5 เทคนิคอ่าน "ประวัติศาสตร์" แบบไม่ต้องท่อง

         สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek - D ทุกคน เดือนนี้เรามาคุยกันในธีมเทคนิควิชาการของแต่ละวิชา พี่เมษ์ขอเปิดต้นเดือนด้วยวิชามหาหิน และเป็นหนึ่งในวิชาที่น้องร้องยี้กับ "ประวัติศาสตร์" จะจำยังไงให้ไม่ต้องปวดหัวซ้ำๆหลายรอบ วุ่นวาย วันนี้มาดูกันค่ะกับเทคนิคที่ขนกันมาให้น้องๆ
         แหม ว่าด้วยวิชาประวัติศาสตร์ ทั้งเหตุการณ์ บุคคล และปี พ.ศ. โอ้ววววว มันสุดยอด!! ไม่รู้จะเลือกจำอันไหนก่อนเลย -*- แต่พี่เมษ์ลองวิธีการเหล่านี้มาด้วยตัวเองแล้ว คิดว่าค่อนข้างได้ผลมากเลยค่ะ มีเทคนิคมาฝากน้องถึง 3 เทคนิค ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ 
  
1. ถ้าต้องจำ จำปี ค.ศ.
 
          เทคนิคนี้ช่วยได้เยอะเลยนะคะ ถ้าน้องต้องจำปีที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์จริงๆ อยากให้ลองจำเป็นปี ค.ศ. แทน แล้วถ้าอยากได้เป็นปี พ.ศ. ก็เอามาบวกกับ 543 เพราะการจำปี พ.ศ. น้องๆ จะเชื่อมโยงเหตุการณ์กับสถานการณ์โลกได้เลย แถมยังต้องจำซ้ำซ้อนกับสถานการณ์โลกอีก
           ยกตัวอย่างเช่น สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2482 - 2488 ถ้าจำแบบนี้จะง่ายกับการอ่านประวัติศาสตร์ไทย แต่จะต้องจำอีกครั้งกับประวัติศาสตร์โลก เพราะ ทางประวัติศาสตร์โลกใช้ปี ค.ศ. ให้จำปี ค.ศ. คือ สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดในปี 1939 - 1945 จะทำให้เราจำตัวเลขแค่ชุดเดียว และเห็นความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์โลก รู้ว่าช่วงที่เกิดเหตุการณ์ในไทยเกิดขึ้นพร้อมๆ กับเหตุการณ์ใดบ้างในโลก จำครั้งเดียวเกินพอค่ะ ตอบได้ทุกข้อแน่นอน
          นอกจากนี้การจำเชื่อมโยงกับปีที่สำคัญๆ กับตัวเองก็เป็นอีกเทคนิคที่ช่วยได้มาก เช่น เหตุการณ์ 9/11 ในปี 2001 ตรงกับช่วงที่เราอยู่ ม. 2 หรือ วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 1997 ตรงกับตอนเราเข้าป. 1 อะไรแบบนี้ จะทำให้น้องๆ จำได้ปีของเหตุการณ์ได้ดีกว่ามานั่งจำตัวเลข 4 ตัวนะคะ ลองดู!!
   
2. ทำไทม์ไลน์
          เพราะรูปภาพ และแผนผังความคิดเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ช่วยจำมากขึ้น การสร้างไทม์ไลน์แบบส่วนตัว ทำให้น้องๆ เห็นภาพพัฒมนาการของประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น และเข้าใจ จดจำได้ไวขึ้น เพราะได้ผ่านการสรุปความคิดมาแล้ว 
          การได้เห็นช่วงเวลาชัดเจนขึ้น จะช่วยให้น้องๆ สนุกกันประวัติศาสตร์และเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้นเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาในทางประวัติศาสตร์ และเป็นส่วนที่น้องๆ มักจะจำกันไม่ได้ เนื่องจากมีความทับซ้อนและยากแก่การจดจำ แต่ถ้าเราทำไทม์ไลน์ของตัวเองแล้ว เราจะได้เรียบเรียงความคิดและทบทวนประวัติศาสตร์ช่วงนั้นๆ ไปด้วย
3. รู้จักเชื่อมโยงเหตุการณ์
 
          ใครว่าว่าวิชาประวัติศาสตร์ต้องท่องจำอย่างเดียว พี่เมษ์ขอลองมาเปลี่ยนทัศนคติของน้องๆ เพราะจริงๆ แล้วประวัติศาสตร์ก้มีความเชื่อมโยงในตัวมันเอง อย่าคำที่กล่าวไว้ว่า ทุกอย่างต้องมีเหตุและมีผลของมัน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์ไทยก็เหมือนกันเลยค่ะ มีเหตุอย่างนึงและก่อให้เกิดผลอย่างหนึ่ง
          ตัวอย่างเช่น ในประวัติศาสตร์ไทย ช่วงที่มีเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 เป็นช่วงเดียวกับการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2  ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบนั้น ทำให้ต้องออกนโยบายรัดเข็มขัด ประหยัดเพื่อความอยู่รอดของประเทศ ก่อให้เกิดความไม่พอใจ และอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดแนวคิดอยากเปลี่ยนแปลงการปกครองในเหตุการณ์ 2475 ขึ้น
          อันนี้พี่เมษ์ยกตัวอย่างให้พอเป็นแนวทาง แต่น้องๆ สามารถไปประยุกต์ใช้ได้กับเรื่องที่น้องๆ เรียนเลยนะคะ แค่ลองแปลงพวกปี พ.ศ. เป็น ค.ศ. แล้วเทียบเวลากับประวัติสาสตร์โลกดูก็น่าจะได้คำตอบของเหตุผลต่างๆ ได้เลย อ่อ นอกจากวิชานี้แล้ว น้องๆ ยังสามารถเชื่อมโยงความรู้จากความเข้าใจกับวิชาอื่นๆ ได้ด้วย ทั้งเศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หรือวิชาอื่นๆ ลองดูค่ะ จะได้ไม่ต้องจำซ้ำๆ กัน เปลี่ยนเป็นเข้าใจซะเล้ย!!
4. ดูหนัง เพิ่มความจำชื่อบุคคล
 
          ปฏิเสธไม่ได้ค่ะว่าภาพยนตร์ หรือหนังทางประวัติศาสตร์ช่วยให้เราจำรายละเอียดได้มากกว่า เพราะเราเห็นเป็นภาพที่ชัดขึ้นกว่าอ่านเป็นตัวหนังสือ แถมยังทำให้จำชื่อคนพิเศษ บุคคลต่างๆ ในเนื้อเรื่องจำได้ดีกว่าตอนอ่านมาก แต่ก็มีข้อควรระวัง !!
          ข้อควรระวังสำหรับการดูหนังทางประวัติศาสตร์คือ อย่าเชื่อตามหนังทั้งหมด หลายๆ เรื่องหยิบแค่เกร็ดประวัติศาสตร์มาทำเป็นหนัง ถ้าจำผิดๆ ไปละก็ แทนที่จะช่วย กลับจะทำให้แย่ขึ้นนะคะ ทุกครั้งที่ดูจบ ก้ลองหาประวัติศาสตร์เรื่องนั้นๆ มาลองอ่านดูอีกทีนะคะเพื่อเป็นการรีเชคว่า หนังทำถูกจริงๆ มั้ย แบบนีัชัวร์กว่าเยอะ
         อ่อ พี่เมษ์มีหนังดีๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาแนะนำกันด้วย สนใจละสิ มาดูกันค่ะ ว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เค้ายกย่องว่าเป็นหนังที่ทำได้สมจริงสุดๆ  (พี่ดูแล้ว เลยพอเล่าได้ ,,, ถ้าน้องๆ มีมาเล่าเลยนะคะ เผื่อพี่เมษ์จะไปตามดูบ้าง)
1. Ghandi คานธี 
         ถ้าน้องสนใจประวัติศาสตร์ช่วงการเรียกร้องเอกราชของอินเดีย เรื่องนี้เหมาะมากๆ เรื่องนี่พี่เมษ์เคยดู จะบอกว่าสมจริงสุดๆ แถมเก็บได้ละเอียดยิบมาก อธิบายรายละเอียดไว้ค่อนข้างมาก หนังเลยยาวค่ะ แต่ดูจบแล้ว กลับมาอ่านอีกนิดหน่อย น้องสามารถเขียนตอบได้เลย!!
2. Life is beautiful 
         เรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้าอยากอินก่อนไปอ่านประวัติศาสตร์ แนะนำหนังเรื่องนี้เลย เพราะน้องๆ จะได้เห็นภาพของการถูกจับกุมเข้าค่ายกักกันของนาซีเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของชาวยิว และภาพความโหดร้ายของครอบครัวที่ถูกทำให้ต้องแยกจากกัน ดูเรื่องนี้จบ น้ำตาซึมค่ะ แต่ไม่สปอยล์นะ หุหุ ต้องลองหาดูค่ะ รับรองว่าดูจบปุ๊ป มาอ่านประวัติศาสตร์ต่อนี่อินสุดๆ อ่านไปนึกภาพตามไป
3. Born on the Fourth of July
         ถ้าอยากดูหนังแล้วให้อารมณ์สงครามเวียดนามสุดๆ เรื่องนี้พี่เมษ์แนะนำค่ะ ,,, แนะนำว่าดูรอบเดียวพอ เพราะโหดร้ายมาก ด้วยมุมมองของตัวละครที่เป็นทหาร สะท้อนภาพสงครามออกมาได้น่ากลัวมาก ให้อารมณ์สงครามสุดๆ ถ้าอยากได้ฟีลลิ่งก่อนไปอ่าน เรื่องนี้เลย รับรองกลับไปอ่านต่อจำได้แน่ เพราะภาพค่อนข้างสะเทือนอารมณ์จริงๆ จำได้ทุกฉากแน่ๆ ค่ะ แถมยังได้เห็นบรรยากาศการต่อต้านสงครามในอเมริกาช่วงนั้นด้วยนะคะ รับรองว่าอินสุดๆ 
         นี่แค่ตัวอย่างหนังบางส่วนนะคะ ยังมีอีกหลายเรื่องดีๆ ที่น่าดู น่าจะได้แรงบันดาลใจในการอ่าน แถมยังได้เจอเกร็ดประวัติศาสตร์ ทั้งเหตุการณ์และบุคคลที่จะทำให้น้องๆ จดจำและเข้าใจได้ระดับหนึ่ง เมื่อไปอ่านต่อก็สบาย จำได้แน่นอน แบบไม่ต้องฝืนสมองด้วย
5. เม้าท์ประวัติศาสตร์
          การเม้าท์หรือเล่าเรื่องราวแบบภาษาตัวเองในวิชาประวัติศาสตร์ให้เหมือนคุยกับเพื่อน อาจจะคุยให้ตัวเองฟัง หรือจับกลุ่มกับเพื่อนในช่วงก่อนสอบก็ช่วยให้เราจดจำรายละเอียดได้ ยิ่งถ้าคุยกับเพื่อนๆ ด้วยเนี่ย จะทำให้เราได้ข้อมูลใหม่ๆ ที่เราอาจจะตกหล่นได้เพิ่มด้วย เพราะเพื่อนๆ จะช่วยกันแย้ง เหมือนเถียงๆ กัน แต่เราได้ความรู้เพียบ เช่น
           พี่เมษ์เม้าท์ให้เพื่อนฟังว่า  "เหย แก ,,, คืองี้นะ สงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ย เกิดเพราะลอบฆ่ามงกฎราชกุมาร ฝั่งนี้เลยไม่พอใจ ประกาศสงคราม แล้วนี่ก็เลยเข้าข้างกับนั่น สงครามก็ตู้ม เฉพาะในยุโรป แล้วแบบก็ทำสัญญากันที่พระราชวังแวร์ซาย เลยเป็นสนธิสัญญาแวร์ซาย แล้วคือเยอรมันนางเสียเปรียบมาก นางก็เลยแค้น นางเฟล นางก็เอาอีก คราวนี้สงครามใหญ่ เลยนำมาสู่สงครามโลกครั้งที่2" เป็นต้น
             จากตัวอย่างเราก็จะได้เล่าประวัติศาสตร์ยากๆ ในภาษาตัวเอง แถมถ้าคุยกับเพื่อนๆ ก็จะมีรายละเอียดอื่นๆ ที่ช่วยกันเติมเต็มได้ ,,,  อีกอย่าง กว่าจะเล่าสนุกแบบนี้ เราต้องเข้าใจแล้วพอควร ถึงจะเล่าเรื่องให้ง่ายได้จริงมั้ย ?
  
  
         เอาหละค่ะ นี่คือ 5 เทคนิคที่สามารถนำมาใช้และช่วยให้น้องๆ เข้าใจ และสามารถอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ได้สนุกขึ้น แถมยังจำน้อยลง เพราะอ่านด้วยความเข้าใจ และเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ ทำให้ไม่ต้องจำทั้งหมดก็สามารถตอบได้เป๊ะแน่นอนเลยค่ะ
         แล้วน้องๆ ล่ะคะ มีเทคนิคอื่นๆ มั้ย พี่เมษ์และเพื่อนยังรอฟังเทคนิคอื่นๆ อีกนะคะ ถ้าใครมี รีบบอกกันมาเลย แล้วเจอกันกับเทคนิคอื่นๆ ที่เตรียมไว้ให้น้องๆ กันใหม่ได้คราวหน้า ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ขออุบไว้ก่อนค่ะ แล้วเจอกัน !!
ขอคุณภาพจาก
  • http://www.martell.com/en_US/prehome
  • http://historymalden.wikispaces.com/Modern+World
    +History
  • http://www.englishexercises.org/makeagame/
    viewgame.asp?id=5682
  • http://filmfanatic.org/reviews/?p=1447
  • http://www.impawards.com/1998/
    life_is_beautiful_ver1_xlg.html
  • http://reliancehvg.co.in/store/product.php?productid=17947
  • http://www.gorskyfineart.com/
  • http://vanguardpublications.com/
  • http://www.thedesignwork.com/10-antique-maps-adventure-backgrounds-high-res-images/
  • http://www.theancientaliens.com/#!433000-years-of-annunaki-rule/c12ew
พี่เมษ์
พี่เมษ์ - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายการศึกษา

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

แกงจืดหมูสับ Member 2 ธ.ค. 57 16:11 น. 6

ต้องขอเตือนกันนิดหนึ่งนะครับ 'ดู'หนังได้แต่'อย่าเชื่อ'หนังเสียทั้งหมด
ต้องระลึกเสมอว่าหนังเป็นสื่อที่สร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายความบันเทิง เนื้อหาบางส่วนบางทีอาจจะเป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์รองรับ และบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องแต่งเพื่อให้หนังสนุกเท่านั้น ดูแล้วลองเอามาเทียบดูว่าหนังอ้างหลักฐานอะไรในการสร้าง หรือสร้างตอนไหนด้วยบริบทอะไร บางครั้งหนังบางเรื่องไม่ได้แค่สะท้อนยุคที่หนังนำเสนอหรอก แต่สะท้อนไปถึงยุคที่สร้างหนังด้วยว่ามีสภาพสังคมอย่างไร

0
กำลังโหลด

ยอดถูกใจสูงสุด

[ PaY ~ เป้ ] Member 2 ธ.ค. 57 11:49 น. 1

เม้าท์ประวัติศาสตร์นี่จริง สังเกตได้เลยว่า อาจารย์ที่สอนสังคมหรือประวัติศาสตร์เก่งๆ แกจะสอนแนวเม้าท์เป็นเรื่อง แล้วมันจะฟังสนุกมากกกกก เพลิน เรียนแป๊บๆ หมดชั่วโมงแล้ว

เยี่ยม

0
กำลังโหลด
himaruya 2 ธ.ค. 57 15:02 น. 4
แนะนำการ์ตูนเรื่อง "Hetalia" ค่ะ เป็นการ์ตูนล้อเลียนแนวประวัติศาสตร์ มีเป็นเล่มแปลไทยของสยามอินเตอร์คอมมิคค่ะ ลองหาอ่านได้ เป็นการ์ตูนแก๊กน่ารักๆค่ะ
3
กำลังโหลด
Dark of days Member 2 ธ.ค. 57 19:42 น. 10

แนะนำ อนิเมะเรื่อง Hetalia ค่ะ 

เป็นการ์ตูนแนวประวัติศาสตร์ตลก ดูแล้วรู้สึกโมเอ้ และจะเสริมแทรกความรู้อะไรต่างๆไว้ ตอนนี้จะออก season 6 แล้วจ้า 

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

32 ความคิดเห็น

[ PaY ~ เป้ ] Member 2 ธ.ค. 57 11:49 น. 1

เม้าท์ประวัติศาสตร์นี่จริง สังเกตได้เลยว่า อาจารย์ที่สอนสังคมหรือประวัติศาสตร์เก่งๆ แกจะสอนแนวเม้าท์เป็นเรื่อง แล้วมันจะฟังสนุกมากกกกก เพลิน เรียนแป๊บๆ หมดชั่วโมงแล้ว

เยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Chanyanuch Member 2 ธ.ค. 57 14:48 น. 3

ถ้าใครอยากรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์  14  ตุลา  2516  

อยากให้ไปดูหนังไทยเรื่อง  14  ตุลา  สงครามประชาชน

สองแกนนำที่เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ในตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่และปัจจุบันเป็นสามีภรรยากัน

หรือไม่ก็ไปถามญาติๆกับคนรู้จักที่เกิดทันช่วงนั้นก็ได้

0
กำลังโหลด
himaruya 2 ธ.ค. 57 15:02 น. 4
แนะนำการ์ตูนเรื่อง "Hetalia" ค่ะ เป็นการ์ตูนล้อเลียนแนวประวัติศาสตร์ มีเป็นเล่มแปลไทยของสยามอินเตอร์คอมมิคค่ะ ลองหาอ่านได้ เป็นการ์ตูนแก๊กน่ารักๆค่ะ
3
กำลังโหลด
genesixemaii 2 ธ.ค. 57 15:06 น. 5
คือเทคนิคที่เราใช้คือ อาศัยดูจำพวกละครหรือหนังอิงประวัติศาสตร์อ่ะ หรือเชี่ยมโยงกับสถานะของเราตอนนั้น เช่น พ.ศ.2535 เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เราเกิดหลังจากนั้นประมาณหกเดือน หรือ กันยายน พ.ศ.2549 เป็นช่วงสอบปลายภาคสมัยเราอยู่มัธยมต้น ก็มีการปฏวัติทางการเมืองขึ้น จำอะไรเป็นไทมไลน์ชีวิตนี่จำง่ายกว่าเนื้อหายาวอีก พูดเลย
0
กำลังโหลด
แกงจืดหมูสับ Member 2 ธ.ค. 57 16:11 น. 6

ต้องขอเตือนกันนิดหนึ่งนะครับ 'ดู'หนังได้แต่'อย่าเชื่อ'หนังเสียทั้งหมด
ต้องระลึกเสมอว่าหนังเป็นสื่อที่สร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายความบันเทิง เนื้อหาบางส่วนบางทีอาจจะเป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์รองรับ และบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องแต่งเพื่อให้หนังสนุกเท่านั้น ดูแล้วลองเอามาเทียบดูว่าหนังอ้างหลักฐานอะไรในการสร้าง หรือสร้างตอนไหนด้วยบริบทอะไร บางครั้งหนังบางเรื่องไม่ได้แค่สะท้อนยุคที่หนังนำเสนอหรอก แต่สะท้อนไปถึงยุคที่สร้างหนังด้วยว่ามีสภาพสังคมอย่างไร

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
The End 2 ธ.ค. 57 19:01 น. 9
ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่สนุกมาก แต่บางคนก็มองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่... "ถ้าไม่มีประวัติศาสตร์ ก็จะไม่มีปัจจุบัน"
0
กำลังโหลด
Dark of days Member 2 ธ.ค. 57 19:42 น. 10

แนะนำ อนิเมะเรื่อง Hetalia ค่ะ 

เป็นการ์ตูนแนวประวัติศาสตร์ตลก ดูแล้วรู้สึกโมเอ้ และจะเสริมแทรกความรู้อะไรต่างๆไว้ ตอนนี้จะออก season 6 แล้วจ้า 

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
~I am Falcon~ Member 3 ธ.ค. 57 19:10 น. 17

เราฟังครูเล่าแล้วมันส์ดีเหมือนครูคนนั้นอยู่ในเหตุการณ์

เราก็ยังจำมาได้จนทุกวันนี้ แล้วก็รู้สึกสนุกไปกับวิชานี้

แล้วก็ดูการ์ตูนด้วย Hetalia ฮาๆปนความรู้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Koinu Ch'j Member 3 ธ.ค. 57 20:41 น. 19

เยี่ยมไปเลยค่ะ! โดยส่วนตัวเป็นคนชอบสังคม ชอบประวัติศาสตร์อยู่แล้ว แต่ก็อยากมีเทคนิคที่ทำให้ได้ความรู้กว้างๆ แล้วก็นอกเหนือไปจากการอ่านอย่างเดียว ขอบคุณนะคะ รักเลย

0
กำลังโหลด
ART_U Member 4 ธ.ค. 57 10:22 น. 20-1
สู้ๆนะ แต่แอบบอกว่าตอนไปเรียนรัฐศาสตร์จริงๆไม่ได้เน้นจำมาก แต่เน้นเอาไปวิเคราะห์มากกว่า แต่ก่อนจะวิเคราะห์ได้ก็ต้องจำได้ก่อนเนอะ (สรุปยังไงเนี่ย 5555) เย้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด