจากการเรียน มีวิธีคลายเครียดยังไงบ้าง
      พี่เอ๋ย : ดูละครค่ะ คือที่บ้านชอบดูละครกันมากๆ มันก็เหมือนเป็นเวลาพักของเราช่วงหนึ่งที่ได้มานั่งดูอะไรคลายเครียดกับครอบครัว แต่มีข้อแม้ว่าดูเสร็จก็ต้องกลับไปอ่านหนังสือต่อนะ ไม่ใช่นอนเลย อย่างนั้นก็สบายเกิน 555 ถือว่าเป็นการพักผ่อนและให้ของขวัญกับตัวเองค่ะ


      Dek-D.com : ขอเคล็ดลับเด็ดๆ 3 ข้อที่ทำให้เรียนเก่งได้ขนาดนี้
      พี่เอ๋ย : 1.หมั่นทบทวนบทเรียนในแต่ละวัน เรียนเสร็จก็กลับมาทวนเลยค่ะ จะใช้เวลาน้อยกว่าการปล่อยค้างไว้แล้วมาทวนท้ายเทอม นอกจากนี้ทำให้จำได้นานด้วย ซึ่งข้อนี้ต้องเอาชนะใจตัวเองค่อนข้างมากค่ะ เข้าใจว่าบางทีกลับมาบ้านดึกแล้วก็มีขี้เกียจ แต่ถ้าอยากได้ผลระยะยาวต้องอดทนค่ะ กลับมาและทบทวนได้ผลจริงๆ

                 2. ฝึกทำโจทย์ให้ชิน ที่ผ่านมา ทำโจทย์รวมๆ แล้วทุกวิชา เฉลี่ยวิชาละ 1,000 - 2,000 ข้อ ทำจนรู้แนวข้อสอบ ถือว่าอันนี้เป็นตัวช่วยที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ โดยเฉพาะก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ที่ข้อสอบจะรวมเอาเนื้อหาทั้ง ม.ปลาย มาออก ถ้าไม่ทำโจทย์เลย มึนตึ๊บแน่นอน

                3. การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้เรารู้จักปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมายที่เราวางไว้ เหมือนเป็นแรงผลักให้เราขยันมากขึ้น 1,000 เท่าเลยก็ได้ เช่นถ้าเรียนที่โรงเรียน ตั้งเป้าไว้ ต้องได้ 4.00 ก็เหมือนเป็นเคล็ดลับอีกข้อหนึ่งที่คอยเตือนตัวเอง เพื่อทำตามเป้าให้สำเร็จค่ะ

    
  Dek-D.com : พูดถึงการเรียนไปแล้ว มีทำกิจกรรมที่โรงเรียนหรือแข่งขันอะไรบ้างมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย
      พี่เอ๋ย : อยู่โรงเรียนเป็นเด็กกิจกรรมค่ะ มีอะไรที่ทำได้ก็อยากทำให้หมด เคยเป็นผู้นำเชียร์ ดรัมเมเยอร์ สต๊าฟกองเชียร์ ประกวดร้องเพลง ฯลฯ ถ้าเป็นพวกวิชาการก็เคยไปแข่งตอบปัญหาวิชาเคมีกับเพื่อน

    
  Dek-D.com : ทำไมถึงเลือกทำกิจกรรมอีก ทั้งๆ ที่เรียนก็น่าจะหนักมากพอแล้ว
      พี่เอ๋ย : เอ๋ยรู้สึกว่า การที่จะเรียนเก่งมันต้องควบคู่กับการใช้ชีวิตการทำกิจกรรมต่างๆไปด้วย มันจะได้สมดุลทั้งในเรื่อง IQ และ EQ ไม่ใช่อ่านหนังสืออย่างเดียว หรือมัวแต่เล่นอย่างเดียว ต้องแบ่งเวลาให้เป็นค่ะ เราก็จะแฮปปี้ ^_^

      
Dek-D.com : ตอนนี้น้องเอ๋ยเป็นไอดอลของเด็ก ม.ปลายไปแล้ว อยากให้แนะนำวิธีเตรียมตัวสำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ตัวเองว่าอยากเรียนอะไรในอนาคต
      พี่เอ๋ย : ก็ขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามมากๆ เลยนะคะ ดีใจมากจริงๆ ช่วงนี้มีน้องๆ ถามมาตลอดว่าจะเริ่มยังไง คือเอ๋ยอยากช่วยให้น้องเริ่มได้ แต่เราไม่รู้จะทำยังไง นอกจากให้น้องๆ เริ่มจากตัวน้องเอง หาสิ่งที่น้องชอบ คณะที่น้องคิดว่าจะเรียนได้ รู้สึกว่ามันใช่ แล้วพยายามตั้งใจอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนนี้ หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้เลยก็ได้ค่ะ ไม่มีคำว่าสายไป ถ้าเราจริงจังที่จะทำ

                อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนว่าอย่าท้อ เริ่มหยิบหนังสือมาอ่าน มาทำโจทย์ได้แล้วนะ เตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้อย่างสม่ำเสมอ แล้วจะรู้เลยว่าสนามสอบตรง สนามแอดมิชชั่น ที่คิดว่ายากที่คิดว่าน่ากลัวมันไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียว (บางคนบอกติดแล้วก็พูดได้ แต่น้องลองดูสิอ่านหนังสือ อ่านเข้าไปแล้วย้อนกลับมาอ่านว่ามันจริงไหม?)

