|
|
สวัสดีค่ะน้อง ๆ ชาว Dek-D.com มาเจอกันครั้งนี้เป็นช่วงที่หลายคนคงเปิดเทอมกันหมดแล้ว ปรับตัวกันได้หรือยังเอ่ย? สำหรับวันนี้ พี่แนนยังมีเรื่องราวและเทคนิคดีๆ ในการ เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในหลักสูตรอินเตอร์กันอีกเช่นเคย จากครั้งที่แล้วที่เราได้ฟิตกับการสอบ SAT ไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกการสอบที่น้องๆ ให้ความสนใจกันอย่างมาก สังเกตได้จากว่า หากเปิดสอบเมื่อไหร่ ไม่ทันข้ามวัน เต็มทันที นั่นก็คือ CU-TEP นั่นเองค่ะ |
|
|
|
|
ว่าแต่ CU-TEP คืออะไร นำไปใช้อะไรได้บ้าง นั้น พี่แนนเองก็ไม่ใช่ผู้รู้จริงๆ ดังนั้น พี่แนนเลยไปขอความรู้ รวมทั้งเทคนิคหมัดเด็ดต่างๆ เกี่ยวกับการสอบ CU-TEP จากพี่ชายใจดีนั่นก็คือ "พี่เบส หนึ่งในทีมของพี่เปิ้ล จุฬาติวเตอร์" ที่มานั่งคุยแบบกันเอง ตอบแบบเคลียร์ๆ ชัดๆ ไปฟังกันเลย!!
พี่แนน : สวัสดีค่ะพี่เบส อยากให้พี่เบสแนะนำตัว
กับน้องๆ ชาว Dek-D.com สักนิดค่ะ
พี่เบส : สวัสดีครับ พี่เบสนะครับ สอนอยู่ที่จุฬาติวเตอร์ ตอนนี้ดูแลในคอร์สปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ CU-TEP , IELTS และ SAT ครับผม ตัวพี่เองจบจากพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาวิชาประกันภัย จุฬาฯ ตอนเรียนปี 2 ก็เริ่มเป็นติวเตอร์สอนน้องๆ บ้างแล้ว เรียนจบตอนแรกก็จะไปทำงานสายที่เรียนมา แต่ว่าชอบสอนน้องๆ มากกว่า มีความสุขในการสอน สอนแล้วน้องสอบได้ ก็รู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจมาก เลยมาสอนที่นี่เต็มตัวครับ ^_^
|
|
|
|
|
พี่แนน : อยากให้พี่เบสอธิบายให้น้องๆ ฟังสักนิดค่ะว่า
CU-TEP คืออะไร เอาไปใช้ทำอะไร?
พี่เบส : CU-TEP คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ทางจุฬาฯ เป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยเอาคะแนนไปใช้ในการคัดเลือกเข้าเรียนต่อในจุฬาฯ ซึ่งเป็นภาคอินเตอร์ ไม่ว่าจะทั้งระดับปริญญาตรี หรือระดับบัณฑิตต่างๆ จำเป็นต้องมีการวัดระดับภาษาอังกฤษก่อนเข้าไปเรียนจริงครับ แอบบอกน้องนิดนึงว่า พอเข้าไปเรียนจุฬาฯ ถึงจะเรียนภาคไทยก็ต้องสอบนะครับ โดยเฉพาะน้องปี 1 ถ้าไม่ผ่านขั้นต่ำ ก็ต้องไปเรียนเพิ่มเติม และมีสอบอีกครั้งตอนจบด้วย แต่ไม่ได้บังคับนะครับ จะบังคับตอนสอบเข้าเท่านั้น ^_^
พี่แนน : เอ.. แล้วลักษณะข้อสอบ CU-TEP เป็นยังไงคะ (ยากกว่าในโรงเรียนไหม?)
พี่เบส : ข้อสอบ CU-TEP จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็น Listening มีทั้งหมด 30 ข้อส่วนที่สอง Reading มีทั้งหมด 60 ข้อและส่วนที่สาม Writing มีทั้งหมด 30 ข้อ ตกข้อละ 1 คะแนนรวมเป็น 120 คะแนน
สำหรับน้องที่เรียนในภาคไทยอยากไปสอบบ้างได้ไหม?ได้นะครับ ถามว่าต่างกับที่เรียนในหลักสูตรไหม มันจะต่างกันอย่างหนึ่ง อย่างส่วนของ Listening ในหลักสูตรภาคไทยจะมีการสอบ GAT O-NET ลักษณะเป็น conversation ที่จะเห็นตัวบทสนทนาทั้งหมด แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็น CU-TEP ก็แค่ฟังเสียงมีการออกสำนวนเหมือนกันเพียงแต่เป็นเสียงเท่านั้นเอง |
|
|
|
|
ในส่วนของ Reading ถ้ามองจริงๆ จะมี 2 ส่วน โดยส่วนแรก คือ cloze test มี 15 ข้อโดยจะใช้ passage เดียวกันที่จะทิ้งช่องว่างให้เราเลือกเติม ซึ่งเราต้องอ่านทั้งเรื่องให้ได้ เพราะมันจะเป็นส่วนเชื่อมโยงกันหมดอยู่ ไม่ได้แยกเป็นข้อ ๆ ส่วนในตัวคำศัพท์จะมีความต่างกันในเรื่องระดับคำ เช่น ในข้อสอบ GAT อาจจะออกคำว่า Huge ที่แปลว่า "ใหญ่" แต่ในข้อสอบ CU-TEP อาจจะใช้คำว่า enormous หรือ gargantuan ก็ได้ คือคำศัพท์ที่ใช้อาจจะเป็นอีกระดับหนึ่ง
เนื้อหาที่ออกจะมี 4 แนวครับ คือ วิทยาศาสตร์ , การทดลอง, สิ่งแวดล้อม ถ้าสังคม อาจจะเป็นประวัติศาสตร์หรือการท่องเที่ยว ให้อ่านศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเหล่านี้ไว้ บทความต่างตามนิตยสาร เว็บไซต์ต่างๆ ส่วน Writing ก็มี error ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่อาจจะใช้โครงสร้างที่ซับซ้อนนิดหน่อย
เทคนิคของพี่ ก่อนสอบพี่จะเน้นแกรมม่า เพราะส่วนมากคนมองว่า error ยากแต่จริงๆ เป็นตัวเก็บแต้มเลย ไม่ควรทิ้ง ก็จะเริ่มจาก error มาทบทวนสูตรสำหรับ Reading ก็จะพยายามอ่านให้ศัพท์ผ่านตาบ่อย ๆ โดยเฉพาะแนววิทยาศาสตร์ ส่วน listening พี่จะดูซีรี่ย์เลย ซึ่งเรื่องโปรดก็คือ Friends และ Gossip girl |
|
|
|
|
พี่แนน : แล้วอย่างนี้ พี่เบสว่าน้องๆ ควรจะเริ่ม เตรียมตัวเมื่อไหร่ดีคะ?
พี่เบส : เราต้องรู้ก่อนว่าที่จุฬาฯ โดยเฉพาะภาคอินเตอร์ มีการรับสมัครอย่างไร เช่น เริ่มเปิดรับสมัครประมาณวันที่ 3 ม.ค. ปิดรับสมัครประมาณ 31 ม.ค. ถ้าลองมองย้อนกลับ หากอยากเตรียมตัวให้พร้อมก็ควรจะเป็นช่วง ม.4 เทอมปลาย มันจะลงล็อคพอดีกับเรื่องคะแนน เพราะคะแนนเก็บได้ 2 ปี ถ้าเราสอบผ่านเร็วเราก็สบายหล่ะ ม.5 ก็ไปเตรียม CU-AAT, SAT
ตรงนี้สามารถไปใช้กับปริญญาโท และปริญญาเอกด้วย เพราะอย่างบางคณะต้องการประสบการณ์การทำงาน อย่าง MBA 2 ปี ถ้าเราสอบปีที่ 1 ผ่านก็โล่งใจ แล้วไปเตรียม CU-BEST ต่อ เพราะฉะนั้นถ้าจะเตรียมตัวจริงๆ อย่างน้อย 2 ปี เหมือนเราทิ้งช่วงเอาไว้ จะได้มีเวลาเก็บอะไรมากกว่า แล้วก็ไปเก็บวิชาอื่นเพิ่ม
การสอบนี้จะมีทุกเดือนครับ พร้อมเมื่อไหร่ก็สอบได้ แต่จะมีข้อจำกัดอย่างหนึ่ง คือ มันจะเต็มเร็วมาก อย่างเวลาสมัคร เช่น เปิดรับสมัครวันที่ 1 มิ.ย. พอวันที่ 31 พ.ค.เราก็ต้องรอระบบตั้งแต่เที่ยงคืนเลย แต่พอจะเข้าก็เข้ายากอีก ต้องรีเฟรชหน้าบ่อยๆ พอเข้าไปหน้านี้ได้แล้ว กดหน้าต่อไปอาจจะ error ต้องรีเฟรชอีกรอบเพื่อไปหน้าต่อไป |
|
|
|
|
พี่แนน : เห็นว่าปีนี้ CU-TEP มีปรับการคิดคะแนนแบบใหม่ด้วย เป็นยังไงบ้างคะ?
พี่เบส : อัพเดทล่าสุดเลยครับ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการปรับช่วงคะแนนใหม่หมด อย่างแต่ก่อน ถ้าเป็นคณะ BBA เกณฑ์คะแนน 550 ก็คือต้องได้ 75 เต็ม 120 แต่ตอนนี้ปรับขึ้นมาอีก 5 คะแนน เป็น 80 คะแนน ส่วนเกณฑ์ที่น้องๆ ควรได้ ก็ต้องดูตามที่คณะนั้นกำหนดครับ เพราะจะมีเกณฑ์ไม่เท่ากัน
พี่แนน : สำหรับการสอบที่ผ่านมา พี่เบสมองว่าอะไรเป็นจุดอ่อนที่น้องๆ ต้องปรับปรุงสำหรับการสอบบ้างคะ
พี่เบส : พี่คิดว่า จุดที่น้องๆ ควรเสริมคือส่วนของ reading เพราะตรงนี้เหมือนกองคะแนนถึง 60 คะแนน ถ้าเราไม่สนใจตรงนี้คะแนนจะหายไปเยอะมาก อีกจุดก็คือเรื่องของ listening เพราะเด็กไทยไม่ค่อยได้ฟังบ่อย ต้องฝึกฟังบ่อยๆ ดูหนัง ดูซีรี่ย์บ้างครับ
ว่าแต่ว่า เทคนิคเด็ดในแต่ละพาร์ทของข้อสอบ CU-TEP จะมีอะไรบ้าง ? วิธีทำข้อสอบให้ทัน รวมทั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่น้องไม่ควรพลาดในวันสอบ CU-TEP ที่พี่เบสจะมาเล่าให้ฟัง เพื่อให้น้องมั่นใจมากขึ้น ได้คะแนนมากยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้างไปดูคลิปนี้กันเลยค่ะ!! |
|
|
|
|
|
|
สุดท้ายนี้ หากน้องๆ ชาว Dek-D.com คนไหนอยากปรึกษาเรื่องการสอบ
CU-TEP หรือการสอบอื่นๆ ลองเข้าไปพูดคุยสอบถามกับพี่เบส หรือ ทีมพี่เปิ้ล
ผู้ก่อตั้งจุฬาติวเตอร์ได้ที่ www.chulatutor.com หรือจะโทรสอบถามข้อมูลเพิ่ม ปรึกษาเรื่องเรียนหลักสูตรอินเตอร์ได้ฟรีที่ 02-252-8633 พี่เปิ้ลและทีมงาน จุฬาติวเตอร์ พร้อมยินดีให้คำแนะนำน้องๆ ค่ะ |
|
|
|
31 ความคิดเห็น
ตอนแรกเคยเรียนอีกที่ นึกว่าที่นี่จะสอนดีกว่า แต่สรุปแล้วที่เดิมยังรู้สึกว่าได้มากกว่าเลยอ่า