หากพูดถึงทางเลือกด้านการศึกษาของประเทศไทย ก็สามารถแบ่งเป็น ประเภทสายสามัญกับสายอาชีพ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันพ่อแม่ผู้ปกครอง ส่วนใหญ่ก็เทใจหนุนให้ลูกๆ เลือกไปเรียนทางสายสามัญ ด้วยค่านิยมว่า สามารถเลือกเรียนต่อได้มากกว่าและมีปริญญาเป็นใบเบิกทาง ในขณะที่สายอาชีพหรืออาชีวะมีข่าวไม่ค่อยสู้ดีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ความจริงแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเด็กนักเรียนส่วนน้อยเท่านั้น เพราะเบื้องหลังคนเรียนอาชีวะมีอีกหลายแง่มุมที่สังคมไม่เคยนำมาหยิบยกเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ได้เห็นกันสักเท่าไร โดยเฉพาะทางด้านจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคม เช่น ช่วยเหลือชาวบ้านซ่อมแซมบ้านเรือน, เครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อครั้งน้ำท่วม ไปจนถึงส่งนักเรียนอาชีวะไปช่วยน้ำท่วมที่ประเทศมาเลเซีย เหตุผลหนึ่งที่เด็กอาชีวะมักเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคม เพราะพวกเขามีความรู้ ประสบการณ์ ทักษะและสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง พูดง่ายๆ ว่าเป็น “ฝีมือชน” นั่นเอง
นี่อาจจะเป็นจุดเด่นของนักเรียนสายอาชีพ ในเรื่องประสบการณ์และ ทักษะความสามารถที่เพียบพร้อมในสายอาชีพ และถ้ามองให้ดีเราก็จะพบ ข้อดีของการเรียน “สายอาชีวะ” อีกหลายข้อเลยทีเดียวที่คนในสังคมมองข้าม จะมีดีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
-
1. เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยมีรายได้ระหว่างเรียน
ไม่ต้องรอเรียนถึงมหาวิทยาลัยก็ได้ฝึกงานก่อนใคร เพราะสายอาชีพเป็นหลักสูตรที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง ทุกหลักสูตรจึงมีการฝึกงานเพื่อสร้าง ประสบการณ์ทักษะวิชาชีพตั้งแต่ยังเรียนอยู่ รวมแล้วกว่า 300 ชั่วโมง การฝึกงานของสายอาชีพถือว่าเป็นการฝึกงานจริงๆ ได้หยิบจับอุปกรณ์ สร้างผลงาน เรียนรู้กระบวนการในแวดวงวิชาชีพนั้นๆ ไม่ใช่เพียงการอ่านตำรา นักเรียนอาชีวะจึงได้เรียนไปด้วย ได้ฝึกงานไปด้วย แถมยังได้ใช้ทักษะความรู้หารายได้ด้วยตัวเอง แบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้อีกด้วย
-
2. มีวิชาชีพติดตัวไม่ตกงานแน่นอน
กว่า 300 ชั่วโมงที่ได้ฝึกงานในสายวิชาชีพของตัวเอง ก็ถือเป็นการเรียนรู้ และฝึกฝนทักษะ ประสบการณ์ จนมีความเชี่ยวชาญตั้งแต่ตอนเรียน ทำให้มี วิชาชีพติดตัว จบมาสามารถทำงานได้ทันที เพราะสามารถใช้วุฒิ ปวช.3 ในการสมัครงานได้เลย แถมยังมีงานรองรับอยู่เพียบ เรียกว่าบางทีไม่ต้องเดินหางานก็มีคนจองตัวทำงานทันที
ฝึกฝนฝีมือไปเรื่อยๆ จนเชี่ยวชาญ สบโอกาสก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการก็ยังได้ ที่ผ่านมามีรุ่นพี่อาชีวะหลายคนสร้างเนื้อสร้างตัวจากความรู้สายอาชีวะจนเป็นนักธุรกิจ 100 ล้านมาแล้ว
-
3. หลักสูตรวิชาชีพเยอะกว่าที่คิด
อาชีวะไม่ได้มีแค่ช่างกลสาขาเดียว แต่ยังมีช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่าง อิเล็กทรอนิกส์ ช่างยนต์ เรียกว่าทุกศาสตร์ที่เกี่ยวกับฝีมือช่างมีเปิดสอนทั้งหมด เลือกเรียนได้ตามความสนใจ เห็นไหมว่ามีการแยกตรงตามความต้องการ ตามความถนัดของตัวเอง จบมาทำงานสายนั้นๆ ได้ทันที ต่างจากสายสามัญที่ต้องเรียนวิชาการ 3 ปี ถึงจะไปเรียนต่อสายที่ต้องการในมหาวิทยาลัยได้
-
4. “ฝีมือชน” เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทั้งไทยและต่างประเทศ
พูดได้เต็มปากว่าตำแหน่งงานตอนนี้ ขาดแคลนช่างฝีมือจำนวนมากเพราะคนที่จบสายสามัญหรือปริญญาตรีมา แม้จะมีความรู้เฉพาะทางแต่ยังขาดทักษะ ในการทำงานจริง เมื่อเข้ามาทำงานต้องใช้เวลาในการเรียนงานหลายเดือนจึงจะเริ่มมีประสบการณ์ ต่างจากสายอาชีวะที่มีความเชี่ยวชาญในสายวิชาชีพนั้นมาแล้วจึงเริ่มงานได้ทันที สังเกตได้จากการรับสมัครงานในตำแหน่งสายเทคนิคเกือบทุกบริษัท มักจะรับผู้มีประสบการณ์ หรือ วุฒิ ปวช. / ปวส. อยู่ในประกาศ รับสมัครงานทุกครั้งด้วยเสมอ
นอกจากนี้ช่างฝีมือไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่างประเทศ เพราะเป็นช่างที่มีฝีมือชำนาญ และละเอียดรอบคอบ ยิ่งเป็นผลดีต่อเมื่อประเทศ ไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพราะสามารถโกอินเตอร์ไปทำงานที่ต่างประเทศได้ ที่สำคัญแทบไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรายได้เลย ยิ่งมี ประสบการณ์รายได้ก็สูงตาม
-
5. จะเรียนต่อ ปวส. หรือ ปริญญาตรี ก็ได้
เมื่อจบหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช. แล้ว สามารถเลือกเรียนต่อได้ตามความสนใจ หากต้องการพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นก็เลือกเรียนหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือ ปวส. หรือ ถ้าอยากเข้าสู่ระบบอุดมศึกษาก็สามารถสอบเข้าไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน เพราะปัจจุบันหลาย สถาบันเปิดรับวุฒิ ปวช. เข้าเรียนต่อปริญญาตรีได้ เช่น ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ม.เกษตรศาสตร์ เป็นต้น เข้าเรียนได้ทั้งหลักสูตรปกติ 4 ปี หรือ เรียน ปวส. 2 ปี + หลักสูตรต่อเนื่องอีก 2 ปีก็ได้ ซึ่งนักเรียนอาชีวะจะได้เปรียบในด้านการปฏิบัติ เรียกว่าได้ฝึกทักษะกันมาจนชำนาญ การเรียนต่อเฉพาะทางในมหาวิทยาลัยจึงไม่ใช่เรื่องยาก
-
6. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้การสนับสนุนการเรียนอาชีวะอย่างจริงจัง
เพราะรัฐบาลเล็งเห็นแล้วว่าอาชีวะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเกือบทุกๆ ด้าน แต่ในตลาดแรงงานจริงกลับขาดแคลนอย่างหนัก และมีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนมากขึ้นเรื่อยๆ ไปอีก ถ้าเด็กรุ่นใหม่ยังไม่หยุดค่านิยมว่าต้องเรียนสายสามัญเท่านั้นถึงจะดี! ทำให้ในระยะหลังมานี้ รัฐบาลหันมาให้การส่งเสริมให้เด็กรุ่นใหม่เรียนอาชีวะเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศ
นอกจากภาครัฐแล้ว ยังมีภาคเอกชนที่สนับสนุนให้เด็กไทยหันมาสนใจสายอาชีวศึกษา เช่น มูลนิธิเอสซีจี มีการมอบทุนการศึกษา “ฝีมือชน คนสร้างชาติ” เป็นทุนให้เปล่าต่อเนื่องจนจบ ปวส. ให้กับน้องๆ ม.3 ที่สนใจเรียนสายอาชีพและสามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับประกาศนียบัตร (ปวช.) สาขาช่างอุตสาหกรรมได้ ซึ่งจะมีการมอบทุนนี้ให้เป็นประจำทุกปี
เชื่อว่าถ้าผู้ปกครองและเด็กรุ่นใหม่เปิดใจยอมรับหลักสูตรอาชีวศึกษา มากขึ้น ก็จะเห็นประโยชน์และข้อดีของหลักสูตรนี้จนอยากเปลี่ยนใจมาเรียน แน่นอน เพราะอาชีวศึกษาเป็นหลักสูตรสำคัญที่สร้างกำลังคนซึ่งเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศ ดังนั้นเด็กอาชีวะทุกคน จะได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่มีประสบการณ์ด้านวิชาชีพโดยตรง ได้ฝึกงาน ฝึกปฏิบัติจนชำนาญคล่องแคล่วเป็นฝีมือชน การันตีว่าจบมาแล้วไม่ต้องเดิน เตะฝุ่นเดินหางานทำแน่นอน
27 ความคิดเห็น
เรียนสายอาชีพนี่สุดๆ อะ ต้องมีระเบียบ วินัย แถมดูแล้วยังไงเรียนไปก็ได้งานแน่นอน อ่อ แถวลาดกระบังที่โรงงานเพียบเลยนะ ถ้าสังเกตุกันดีๆ เวลาไปสมัครงานเค้าจะระบุสายที่เรียนมาในการเข้าทำงาน เค้าอยากได้คนที่ลงมือทำได้เลย ไม่ต้องมาเรียนรู้ใหม่ สอนใหม่
แล้วก็ เรียนอาชีวศึกษา ทั้ง ปวช. และ ปวส. สามารถสอบ กพ.ได้
วุฒิ มัธยม 6 ไม่มีสิทธิ์สอบ กพ. นะ
จริงค่ะแต่เราเรียนสายอาชีพสาขาบัญชี ที่วิทยาลัยเราจะมีสาขา ภาษา คอมพิวเตอร์ บัญชี และการตลาด
อาจจะไม่เหมือนช่างแต่ก็ได้ประสบการณ์ในการทำงานเหมือนกันค่ะ
ส่วนตัวเราอยากเรียนอาชีวะเลยค่ะ แต่ทางบ้านไม่สนับสนุน
ก็เลยเรียนศิลป์ภาษาไป ถ้าเรียนอาชีวะเราคงต่อสาขาภาษาต่างประเทศ
แต่ที่โรงเรียนสามัญมีให้เรียนควบสายอาชีพไปด้วย ก็ถือว่าดีเหมือนกันค่ะ
เรียนอาชีวะเท่จะตาย เก่งปฏิบัติด้วย อนาคตก็เป็น ฝีมือชน ที่ดีและมีคุณภาพ