               ส่วนน้องๆ ม.ต้น ก็ยังต้องเลือกแผนการเรียน คิดตั้งแต่วันนี้ได้ก็ดีค่ะ ว่าอนาคตเราอยากเป็นอะไร จะได้เลือกเรียนสายที่เหมาะสมกับตัวเองถูก อย่าตามเพื่อนค่ะ ต้องตัดสินใจเอง และใครอยากติดตามเคล็ดลับดีๆ พี่จะพยายามมาเขียนเรื่อยๆ ถ้าเป็นประโยชน์ให้น้องๆได้ ก็ยินดีค่ะ สู้ๆ นะน้องๆ ทุกคน :D


             ดูจากสไตล์การเรียนของพี่เอ๋ยแล้วไม่แปลกใจเลยที่ทำให้เรียนเก่งขนาดนี้  เพราะนอกจากเรียนในห้องเรียนแล้ว เราต้องกลับมาทบทวนเองที่บ้านด้วยถึงจะได้ผล และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรหาเวลาว่างทำกิจกรรมเพื่อเพิ่มทักษะด้านอื่นๆ ด้วย เรียกได้ว่าเรียนก็ดี กิจกรรมก็เด่น ถ้าโรงเรียนไม่ให้โล่รางวัล พี่มิ้นท์จะทำให้แทนแล้วเนี่ย 5555 เอาล่ะใครอยากเจริญรอยตามพี่เอ๋ย ก็ลองนำเทคนิคต่างๆ ไปใช้กันเลยจ้า

             พี่มิ้นท์ขอแนะนำเพิ่มเติม (แต่คงไม่ใช่เคล็ดลับค่ะ) คืออยากจะบอกว่าเมื่อทุ่มเทอ่านหนังสือแล้ว อยากให้แบ่งเวลาเรื่องการพักผ่อนด้วยนะคะ ไม่ว่าจะทำอะไร ร่างกายต้องมาก่อนเสมอ ต่อให้เราฟิตอ่านหนังสือแทบตาย แต่สุดท้ายดันป่วยวันสอบ ที่อ่านมาก็เป็นศูนย์เลยนะ ดังนั้นทุ่มเทแต่พอดี อย่าให้เกินกำลังของเราค่ะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง^^

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! เครื่องตรวจจับรอยยิ้ม...แบบนี้ก็มีด้วย


  บทความอื่นๆ ในหมวดเคล็ดลับการเรียน

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

54 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
เฮง เฮง เฮง น่ะจ่ะ เย้ๆ ชาบูๆชิ Member 9 พ.ค. 56 10:06 น. 2
แอบดีใจที่เอ๋ยติดรับตรงไปแล้ว  ไมงั้นเชื่อว่าเด็กแอหลายคนเงิบแน่ 555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นางฟ้าสีดำ Member 9 พ.ค. 56 20:44 น. 8
สิ่งที่ยากที่สุดคือการทบทวนบทเรียนนี่ล่ะค่ะ เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดจะทำเลย แต่จะพยายามทำให้ได้ ขอบคุณพี่เอ๋ยมากๆเลยค่ะที่แนะนำ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
หมีน่ารัก Member 10 พ.ค. 56 10:11 น. 13
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนได้มาไม่ง่ายเพราะต้องมีอุ)สรรคให้ฝ่าฟันถือเป็นการเก็บeXPให้กับชีวิตเรา
0
กำลังโหลด
pntmagic Member 10 พ.ค. 56 10:48 น. 14
พี่เอ๋ยเจ๋งงงงงงงงงงงงงสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่เล่นทำ 4.00 ซะ 10 เทอม เเบบว่าทำเอาหนูมีกำลังใจ(ไฟ) ลุกโชนนน ขอบคุณพี่เอ๋ยมากๆค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
หหห 10 พ.ค. 56 12:50 น. 18
กัปตันเอ๋ยโคตรเจ๋ง ยังไม่พอเพื่อนๆรักด้วย ในกลุ่มมีการติวให้กันด้วยอ่า ทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งสังคมเป๊ะ กัปตันเอ๋ยน่าจับตามองจริงๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด