สิ่งที่พูดมาก็ไม่ผิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะใช้ภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพจริงๆ ทุกอย่างมันต้องไปด้วยกันค่ะ บางคนสำเนียงดีมาก แต่พูดไวยากรณ์ผิดหมด บางคนแม่นไวยากรณ์มาก แต่พูดและฟังไม่ได้เลย ในขณะที่บางคนใช้ภาษาได้เป๊ะทุกด้าน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครได้เปรียบที่สุด วันนี้พี่มิ้นท์มีเทคนิคพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษ 3 พาร์ทมาฝากน้องๆ นั่นก็คือ พาร์ทแกรมม่า คำศัพท์ และบทสนทนา ค่ะ
5 เทคนิคเก่ง Grammar
- พื้นฐานง่ายๆ ต้องแม่น
ภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาไทย ที่จำเป็นต้องรู้พื้นฐานก่อน คำนาม คำกริยา คำวิเศษณ์ กริยา 3 ช่อง พื้นฐานพวกนี้ถือว่าจำเป็นมากๆ สำหรับการเรียนแกรมม่าเลยก็ว่าได้ เพราะต้องใช้ต่อยอดแกรมม่าเรื่องอื่น จะเรียนเรื่อง Tense แต่ละ Tense ก็ใช้ Verb คนละช่อง ก็ต้องรู้จักเลือกใช้ให้ถูก เป็นต้น
- กฎเหล็ก ข้อยกเว้น ต้องจำได้
หลายคนตกม้าตายเรื่องข้อยกเว้น แกรมม่าเป็นเรื่องของหลักภาษาที่ค่อนข้างซับซ้อน กำหนดมาเป็นอย่างดีว่าต้องใช้แบบนี้ๆ แต่สุดท้ายก็จะมีข้อยกเว้นแปะท้ายให้ปวดกบาลคนเรียนเล่นๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ นะคะ การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ เรียนกันมาว่าให้เติม s, es ถ้าลงท้ายด้วย o ให้เติม es ได้เลย แต่ก็มีข้อยกเว้น อย่างเช่น photo สามารถใช้ photos ได้เลย ไม่ใช่ photoes เป็นต้น
แกรมม่าภาษาอังกฤษมีเยอะพอๆ กับหลักภาษาไทย จะให้ท่องจำแต่หลักหรือโครงสร้างก็น่าเบื่อเกินไป ลองวิธีนี้สิคะ หาตัวอย่างประโยคของหลักนั้นๆ เป็นโมเดลประโยค ท่องจำจะได้ง่ายขึ้นค่ะ ประมาณว่าคิดถึงโครงสร้างนี้ ท่องประโยคนี้ขึ้นมา ก็จะรู้ได้ว่าโครงสร้างมันเป็นยังไง ก็เหมือนกับเราท่องเสียงลือเสียงเล่าอ้าง เป็นต้นแบบของโครงสี่สุภาพนั่นเอง
- อ่านเองไม่รู้เรื่อง ต้องเข้าใจตั้งแต่ในห้องเรียน
ถ้ารู้ตัวว่าเรียนรู้อะไรช้า ยิ่งเป็นแกรมม่ายากๆ อ่านเองไม่เข้าใจ ก็ควรตั้งใจเรียนตั้งแต่ในห้องเรียน เพราะอาจารย์แต่คนจะมีเทคนิคการจำแตกต่างกัน ฟังให้เข้าใจตั้งแต่ในคาบและจดเทคนิคการจำไว้ด้วย กลับมาอ่านเองทีหลังจะได้ง่ายขึ้
- อัพเกรดอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
วิธีนี้ถือว่าได้ประโยชน์ระยะยาวค่ะ หัดอ่านหนังสือเรื่องสั้น นิยาย หนังสือพิมพ์ ที่เป็นภาษาอังกฤษ หรืออ่านข่าวจากเว็บไซต์ต่างประเทศก็ได้ สื่อพวกนี้เราได้ทั้งศัพท์แปลกๆ ใหม่ๆ ยังได้เรียนรู้แกรมม่าด้วย

ทางลัดอย่างนึงของการรู้คำศัพท์เยอะคือการทบทวนบ่อยๆ แต่บางคนไม่มีเวลามานั่งท่องศัพท์ตลอดเวลา ไม่มีแรงกระตุ้นด้วย ก็ลองใช้วิธีนี้ดูค่ะ คือ มองทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษ เดินไปตลาด เจอของตามทางก็นึกเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ อันไหนไม่ได้ ก็จำไว้แล้วมาเปิดดิคชันนารีที่บ้าน
- หาคำควบคู่ หรือ ตรงข้ามไว้ด้วย
เป็นการเรียนรู้ศัพท์แบบก้าวกระโดดค่ะ คือ รู้ศัพท์คำนึงแล้ว ให้หาคำศัพท์ที่ความหมายเหมือนกันและตรงข้ามกันมากองเป็นกลุ่มคำไว้ เวลาท่องจำทีนึงจะได้ไปพร้อมๆ กันทีเดียว เราก็ได้ศัพท์มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง
- crossword puzzle
เป็นเกมที่หลายคนคงเคยเล่น แต่เล่นเป็นภาษาไทย เกมนี้วัดความรู้คำศัพท์อย่างแท้จริงเลยค่ะ ลักษณะเกม คือ เป็นตารางคำศัพท์ มีช่องตามพยัญชนะของคำต่อกันหลายๆ คำ แล้วเราก็มาอ่านคำอธิบายด้านล่าง จากคำอธิบายต้องนึกให้ออกว่าเป็นคำว่าอะไร ฝึกเกมนี้บ่อยๆ ได้ฝึกทั้งเรื่องคำศัพท์และแปลความด้วยค่ะ
- เตรียมสมุดจดศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
เพิ่มสมุดจดศัพท์ลงในกระเป๋าอีกชิ้นคงไม่หนักอะไรมากนะคะ เอาไว้จดคำศัพท์ที่เราไปเจอมาแล้วไม่รู้ความหมาย เพื่อที่ว่ากลับมาบ้านมาก็หาความรู้เพิ่ม จดทุกวันๆ สมุดเล่มนี้จะเหมือนคัมภีร์คำศัพท์ที่คัดมาแล้วว่าเราเจอในชีวิตประจำวันจริงๆ
- ฝึกสร้างประโยคจากศัพท์
คล้ายกับเทคนิคเรียนแกรมม่า แต่เพิ่มสกิลการเขียนอีกนิดนึง น้องๆ สามารถหาตัวอย่างประโยคแกรมม่าจากหนังสือเรียนได้ แต่การสร้างประโยคจากคำศัพท์ แนะนำให้น้องๆ ฝึกแต่งประโยคขึ้นมาเอง จะเริ่ดมากค่ะ
- อย่ากลัวพูดผิด
ความกลัวทำให้เราไม่กล้า และการที่เราพูดผิดก็ไม่ได้ทำให้โลกแตกซะหน่อย ดีไม่ดี คู่สนทนาเราอาจจะอยากช่วยเหลือเราก็ได้ ก็เหมือนกับฝรั่งมาพูดภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ ฟังดูน่ารักกรุ้มกริ่ม อยากให้ความช่วยเหลือ ซึ่งฝรั่งหลายคนเรียนรู้ภาษาที่สามได้เร็วมาก เพราะมีความกล้านั่นเอง
- หาตัวช่วยฝึกออกเสียง
สำเนียงการพูดอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าสำเนียงเป๊ะ ก็เป็นประโยชน์ต่อการสื่อสาร เราและคู่สนทนาก็ฟังกันเข้าใจมากขึ้น เพราะบางครั้งไม่ใช่แค่สำเนียงที่ฟังยาก แต่การออกเสียงคำอาจจะผิดด้วย ดังนั้นต้องหาตัวช่วยเพื่อการออกเสียงที่ดีของเราค่ะ เช่น ทอล์คกิ้งดิคชันนารี หรือจะเปิดดิคบนเว็บแล้วกดรูปลำโพงเพื่อฟังเสียง หรือทางลัดสุดคือ หาเพื่อนชาวต่างชาติมาคุยด้วยซะเลย จะได้ฝึกอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมานั่งอายเวลาออกเสียงด้วย
- อย่านึกเป็นภาษาไทย
น้องๆ คงเคยได้ยินคำว่า ฝึกคิดแบบฝรั่งจะได้พูดแบบฝรั่ง อันนี้เป็นเรื่องจริงเลยค่ะ เพราะการที่เราคิดเป็นภาษาไทยทำให้เรายึดติดกับไวยากรณ์ภาษาไทย นั่งคิดศัพท์ที่ตรงกับภาษาไทยเป๊ะๆ ทำให้ช้าและสำนวนที่ออกมาจะดูฝืนๆ ด้วยค่ะ
- ก่อนพูดต้องฝึกฟังด้วย
แม้เราจะฝึกพูด แต่ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการฟัง การฟังไม่ว่าจะเป็นจากคนที่เราคุยด้วย หรือ การดูตามสื่อต่างๆ จะช่วยรู้จังหวะการพูด การเลือกใช้คำพูดตามสถานการณ์ และที่สำคัญถ้าสนทนากับคนอื่นจริงๆ การฟังจะช่วยให้เราคุยกันถูกเรื่อง ไม่ใช่สักแต่ว่าพูด พูดกันคนละเรื่องก็จะพูด จะทำให้คู่สนทนาเบื่อเราค่ะ
- ดูหนังฝรั่งที่บ้าน ฝึกพูดตาม
วิธีนี้เบสิคและน่าทำตามที่สุด แถมยังฝึกคนเดียวได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฝึกพูดจริงๆ ค่ะ เลือกซื้อซีดีหนัง soundtrack แนวที่เราชอบดู แรกๆ เปิดดูแบบมีซับไตเติ้ลไปก่อน รอบสองรอบสามก็ฟังแบบไม่มีซับและฝึกพูดตามเสียงที่ได้ยิน ที่พี่มิ้นท์บอกว่าวิธีนี้น่าทำตามที่สุด เพราะเมื่อต้องการฝึกภาษาจริงๆ เราสามารถกด pause เพื่อฝึกพูดตามได้นั่นเอง
ชอบวิธีไหน ถนัดวิธีไหน ลองไปฝึกกันนะคะ การเรียนภาษาที่สามให้เก่ง ไม่ได้ฝึกกันวันสองวัน ซื้อก็ไม่มีขาย อยากได้ต้องฝึกกันเองค่ะ บางคนเสียตังค์ไปหลายหมื่นแต่ไม่มีความพยายามพอก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน ในขณะที่บางคนไม่ได้เสียตังค์สักบาท แต่สู้อุตส่าห์หาความรู้ในเน็ตก็เก่งได้
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะบอกว่า "วิธีการ" ไม่สำคัญเท่า "ความพยายาม" นะคะ แต่ถ้ามีวิธีการที่ดี + ความพยายามที่มากพอ เชื่อว่ามันจะออกมาดีมากๆ ค่ะ สู้ๆ นะทุกคน
ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจาก
http://hdblusukan.hol.es/tenses/tenses-table-in-english-with-examples.html,
www.rfcafe.com/references/popular-electronics/crossword-puzzle-september-1957-popular-electronics.htm,
http://maselbahri.blogspot.com/2008/12/teaching-english-vocabulary-using-games.html,
https://pakenglish.wordpress.com/tag/fear-of-spoken-english/,
http://cinematicreactions.blogspot.com/2014_10_01_archive.html
50 ความคิดเห็น
เล่นเกมส์เซริฟต่างประเทศจำใจต้องมั่วภาษาไปจนได้บางประโยค(มั่วให้คนอื่นเข้าใจได้=...=)
ส่วนการออกเสียงภาษาได้มาจากการร้องเพลงบ้างอ่าน lylics ของเพลง(ไม่รู้ว่า lylics แปลว่าอะไรแต่ขอมั่วก่อนเน้อ -.-)แล้วก็ฝึกเรียงประโยคจากเพลงบางประโยคที่มีความหมายแต่ต้องนั่งจดจากเน็ตลงสมุดแล้วค่อยร้องออกเสียงเพราะเปนไมเกรนอยู่หน้าคอมนานๆมิได้
ขอโทษนะคะ คือ Vocabolary หรือ Vocabulary ค่ะ ถ้าผิดขออภัยค่ะ
"อย่ายึดติดกับไวยกรณ์ไทยมากไป" อันนี้จริงเลยเป็นตลอด
ขอบคุณค่ะ ทำได้เกินสามวันมั้นน้ออ
ทำมาทุกอย่างแล้วค่ะ
ก่อนเจอกระทู้
ได้ผลจริงเลยค่ะ ห้าๆๆ
แต่ความอดทน ขยันและพยายามก็ต้องมี
เมื่อก่อนไม่เก่งอังกฤษเลยน่ะแต่อยู่ดีๆเหมือนค่อยๆเก่งคืออังกฤษที่เรียนกับครูไทยเราได้เกรด2.5 แต่อังกฤษสื่อสารที่เรียนกับครูฝรั้งเราได้เกรด4คือชอบเรียนกับครูฝรั้งมากว่าดูเข้าใจแต่ให้พูดอังกฤษพูดได้รู้ศัพท์แต่พวกแกมม่าหลักการใช้ไม่เป็นค่ะ

ยังมีอีกนะ แค่หาดูอนิเมะที่มีซับอังกฤษก็พอช่วยในเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษได้พอสมควร พอคำไหนไม่รู้ความหมายก็จะได้ไปค้นคว้า ไม่ต้องเสียเวลาอ่านซับไทยที่บางครั้งแปลผิด หรือว่าจะไปดูการ์ตูนฝรั่ง หนังฝรั่ง ไปฟังเพลงฝรั่ง อะไรทำนองนั้น จะอ่านนิยายอังกฤษหรือไปลองอ่านฟิคอังกฤษ ในอินเทอร์เน็ตเนี่ยมีเยอะแยะตาแป๊ะขายขวดจะตายไป แถมเป็นการใช้คอมเพื่อช่วยในด้านทักษะในการอ่าน/ฟังภาษาอังกฤษ นอกเหนือจากเล่นเกม เล่นเฟสคลายเครียดอีกด้วย
ซักวันเราจะต้องพูดอังกฤษให้ได้ !!!
เหเช่นกันค่ะ ต้องพูดให้ได้ ฮฮิ้วๆ
ส่วนแต่ของเค้าที่พูดอังกฤษและอ่านอังกฤษได้ เพราะ เกมล้วนๆเลยคะ ย้ำว่าล้วนๆเลยนะคะเป็นคนที่ชอบเล่นเกมมาก :D แต่อยู่ๆวันนึงก็อ่านได้แบบหน้าตาเฉยอะ :O ก็แอบดีใจที่อ่านได้ ส่วนตอนนี้ก็ดูซีรี่ย์ฝรั่งตลอดอะคะแบบซับไทยเลยคะ ส่วนเรื่องการออกเสียงนี่ของเราเน้นมาก ด้วยความที่เป็นกะเทยเลยต้องฝึกออกเสียงให้ชัดๆเพราะเสียงเราออกจะห้าวแต่ก็ไม่เยอะหรอกนะฮ้าๆๆ เอาใจช่วยคนที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษคะ ^^
ทำได้มั้ยน้อ
ท่องไว้ๆ เราทำได้ๆ
เพื่อนต่างชาติช่วยได้คะ ดีที่มีเพื่อนเยอะ 555 หนังก็ช่วยได้เยอะเลยนะคะ มันจะคุ้นหู ฟังเรื่อยๆจะเเยกออกเลยว่าเป็นสำเนียงอะไร เเต่กว่าจะมาได้ขนาดนี้ก็ฝึกมาหลายปี ไม่ถึงขั้นเก่ง เเต่พอจับใจความได้ ฟังออก ตอบเรื่องที่เค้าถามได้ก็โอเเล้วจ้า
ทุกข้อหนูพอทำได้ แต่อย่ากลัวที่จะพูดผิดอ่ะ จะพยายามทำให้ได้ค่ะ