ทุกคนมีเพื่อนต่างแผนการเรียนอยู่แล้วใช่มั้ยคะ เคยเจอเหตุการณ์ที่เพื่อนมาทักว่า "แผนการเรียนเธอดีจัง เรียนสบ๊ายสบาย" บ้างมั้ยคะ บอกเลยว่าได้ยินทีไร ลมออกหูทุกที ของแบบนี้อย่ามองกันที่ภายนอก ถ้าเรียนจริงๆ จะรู้ว่าสายการเรียนของเราก็ยากเหมือนกัน วันนี้เลยขอมาเคลียร์ 10 ความลับที่เด็กวิทย์-ศิลป์มองกันผิดไป เพื่อลดช่องว่างระหว่างกัน!  


 
เมื่อเด็กวิทย์...มองเด็กศิลป์

1. ศิลป์เรียนสบาย...วิทย์เรียกหนักมาก
       เด็กวิทย์มักจะเหม่อมองไปห้องเรียนเด็กศิลป์ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ "เฮ้อ! ทำไมเพื่อนๆ ห้องศิลป์ชีวิตดีแบบนี้ น่าอิจฉาจัง" ทั้งนี้ก็เพราะเรามองว่าสไตล์การเรียนที่ตัวเองได้เจอมันหนักมาก! ไม่ใช่แค่วิทย์พื้นฐาน ยังมีฟิสิกส์เพิ่ม เคมีเพิ่ม ชีวะเพิ่ม คณิตเพิ่ม แถมยังต้องเรียนอังกฤษ สังคม ไทย ฯลฯ อีกมากมาย เหมือนเรียนวิชาศิลป์ แล้วยังมีวิทย์คณิตเสริมทัพเข้าไปอีก! น้ำตาตกใน TOT ดูจากคาบเรียน เทียบหน่วยกิตดูแล้ว เด็กศิลป์ดูชิลล์กว่าเยอะจริงๆ

ความในใจจากเด็กศิลป์ : ใจเย็นก่อน เราอาจจะไม่ได้เรียนหนักเหมือนเพื่อนๆ เด็กวิทย์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะสบายนะ ถึงเด็กศิลป์จะไม่มีเรียนวิทย์ แต่เราเองก็มีอังกฤษเพิ่ม เลขเพิ่ม ไทยเพิ่ม ภาษาต่างประเทศ อาเซียนศึกษา แล้วยังมีการบ้านจับฉ่ายเพิ่มเข้ามาอีกเยอะมาก จัดหนักจัดเต็มสุดๆ บอกเลยว่าเหนื่อยไม่ได้ต่างกันหรอกจ้า แค่เหนื่อยกันคนละแบบเนาะ        


2. ศิลป์ได้เรียนอะไรที่เบาสมอง
       สิ่งที่เด็กวิทย์เรียกกันมันช่างหนักสมองมากมาย ตอนเรียนก็มีแต่เนื้อหาที่ทั้งเข้าใจยาก ทั้งเยอะ กฎอะไรไม่รู้เต็มไปหมด พอลงแล็บออกมาก็แทบเข่าทรุดทุกที! มึนๆ หนักหัว ต้องใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา แต่ดูสิ่งที่เพื่อนๆ เด็กศิลป์เรียนกันสิ บางครั้งก็เป็นเรื่องเล่าสนุกๆ บางครั้งถึงจะลงลึกเนื้อหา แต่ก็มักจะเป็นการเรียนแบบท่องจำทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องคิดเยอะตามไปด้วยเลย แถมตอนสอบดูเหมือนว่าเด็กศิลป์จะได้เกรดง่ายกว่าด้วย วิทย์นี่โดนกดเอาๆ

ความในใจจากเด็กศิลป์ : ไม่จริงมั้งเพื่อน! เราไม่เห็นได้เรียนอะไรเบาสมองอย่างที่นายบอกเลย เนื้อหามันยากจนหลายๆ ครั้ง ถึงกับหัวเบลอไปเลยแหละ นี่เรากำลังเรียนภาษาจากดาวไหน เด็กวิทย์ไม่ได้ใช้ความคิดอยู่ฝ่ายเดียวนะ เด็กศิลป์ก็มีเรียนการใช้หลักเหตุผล ต้องคิดวิเคราะห์ไม่ต่างกันหรอก ไม่ได้ท่องจำอย่างเดียว ส่วนเรื่องปล่อยเกรด ไม่เคยเจอเลย - -''   


3. ศิลป์ไม่ค่อยเก่งรอบด้าน
       ดูเผินๆ แล้ว เด็กวิทย์จะมีความสามารถรอบด้านมากกว่าเด็กศิลป์ เพราะนอกจากวิชาวิทย์ที่เพิ่มเข้ามา ยังได้เรียนไทย สังคม อังกฤษ ได้ภาษาที่ 2 อยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงภาษาที่ 3 เพราะดูๆ แล้ว เด็กศิลป์จำนวนหนึ่งก็ยังไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาเพิ่มขึ้น ที่เห็นได้ชัดเลยก็ภาษาอังกฤษ เรียนอังกฤษมากกว่า แต่คะแนนอาจน้อยกว่าเด็กวิทย์อีก เป็นไปได้ไง

ความในใจจากเด็กศิลป์ : ที่พูดมาก็แค่ดูเผินๆ ไง ลองดูลึกๆ สิจ๊ะ เด็กศิลป์มีวิชาหลายตัวที่เด็กวิทย์ไม่มีนะ เรียนกันคนละเรื่อง! แถมห้องวิทย์แทบจะไม่ได้แตะเลย แม้จะอยากเรียนมากก็ตาม เช่น โลกศึกษา กฎหมาย ภาษาต่างประเทศอีกเยอะแยะ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ภาษาเยอะกว่า แล้วก็เรียนลึกใช้ได้อยู่นะ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้แน่นอน!


 


4. เด็กศิลป์ทางเลือกน้อย
       มองเพื่อนๆ เด็กศิลป์แล้วเราก็เกิดกังวลแทนอะ เพราะส่วนใหญ่ยังดูชิวๆ จะเลือกคณะ ก็เห็นต้องมานั่งปวดหัวว่า "อยากเรียนคณะนี้ สอบเข้าได้ไหม?" เพราะจำกัดแผนการเรียน เด็กวิทย์จบมัธยมฯ ไป สามารถเข้าเรียนได้ทุกสาย มีทางเลือกได้มากกว่า ยิ่งเป็นคณะสายวิชาชีพโดยตรง เรียนจบไปก็หวานหมูเลย มีงานรองรับแน่ๆ ไม่ต้องไปนั่งลำบากหางานเอาทีหลัง สบายๆ เงินเดือนสูงอีกต่างหาก  

ความในใจจากเด็กศิลป์ : ที่ว่ามาก็มีส่วนถูก แต่บางอย่างก็เกินไป - -'' เราว่าเด็กศิลป์หลายคนรู้อนาคตนะ รู้ไปถึงคณะที่เรียน รู้ไปถึงอาชีพที่อยากทำเลยแหละ อย่างบางคนตั้งใจจะเข้าสายศิลป์โดยตรง ทั้งที่คะแนนถึงสายวิทย์ ก็เพราะรู้ว่าเรียนสายศิลป์ตอบโจทย์มากกว่า การฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่ใช่ต่างหาก ยิ่งกว่าการไม่มีอนาคต ดับอนาคตตัวเองจังๆ เลย!


5. เด็กศิลป์ดู "แรง" มีความมั่น!
       ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนภายนอกมองเด็ก 2 สายแตกต่างกัน ถ้าวิทย์จะดูเรียบร้อย แต่ถ้าศิลป์ จะดูมั่นๆ ถ้าอยู่รวมกันจะตั้งวงเม้าท์เสียงดัง กินขนมในห้อง ทำอะไรเน้นสนุกไว้ก่อน ในขณะที่เด็กวิทย์นั่งเรียนเต็มห้องทุกวิชา!

ความในใจจากเด็กศิลป์ : โอเค เรื่องของการเรียนไปคุยไป แอบกินขนม อ่านนิยาย เหรือโดดเรียน อยากให้มองว่ามันเป็นเรื่องของตัวบุคคลนะ อย่าเหมารวมว่าเด็กศิลป์จะเหลวไหลแบบนั้นทุกคน เราว่าเด็กวิทย์ก็คงมีฟีลนั้นบ้างแหละ 


เมื่อเด็กศิลป์...มองเด็กวิทย์

6. เด็กวิทย์หยิ่งทะนงเหลือเกิน
       เอาตรงๆ เลยนะ เราเข้าใกล้เด็กวิทย์ทีไรแล้วกลัวโดนกินหัวมากเลย - -'' จะดุไปไหน! หน้านิ่งมาก ดูเครียดตลอดเวลา เรายิ้มให้ เล่นมุกใส่หน่อยเดียว ก็ชอบมองแรง! คือไม่ร่าเริงเลย! มีความรู้สึกเหมือนว่าเด็กวิทย์พยายามกันเด็กศิลป์ออกไปจากโลกของตัวเองตลอดเวลา เด็กศิลป์บอกเลยว่าเริ่มเข้าไม่ถึงละ ท่าทางเราจะคุยกันคนละภาษา


 
ความในใจจากเด็กวิทย์ : เราเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ? เรื่องจริงจังก็มีบ้างนะ เพราะเด็กวิทย์โดนคาดหวังไว้เยอะจริงๆ แบบทำพลาดไม่ได้เลย พลาดทีอาจจะโดนเหยียบซ้ำได้ มันเป็นความจริงที่โหดร้าย TOT แต่กล้าพูดเลยนะว่า เด็กวิทย์น่ารักบ๊องๆ มีเยอะแยะนะตะเอง

7. เด็กวิทย์ลูกรักคุณครู
       เด็กศิลป์ช้ำใจทุกทีเวลาได้ยินคุณครูเรียกเพื่อนๆ เด็กวิทย์ "ลูกจ๊ะ ลูกจ๋า" ในขณะที่เรานั้น "เจ้าเด็กพวกนี้นี่!" มันน่าน้อยอกน้อยใจจริงๆ บางทีก็แอบได้ยินครูฝากฝังอนาคตไว้ "เรียนจบเป็นหมอ อย่าลืมมารักษาครูด้วยนะ" แล้วหันกลับมาดูเราสิ "ครูจะฝากผีฝากไข้กับพวกเธอได้มั้ย อยากเรียนอะไรยังไม่รู้เลย" ทำไมรู้สึกได้ถึงความลำเอียง แถมครูยังชอบเปรียบเทียบด้วยว่า เราเรียนไม่เก่ง ไม่ทุ่มเทเหมือนสายวิทย์ วิทย์ลูกรัก ศิลป์ลูกชังจริงๆ TOT   
       
ความในใจจากเด็กวิทย์ : คิดมากไปรึเปล่าเธอ เราว่าครูอาจจะพูดด้วยความเอ็นดูก็ได้นะ ครูแต่ละท่านก็อาจจะมีวิธีวางตัวกับนักเรียนแต่ละแบบต่างกัน เด็กวิทย์ครูอาจจะคุยแบบสายนุ่ม เด็กศิลป์ครูอาจจะมาสายแข็งหน่อย แต่ลึกๆ แล้ว เราว่าครูรักศิษย์ทุกคนเท่ากันหมดแหละ เรื่องครูชอบอวยเด็กวิทย์ เราว่าไม่จริง เพราะครูก็มาอวยเด็กศิลป์กับเราเหมือนกัน


8. วิทย์ได้เปรียบศิลป์ทุกทาง
       เด็กวิทย์ได้เปรียบเด็กศิลป์อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะสามารถเข้าได้ทุกคณะ ในขณะที่เด็กศิลป์เข้าได้แค่บางคณะ เราไม่มีสิทธิ์เรียนคณะของสายวิทย์ได้ (ยกเว้นแพทย์ - -'') แต่เด็กวิทย์สามารถสอบเข้าคณะสายศิลป์ของเราได้ แล้วก็ยังเกิดเหตุการณ์มาแย่งที่คณะเราอีก! "ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรม" ที่น่าเจ็บในอกมากไปกว่านั้นก็คือ รับตรงเจอแต่เด็กวิทย์มาสอบคณะสายศิลป์แล้วทิ้งขว้าง คือสอบติดแล้วไม่เอา เราไม่เข้าใจ!

ความในใจจากเด็กวิทย์ : เด็กวิทย์สอบเข้าคณะสายศิลป์ได้ก็จริง แต่อย่ามองว่าเรากั๊กที่ ครึ่งๆ กลางๆ เข้าวิทย์ไม่ได้เลยมาเลือกศิลป์แทนเลย เราเลือกเพราะใจรักจริงๆ นะ กว่าจะสอบเข้ามาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราไม่มีพื้นฐาน ต้องอ่านหนังสือเอง แล้วก็ต้องใช้ความพยายามไม่ต่างจากเพื่อนๆ เด็กศิลป์หรอก จบสายวิทย์แต่ไม่ได้แปลว่าจะได้ดีทางวิทย์เสมอไปนะ
       

9. เด็กวิทย์ชอบเอาชนะมากๆ
       มองภายนอก เด็กวิทย์ดูจริงจังกับทุกเรื่อง ไม่รู้ว่าชอบการแข่งขันหรืออะไร แต่เด็กสายนี้ทำอะไรต้องเพอร์เฟคตลอด จัดบอร์ดก็ต้องเพอร์เฟคท์! แข่งกีฬาสีคอนเซปต์ต้องปัง!! สอบต้องได้ TOP ระดับชั้น!!! มองดูสายวิทย์แล้ว สายศิลป์ขอยอมแพ้ในความไฝว้เหล่านี้ นี่ยังไม่รวมว่าเคยได้ยินเด็กวิทย์คุยกันอีกว่า "เกรดห้องเราแย่มากอะ! ได้ 4.00 กันแค่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ได้ 3.50 กว่าๆ" เอิ่ม! - -'' เราขอไม่ต่ำกว่า 3.00 ก็พอใจและ


 
ความในใจจากเด็กวิทย์ : เด็กศิลป์กำลังเข้าใจผิดอย่างรุนแรงเลยนะ TOT เราไม่ได้แข่งกับเด็กศิลป์ แต่เรากำลังแข่งกับตัวเอง เราไม่ได้อยากทำทุกอย่างให้ดีแซงหน้าคนอื่น แค่อยากทำให้เต็มที่เท่านั้น จริงๆ แล้ว กว่าจะมาถึงจุดที่เด็กศิลป์ว่ามา เราทั้งเหนื่อย ทั้งลำบากมากๆ เลยนะ เหมือนยิ่งโดนคาดหวังว่าต้องเก่งทุกอย่าง เราก็ยิ่งต้องทำให้มากกว่าเดิม

10. เด็กวิทย์มองเด็กศิลป์ว่าอ่อนกว่า
       นอกจากเรื่องคุณครูที่ดูเหมือนจะรักเด็กวิทย์มากกว่าแล้ว เด็กศิลป์บางคนจะรู้สึกว่าทำอะไรก็ดีไม่เท่าเด็กวิทย์ อะไรที่เด็กวิทย์เล่น เราก็ไม่ได้เล่น อะไรที่เราเล่นเด็กวิทย์ก็ไม่เคยเล่น หรือ อาจจะมองว่าเด็กสายศิลป์อ่อนบางวิชามากกว่า เรียนวิทย์ไม่ไหวเลยไปเลือกสายศิลป์แทน เป็นต้น 

ความในใจจากเด็กวิทย์ : นี่พูดจริงหรือล้อเล่นขำๆ จริงๆ เด็กวิทย์ไม่เคยดูถูกเด็กศิลป์แบบนั้นเลยนะ ถ้ามีคงเป็นส่วนน้อยมากกกจริงๆ เพราะเชื่อว่าคนเรามีความถนัดไม่เหมือนกัน คนทุกคนไม่จำเป็นต้องชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ถ้ารู้ตัวว่าชอบภาษาจะมาเรียนวิทย์ให้เสียเวลาทำไม ที่สำคัญการเลือกหนีสิ่งที่ไม่ชอบ เพื่อไปเรียนสิ่งที่ชอบและทำได้คะแนนดี มันก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้วนี่นา^^

       ยอมรับว่าสมัยนี้ เด็กรุ่นใหม่แทบจะไม่มีความเข้าใจผิดแบบนี้เกิดขึ้นแล้วค่ะ ส่วนใหญ่เราเข้าใจกันดีว่า การเลือกสายเป็นเรื่องของความชอบและความถนัด ไม่มีใครดีไปกว่าใคร แต่ลึกๆ ก็ยังมีค้างคาในความรู้สึกกันบ้างแหละเนอะ วันนี้ก็เลยเปิดพื้นที่ให้เคลียร์กันทั้ง 2 ฝ่ายไปเลย เพื่อนกันจริงพูดกันตรงๆ เดี๋ยวก็กลับมาเดินกอดคอจับเข่าคุยกันได้เหมือนเดิมแล้ว!
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มัณทนา Member 23 ก.พ. 60 19:55 น. 2

เด็กสายวิทย์ที่ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ยโสมีเยอะแยะค่ะ

เราเป็นเด็กสายศิลป์และไม่เห็นว่าเพื่อนสายวิทย์จะเป็นคนเย่อหยิ่งตรงไหนเลย

ทุกคนจะออกแนวติ๊งต๊อง เบาสมองกันทั้งแผนการเรียน

เด็กสายวิทย์บางคนชอบเรียนภาษาต่างประเทศ เพราะชื่นชอบดาราต่างประเทศ

ชอบดูภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ชอบการ์ตูนญี่ปุ่น ชอบฟังเพลงต่างประเทศเหมือนเด็กสายศิลป์

เราเห็นแต่พวกน้องๆสายศิลป์นี่แหละที่ไปดูถูกสายวิทย์ก่อน ทั้งๆที่สายวิทย์อยู่เฉยๆแท้ๆ

เด็กสายวิทย์บางคนเป็นติ่งเกาหลี ติ่งฝรั่ง ติ่งญี่ปุ่น

1
LyckaLucky Member 28 ก.พ. 60 11:18 น. 2-1

ต่างโรงเรียนก็ต่างแง่มุมกันไปครับ โรงเรียนผมเป็นชายล้วน และในรุ่นก็รักกันมาก เด็กสายศิลป์ไม่เคยไปดูถูกสายวิทย์ก่อน ในรร.ของผมนะครับ และโดยทั่วไปสายวิทย์ก็มักจะไม่ไปดูถูกสายศิลป์ก่อนหรอกครับ แต่มักเข้าใจผิด ว่าพวกเราเรียนน้อย เบาสมอง เรียนง่ายกว่าจริง เพื่อนสนิทผมที่เรียนสายวิทย์ก็เป็น แต่เราก็ไม่ไมนด์ คือต่างคนต่างถนัด พวกเด็กวิทย์เจอสังคม เจอไทยก็ไปไม่ไหว มันก็เข้าใจตรงนี้ อย่างผมเรียนศิลป์ศิลปะ แทบไม่ต้องไปหนักหัวกับภาษา หรือวิชาคำนวณ แต่ก็อดหลับอดนอน เพลียโทรม และใช้สมองหนักไปกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆไม่ต่างกัน เนื้อหาในกระทู้นี่แบบ ดูเว่อๆจนยังกะนิยายแน่ะ

0
กำลังโหลด
Kakye Deathmendal Member 6 มี.ค. 60 06:14 น. 16

เราอยู่สาธิตชื่อดังแห่งหนึ่ง โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนที่สายศิลป์ทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมาก ไปแข่งอะไรเอาสายศิลป์ไปตลอด ชนะตลอด ทำกิจกรรมเยอะมาก เข้าค่ายเทอมนึงสามสี่ค่าย ทำอะไรสาธิตสมชื่อเยอะมาก งานเยอะกว่าวิทย์หลายเท่า เป็นสายที่มีเอกลักษณ์ มีแนวทางของตัวเอง บ้าบอและบ้าระห่ำทุกคน ทุกคนมีเป้าหมายตัวเองแน่วแน่และไม่มีลังเลแล้ว โง่มั้ย...เหอะๆ ลูกรักอาจารย์น่ะอยู่สายนี้ทุกคนคิดเอาละกัน แต่รร.เราไม่มีปัญหาเหยียดกันว่าใครสบายกว่าอะไรกว่าหรอก เห็นลิสต์งานบนกระดานยาวเป็นกิโลก็เงียบกริ๊บกันแล้วแหละ ทางใครทางมัน อย่ามาตัดสินกันแค่เราชอบทำตัวเหมือนจะชิลๆ เลยเถอะ


อ้อ ส่วนที่คะแนนไม่ถึงสายวิทย์น่ะ เรานี่แหละ top five ชั้น จะเข้าวิทย์ก็เข้าได้แบบสบายมาก แต่ไม่เข้าอะ ไม่ใช่ทางของเรา ใครจะทำไม~

0
กำลังโหลด
GAmELM Member 27 ก.พ. 60 18:26 น. 8

เด็กวิทย์หยิ่งทะนงเหลือเกิน.......ไม่ได้หยิ่งแค่เรียนจนเบลอ ที่เห็นหรี่ตามองนี่ไม่ได้เหยียดแค่ลืมตาไม่ขึ้นแม่งง่วง

0
กำลังโหลด
โค-ตะ-ระ ติสต์ Member 6 มี.ค. 60 16:40 น. 17

ฮ่ะๆ ผมเด็กวิทย์นะ แต่เฉยๆกับการเรียนวิชาของสายวิทย์มาก ส่วนตัวคุยถูกคอกับภาษาอังกฤษ แถมชอบดูอนิเมะญี่ปุ่นอีก มีเพื่อนสายศิลป์ก็เยอะ(มันก็อะเลิทกันทุกคน) เพื่อนสายวิทย์ในห้องตัวเองก็บ้าไม่แพ้กัน -0- เห้อมม


เอาเป็นว่าสภาพสังคมเด็กวิทย์กับเด็กศิลป์ไม่ต่างกันมากหรอกครับ ต่างกันแค่วิชาที่เรียนกับความสามรถของแต่ละบุคคลที่จะขวนขวายหาความรู้มาประดับสมอง


123464693

0
กำลังโหลด
ยูมิโกะ คอลรอส(yumiko) Member 24 ก.พ. 60 21:04 น. 3

1. ศิลป์เรียนสบาย...วิทย์เรียกหนักมาก

จากปากเพื่อนสายศิลป์...ครูเฮี้ยบมากค่ะ...

2. ศิลป์ได้เรียนอะไรที่เบาสมอง

เพื่อนอีกนางบอกว่าภาษาเกาหลีโหดมากกกกกก

3. ศิลป์ไม่ค่อยเก่งรอบด้าน

นังเพื่อนสายศิลป์ได้ไปศึกษางานบริการจริง ณ โรงแรมหรู อีกนางได้สามภาษาแล้ว... เราสิ... เน้นแค่ทักษะเดียวแถมไม่ค่อยเก่งอีก วิทย์ 3 วิชา บ้าอะไรเนี้ยยยยยยย ต้องรู้มั้ยว่าเซลล์ตรูเผาน้ำตาลยังไง(เผายังไงก็อ้วนเอาๆ) เวลาเดินเหยียบพื้นใช้แรงเท่าไหร่ แล้วข้าวที่กินๆทำปฏิกริยาอะไรกับไอโอดีน โวร้ยยยยยยยย ภาษาอังกฤษก็แบบ แกรมม่าเป๊ะๆๆๆ ศัพย์ขั้นสูงบ้าบอ จำเป็นต้องเอาไปคุยมั้ย? เรียนไป ก็เอาไปใช้จริงๆไม่เป็น ทำ บฟ. เป็นอย่างเดียว ชิส์!!!

4. เด็กศิลป์ทางเลือกน้อย

จริงๆพวกภาษา ศิลปะ คุณได้เยอะมากนะ เด็กวิทย์เลิกเรียนช้าเป็นบ้าเป็นบอ บางคนกว่าจะรู้ตัวว่าชอบศิลปะ ออกแบบไรงี้ก็...(เข้ามาเพราะคิดว่าทางเลือกเยอะอ่ะแหละ)

5. เด็กศิลป์ดู "แรง" มีความมั่น!

แต่งตัวสวย ไปเทียวไหนไม่อายใคร ขึ้นมหาลัยสวยปังกว่าเดิม เฉิดฉายจนผ้าขี้ริ้วยู่ๆอย่างเราอิจฉา... จริงๆเด็กวิทย์ที่ชอบโดดเรียนก็มีนะ 55555555

7. เด็กวิทย์ลูกรักคุณครู

ไม่อ่ะ ชอบบอกว่าเด็กศิลป์ดีกว่าอย่างงู้นอย่างงี้

8. วิทย์ได้เปรียบศิลป์ทุกทาง

เหมือนข้อ 4 อ่ะแหละ มีเพื่อนคนนึงเข้าสายศิลปะของมหาลัยดังได้แล้ว สุดยอดมาก

9. เด็กวิทย์ชอบเอาชนะมากๆ

พ่อแม่บางคนคาดหวังมากไปจนลูกเครียดอย่างที่คุณ จขกท. บอกนั้นแหละ เขาไม่ได้จะแข่งกะใคร แต่เขาไม่อยากโดนคนที่บ้านว่า

10. เด็กวิทย์มองเด็กศิลป์ว่าอ่อนกว่า

เพื่อนเราไปแข่งศิลปะนู่นนี่ บางคนลูกทุ่ง กวาดรางวัลมากมาย สร้างชื่อเสียงให้ รร. เราว่าเขาสุดยอดมากนะ


0
กำลังโหลด

19 ความคิดเห็น

BonusPark Member 23 ก.พ. 60 17:52 น. 1

คนเรามันไม่เหมือนกันไปหมดทุกคนหรอกค่ะ คนดีๆเขาก็ไม่ดูถูกเด็กสายศิลป์แต่บางคนนี่สิสันดานอ่ะเนอะ เด็กศิลป์ก็ไม่ดีหรือแย่ไปกว่าเด็กวิทย์หรอก อีกอย่างเรื่องลูกรักนี่อ่ะจริงสุด ไม่ต้องโลกสวยหรอกว่าเออความจริงมันไม่ใช่ โอ้ยยย

0
กำลังโหลด
มัณทนา Member 23 ก.พ. 60 19:55 น. 2

เด็กสายวิทย์ที่ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ยโสมีเยอะแยะค่ะ

เราเป็นเด็กสายศิลป์และไม่เห็นว่าเพื่อนสายวิทย์จะเป็นคนเย่อหยิ่งตรงไหนเลย

ทุกคนจะออกแนวติ๊งต๊อง เบาสมองกันทั้งแผนการเรียน

เด็กสายวิทย์บางคนชอบเรียนภาษาต่างประเทศ เพราะชื่นชอบดาราต่างประเทศ

ชอบดูภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ชอบการ์ตูนญี่ปุ่น ชอบฟังเพลงต่างประเทศเหมือนเด็กสายศิลป์

เราเห็นแต่พวกน้องๆสายศิลป์นี่แหละที่ไปดูถูกสายวิทย์ก่อน ทั้งๆที่สายวิทย์อยู่เฉยๆแท้ๆ

เด็กสายวิทย์บางคนเป็นติ่งเกาหลี ติ่งฝรั่ง ติ่งญี่ปุ่น

1
LyckaLucky Member 28 ก.พ. 60 11:18 น. 2-1

ต่างโรงเรียนก็ต่างแง่มุมกันไปครับ โรงเรียนผมเป็นชายล้วน และในรุ่นก็รักกันมาก เด็กสายศิลป์ไม่เคยไปดูถูกสายวิทย์ก่อน ในรร.ของผมนะครับ และโดยทั่วไปสายวิทย์ก็มักจะไม่ไปดูถูกสายศิลป์ก่อนหรอกครับ แต่มักเข้าใจผิด ว่าพวกเราเรียนน้อย เบาสมอง เรียนง่ายกว่าจริง เพื่อนสนิทผมที่เรียนสายวิทย์ก็เป็น แต่เราก็ไม่ไมนด์ คือต่างคนต่างถนัด พวกเด็กวิทย์เจอสังคม เจอไทยก็ไปไม่ไหว มันก็เข้าใจตรงนี้ อย่างผมเรียนศิลป์ศิลปะ แทบไม่ต้องไปหนักหัวกับภาษา หรือวิชาคำนวณ แต่ก็อดหลับอดนอน เพลียโทรม และใช้สมองหนักไปกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆไม่ต่างกัน เนื้อหาในกระทู้นี่แบบ ดูเว่อๆจนยังกะนิยายแน่ะ

0
กำลังโหลด
ยูมิโกะ คอลรอส(yumiko) Member 24 ก.พ. 60 21:04 น. 3

1. ศิลป์เรียนสบาย...วิทย์เรียกหนักมาก

จากปากเพื่อนสายศิลป์...ครูเฮี้ยบมากค่ะ...

2. ศิลป์ได้เรียนอะไรที่เบาสมอง

เพื่อนอีกนางบอกว่าภาษาเกาหลีโหดมากกกกกก

3. ศิลป์ไม่ค่อยเก่งรอบด้าน

นังเพื่อนสายศิลป์ได้ไปศึกษางานบริการจริง ณ โรงแรมหรู อีกนางได้สามภาษาแล้ว... เราสิ... เน้นแค่ทักษะเดียวแถมไม่ค่อยเก่งอีก วิทย์ 3 วิชา บ้าอะไรเนี้ยยยยยยย ต้องรู้มั้ยว่าเซลล์ตรูเผาน้ำตาลยังไง(เผายังไงก็อ้วนเอาๆ) เวลาเดินเหยียบพื้นใช้แรงเท่าไหร่ แล้วข้าวที่กินๆทำปฏิกริยาอะไรกับไอโอดีน โวร้ยยยยยยยย ภาษาอังกฤษก็แบบ แกรมม่าเป๊ะๆๆๆ ศัพย์ขั้นสูงบ้าบอ จำเป็นต้องเอาไปคุยมั้ย? เรียนไป ก็เอาไปใช้จริงๆไม่เป็น ทำ บฟ. เป็นอย่างเดียว ชิส์!!!

4. เด็กศิลป์ทางเลือกน้อย

จริงๆพวกภาษา ศิลปะ คุณได้เยอะมากนะ เด็กวิทย์เลิกเรียนช้าเป็นบ้าเป็นบอ บางคนกว่าจะรู้ตัวว่าชอบศิลปะ ออกแบบไรงี้ก็...(เข้ามาเพราะคิดว่าทางเลือกเยอะอ่ะแหละ)

5. เด็กศิลป์ดู "แรง" มีความมั่น!

แต่งตัวสวย ไปเทียวไหนไม่อายใคร ขึ้นมหาลัยสวยปังกว่าเดิม เฉิดฉายจนผ้าขี้ริ้วยู่ๆอย่างเราอิจฉา... จริงๆเด็กวิทย์ที่ชอบโดดเรียนก็มีนะ 55555555

7. เด็กวิทย์ลูกรักคุณครู

ไม่อ่ะ ชอบบอกว่าเด็กศิลป์ดีกว่าอย่างงู้นอย่างงี้

8. วิทย์ได้เปรียบศิลป์ทุกทาง

เหมือนข้อ 4 อ่ะแหละ มีเพื่อนคนนึงเข้าสายศิลปะของมหาลัยดังได้แล้ว สุดยอดมาก

9. เด็กวิทย์ชอบเอาชนะมากๆ

พ่อแม่บางคนคาดหวังมากไปจนลูกเครียดอย่างที่คุณ จขกท. บอกนั้นแหละ เขาไม่ได้จะแข่งกะใคร แต่เขาไม่อยากโดนคนที่บ้านว่า

10. เด็กวิทย์มองเด็กศิลป์ว่าอ่อนกว่า

เพื่อนเราไปแข่งศิลปะนู่นนี่ บางคนลูกทุ่ง กวาดรางวัลมากมาย สร้างชื่อเสียงให้ รร. เราว่าเขาสุดยอดมากนะ


0
กำลังโหลด
เสมารอฟ Member 25 ก.พ. 60 02:26 น. 4

ไม่มีอะไรที่ทำแล้วไม่เหนื่อยหรอก แต่ถ้าเราทำในสิ่งที่รัก และอยากทำ ความเหนื่อยมันก็จะกลายเป็นความสุข


บางคนเขาสายวิทย์-คณิตมา ใจจริงเขาไม่ได้อยากเรียนทางนี้ด้วยซ้ำ บางคนเข้าสายศิลป์เพราะเขารักของเขาจริงๆ


อืม ก็ตามนี้แหละ

0
กำลังโหลด
Boksun Member 25 ก.พ. 60 11:49 น. 5

คือเราเป็นคนหนึ่งนะที่มีความคิดว่าเด็กวิทย์อ่ะโครตเก่ง แบบเฟอร์เฟ็คไปหมด หัวดีเก่งรอบด้านไรงี้ ผิดกับเด็กภาษาอย่างเราที่วันๆเอาแต่เล่นๆว่างๆก็ชิลล์ๆ ไม่จับตำราหนาๆมานั่งอ่านกุมขมับกันให้เครียดเหมือนเด็กวิทย์ แต่ค่านิยมสมัยนี้อ่ะเริ่มที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆพ่อแม่ผู้ปกครองก็เปิดโอกาสในเรื่องสายศิลป์มากขึ้นน่ะ ทำให้เราสามารถเลือกในสิ่งที่ชอบได้ อยากเรียนอ่ะไรเรียนไปเลยไม่ต้องมากังวลว่าเราจะอ่อนกว่าพวกที่เรียนวิทย์ แต่ยังไงๆ-เรื่องเรียนสายวิทย์ดีกว่าเรียนศิลป์ก็ยังมีอยู่ในความคิดของผู้ใหญ่ส่วนมากแหละ เพราะงั้นเราเป็นเด็กรุ่นใหม่อ่ะอย่าไปยึดติดกับอะไรที่เค้ากดดันมาเลยเลือกในสิ่งที่เรารักดีกว่า ตอนนี้เราเรียนภาษาน่ะก็รู้สึกไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กวิทย์เลย เราเท่าเทียมกันหมดอยู่ที่ระดับความรู้ สิ่งที่เราเรียนอ่ะจะไปคนละทางกับสายวิทย์

0
กำลังโหลด
white rabbit Member 25 ก.พ. 60 14:48 น. 6

เราว่าสายวิทย์กับศิลป์ต่างก็เก่งกันคนละด้านละนะ เหนื่อยก็เหนื่อยกันคนละแบบ แต่จะเก่งวิชาอะไรอะไรไม่สำคัญหรอก เพราะทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเท่ากัน

ปล.เราเคยคุยกับเพื่อนสายวิทย์ที่เรารู้จักคนนึง เขาชอบเรียนภาษามากโดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น และก็บอกกับเราว่าอยากย้ายแผนมาเรียนศิลป์ภาษา แต่พ่อแม่ไม่ให้ย้ายก็เลยต้องทนเรียนสายวิทย์ต่อไปเพราะที่บ้านคาดหวังอยากให้เป็นหมอ นี่จึงแสดงให้เห็นว่าเด็กวิทย์บางคนกดดันแค่ไหนกับการที่ต้องถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนแผนที่ไม่ชอบ และค่านิยมของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเรียนหมอก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน

0
กำลังโหลด
LaPomme 27 ก.พ. 60 14:54 น. 7

จริงๆแล้วปัญหาอาจจะไม่ได้เกิดจากเด็กเองทั้งหมดหรอกค่ะ อาจเกิดจากความคิดหรือค่านิยมที่ผู้ใหญ่บางส่วนและสังคมยังคงตั้งกรอบขึ้นมาให้ แถมเรื่องพวกนี้ยังเป็นเรื่องที่เปลี่ยนยากมากด้วย หลายคน(ทั้งเด็กและผู้ใหญ่)ไม่เข้าใจดีว่าแต่ละคนมีความถนัดต่างกัน การเหมารวมไปเลยจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่า หรือมองให้แย่สุดๆอีกมุมหนึ่งไปเลยคือ ทุกคนมีปมของตัวเองและพยายามหาสิ่งยึดให้ตัวเองเอาไว้เปรียบเทียบได้


ให้พูดสวยๆก็อยากบอกว่าถึงจะเรียนอะไรมาสุดท้ายถ้าเอาไปใช้จนเป็นประโยชน์ในด้านที่ดีกับคนอื่นและตัวเองได้ก็พอค่ะ ส่วนใจจริงนั้นคือจบออกมาแล้วทำงานหาเงินได้ก็โอเคแล้ว

0
กำลังโหลด
GAmELM Member 27 ก.พ. 60 18:26 น. 8

เด็กวิทย์หยิ่งทะนงเหลือเกิน.......ไม่ได้หยิ่งแค่เรียนจนเบลอ ที่เห็นหรี่ตามองนี่ไม่ได้เหยียดแค่ลืมตาไม่ขึ้นแม่งง่วง

0
กำลังโหลด
tipppp 4 มี.ค. 60 14:20 น. 9

เราคือเด็กสายวิทย์ จากใจเลยนะ แน่นอนว่าสายวิทย์เรียนหนักจริง แต่ก็ไม่ได้ขนาดที่ว่า เด็กแว่น เคร่งเรียน กางตำรา พกหนังสือวันละ 10 เล่ม แต่งตัวเป๊ะถูกระเบียบ ความจริงก็คือห้องเราทุกคนรวมถึงเราด้วย ปญอ.สุดๆ สามารถหัวเราะได้ทุกๆ 2 วินาที ยิงมุขแป้ก ไม่รู้ว่าเรียนหนักจนบ้าหรือป่าว แอบกินขนม เป็นทุกคนใต้โต๊ะนี่ซองขนมเกลื่อน แอบเล่นโทรศัพท์ก็มี เรื่องระเบียบ 95% มีข้อสั้น ผญ.กระโปรงงี้สั้นเลยเข่า ผช.กางเกงสั้นรัดแบบ อห.5555 คือเราก็เหมือนกับทุกคน เหมือนเด็กห้องอื่น แค่ขึ้นชื่อว่าเด็กห้องหนึ่งแค่นั้นเอง


ปล.แต่เรียนแล้วเครียดจริงๆเพราะต้องแข่งกับตัวเอง


0
กำลังโหลด
ซานโต้ 4 มี.ค. 60 17:20 น. 10

กล้าพูดเลยว่า เด็กวิทย์ไม่ได้เพอร์เฟ็คทุกคนหรอก เราคนหนึ่งแหละที่ไม่ได้เรื่อง 5555555 เราเองก็สติไม่เต็มด้วย บ้าๆบอๆ

เราเองก็ไม่ได้มองสายศิลป์ในมุมแบบ

นั้นเลย เพราะคนเราก็เก่งคนละด้านเนอะ


ลองให้สายวิทย์ไปพูดภาษาญี่ปุ่นหรือ

เกาหลี หรืออื่นๆ ดูสิ

ถ้าเด็กวิทย์ไม่เรียนเพิ่มเอง ยังไงก็

พูดไม่ได้..แต่ด้วยสิ่งรอบข้างเองมันก็

คอยกดดันให้สายวิทย์อย่างเราๆ ต้องดีดตัวเอง

ให้สูงตลอดเวลา คือให้มันอยู่ในเกณฑ์ดีอ่ะ

บางทีจะแข่งทำกระทงของโรงเรียน

ต้องไปนั่งเรียนนั่งฝึกกันเองจนดึกดื่น

เพราะแค่จะแข่งทำกระทงซึ่ง..คนอื่นๆ

อาจจะมองว่า เห้ยง่ายนะไม่ยากเลย

แต่สำหรับบางคนในสายวิทย์คือ..โหไรว้า ยากจัง มือนี่แข็งกระด้าง จะหยิบจะพับใบตองยังมือสั่นเลย


ฉนั้นการที่คนอื่นๆบอกว่า สายศิลป์เก่งน้อยกว่าสายวิทย์ เราก็อย่าไปใส่ใจเค้าเลย เอาเวลาไปฟังคำคนเหล่านั้น มาพัฒนาศักยภาพของตัวเองดีกว่า..เราอยากฝากไว้ ^^


ปล.เด็กวิทย์ไม่ได้เก่งรอบด้าน

เด็กศิลป์ไม่อ่อนกว่า..มันอยู่ที่

เราจะเลือกมอง ^^

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
sun 4 มี.ค. 60 17:41 น. 12

จากใจเด็กสายวิทย์

พวกสายศิลป์ก็โง่จริงๆนั่นแหละ(บางคน)

อยู่สายศิลป์เพราะเกรดไม่ถึงจะเรียนสายวิทย์ ถึงบอกว่าสายศิลป์เรียนยาก แต่ถ้าให้สายวิทย์มาเรียนวิชาที่สายศิลป์เรียน สายวิทย์ก็เก่งกว่าสายศิลป์อยู่ดี

10
ออกจากกะลาบ้างนะ 4 มี.ค. 60 18:56 น. 12-1

ใช่ๆ สายศิลป์โง่จริงๆแหละ โง่แบบสอบติดคณะดังๆ มหาลัยดังๆได้เลยอ่ะ อ้อ ส่วนที่บอกว่าถ้ามาเรียนวิชาเดียวกับสายศิลป์ ก็เก่งกว่าอยู่ดี แล้วทำไม รร เรา มีวิชาที่เรียนเหมือนกันทั้งสองสาย คะแนนสอบออกมาสายวิทยฺตายเรียบ สายศิลป์ได้ท็อประดับชั้น แข่งขันกันสายศิลป์ก็ชนะตลอด อุ้ย งงจัง

0
กำลังโหลด
maleelu Member 4 มี.ค. 60 18:48 น. 13

เด็กวิทย์เป็นลูกรักครูนี่ไม่จริงเลยสำหรับโรงเรียนเรานะ ขอบ่นเหอะ อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้

ห้องวิทย์โดนคาดหวังไว้สูงมากโดยเฉพาะห้องหนึ่ง พอคาดหวังมากพอทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็โดนดุ

พวกคะแนนo-netนี่ก็มาพูดกดดันตลอด คะแนนสอบก็อยากได้เยอะๆแต่พอมีกิจกรรมก็ใช้งานตลอด

หมวดนู้นก็จะใช้หมวดนี้ก็จะใช้ สรุปแทบทุกคนต้องไปทำกิจกรรม ไม่ได้เรียน คะแนนก็ตกแล้วก็โดนด่า

แต่ถ้าไม่ช่วยกิจกรรมก็โดนหาว่าเห็นแก่ตัว

เคยมีครั้งนึงโรงเรียนต้องรับการประเมินจากหน่วยงานภายนอก อาจารย์ก็เลยให้ดูเลยจัดบอร์ดความรู้ใหม่ตามอาคารเรียน แล้วที่หอประชุมเค้าก็จะมีโชว์ศักยภาพ จัดเด็กนร.ไปนั่งดู แล้วตอนเค้าซ้อมจัดที่นั่งกันอยู่ในหอประชุมห้องเราก็ต้องทำบอร์ดให้เสร็จภายในวันนั้นเราก็ทำกันไป ซักพักเค้าก็ประกาศใส่ไมว่าห้องเราไปไหนทำไมไม่มาเข้าหอประชุม

ห้องเราก็เลยรีบไปที่หอประชุมแล้วกำลังจะอธิบายว่ามีอาจารย์ท่านอื่นเค้าให้ทำงานอื่นอยู่ แล้วอาจารย์ที่หอประชุมก็พูดมาคำนึงว่า"เด็กห้องหนึ่งมันเห็นแก่ตัว" ตอนนั้นเราโมโหมาก


เราก็แค่จะบอกว่าเด็กวิทย์ไม่ใช่ลูกรักอาจารย์หรอก ต่อหน้าคุณอาจารย์เค้าอาจจะพูดถึงห้องวิทย์ดีๆ แต่ตอนอยู่ต่อหน้าพวกเราเค้าก็ดุก็ด่าเราเหมือนกัน

0
กำลังโหลด
คิดผิดคิดใหม่เนาะ 4 มี.ค. 60 19:03 น. 14

หลายคนบอกว่ายังไงสายวิทย์ก็เรียนหนักกว่าอยู่ดี โอ้ยยยยย ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับคนพวกนี้ดี เราเรียนศิลป์จีนนะ เรียนก็แบ่งเป็นจีนฟังพูด , จีนอ่านเขียน อังกฤษหรอ อังกฤษฟังพูด , อังกฤษอ่านเขียน , อังกฤษพื้นฐาน , วิทย์พื้น คณิตพื้น ที่ครูสอนคนเดียวกับสายวิทย์ เวลาสอบก็ข้อสอบเดียวกับสายวิทย์ สังคมหรอ ก็มีสังคมพื้น , เศรษฐศาตร์ , พระพุทธ ไหนจะอาเซียนอีก การงานอาชีพอีก ร้อยมาลัย , ธุรกิจผู้ประกอบการอีก , สร้างเว็บไซต์ , เทคโนสารสนเทศ แค่นี้เอ๊งงง เรียนไม่หนักเล้ย ถถถถถถถถ

1
white rabbit Member 5 มี.ค. 60 15:59 น. 14-1

เห็นด้วยค่ะ สายวิทย์กับสายศิลป์มันเรียนหนักกันคนละแบบ ของเราเรียนศิลป์ญี่ปุ่น สัปดาห์หนึ่งเรียนญี่ปุ่น2วัน วันละ3คาบ ไหนจะต้องฝึกอ่าน ฝึกเขียน ฝึกพูด ฝึกคัดตัวคันจิ แล้วยังจะต้องเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นอีก

0
กำลังโหลด
Yugyeom is mine Member 4 มี.ค. 60 20:41 น. 15

เด็กวิทย์เป็นลูกรักครู? 555ไม่จริงหรอก ครูชอบตั้งความหวังแล้วใช้คำว่า เด็กวิทย์ทำได้ทุกอย่างมาทำร้ายเราทางอ้อม กิจกรรมก็ต้องทำ นู่นนั่นนี่ สอบให้ร.รอีกสอบไม่ได้ก็นู่นนั่นนี่ เด็กวิทย์ที่ติสแตกแล้วแหกกฎทุกอย่างก็มีนะ^_^

0
กำลังโหลด
Kakye Deathmendal Member 6 มี.ค. 60 06:14 น. 16

เราอยู่สาธิตชื่อดังแห่งหนึ่ง โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนที่สายศิลป์ทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมาก ไปแข่งอะไรเอาสายศิลป์ไปตลอด ชนะตลอด ทำกิจกรรมเยอะมาก เข้าค่ายเทอมนึงสามสี่ค่าย ทำอะไรสาธิตสมชื่อเยอะมาก งานเยอะกว่าวิทย์หลายเท่า เป็นสายที่มีเอกลักษณ์ มีแนวทางของตัวเอง บ้าบอและบ้าระห่ำทุกคน ทุกคนมีเป้าหมายตัวเองแน่วแน่และไม่มีลังเลแล้ว โง่มั้ย...เหอะๆ ลูกรักอาจารย์น่ะอยู่สายนี้ทุกคนคิดเอาละกัน แต่รร.เราไม่มีปัญหาเหยียดกันว่าใครสบายกว่าอะไรกว่าหรอก เห็นลิสต์งานบนกระดานยาวเป็นกิโลก็เงียบกริ๊บกันแล้วแหละ ทางใครทางมัน อย่ามาตัดสินกันแค่เราชอบทำตัวเหมือนจะชิลๆ เลยเถอะ


อ้อ ส่วนที่คะแนนไม่ถึงสายวิทย์น่ะ เรานี่แหละ top five ชั้น จะเข้าวิทย์ก็เข้าได้แบบสบายมาก แต่ไม่เข้าอะ ไม่ใช่ทางของเรา ใครจะทำไม~

0
กำลังโหลด
โค-ตะ-ระ ติสต์ Member 6 มี.ค. 60 16:40 น. 17

ฮ่ะๆ ผมเด็กวิทย์นะ แต่เฉยๆกับการเรียนวิชาของสายวิทย์มาก ส่วนตัวคุยถูกคอกับภาษาอังกฤษ แถมชอบดูอนิเมะญี่ปุ่นอีก มีเพื่อนสายศิลป์ก็เยอะ(มันก็อะเลิทกันทุกคน) เพื่อนสายวิทย์ในห้องตัวเองก็บ้าไม่แพ้กัน -0- เห้อมม


เอาเป็นว่าสภาพสังคมเด็กวิทย์กับเด็กศิลป์ไม่ต่างกันมากหรอกครับ ต่างกันแค่วิชาที่เรียนกับความสามรถของแต่ละบุคคลที่จะขวนขวายหาความรู้มาประดับสมอง


123464693

0
กำลังโหลด
Besttt131 Member 6 มี.ค. 60 17:37 น. 18

มันแล้วแต่คนมากกว่าค่ะ แต่ส่วนตัวมีเพื่อนเรียนวิทย์เขาก็ไม่ได้หยิ่งหรืออะไร น่ารักเฮฮาบ้ามาก5555

0
กำลังโหลด
Natte99 Member 13 พ.ค. 66 11:22 น. 19

สิ่งที่ศิิลป์เรียนได้ วิทย์ก็เรียนได้ อาจจะยกเว้นภาษาที่ 3 ไว้ เพราะวิทย์ไม่ได้เรียนตั้งแต่ต้น แต่ของพวกนี้ฝึกกันได้ จะเห็นว่าวิศวะได้ทุนไปเรียนต่อตปท. เยอะแยะ กลับกันสายศิลป์ไปต่อแพทย์ ต่อวิศวะแทบจะไม่มี


อันดับ 1 ด้านกฎหมาย ภูมิศาสตร์โอลิมปิก ภาษาอังกฤษในรร.ที่ผมจบมาอยู่สายวิทย์ครับ คนเหล่านี้ที่เก่งทางด้านสังคมมากๆ แต่กลับอยู่สายวิทย์ เป็นผลมาจากการที่ยังไม่รู้ตัวว่าจะทำงานอะไรต่อในอนาคตเลยเลือกสายวิทย์ หรือเป็นพวกที่เก่งหลายๆ ด้าน แต่รู้ตัวว่าคงไม่เรียนต่อทางสายสังคม


อีกอย่างที่สำคัญมาก คือ สังคมครับ เด็กสายวิทย์โดยธรรมชาติมักเป็นพวกเรียนเก่งหรือขยันมาตั้งแต่สมัยม.ต้น คนพวกนี้มักมีความกระตือรือร้นมากกว่าพวกที่ต่อสายศิลป์

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด