ปูพื้นฐาน Eng. แบบครบเซ็ต ด้วย Get Ready by A Plus

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com พอพูดถึงเรื่องภาษาอังกฤษ หลายๆ คนก็ยังแอบมีอาการหลอน หรือแอบคันตามแขนขาเหมือน อาการแพ้ ต้องเลี่ยงให้ไกลใช่ไหมคะ อย่าเพิ่งกลัวไปค่ะ! วันนี้ พี่แนนได้ไปคุยกับทีมอาจารย์โรงเรียน A Plus Inter-Ed Language School มาค่ะ ทำให้ทราบว่าตอนนี้ ที่โรงเรียนได้มีคอร์สใหม่ล่าสุด ที่ชื่อว่า Get Ready มาช่วยน้องๆ ที่แพ้ภาษาอังกฤษ ด้วยการปูพื้นฐานที่ถูกต้อง ให้พร้อมลงสนามสอบทุกสนาม! ว่าแต่ว่าคอร์สนี้จะเป็นอย่างไร เราไปคุยกับอาจารย์จารุวรรณ ชลประเสริฐ หรือ ป้าอู๊ด พร้อมด้วยทีมอาจารย์ A Plus กันเลยค่ะ

พี่ Dek-D.com :

สวัสดีค่ะป้าอู๊ด ทราบมาว่าตอนนี้ที่ A Plus มีคอร์สใหม่เอี่ยมขึ้นมาชื่อว่า Get Ready คอร์สนี้มีที่มายังไงคะ?

ป้าอู๊ด :

คือเดี๋ยวนี้ น้องๆ สับสนในเรื่องแนวทางการสอบค่ะ เพราะมีข้อสอบหลายอย่าง มาก อย่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งภาคอินเตอร์ หรือภาคปกติ น้องก็ยังไม่ทราบ ว่าต้องสอบอะไรบ้าง ทาง A Plus เลยมีแนวคิดว่า ถ้าเรามี Mapping ดีๆ เพื่อให้ น้องๆ ได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เค้าต้องสอบอะไรบ้างนั้น จะเป็นเรื่องดี โดยทางโรงเรียนจะวางพื้นฐานการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ทั้งเรื่อง Grammar Reading Vocabulary และ Speaking ซึ่งจะมีอยู่ในข้อสอบทั้ง GAT 9 วิชาสามัญ หรือการสอบภาค อินเตอร์ ทั้ง SAT CU-TEP TU-GET IELTS หรือ TOEFL จึงได้จัดคอร์สใหม่ชื่อว่า Get Ready ขึ้นมาค่ะ สอนโดยทีมอาจารย์คุณภาพจาก A Plus ทั้ง ครูพิม ครูจู ครูจู๋จี๋และป้าอู๊ดเองค่ะ

ทีมอาจารย์ A PLUS :

หลักๆ คือ น้องจะได้รู้แนวข้อสอบที่ต้องเจอ ต้องใช้อะไรบ้าง รวมทั้งได้ทราบ จุดอ่อนของตัวเอง ว่าควรไปพัฒนาอะไรเพิ่ม คอร์สนี้เป็นคอร์สเบื้องต้นที่มาปรับ พื้นฐาน ด้วยอาจารย์แต่ละท่านที่ดูแล จะเหมือนเป็นหมอ ที่จะสามารถวินิจฉัยได้ว่า น้องต้องเสริมอะไร และน้องต้องบอกเราได้ว่า น้องอยากไปสายไหน เช่น ภาคไทย หรือภาคอินเตอร์ หรือไปทั้งสองสาย เราไม่ใช่แค่สอน แต่เราแนะแนว และวิเคราะห์ ได้ว่าน้องพร้อมหรือไม่อย่างไรด้วยค่ะ

พี่ Dek-D.com :

ว้าว! น่าสนใจมากค่ะ แล้วคอร์ส Get Ready นี้ เราจะได้เรียนอะไรกันบ้างคะ?

ป้าอู๊ด :

คอร์สนี้เป็นการเรียนแบบสด เป็นกลุ่มเล็กไม่เกิน 20 คนค่ะ จะเรียนทั้งหมด 30 ชม. โดยสรุปเข้มเนื้อหาภาษาอังกฤษ เน้นพิเศษเพื่อเตรียมตัวสอบ หลักไวยากรณ์สำคัญ ที่ชอบออกสอบและนักเรียนใช้ผิดบ่อย คำศัพท์ 300 คำและสำนวนต่างๆ หลักการหา คำตอบใน Reading Comprehension เนื้อหาสั้นกระชับ แนะเทคนิคการจำ เพิ่มความเข้าใจและมีแบบฝึกหัดแนวข้อสอบ ปูพื้นฐานสำหรับทำข้อสอบ GAT 9 วิชาสามัญ CU-TEP TU-GET SAT IELTS และ TOEFL ค่ะ

ความหวังของครูทุกคนหลังจากที่สอนไป โดยเฉพาะเรื่องการเขียน คือเมื่อเด็กเขียนแล้ว สามารถแก้ข้อผิดได้พอสมควร คือเวลาเขียนเสร็จ ให้เลิกเป็น writer แต่เป็น editor ตรวจทานให้เจอ ว่าเรามีข้อผิดอะไรไหม ซึ่งทักษะทั้งหมดจะอยู่ในคอร์สนี้ เพราะน้องๆ ต้องการการเติมเต็ม ที่เค้าเคยได้รับมามันเป็นชิ้นๆ แหว่งๆ บางคนมาก็ ได้รับมาเยอะแล้วนะคะ แต่มันไม่ได้ถูกเชื่อมทักษะต่างๆ เข้าด้วยกัน

พี่ Dek-D.com :

คอร์สนี้มีจุดเด่น หรือต่างจากคอร์สอื่นๆ อย่างไรบ้างคะ?

ทีมอาจารย์ A PLUS :

เราพยายามจะให้น้องประหยัดเวลาค่ะ ถ้าใครยังไม่รู้อะไร ให้ลง Get Ready ไว้ก่อน แล้วไปเรียนเสริมอีกไม่มาก ไม่ต้องลงทุกคอร์ส ก็จะสามารถที่จะสอบจริงได้เช่นกัน เพราะเวลาเราไปเรียนแยกย่อยหลายๆ วิชา ก็จะได้เรียนเรื่องข้อสอบ ทำ โจทย์ แต่น้องจะไม่รู้ว่า ทุกอย่างมาจากพื้นฐานเดียวกัน ความยากง่ายขึ้นอยู่กับ ระดับคำศัพท์

อย่างถ้าครูสอนคำว่า important  แปลว่า  สำคัญ  ก็จะสอนศัพท์ในตระกูลเดียวกันอีกสิบกว่าคำ ซึ่งถ้าน้องได้ข้อมูลต่างๆ ที่ครูจะให้ตรงนี้ แล้วกลับไปทบทวนเองได้ น้องก็จะเก่งมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าเป็นช่วงโค้งสุดท้าย ของ ม.6 อาจจะลง Get Ready พร้อมคอร์สตะลุยโจทย์ ก็ได้เช่นกันค่ะ

พี่ Dek-D.com :

คอร์สนี้เหมาะกับใคร หรือใครควรมาเรียนคะ?

ทีมอาจารย์ A PLUS :

ประมาณ ม.4 กำลังดีค่ะ ยิ่งถ้าน้องรู้ตัวเร็ว เราจะช่วยปูพื้นฐานที่เอาไปประยุกต์ ใช้ได้ทุกการสอบ ทั้งภาคปกติ หรืออินเตอร์ พอขึ้น ม.5 เราก็จะช่วยน้องวางแผนว่า ควรลงสอบภาคอินเตอร์ให้เสร็จ แล้วค่อยไปโฟกัสตอน ม.6 ที่จะไปสอบภาคไทย เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทันค่ะ

อย่างหลายคนเริ่มสอบวิชาที่ใช้สมัครเข้าภาคอินเตอร์ ตอน ม.5 เทอม 2 เมื่อได้ คะแนนมา ไม่ใช่ว่าคะแนน Minimum ก็พอ เพราะตรงนี้แค่มีสิทธิ์สมัคร แต่เค้าจะเรียก น้องหรือเปล่าอีกเรื่องค่ะ เพราะเค้า Ranking คะแนนกัน เค้าก็จะเรียกคะแนนสูงๆ ไปคัดอีกทีตอนสอบข้อเขียน ดังนั้นพอ ม.5 จัดการภาคอินเตอร์เสร็จ ก็มาต่อกันที่ภาคไทย ซึ่งถ้าผ่านมาได้ ภาคไทยก็จะสบายขึ้น เตรียมไว้ก่อน ชีวิตจะดีค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่า ม.5-6 มาลงเรียนไม่ได้นะคะ เรียนได้ค่ะ ถ้าต้องการเสริมความมั่นใจโค้งสุดท้าย ก็เรียนได้เลยค่ะ

พี่ Dek-D.com :

ทั้งน้องที่เรียนอินเตอร์ กับน้องเรียนโปรแกรมไทย ถ้าเรียนคอร์สนี้แล้ว จะเริ่มต้น เหมือนกันไหมคะ แล้วจะเรียนไปพร้อมๆ กันได้ใชไหม?

ทีมอาจารย์ A PLUS :

เราต้องยอมรับว่า แม้จะเป็นเด็กไทยที่ไปเรียนอินเตอร์ ภาษาแม่เค้าก็คือภาษาไทย สิ่งที่เราทำก็คือ พยายามปรับพื้นฐานทุกคนให้แน่น มีความเข้าใจเรื่องภาษาจริงๆ ซึ่งมันเอาไปใช้ได้กับทุกอย่าง ทั้งการสอบของเด็กภาคไทย และการสอบของเด็กภาคอินเตอร์ เด็กที่เรียน EP หรืออินเตอร์มา เค้าก็จะได้เปรียบตรงที่เค้าอ่านได้เร็วกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเก่งกว่า อย่างข้อสอบ Error บางทีเค้าก็ทำไม่ได้ ถ้าเค้าไม่เคยเห็น เพราะโรงเรียนอินเตอร์แทบจะไม่สอน grammar เลยค่ะ

พี่ Dek-D.com :

แล้วข้อสอบภาษาอังกฤษในการสอบแอดมิชชั่น  ทั้ง  GAT  9 วิชาสามัญ  และ O-NET  ต่างกันอย่างไรบ้างคะ?

ทีมอาจารย์ A PLUS :

ข้อสอบแต่ละฉบับ ก็จะมีเนื้อหา Conversation Grammar Vocabulary และ Reading Comprehension ที่เด็กทำไม่ทัน คือ Reading Comprehension น้องจะกลัวเรื่องเกี่ยวกับสายวิทย์ เรื่องทางการแพทย์ เรื่องยา เรื่องสุขภาพ ครูก็จะสอนและ เน้น โดยติวเป็นพิเศษ ลิสต์มาเลยว่ามีคำประมาณไหน รวมทั้งคำศัพท์ สำนวน โดย เฉพาะใน 9 วิชาสามัญ จะเป็นสำนวนที่น้องไม่เคยเจอ

พี่ Dek-D.com :

ตอนนี้น้องๆ ม.6 ก็ใกล้สอบ กันแล้ว อยากให้ทีมอาจารย์ช่วยบอกเทคนิคฟิตโค้ง สุดท้าย สำหรับฟันคะแนน GAT พาร์ทอังกฤษ ให้สักนิดค่ะ

ทีมอาจารย์ A PLUS :

สิ่งที่น้องต้องเตรียมคือเรื่อง Reading พวกเรื่องการเลือกตั้ง เรื่องวิทยาศาสตร์ พลังงานทางเลือก เรื่องสิ่งแวดล้อม ให้น้องเริ่มอ่านข่าวพวกนี้และข่าวทั่วไปได้เลยค่ะ อย่างน้อยวันละ 5 ข่าว ลองไปโหลด App ข่าวของ Msn News ,BBC, CNN อ่านพวกเหตุการณ์สำคัญของโลก หรือเรื่องภัยพิบัติของโลก ศัพท์พวกนี้จะเป็นศัพท์เฉพาะ

อย่างน้ำท่วม คำว่า flood มันเท่ากับคำว่า inundate รู้คำเดียวไม่พอ ต้องรู้คำอื่นด้วย เพราะฝรั่งเค้าจะไม่ใช้คำเดียวซ้ำๆ คือถึงไม่รู้ ไม่เคยเห็น ก็พอจะเดาได้ว่ามันแปลว่าน้ำท่วม ตรงนี้อ่านไป เตรียมไปได้เลย สิ่งเหล่านี้ มันจะช่วยเสริมด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ออกสอบ และมันก็จะไปช่วยตอนทำ Error ด้วย ส่วน Grammar ถ้ามีเวลาให้ สรุปหลักการใช้ออกมาเลย เพราะว่ามันจะได้คลอบคลุมใน Error เด็กชอบเสียคะแนนตรงนี้ รู้กฎปั๊บ ก็รู้คำตอบเลย

พี่ Dek-D.com :

นอกจากคอร์ส Get Ready แล้ว ยังมีคอร์สใหม่ๆ อะไรแนะนำอีกบ้างคะ?

ทีมอาจารย์ A PLUS :

อย่าง Get Ready เราเรียกว่าเป็นกลุ่มสรุปเนื้อหา แล้วทางโรงเรียนก็จะมีเนื้อหาของแต่ละวิชาด้วย อย่าง GAT + 9 วิชาสามัญ เรารวมให้เลยไม่ต้องแยก สำหรับเด็กที่เรียนภาคไทย รวมทั้ง SAT+CU-ATT, CU-TEP+TU-GET อีกกลุ่มจะเป็นตะลุยโจทย์ จะสำหรับน้องๆ ที่อยากเพิ่มคะแนน หรือเพิ่มความมั่นใจ เราจะรวมให้เบ็ดเสร็จ แต่ถ้าน้องๆ  ที่ไม่ได้ต้องการเร่งการเรียน  หรือยังไม่รีบสอบ  เราก็มีคอร์ส Trick &Teach เป็นคอร์สเสริมทักษะ ก็คือจะรวม Vocab + Reading และ Writing + Grammar  แล้วแต่ว่าน้องอยากเรียนแบบไหนค่ะ

พี่ Dek-D.com :

คอร์สนี้มีจุดเด่น หรือต่างจากคอร์สอื่นๆ อย่างไรบ้างคะ?

ป้าอู๊ด :

ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมานานแล้ว และเพิ่มความสำคัญเข้าไปทุกวัน มันเป็นภาษาที่ทั้งโลกใช้ ดังนั้น ถ้าเราสามารถใช้ได้อย่างแม่นยำ เริ่มตั้งแต่รู้เรื่องศัพท์ มี Grammar ดี รวมไปถึงการเขียนที่ดี สิ่งนี้จะอยู่กับนักเรียนไปตลอดชีวิตจนกระทั่ง ทำงานค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าท้อ เก็บสิ่งที่เรียนมา นำมาใช้ให้ครบถ้วน

ทีมอาจารย์ A PLUS :

อยากให้สนใจเรื่องรอบตัวมากขึ้น อ่านทั้งข่าวไทยและข่าวต่างประเทศให้มากขึ้น และอ่านข่าวภาษาอังกฤษด้วย อาจจะไม่ต้องเป็นข่าว เป็นอะไรก็ได้ ตอนนี้เรามี อินเทอร์เน็ตอยู่ในมือเราแล้ว เราต้องใช้ให้มีประโยชน์อย่างเต็มที่ การอ่านจะทำให้ เราฝึกหลายทักษะมาก ทั้งได้เรื่องศัพท์ เรื่อง Reading Comprehension การได้เห็น ประโยคสวยๆ ที่น้องไม่รู้ว่าเขียนยังไง เพราะว่าน้องไม่เคยอ่าน ถ้าเราเห็นตัวอย่าง มากๆ มันจะซึบซับค่ะ

อีกเรื่องคือ การทบทวนค่ะ จากประสบการณ์จะรู้สึกว่าเด็กคาดหวังว่า มาเรียน พิเศษแล้ว ชั้นจะต้องเก่งขึ้นแน่นอน แต่ถ้าน้องไม่ทบทวน หรือจัดตารางชีวิตไม่ได้ มันก็จะไม่ได้ผลเทาที่ควรค่ะ การเรียนพิเศษก็จะไม่ได้อะไร ดังนั้นต้องทบทวนค่ะ เปิดผ่านๆ ให้เห็นก็ยังดี หาอ่านเรื่องรอบตัว หรือเริ่มต้นจากสิ่งที่เราสนใจ แมกกาซีน ที่เราชอบ แฟชั่น กอซซิปดาราก็ยังได้ ถ้าอยากได้ศัพท์สวย ก็ต้องอ่านเยอะๆ หรือฟังเพลงก็ได้ ไม่ใช่แค่ร้องอย่างเดียว ดูว่าศัพท์คำนี้แปลว่าอะไร ให้ฝึกสังเกตด้วย

รวมทั้งเรื่องการแบ่งเวลา การบริหารจัดการเวลาของตัวเอง จับเวลาอ่านหนังสือ หรือยัง แทนที่จะเม้าท์กับเพื่อน หรือเล่นเกม มีเวลาอ่านหนังสือไหม หรือถ้าบอก ว่าเป็นคนอ่านหนังสือแล้วหลับ ดูว่าตัวเองเป็นผู้เรียนแบบไหน Eye Learner คือ ต้องเห็น หรือ Ear Learner คือต้องฟัง หรือเป็นทั้งสองแบบ คือจำทั้งภาพและเสียง ตรงนี้ให้หาตัวเองให้เจอแล้วพัฒนาเป็นเทคนิคของเราเอง เราต้องรู้จักตัวเองก่อนค่ะ

Dek-D Tutor
Dek-D Tutor - Columnist ติวเตอร์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด