"โรคไบโพลาร์" สองอารมณ์ในคนเดียว คุณเข้าข่ายหรือไม่ ? มาดูกัน

            ประเภทของคนที่ไม่อยากเจอที่สุด คือ คนที่เดาอารมณ์ยาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันนี้คุยกันดีๆ พรุ่งนี้โดนตะคอกใส่ซะแล้ว ถึงขั้นนั่งวิตกจริตเองว่า เราไปทำอะไรให้เขาโมโห แถมยังเดาไม่ออกด้วยว่าพรุ่งนี้จะมาไม้ไหน หลายคนมองว่าอารมณ์แปรปรวนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ความจริงแล้ว คนที่มีอารมณ์แปรปรวนอยู่บ่อยๆ อาจเข้าข่ายคนที่เป็นโรคทางด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ เลยนะจะบอกให้
 

 

            โรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางอารมณ์ที่กำลังพูดถึงคือ โรคไบโพลาร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว โรคนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้หลายแสนคนแล้ว ลักษณะอาการที่อธิบายได้ง่ายที่สุดของโรคนี้คือ เป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนขั้นหนัก ระหว่างอารมณ์เศร้าสุดขั้วกับอารมณ์ร่าเริงสุดขีด คนที่อยู่ใกล้ผู้ที่ป่วยโรคนี้ มักจะคาดเดาอาการไม่ค่อยถูก แต่ถึงแม้จะน่ากลัวขนาดไหน เราก็ไม่ควรทอดทิ้งคนกลุ่มนี้ เพราะอาจจะยิ่งทำให้อารมณ์แปรปรวนมากขึ้นจนถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลย

            โรคไบโพลาร์เกิดจากสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ รวมไปถึงสาเหตุด้านพันธุกรรม ซึ่งถ้าพ่อแม่เป็นโรคนี้มาก่อนแล้ว ลูกก็มีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนอื่น นอกจากนี้สภาพแวดล้อมต่างๆ ก็มีผลด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัวต่างๆ
 
          หากขยายความ "อาการสองขั้ว" ของโรคไบโพลาร์ จะแบ่งได้ตามนี้
          1. ภาวะซึมเศร้า (Depressive Episode) คือภาวะที่รู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งทุกอย่าง ขาดความมั่นใจในตัวเอง ป่วยบ่อย ท้อแท้กับชีวิต รู้สึกชีวิตมีปัญหา หงุดหงิดบ่อย ร้องไห้เป็นว่าเล่น รู้สึกคนอื่นทำอะไรก็ไม่ถูกใจ อยากโวยวาย ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่อยากออกสังคม เบื่อทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องกิน บางคนกินไม่ลง จนน้ำหนักลดไปหลายกิโล ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะนี้มีเปอร์เซนต์ในการทำร้ายตัวเองและอยากฆ่าตัวตายสูงมาก
              อย่างไรก็ตามต้องแยกระหว่างคนที่เป็นโรคซึมเศร้ากับภาวะซึมเศร้าในไบโพลาร์ เพราะอาการของคนสองกลุ่มแม้จะคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะมีผลต่อการรักษาด้วย ความแตกต่างภาวะซึมเศร้าในไบโพลาร์ต่างจากโรคซึมเศร้า ก็คือ ขาดสมาธิ คิดอ่านช้าลง มองตัวเองไร้ค่า หวาดระแวงคนอื่น คิดว่าไม่มีใครเป็นมิตรกับตัวเอง และอาจจะมีปัญหาด้านพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงกับสารเสพติดและพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย

           2. ภาวะแมเนีย (Mania Episode) หรือ ภาวะคลุ้มคลั่ง อาการในช่วงนี้จะอารมณ์ดีผิดปกติ พูดง่ายๆ คือ คนปกติก็อารมณ์ดี หัวเราะร่าเริง พูดคุยปกติ แต่ภาวะแมเนียที่เกิดขึ้น จะมีพลังเยอะกว่ามากๆ ร่ายยาวเป็นหางว่าวโดยไม่เหนื่อย พูดเร็ว คิดเร็ว เสียงดัง คึกคักเกินหน้าเกินตาจนคนอื่นควบคุมไม่อยู่ เจอใครก็เข้าไปทัก อยู่ดีๆ ก็เชื่อมั่นตัวเองแบบสุดขั้ว เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่โดยไม่แคร์คนอื่น ถ้าถูกขัดใจเมื่อไหร่ วีนบ้านแตกแน่นอน
             ภาวะแมเนีย เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว และอาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นรุนแรงจนคนรอบข้างรับมือไม่ไหวเลยทีเดียว ในช่วงแรกจะเกิดก็ต่อเมื่อเครียดหรือกดดัน แต่ถ้าเป็นเรื่อยๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีอะไรมากระตุ้น พูดง่ายๆ คือ นึกจะเป็นก็เป็น อะไรก็ห้ามไม่อยู่
    

 

           คนที่เป็นโรคไบโพลาร์ สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนบ่อยๆ เช่น จากที่เคยเรียบร้อย กลายเป็นคนเข้าสังคมเก่ง แต่งตัวจัดจ้าน ขี้โมโห หรือ จากที่เคยเป็นคนร่าเริง มนุษยสัมพันธ์ดี กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ เหม่อลอย ซึมเศร้า เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะรู้ได้เลยว่าไม่ใช่ตัวตนของคนคนนั้นแน่นอน โดยผู้ป่วยจะเกิดภาวะใดก่อนก็ได้ และจะเป็นภาวะเดิมติดต่อกันหลายๆ รอบ หรือ สลับกับอีกภาวะหนึ่งก็ได้เช่นกัน หากไม่มั่นใจว่าตัวเองเข้าข่ายโรคไบโพลาร์หรือเปล่า แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาค่ะ ดีกว่าปล่อยไว้จนรักษายาก
    
         แม้ว่าไบโพลาร์จะดูเป็นโรคทางด้านอารมณ์และจิตใจ แต่ก็สามารถรักษาได้ โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการใช้ยา มียา 3 กลุ่ม คือ กลุ่มยาควบคุมอารมณ์  (mood stabilizers), ยาแก้โรคจิต (antipsychotics) และยาแก้โรคซึมเศร้า (antidepressants) เพื่อควบคุมอาการของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ซึ่งจะต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
         ถึงแม้จะมียารักษา แต่สิ่งที่สำคัญและดีกว่ายาก็คือ "ครอบครัว" ต้องช่วยกันดูแลด้านจิตใจ เข้าใจว่าเขาป่วย ไม่ใช่คนหัวดื้อหรือก้าวร้าวจากนิสัย ถ้าเราเข้าใจสิ่งที่เขาเป็น และช่วยให้กำลังใจ ผู้ป่วยไบโพลาร์ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว  ส่วนผู้ป่วยเองก็ต้องปรับพฤติกรรมตัวเองเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับให้เพียงพอ การควบคุมความเครียด ฯลฯ

         วันนี้ ลองสังเกตคนรอบๆ ตัวเราว่า มีใครที่พฤติกรรมผิดปกติไปอย่างเห็นได้ชัดบ้างมั้ย หากมี อย่าปล่อยให้เป็นแบบนั้น เพราะเขาจะใช้ชีวิตในสังคมได้ลำบากมากๆ ทางที่ดีควรรีบพาไปหาหมอแต่เนิ่นๆ นะคะ เพื่อไม่ให้อาการรุนแรง เพราะไม่ใช่แค่ใช้เวลารักษานาน แต่อาจเป็นโอกาสเสี่ยงที่เขาจะทำร้ายตัวเองหรือหาทางออกด้วยการจบชีวิตแบบผิดๆ...
 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
www.bangkokhospital.com/th/centers-and-clinics/shutdown_bipolar/,
www.manarom.com/article-detail.php?id=94,
www.somdet.go.th/Knowledge_(saranarue)/7.php,
http://edition.cnn.com/2011/HEALTH/03/07/US.highest.bipolar.rates/,
http://blogs.dnalc.org/tag/bipolar-disorder/,
http://depressivedisorder.blogspot.com/2010/03/bipolar-disorder.html,
http://icarencure.com/bipolar-disorder-and-its-symptoms/
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กระรุ๋งกุ๋งกิ๋ง Member 11 มี.ค. 58 15:51 น. 10

เราเป็นคนนึงที่รู้ตัวเลยว่าเป็นแน่ๆหลังจากอ่านบทความนี้ ขอบคุณที่แบ่งสาระมาให้อ่านนะคะ เมื่อก่อนเราเป็นคนเข้าสังคม เพื่อนเยอะ ร่าเริ่ง แทบไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ แต่ช่วงหลังมานี่ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย เรามีปัญหาเยอะมาก จนสุดท้ายเรากลายเป็นคนเก็บตัว เก็บกด ไม่พูดอะไรกับใครไปเลย1ปีเต็มๆ เราโดนที่บ้านบังคับอ่านหนังสือ เราจึงเก็บตัวอยู่ในห้อง 5วันเต็มๆ โดยจะออกมาก็แค่อาบน้ำกินข้าว มันมีหลายปัจจัยที่ทำให้เราเป็นค่ะ เรื่องเพื่อน การเรียน ครอบครัวที่ทะเลาะกันบ่อย มีหลายครั้งที่เราคิดฆ่าตัวตาย และมีนับครั้งไม่ท้วนที่เราโมโหและควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนสุดท้ายก็ทำร้ายตัวเอง ร้องไห้บ่อยจนเป็นเรื่องปกติ อารมณ์แปรปรวนเกือบตลอดเวลา เราอยากไปหาจิตแพทย์เพื่อจะได้เอายามาทาน เพื่ออะไรมันจะดีขึ้น แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ ปล.ถ้าอ่านยากขอโทษด้วยค่ะ พอดีพิมพ์ในมือถือ

11
กำลังโหลด
Num SRK Member 12 มี.ค. 58 08:51 น. 20

ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเป็นนะ แต่พออ่านถึงตรง "บางคนกินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดไปหลายกิโล" เนี่ย ไม่ใช่ละ -*-

2
แก้วน้ำชาในห้องนอนเล็ก Member 10 มิ.ย. 58 16:11 น. 20-1
เหมือนกันค่ะ เราไม่ลดซะอีก ที่สำคัญกินเอาๆจนน้ำหนักเพิ่มแทน เครียดกว่าเดิม 555555555
0
กำลังโหลด
toeyamon 11 มี.ค. 58 17:44 น. 12
รู้สึกว่าผมจะเป็นคือแบบใครขัดใจไม่ได้อะพอขัดใจนี่ จะร้องไห้ แล้วแบบโมโหมากจนจะฆ่าเพื่อนเลย บางครั้งก็หัวเราะด้วยร้องด้วย แล้วก็แกล้งเพื่อนจนเพื่อนโมโหมาด่าผมแต่ก็ยังยิ้ม แต่ข้างในคลั่งแล้วครับ อยากฆ่าเพื่อนมากๆๆเลย
0
กำลังโหลด
M4RMEL0Z Member 11 มี.ค. 58 14:18 น. 4

เพื่อนผมก็เป็นนะ ตอนแรกก็รับมือไม่ค่อยได้ แต่พอรับมือได้ทุกอย่างก็โอเคครับ เราต้องทำความเข้าใจกับเขาให้ดีเยี่ยม

1
Beloved Scholar Member 20 ส.ค. 61 13:14 น. 4-1

นี่แหละที่ผู้ป่วยอย่างเราต้องการ ไม่ใช่รับมือไม่ได้ก้ไม่คิดจะศึกษาเรื่องเรา แล้วก็ปล่อยทิ้งให้เราอยู่คนเดียว

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

111 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nongnam Member 11 มี.ค. 58 14:10 น. 3

เหมือนเราจะเป็นโรคนี้เลย รู้สึกจะเป็นภาวะซึมเศร้า แต่มันไม่ได้มากอะไร

เบื่อทุกอย่างแม้กระทั่งการกิน <--- มันคือสิ่งที่เราชอบมาก

ความคิดความอ่านเราช้าไปหมด สมองเริ่มไม่ค่อยรับรุ้อะไรแล้ว #เริ่มลืมบ่อยขึ้น 

O[]O หรือเราจะเป็นอัลไซเมอร์ 

3
Ingna 11 มี.ค. 58 15:52 น. 3-1
เหมือนกันเลยค่ะ ความคิดความอ่านเราช้า ลืมบ่อยขึ้น แต่ไม่เบื่อทุกอย่างค่ะ เบื่อแค่บางอย่าง
0
กำลังโหลด
M4RMEL0Z Member 11 มี.ค. 58 14:18 น. 4

เพื่อนผมก็เป็นนะ ตอนแรกก็รับมือไม่ค่อยได้ แต่พอรับมือได้ทุกอย่างก็โอเคครับ เราต้องทำความเข้าใจกับเขาให้ดีเยี่ยม

1
Beloved Scholar Member 20 ส.ค. 61 13:14 น. 4-1

นี่แหละที่ผู้ป่วยอย่างเราต้องการ ไม่ใช่รับมือไม่ได้ก้ไม่คิดจะศึกษาเรื่องเรา แล้วก็ปล่อยทิ้งให้เราอยู่คนเดียว

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
`smile˙ Member 11 มี.ค. 58 15:16 น. 7

เหมือนตัวเองจะเป็นเลย กรีสสสสส  หวาาร้องไห้

แต่เรากินเก่งนะ 5555555 แต่ตรงมากอ้ะ เห้อออมมม กลัวนะเนี่ย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Drosera 11 มี.ค. 58 15:34 น. 9
เราเคยสงสัยนะว่าเราเป็นโรคนี้หรือป่าว เราว่าอาการเราใกล้เคียงมากอ่ะ อยากไปพบจิตแพทย์เหมือนกัน แต่กลัวว่าไปแล้วจะเสียประวัติ ถ้าเราลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูจะเสียประวัติมั้ย ? จะทำยังไงดีถึงจะรู้ได้คะ ? ช็อค
3
บอล 11 มี.ค. 58 16:36 น. 9-1
ไม่เสียประวัติครับ เพราะผมเคยไปมาแล้ว แต่ไม่ได้เป็นนะ แค่เครียด วิตก กังวลเฉยๆ อย่างน้อยไปหาหมอเพื่อเช็คดีกว่า
0
กำลังโหลด
กระรุ๋งกุ๋งกิ๋ง Member 11 มี.ค. 58 15:51 น. 10

เราเป็นคนนึงที่รู้ตัวเลยว่าเป็นแน่ๆหลังจากอ่านบทความนี้ ขอบคุณที่แบ่งสาระมาให้อ่านนะคะ เมื่อก่อนเราเป็นคนเข้าสังคม เพื่อนเยอะ ร่าเริ่ง แทบไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ แต่ช่วงหลังมานี่ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย เรามีปัญหาเยอะมาก จนสุดท้ายเรากลายเป็นคนเก็บตัว เก็บกด ไม่พูดอะไรกับใครไปเลย1ปีเต็มๆ เราโดนที่บ้านบังคับอ่านหนังสือ เราจึงเก็บตัวอยู่ในห้อง 5วันเต็มๆ โดยจะออกมาก็แค่อาบน้ำกินข้าว มันมีหลายปัจจัยที่ทำให้เราเป็นค่ะ เรื่องเพื่อน การเรียน ครอบครัวที่ทะเลาะกันบ่อย มีหลายครั้งที่เราคิดฆ่าตัวตาย และมีนับครั้งไม่ท้วนที่เราโมโหและควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนสุดท้ายก็ทำร้ายตัวเอง ร้องไห้บ่อยจนเป็นเรื่องปกติ อารมณ์แปรปรวนเกือบตลอดเวลา เราอยากไปหาจิตแพทย์เพื่อจะได้เอายามาทาน เพื่ออะไรมันจะดีขึ้น แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ ปล.ถ้าอ่านยากขอโทษด้วยค่ะ พอดีพิมพ์ในมือถือ

11
กำลังโหลด
Pun latent Member 11 มี.ค. 58 17:26 น. 11

เหมือนจะเป็น!!

เมื่อก่อนมันคงไม่คิดมากเท่าตอนนี้มั้ง ตอนนี้เลยเป็นคนคิดมาก 

คิดว่าคนอื่นจะมองเราอยากงี้นอย่างงี้  ไม่ค่อยกล้าทำในสิ่งที่อยากทำ

แต่ก็พยายามแล้วนะสู้สู้

0
กำลังโหลด
toeyamon 11 มี.ค. 58 17:44 น. 12
รู้สึกว่าผมจะเป็นคือแบบใครขัดใจไม่ได้อะพอขัดใจนี่ จะร้องไห้ แล้วแบบโมโหมากจนจะฆ่าเพื่อนเลย บางครั้งก็หัวเราะด้วยร้องด้วย แล้วก็แกล้งเพื่อนจนเพื่อนโมโหมาด่าผมแต่ก็ยังยิ้ม แต่ข้างในคลั่งแล้วครับ อยากฆ่าเพื่อนมากๆๆเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Hua Mulan 11 มี.ค. 58 18:43 น. 14
คืออยากบอกว่าเราเนี่ยเป็นแน่ๆ เพราะมีคนคนนึงเป็น เรามีอาการคล้ายเค้ามากพอรู้ว่าเค้าเป็นโรคนี้ เราก็ค้นคว้ามันใช่เลย เพราะแม่เราก็เป็นโรคซึมเศร้า ตอนเด็กเรากลัวแบบกลัวการเข้าสังคมมากกกก แต่ตอนนี้เราแบบรู้ไกใด้ชัดว่าไม่เหมือนเมื่อก่อน เป็นแบบอาการที่สองเราก็ปรึกษากับเพื่อนว่าจะไปหาหมอ เราบอกแม่แต่เหมือนแม่จะโกรธบอกว่าเราคิดมาก ไม่ให้เราไปแต่แม่แอบเอาอาการของเราไปเล่าให้หมอฟัง แม่บอกว่าหมออยากเจอเราแต่เราก็ไม่ได้ไปเรากับเพื่อนก็ได้แต่รอ เพื่อนให้กำลังใจดีมากบอกว่าจะพาเราไปเอง เราดีใจมากค่ะ
0
กำลังโหลด
อ๊อดดด 11 มี.ค. 58 19:21 น. 15
เราว่าสังเกตุอยากอยู่นะคนที่เป็นโรคนี้ เราเป็นคนเก็บบตัวอยู่แต่บ้านเหมือนกัน แต่ในความคิดเราเราว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นโดยการเข้าสังคมบ่อยๆ มันทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นนะ เราก็สังเกตุตัวเองเหมือนกัน อารมณ์แปรปรวนบางครั้ง รู้สึกเบื่อ รู้สึกมีปัญหาชีวิต ร้องไห้ เห้ออออ คือตอนนี้อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งอ่ะ คือจะทำให้ตัวเองมีความสุขไม่มีีโรคอะไรเลย ไม่มีอะไรทุกข์ใจเลย ก็อย่างที่เค้าบอกอ่ะ เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ สู้ๆๆๆนะ บางคนอาจจะเปลี่ยนตัวเองจริงๆก็ได้ นะ แบบ จากเรียบร้อย เงียบๆ เป็นเข้าสังคมเก่ง มั่นใจ คือเค้าอาจจะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆอ่ะแหละ ส่วนคนที่มีอาการสองอารมณ์คือ สมมุติเป้นคนเงียบอยู่เเล้ว มันจะเป้นบางช่วงที่ขาดการควบคุม พูดมาก แต่ไม่นานหรอกก้กลับมาเป็นตัวเองเหมือนเดิม เงียบๆ แบบนี้แหละที่เรียกว่าเป็นโรคอารมณ์สองขั้ววว
0
กำลังโหลด
AyamiRen Member 11 มี.ค. 58 21:24 น. 16

เราว่าเราต้องเข้าข่ายนี้แน่ๆ วันนึงร่าเริงโครตๆยังกะกินยาบ้า วันนึงแม่งเศร้าจะเป็นจะตาย ทุกอย่างบนโลกดูน่าเบื่อไปหมด แต่สาเหตุน่าจะมาจากอะไรหลายๆอย่างช่วงวัยเรียนมัธยมเนี่ยแหละ มันเยอะมากๆ แล้วก็เรื่องเครียดทางบ้านอีก สุดจะทน....

0
กำลังโหลด
Arsiyan Member 11 มี.ค. 58 22:44 น. 17

ชิปหาบแล้วสิ รู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งทุกอย่าง ขาดความมั่นใจในตัวเอง ป่วยบ่อย ท้อแท้กับชีวิต รู้สึกชีวิตมีปัญหา หงุดหงิดบ่อย ร้องไห้เป็นว่าเล่น รู้สึกคนอื่นทำอะไรก็ไม่ถูกใจ อยากโวยวาย ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่อยากออกสังคม เบื่อทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องกิน ชัดเลย เราควรหาหมอไหมอ่ะ

0
กำลังโหลด
Farlina Member 11 มี.ค. 58 22:58 น. 18

เวลาพูดไม่ถูกหูงี้ บ่อน้ำตาแตกตลอดเลยอ่ะ

อารมณ์เสียแล้วก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆเบื่อมากอยากนั่งอยู่นิ่งๆเพราะกลัวจะทำอะไรไม่ถูกใจแล้ววีนแตกและทบทวนสิ่งที่ทำให้เราเสียใจ จากนั้นก็จะร้องไห้ออกมาอย่างหนักและนานเป็นชม.ก็มี พอร้องไห้เสร็จนะ อารมณ์เราก็กลับมาเป็นปกติ ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าถ้ารมณ์ไม่จอยต้องร้องไห้ถ้าไม่ได้ร้องก็จะอารมณ์บูดทั้งวันเลยจนกว่าจะได้ร้องไห้ เป็นบ่อยมาก

0
กำลังโหลด
Marterserbe Member 12 มี.ค. 58 07:00 น. 19

ไบโพล่าทำให้เกิดดราม่าขึ้นได้นะครับ :) ระวังไว้อย่าเข้าสังคม..เชื่อผม คบใครได้ไม่นานหรอก

การเป็นโรคซึมเศร้าจะทำให้คุณมองโลกในแง่ร้าย คิดว่าคนอื่นคิดร้ายต่อตัวเอง ไม่มองในมุมมองอื่น

ภาวะแมเนียก็ชอบเสียดแทงคนด้วยถ้อยคำสุภาพและใบหน้ายิ้มแย้ม

สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ไวมากๆ ถึงจะอยู่ในภาวะแมเนีย แต่เมื่อโดนกระทบนิดๆหน่อยๆก็อาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้ คือคิดอยากตาย แต่จะพิเศษอยู่หน่อยคือคิดอยากฆ่าคน (เมื่อเป็นภาวะซึมเศร้าแล้วโดนกระทบคืออยากตายอย่างเดียว)

ผมเป็นไบโพล่าอยู่นะครับ :) ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในภาวะแมเนีย ถถ แอดมาคุยกันได้น้า คนที่เป็นเหมือนกัน

อีกอย่างคือโรคนี้จะดึงดูดเราไปหาสิ่งเร้าได้ง่ายมากกกกกกกกก ทำให้ผมคิดอยากลองยาเสพติด อยากมีเซ็กส์หมู่(ทั้งที่ไม่เคยมีเซ็กส์มาก่อน)อะไรแบบนี้ = = ทำให้คิดอยากมีอะไรกับใครก็ได้(โคตรอันตรายความคิดนี้ 55 พยายามห้ามใจตัวเองอยู่) อยากลองในสิ่งที่อันตรายและท้าทาย อะไรที่อยากทำไม่ว่ายังไงก็จะทำ ส่วนอะไรที่ไม่อยากทำ ใครบังคับก็ไม่ทำ อะไรที่อยากได้ต้องได้เดี๋ยวนั้น อะไรที่ไม่เอาไม่ต้องมายัดเยียดให้ เช่นอยากกินข้าวต้องได้กิน ณ เวลานั้น ถ้าได้ก๋วยเตี๋ยวมาจะปัดทิ้ง อะไรแบบนั้น :3 ใครขัดใจจะหงุดหงิดมากๆจนแทบอยากฆ่าทิ้ง แค่โดนว่านิดๆหน่อยๆก็อยากฆ่าตัวตาย

มาให้ความรู้ฮะ ไปละ 55

3

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
Num SRK Member 12 มี.ค. 58 08:51 น. 20

ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเป็นนะ แต่พออ่านถึงตรง "บางคนกินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดไปหลายกิโล" เนี่ย ไม่ใช่ละ -*-

2
แก้วน้ำชาในห้องนอนเล็ก Member 10 มิ.ย. 58 16:11 น. 20-1
เหมือนกันค่ะ เราไม่ลดซะอีก ที่สำคัญกินเอาๆจนน้ำหนักเพิ่มแทน เครียดกว่าเดิม 555555555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด