อาชีพหมอเป็นอาชีพในฝันของเด็กไทยมาหลายยุค แต่รู้หรือไม่ว่า อาชีพหมอไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แถมพอมาเป็นแล้ว อาจจะเจอความลำบากหลายๆ อย่างที่อาชีพอื่นไม่เจอ ลองดูกันว่าความลำบากที่ว่านั้นมีอะไรบ้างแล้วเราจะรับไหวมั้ย ถ้ารับไหวล่ะก็ ลุย!!
เรียนนานกว่าชาวบ้าน
น้องๆ หลายคนคงรู้กันอยู่แล้วเนาะว่า เรียนหมอนั้นต้องเรียน 6 ปี โดย 3 ปีแรกเป็นการเน้นที่ความรู้เพื่อจะใช้รักษาคนไข้ พอปี 4-5 จะได้ขึ้นวอร์ด(หอผู้ป่วย)เพื่อเรียนรู้การรักษาดูแลผู้ป่วยของจริง ก่อนจะออกไปฝึกงานของจริงตลอดปีในชั้นปีที่ 6 เรียกว่าเพื่อนคณะอื่นเรียนจบจนแต่งงานมีลูกแล้ว คนเรียนหมอยังเรียนไม่จบเลยอะ! หนุ่มๆ หลายคนนี่ช้ำสุด เพราะกว่าจะเรียนจบ สาวต่างคณะที่หมายปองไว้ เค้าก็ตกใจปลงใจกับหนุ่มอื่นไปแล้ว TT
เรียน 6 ปีไม่ใช่จบเลย ต้องเรียนเฉพาะทางต่ออีก!
เรียนจบ 6 ปีนั้นคือความรู้แบบหมอทั่วไป ยังไม่สามารถรักษาโรคเฉพาะทางได้ ดังนั้นถ้าอยากเป็นหมอเฉพาะทาง จะต้องลงเรียนต่ออีก ซึ่งใช้เวลาอีก 3-5 ปีแล้วแต่สาขา เอ๊ะ แล้วไม่เรียนเฉพาะทางได้มั้ย ขอเป็นหมอทั่วไปก็พอแล้ว? คำตอบคือได้ แต่หมอส่วนมากก็อยากเรียนเฉพาะทางเพื่อเพิ่มพูนความรู้กันทั้งนั้น เรียกว่ากว่าจะจบเฉพาะทาง ยังไงก็อายุทะลุ 30 แน่นอน บางคนก็เรียนเฉพาะทางต่อยอดอีก เช่น กุมารเวชศาสตร์ --> พัฒนาการเด็ก ก็บวกเข้าไปอีก 3-5 ปีเช่นกันจ้า
อาจารย์ดุ
แอบถามรุ่นพี่ที่เรียนหมอหลายคน เปิดใจกันตรงๆ เลยว่า เวลาโดนอาจารย์ดุนั้น แทบอยากจะขอลาออกไปเลยทีเดียว คือไม่หยาบแต่เจ็บมากกกกกกก บางทีเอาซะรู้สึกหมดคุณค่าในตัวเองไปเลยก็ว่าได้ แต่คิดอีกแง่ เหมือนเป็นจิตวิทยาของอาจารย์ที่อยากจะกระตุ้นให้นิสิตนักศึกษามีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะต่อไปในอนาคตจะต้องรับผิดชอบชีวิตคน ถ้ามัวแต่โอ๋ลูกศิษย์ล่ะก็ คงไม่เวิร์คแน่ๆ ดังนั้นจึงต้องดุให้สำนึกในหน้าที่ + ในอนาคตพอทำงานจริงๆ ยังไงก็ต้องเจอคำตำหนิจากคนไข้แน่นอน ถือเป็นการให้ภูมิคุ้มกันไปก่อนล่วงหน้า
ลืมเวลานอนไปได้เลย
จริงๆ ทุกคณะก็เรียนหนักกันหมด อ่านหนังสือเยอะเหมือนกัน แต่สำหรับนิสิตนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์แล้ว ตั้งแต่ชั้นปี 4 เป็นต้นไป มีเข้าเวรด้วยนะจ๊ะ เข้าเวรเหมือนหมอจริงๆ เลย พอเข้าเวรถึงเช้าแล้วก็ไม่ใช่กลับไปนอนที่บ้านได้นะ ถ้ามีเรียนก็ต้องมาเรียนต่อ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเห็นนิสิตนักศึกษาแพทย์เดินถือถ้วยกาแฟไม่ก็เครื่องดื่มชูกำลังติดตัวกันตลอดเวลา เรียกว่าเป็นเครื่องดื่มช่วยชีวิตเลยก็ว่าได้ เบลอสุดๆ ไม่ใช่เบลอว่ารักแถบนะ คือเบลอจริงๆ
มีเงินแต่ไม่มีเวลาใช้
ใครบอกว่าเงินเดือนหมอน้อย? จริงๆ แล้วถ้าเทียบกับอาชีพอื่น เงินเดือนหมอนั้นไม่น้อยเลย หลังจากเรียนจบแล้วไปทำงานใช้ทุน ยังไงเงินเดือนรวมก็ตกเดือนละ 4-5 หมื่นแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไปใช้ทุนที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด คนไข้ก็เยอะ บุคลากรทางการแพทย์ก็น้อย แค่เวลานอนยังไม่ค่อยมี ดังนั้นเวลาจะเที่ยวหรือไปใช้เงินนี่เลิกพูดเลย จริงๆ จะว่าไม่มีเวลาเลยก็ไม่ใช่ แต่ก็ต้องจัดสรรเวลาให้ได้ หาคนมาเข้าเวรแทนให้ได้ เพื่อไม่ให้กระทบกับงานนั่นเอง ต้องวางแผนล่วงหน้าหลายเดือน จะไปปุ๊บๆ ปั๊บๆ ไม่ได้นะ (ข้อดีคือเก็บเงินได้เยอะ เอาไปลงทุนนั่นนี่แทน คนเลยชอบมองว่าหมอรวย)
ตกระกำลำบากในต่างจังหวัด
หลังเรียนจบปี 6 เราต้องจับฉลากไปใช้ทุนในโรงพยาบาลต่างจังหวัด อาจจะได้จังหวัดที่ไกลมากและอยู่ในตำบลที่ห่างจากตัวเมืองมากๆ บางคนอาจจะเคยอยู่แบบติดหรู กินอาหารญี่ปุ่นมื้อละหลายร้อยทุกวัน แต่พอไปอยู่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแล้วขอให้ลืมภาพพวกนี้ได้เลย กว่าจะขับรถเข้าถึงตัวเมืองใช้เวลาเป็นชั่วโมง ห้างก็มีแต่พวกซูเปอร์มาร์เก็ตจำพวก โลตัส บิ๊กซี โรงหนังก็แทบไม่มี ดังนั้นขอให้ลืมความสำราญสราญใจไปพักใหญ่ได้เลย พีคสุดคือเราจะได้อยู่ในบ้านพักของหมอ ก็ต้องลุ้นนะว่าสภาพบ้านที่ได้จะเป็นยังไง บางคนไม่เคยอาบน้ำขัน ไม่เคยใช้ส้วมนั่งยอง อาจจะต้องมาเจอก็ได้...เรียกว่าฝึกความอดทนไปในตัวเลยจ้ะ
งานหนัก เผลอๆ ต้องเป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ
พอมาทำงานใช้ทุนอยู่โรงพยาบาลประจำตำบล ซึ่งเอาจริงๆ แล้วก็มีหมอไม่กี่คนหรอก บางที่มีหมอไม่เกิน 5 คนด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าทุกโรงพยาบาลต้องมีผู้บริหาร ซึ่งก็คือตัวหมอนั่นแหละ เราอาจจะดวงดีสุดๆ ถูกเลือกให้เป็นผู้บริหารก็ได้ คราวนี้หน้าที่ใหญ่หลวงทวีคูณ เพราะต้องดูทั้งกลยุทธ์ งบการเงิน บุคลากรของโรงพยาบาลด้วย เรียกว่างานเข้าอย่างแรงจ้า แต่ก็อย่างว่าแหละ ถือว่าหาประสบการณ์ จะมีสักกี่อาชีพที่ได้เป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุ 25-26
โดนจับตามอง เสี่ยงดราม่า
เรามักเห็นดราม่าเรื่องหมอๆ กันทุกสัปดาห์บนโลกออนไลน์ เช่น
- อ้าว ทำไมหมอเล่นมือถือ ไม่ตรวจคนไข้ล่ะ? หมอส่งภาพทางไลน์ ขอคำปรึกษาจากหมออีกคน
- มารอหมอนานมากกกก จนอาการกำเริบ หมอแย่มากๆ มัวทำอะไรอยู่? หมองานล้นมือมาก ถ้าอาการเหมือนจะหนักให้รีบแจ้งตั้งแต่ตอนมาถึงก่อนเลย
วันดีคืนดี อาจจะเห็นรูปเราไปโผล่อยู่ในเฟซบุ๊กเพจไหนสักเพจโดยมนุษย์กล้องพร้อมคอมเมนต์ด่าทออีกนับร้อย น่ากลัวจริงๆ เลยนะเนี่ย เรียกว่าแต่ละย่างก้าวของหมอคือต้องมีสติและระวังสุดๆ
มีสิทธิ์โดนฟ้อง
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น บางเรื่องก็บอกเลยว่า "ดวงซวยสุดๆ" ล่าสุดคือเคสที่เด็กใกล้คลอดแต่ไม่ยอมกลับหัว หมอเลยจำเป็นต้องดึงตัวเด็กออกมา ผลคือเด็กหัวหลุด! เป็นข่าวกันอยู่พักใหญ่ โชคดีที่ลงท้ายด้วยการตกลงค่าเสียหายกันได้ แต่มีอีกหลายคดีที่ขึ้นโรงขึ้นศาลกันหลายปี ทั้งหมอทั้งโรงพยาบาลก็เสียชื่อไปตามๆ กัน ดังนั้นตามโรงพยาบาลประจำตำบลที่มีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อม หมอก็จะส่งตัวคนไข้เข้าเมืองเลย จะไม่เสี่ยงลงมือรักษาเอง เพราะถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะก็ จะซวยมาก(ทั้งหมอและคนไข้)
ภาพประกอบบความ pixabay.com
แต่เชื่อว่า เรื่องแค่นี้คงไม่ระคายใจแก่น้องๆ ที่อยากเป็นหมอจริงๆ อุปสรรคเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว!! ปิดท้ายกันสักหน่อยสำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นหมอและหาหนังสือดีๆ อ่านสักเล่ม "กว่าจะเป็นหมอ" โดยทีมงานเว็บเด็กดี สามารถซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป หรือสั่งซื้อออนไลน์ก็ได้ คลิกที่นี่เลยจ้า ลดพิเศษอยู่เพียง 120 บาทเท่านั้น!!
5 ความคิดเห็น
แล้วหมอฟันจะเป็นแบบนี้ด้วยไหมเนี่ย