เรียนสายภาษาก็ได้ดี! จากใจ "กรีน" ฉีกแนวเรียนภาษาจีน ทั้งๆ ที่บ้านเป็นหมอหมด!

        สวัสดีค่ะ Student Idol จัดหนักจัดเต็มกับเด็กสายวิทย์มาหลายสัปดาห์แล้ว วันนี้พี่มิ้นท์ขอพาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับ "กรีน" หรือ "กัปตันกรีน BAR8" ของเรานั่นเอง ที่อยากพรีเซนต์มากๆ ก็เพราะว่า สาวคนนี้นอกจากจะเป็นนักกิจกรรมตัวยงแล้ว ยังเก่งภาษาจีนขั้นเทพ ชนิดที่ว่าถ้าคุยเป็นภาษาจีนกับเธอ ได้เม้าท์กันไฟแล่บแน่นอน แต่เชื่อมั้ยว่า กรีน เติบโตอยู่ในครอบครัว "หมอ" อะไรที่ทำให้เลือกเรียนสายศิลป์-ภาษา ไปอ่านกันเลยค่ะ



Profile
ชื่อเล่น : กรีน
แผนการเรียน : ศิลป์-ภาษาจีน
งานอดิเรก : นอน, ถ่ายรูปเล่น, หาอะไรอร่อยๆ กิน, ดูหนัง ฟังเพลง, อ่านหนังสือและบทความต่างๆ ที่น่าสนใจ (ไม่จำกัดประเภท)
สไตล์การเรียน : เรียนให้เด่น เล่นให้เป็น อ่านหนังสือให้ถูกวิธี
IG : ABCDEFGGREEN

 
     พี่มิ้นท์ : แนะนำตัวให้เพื่อนๆ ชาว Dek-D.com รู้จักหน่อยจ้า
     น้องกรีน : สวัสดีค่าา~ กรีนนะคะ นางสาว ธนพร รามกุลค่ะ ตอนนี้กำลังจะจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนการเรียนศิลป์-ภาษาจีนค่ะ เกรดเฉลี่ย 3.63 ปกติในโรงเรียนถ้าไม่ได้อยู่กับเพื่อนร่วมห้องก็จะดูเป็นคนเรียบร้อย (?) ดูเป็นคนที่ keep look ตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นเพื่อนในห้องหรือเพื่อนที่สนิทกันก็จะรู้เลยค่ะว่าเป็นคนรั่วๆ เด๋อๆ เฟรนด์ลี่ ขี้เล่น เป็นกันเอง ไปไหนไปกันค่ะ


 

    พี่มิ้นท์ : อยากให้เล่าสไตล์การใช้ชีวิตของกรีนในโรงเรียนเตรียมฯ หน่อยค่ะ
    น้องกรีน : สไตล์การใช้ชีวิตในโรงเรียนของกรีนในแต่ละปีจะไม่เหมือนกันค่ะ ม.4 ก็จะเป็นเด็กใสๆ น่ารักๆ กลัวการมาโรงเรียนสายมาก ค่อนข้างจะเรียบร้อยและเรียบง่าย เพราะยังไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมมาก พอขึ้น ม.5 เป็นช่วงที่พีคมากๆ ในสไตล์ของการเป็นเด็กกิจกรรม มีทั้งมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อมาพูดประกาศเสียงตามสายหรืออินเตอร์คอม ซึ่งเป็นเสียงที่ทุกคนจะได้ยินหลังเข้าแถว เราจึงต้องมาเช้ามากๆ หรือว่าจะมาสายสุดๆ ก็มี จนเพื่อนในห้องเรียนแทบไม่ค่อยเห็นหน้า เพราะเรามาโรงเรียนแล้วบางทีต้องไปเตรียมตัวจัดกิจกรรมต่างๆ งานเยอะมาก อยู่ประชุมงานที่โรงเรียนเย็นๆ ถึงดึกแทบทุกวัน บางทีนอนโรงเรียนก็มีค่ะ แต่คุ้มค่าและสนุกมากๆ

      แต่พอขึ้น ม.6 มา เรารู้สึกว่าเรายังทิ้งสไตล์ของการเป็นเด็กกิจกรรมไม่ได้ เหมือนพอไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแล้วรู้สึกขาดอะไรไป ต้องหาอะไรให้ตัวเองทำ (ก็เลยมาสมัครเป็นกัปตัน Brand’s Admission Reality 8 ด้วยนี่ละค่ะ) แต่ด้วยความเป็นนักเรียน ม.6 ที่จะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราเริ่มกลับมาสู่การเป็นเด็กเรียน มาโรงเรียนก็ตั้งใจเรียนในห้อง พยายามโฟกัส เวลาว่างก็อ่านหนังสือ ทำโจทย์ หรือทำการบ้านให้จบไปเลย จะได้ไม่มีงานค้างไว้


 

    พี่มิ้นท์ : ไหนๆ ก็พูดเรื่องกิจกรรมแล้ว เราทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง
    น้องกรีน : ที่บอกตอนแรกว่าเริ่มทำกิจกรรมเอามากๆ ตอน ม.5 ค่ะ เริ่มจากการทำงานชมรมก่อนเลย เป็นรองประธานชมรมวาทศิลป์ เลยมีโอกาสได้ทำงานเกี่ยวกับการพูด ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์คอมหรืองานพิธีกรในกิจกรรมของโรงเรียน แล้วก็เคยได้รับเกียรติให้เป็นพิธีกรงานคอนเสิร์ต ต.อ. บ้านแห่งรักที่ศูนย์วัฒนธรรมด้วยค่ะ
 

      หลังจากนั้นก็มีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารกิจกรรมชมรม (Facebook : TUCMC) พูดง่ายๆ ก็คือส่วนกลางที่ดูแลประสานงานชมรมของเตรียมอุดมฯ ทั้ง 30 กว่าชมรม ในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นในกิจกรรมจำนวนมหาศาลของกรีน ได้ทำงานใหญ่ๆ เช่นแอดมินเพจ Triam Udom Open House และดูแลงานพิธีกรรวมถึงงานประชาสัมพันธ์ของงานในปีนั้นด้วย นอกจากนี้ตั้งแต่ ม.5 ถึง ม.6 ก็เป็นคณะกรรมการตึกเรียนตำแหน่งประชาสัมพันธ์ทั้ง 2 ปี นอกจากนี้ยังเคยไปแข่งขันพูดสุนทรพจน์ภาษาจีนด้วยค่ะ ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่กรีนเคยทำ

    พี่มิ้นท์ : ได้อะไรจากการทำกิจกรรมบ้างคะ
    น้องกรีน : ทุกกิจกรรมให้บทเรียนกับกรีนหมดเลยค่ะ ตั้งแต่การวางแผน การเตรียมแผนสำรองรับมือในกรณีที่งานถูกเปลี่ยนแปลงหน้างาน การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความอดทน และนอกจากนี้ กิจกรรมยังทำให้เราได้พบกับเพื่อนๆ คุณครู รุ่นพี่ รุ่นน้อง ซึ่งเราเชื่อว่า พวกเค้าจะเป็นคนสำคัญที่มีค่าของเราแม้ว่าเราจะจบการศึกษาจากที่นี่ไปแล้วค่ะ

    พี่มิ้นท์ : คิดยังไงกับการที่คนพูดว่า "กิจกรรมทำให้การเรียนเสีย"
    น้องกรีน : เอาจริงๆ การเป็นเด็กกิจกรรม ทำให้เรามีเวลาในห้องเรียนน้อยลงก็จริงค่ะ เพราะบางทีมีกิจกรรมด่วนเข้ามา เราจัดการเวลาได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้การเรียนของเราเสียขนาดนั้น
 

       กรีนคิดว่า คนที่ทำกิจกรรมจะรู้ว่าสิ่งไหนสำคัญที่สุด และสิ่งไหนสำคัญรองลงมา ก็จะจัดลำดับสิ่งที่ควรทำให้เสร็จก่อนได้
        กิจกรรมก็สำคัญเพราะเมื่อรับงานมาแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ แต่การเรียนก็สำคัญเช่นกัน เราไม่จำเป็นต้องทำการบ้านที่บ้านเสมอไป อยู่โรงเรียนก็ทำได้ ยิ่งเสร็จไวยิ่งดีค่ะ นอกจากนี้เราต้องรู้จักตามงานจากเพื่อนในห้อง รวมถึงเนื้อหาในการเรียนเช่นกัน ด้วยความที่เราเรียนในห้องน้อยกว่าเพื่อน แต่ตอนสอบคุณครูวัดความรู้ของทุกคนเท่ากัน เราต้องตามเนื้อหาให้ได้เท่าเพื่อนๆ ก่อนสอบกรีนชอบทำสรุป ส่วนตัวคิดว่าการทำสรุปด้วยคำพูดและความเข้าใจของเราเองเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากๆ เราได้อ่าน และได้ทบทวน เรียบเรียงเป็นคำพูดของเรา

    พี่มิ้นท์ : ย้อนกลับไปที่เรื่องเรียนบ้าง ตอน ม.3 เลือกแผนการเรียนยังไงคะ
   น้องกรีน : ตอน ม.3 เรื่องของการเรียนต่อมัธยมปลายก็เริ่มเข้ามา มันเริ่มมาจากการที่เราต้องรู้ก่อนว่าในมหาวิทยาลัยเราจะอยากเรียนคณะไหน หรืออยากทำงานอะไร ซึ่งกรีนสนใจในงานด้านนิเทศศาสตร์มากๆ อยู่แล้ว และเรารู้ว่าถ้าเรียนสายวิทย์-คณิตไป อนาคตก็ไม่ได้ใช้แน่นอน

    พี่มิ้นท์ : ทำไมถึงเลือกเรียนสายภาษาล่ะคะ
    น้องกรีน : กรีนรู้สึกว่าการรู้ภาษาที่ 3 มันเป็นข้อได้เปรียบนะคะ โดยเฉพาะภาษาจีนที่เลือกเรียน งานด้านภาษาก็มีเยอะไม่แพ้สายวิทย์เลย แม้ว่าตอนนั้นกรีนจะถูกคนรอบตัวคาดหวังให้เรามาทางสายวิทย์ก็ตาม เพราะคุณพ่อกรีนก็เป็นหมอ พี่สาวกรีนทั้ง 2 คนก็เรียนหมอ และค่านิยมที่ว่าเรียนสายวิทย์-คณิตไปได้ไกลกว่าสายศิลป์ด้วย แต่กรีนค่อนข้างมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ก็เลยไม่คิดที่จะเรียนวิทย์เลยค่ะ มันน่าเสียดายเวลานะคะ ถ้าเอาเวลาไปลงกับวิชาด้านสายวิทย์ที่เราไม่ได้สนใจและไม่ได้ใช้งานในอนาคต เอาจริงๆ กว่ากรีนจะได้เข้ามาเรียนสายศิลป์ภาษามันก็ไม่ง่ายหรอกค่ะ ก็ต้องผ่านอะไรมาเยอะกว่าจะได้เรียน


 

    พี่มิ้นท์ : ผ่านมา 3 ปีแล้ว กับ "ภาษาจีน" คิดว่ามันยากหรือง่ายคะ
    น้องกรีน : จริงๆ แล้วการเรียนศิลป์ภาษาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ละภาษาก็ยากง่ายไม่เหมือนกัน เทียบกันไม่ได้ ภาษาจีนที่กรีนเรียนก็จะยากในการจำตัวอักษร และที่ไม่เหมือนกันในทุกภาษาคือการอ่านออกเสียง จึงต้องฝึกฝนในการใช้ภาษาเสมอ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถค่ะ อาจจะมีบางช่วงที่ท้อบ้างเพราะบางทีมันยากและเยอะ แต่ "ความชอบ" เท่านั้นจะทำให้เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
     แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้การเรียนภาษาไม่ยากเกินไป ก็คือ ความกล้าค่ะ กล้าฝึกพูด ฝึกใช้ ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของภาษานั้นๆ ให้ได้ คนส่วนใหญ่เรียนแล้วไม่กล้าใช้ กลัวผิด กลัวพูดไม่เหมือน

    พี่มิ้นท์ : ถ้าน้องๆ อยากเรียนภาษา แต่ยังไม่รู้จะเรียนภาษาอะไรดี จะแนะนำน้องคนนั้นยังไงดี
    น้องกรีน : ลองคิดก่อนว่าเราชอบภาษาและวัฒนธรรมของประเทศไหน อาจจะเริ่มมาจากเรื่องง่ายๆ ในความชอบก็ได้  เช่น เราชอบฟังเพลงภาษาไหน ชอบเที่ยวที่ไหน ถ้าเราได้เรียนในสิ่งที่เราชอบ เราจะไม่ท้อในการเรียนภาษาที่ 3 แน่นอน  หรือมองถึงอนาคตก็ได้ว่าสายงานที่เราทำ ภาษาไหนที่จะเป็นที่นิยมและมีโอกาสมากที่สุด หรือจะเป็นการใช้งานของแต่ละภาษาก็ได้ค่ะ ใช้เยอะใช้น้อยก็มีข้อดีทั้งสองอย่าง
        อย่างภาษาจีนที่กรีนเรียน ก็เป็นที่ต้องการของตลาดเยอะ ดังนั้นเราก็ต้องเก่งมากๆ เพื่อให้เด่นกว่าคนที่เรียนภาษาเดียวเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ ภาษาไหนก็สำคัญเหมือนกันค่ะ ขออย่างเดียวคือให้เลือกจากภาษาที่เราชอบจริงๆ เรียนภาษา 3 ปีก็ไม่ได้ง่ายนะคะ ต้องผ่านการฝึกทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งก็โหดไม่แพ้แผนการเรียนอื่น

    พี่มิ้นท์ : ความภูมิใจสูงสุดในช่วงเวลา ม.ปลาย คืออะไรคะ
    น้องกรีน : สิ่งที่กรีนภูมิใจที่สุดในช่วงเวลาของการเป็นนักเรียน ม.ปลาย คือ การได้ทำอะไรสักอย่างตอบแทนโรงเรียน เช่น ทำกิจกรรมหรือจัดกิจกรรมในนามโรงเรียน รวมถึงการไปแข่งขันต่างๆ ในนามโรงเรียน เพราะกรีนรู้เสมอว่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้เรามาเยอะมาก การได้ทำอะไรเพื่อโรงเรียนบ้าง มันเหมือนเราได้แสดงศักยภาพและแสดงให้คนอื่นได้เห็นว่าโรงเรียนของเราก็มีศักยภาพที่ไม่เพียงแต่ในเรื่องของการเรียนเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ดนตรี กีฬา หรืออื่นๆ ค่ะ 
 

   พี่มิ้นท์ : ขอเคล็ดลับ 3 ข้อที่ทำให้ใช้ชีวิต ม.ปลาย สนุกสุดๆ ทั้งเรื่องเรียนและเล่น
   น้องกรีน :  1. เรียนบ้าง ทำกิจกรรมบ้าง ให้เวลาทั้งในและนอกห้องเรียนพอๆ กัน บางทีเราไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้แต่จากในห้องเรียนอย่างเดียวหรอกค่ะ นอกห้องเรียนจะให้ประสบการณ์ที่สำคัญและเป็นบทเรียนกับเรา
          2. คบเพื่อนที่ทำให้เราสะดวกใจและสบายใจที่จะอยู่และพูดคุยกัน เพื่อนที่คอยตามงานเรา เพื่อนที่เล่นสนุกกับเรา และเพื่อนที่เตือนเราด้วยความหวังดีอย่างถูกวิธี อย่าให้ความบาดหมางในใจมาทำให้ชีวิตมัธยมของเราโดนลดทอนความทรงจำดีๆ ไป ถ้าเจอเพื่อนที่พากันเล่น แต่ก็ยังช่วยกันเรียนด้วย อย่าปล่อยให้เค้าหลุดมือไปนะคะ

 

          3. เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพี่ที่รุ่นน้องรัก เป็นน้องที่รุ่นพี่เอ็นดู และเป็นศิษย์ที่ทำให้คุณครูไม่หนักใจ อย่าสร้างศัตรูกับใคร ชีวิตม.ปลายของกรีนเป็นชีวิตที่สนุกและมีความสุขในการเรียนมาก เรามีเพื่อนหลากหลาย มีรุ่นพี่ที่คอยช่วยเหลือ และมีรุ่นน้องที่น่ารัก นอกจากนี้เรายังสนิทกับคุณครู เพราะเรามีปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนกับคุณครูด้วย

    พี่มิ้นท์ : วางแผนอนาคตไว้ยังไงบ้างคะ
    น้องกรีน : ตอนนี้ก็สอบสนามสำคัญๆ ไปหมดแล้วค่ะ ทั้ง GAT PAT, 9 วิชาสามัญ, O-net ซึ่งคณะที่กรีนมองไว้ก็คือคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ตอนนี้ยื่นรอบรับตรงปกติไปแล้ว รอประกาศผลอย่างเลยค่ะ (ตื่นเต้นมากๆๆๆ) สาขาที่อยากเรียนคือ เอกประชาสัมพันธ์และโฆษณาค่ะ เพราะในอนาคตอยากมีธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานด้านนี้
       สำหรับช่วงปิดเทอมยาวแบบนี้ ก็มีคิดๆ ไว้ว่าจะใช้เวลาว่างไปสอนพิเศษภาษาจีนค่ะ ต่อไปในอนาคตถ้าได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็อยากทำกิจกรรมของคณะหรือของมหาวิทยาลัยเยอะๆ เหมือนเดิม <3
 
  
  พี่มิ้นท์ : อยากให้ฝากอะไรถึงน้องๆ ชาว Dek-D.com หน่อยจ้า
    น้องกรีน : ช่วงชีวิตมัธยมปลาย 3 ปี เป็นช่วงเวลาที่ให้อะไรกับเราเยอะมาก ดังนั้น เลือกสายผิด ชีวิตเปลี่ยน อยากให้เลือกในสิ่งที่เราชอบ เลือกในสิ่งที่เราจะมีความสุขเมื่อต้องอยู่กับมัน 3 ปีและจะได้ใช้มันจริงในอนาคต มั่นใจในตัวเอง หาตัวเองให้พบ และทำอะไรที่อยากทำ ใช้ชีวิตมัธยมให้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดจนเมื่อเราเติบโตขึ้นแล้วนึกถึงช่วงเวลานี้จะไม่รู้สึกเสียดายและรู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึง แต่ก็ไม่ลืมหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเราตอนนี้ คือการทำหน้าที่เป็นนักเรียน เป็นลูกที่ดี และสิ่งที่สำคัญคือเป็นคนดีในสังคม

       ในขณะที่คนภายนอกปูทางว่าเรียน "สายวิทย์" สิดี! แต่เด็กรุ่นใหม่ที่รู้จักตัวเองดีพอ จะรู้ว่าสายวิทย์ไม่ได้ตอบโจทย์ความฝันเสมอไป ซึ่ง "น้องกรีน" เป็น 1 ในนั้น ที่มองเห็นโอกาสจาก "ภาษาจีน" และตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ 3 ปีในโรงเรียนจนสามารถพูดคุยภาษาจีนได้จริงๆ พี่มิ้นท์ก็หวังว่าพี่กรีนของเราคนนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ที่อยากเรียนสายศิลป์ภาษาได้นะคะ ส่วนใครที่อยากติดตามพี่กรีนเพิ่มเติม ก็ไปกดไลค์กันได้ที่ www.facebook.com/greenbar8/
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

kwprdqz♡ Member 28 มี.ค. 60 22:43 น. 1

ดีมากเลยค่ะ ฮือออ ออกตัวก่อนว่าหนูกำลังจะขึ้นม.3ค่ะ มีช่วงหนึ่งที่ตัวเองสับสนมากว่าจะเรียนสายอะไรซึ่งก่อนหน้านี้มั่นใจมากว่าเราถนัด เราชอบทางด้านภาษานะ เรียนศิลป์ภาษาสิ พอมาคิดอีกทีอ้าว เรียนวิทย์คณิตก็ได้นะเพราะน่าจะมีโอกาสมากกว่าอย่างน้อยก็ถนัดวิทย์ด้วยเดี๋ยวค่อยไปสปีดคณิตละกันเพราะไม่เก่งแต่เราก็อยากเรียนภาษานี่ ความคิดพวกนี้ตีกันอยู่ในหัวไปหมดเลยค่ะจนต้องไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็บอกเรียนในสิ่งที่เราถนัดเรียนในสิ่งที่เราชอบสิ ทีนี้ก็กลับมามั่นใจเลยค่ะว่าเข้าสายศิลป์แน่นอน ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าจะเลือกเรียนภาษาอะไรดีพอได้มาอ่านบทความนี้ที่พี่กรีนบอกว่า ชอบฟังเพลงภาษาไหน ชอบเที่ยวที่ไหน นี่แหละรู้เลยค่ะว่าเราจะเรียนภาษาไหน ด้วยความที่เป็นแฟนคลับเกาหลีน่ะนะคะ555555555555อยากเรียนด้วยเพราะไม่เคยเรียนภาษาเกาหลี ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่นเราก็เคยเรียนมาบ้างแล้วแต่ไม่เคยเรียนภาษาเกาหลีเลย อย่างได้ยินภาษาเกาหลีก็ติดหูแล้วค่ะ และความโชคดี๊ดีโรงเรียนพึ่งมีศิลป์ภาษาเกาหลีปีนี้พอดี ก่อนหน้านี้งงเหมือนกันนะคะว่าจะเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาเกาหลีดี บางคนอาจจะคิดว่าเป็นแฟนคลับเกาหลีก็เรียนภาษาเกาหลีน่ะสิจะได้เข้าใจสิ่งที่อปป้าพูด เราคิดว่าการเรียนในสิ่งที่ชอบและแปลกใหม่มันน่าจะผลักดันตัวเราไปได้ไกลและนานค่ะถึงแม้คนอื่นอาจจะมองว่าเหตุผลของเราจะไม่ค่อยจะเข้าท่าแต่ถ้าเราเรียนสิ่งที่ชอบเราคงจะพัฒนาตัวเราได้แน่นอน เวลาเรียนท้อๆก็นึกถึงหน้าครอบครัว หน้าอปป้าสิว่าเขาให้กำลังใจเราอยู่นะ(ถึงแม้จะเป็นการมโนแต่เราเคยลองแล้วค่ะเกรดขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยเหตุผลที่ว่าจะติ่งแล้วเกรดต้องไม่ตกและต้องรียนให้เต็มที่) เราไม่อยากจะฝืนตัวเองเรียนภาษาที่ก็อยากเรียนนะแต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้นถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งเราเกิดท้อในการเรียนภาษานั้นๆขึ้นมา เราจะเอาอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจ เราจะเอาอะไรมาเป็นกำลังใจในการเรียนต่อ เป็นสิ่งที่หนูอยากจะเล่านะคะซึ่งบางประโยคอาจจะอธิบายไม่ค่อยถูกนักแต่ก็พยายามสื่อสารให้ออกมาพอที่จะเข้าใจที่สุด อาจจะงงๆเพราะช่วงนี้มึนจริงๆค่ะ5555555555555


ใครที่อ่านจบขอบคุณจริงๆนะคะ ฮ่าาาาาา

ขอบคุณบทความนี้จริงๆค่ะ



1
lll-MiNt-lll Columnist 29 มี.ค. 60 20:54 น. 1-1

ดีใจมากๆ เลย ที่บทความนี้ น้องชอบและได้ข้อคิดดีๆ จากพี่กรีนไป :D รอติดตามบทความนี้เรื่อยๆ นะคะ มีรุ่นพี่อีกหลายคนที่มีแนวคิดดีๆ เจ๋งๆ มาฝากค่ะ

0
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

kwprdqz♡ Member 28 มี.ค. 60 22:43 น. 1

ดีมากเลยค่ะ ฮือออ ออกตัวก่อนว่าหนูกำลังจะขึ้นม.3ค่ะ มีช่วงหนึ่งที่ตัวเองสับสนมากว่าจะเรียนสายอะไรซึ่งก่อนหน้านี้มั่นใจมากว่าเราถนัด เราชอบทางด้านภาษานะ เรียนศิลป์ภาษาสิ พอมาคิดอีกทีอ้าว เรียนวิทย์คณิตก็ได้นะเพราะน่าจะมีโอกาสมากกว่าอย่างน้อยก็ถนัดวิทย์ด้วยเดี๋ยวค่อยไปสปีดคณิตละกันเพราะไม่เก่งแต่เราก็อยากเรียนภาษานี่ ความคิดพวกนี้ตีกันอยู่ในหัวไปหมดเลยค่ะจนต้องไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็บอกเรียนในสิ่งที่เราถนัดเรียนในสิ่งที่เราชอบสิ ทีนี้ก็กลับมามั่นใจเลยค่ะว่าเข้าสายศิลป์แน่นอน ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าจะเลือกเรียนภาษาอะไรดีพอได้มาอ่านบทความนี้ที่พี่กรีนบอกว่า ชอบฟังเพลงภาษาไหน ชอบเที่ยวที่ไหน นี่แหละรู้เลยค่ะว่าเราจะเรียนภาษาไหน ด้วยความที่เป็นแฟนคลับเกาหลีน่ะนะคะ555555555555อยากเรียนด้วยเพราะไม่เคยเรียนภาษาเกาหลี ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่นเราก็เคยเรียนมาบ้างแล้วแต่ไม่เคยเรียนภาษาเกาหลีเลย อย่างได้ยินภาษาเกาหลีก็ติดหูแล้วค่ะ และความโชคดี๊ดีโรงเรียนพึ่งมีศิลป์ภาษาเกาหลีปีนี้พอดี ก่อนหน้านี้งงเหมือนกันนะคะว่าจะเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาเกาหลีดี บางคนอาจจะคิดว่าเป็นแฟนคลับเกาหลีก็เรียนภาษาเกาหลีน่ะสิจะได้เข้าใจสิ่งที่อปป้าพูด เราคิดว่าการเรียนในสิ่งที่ชอบและแปลกใหม่มันน่าจะผลักดันตัวเราไปได้ไกลและนานค่ะถึงแม้คนอื่นอาจจะมองว่าเหตุผลของเราจะไม่ค่อยจะเข้าท่าแต่ถ้าเราเรียนสิ่งที่ชอบเราคงจะพัฒนาตัวเราได้แน่นอน เวลาเรียนท้อๆก็นึกถึงหน้าครอบครัว หน้าอปป้าสิว่าเขาให้กำลังใจเราอยู่นะ(ถึงแม้จะเป็นการมโนแต่เราเคยลองแล้วค่ะเกรดขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยเหตุผลที่ว่าจะติ่งแล้วเกรดต้องไม่ตกและต้องรียนให้เต็มที่) เราไม่อยากจะฝืนตัวเองเรียนภาษาที่ก็อยากเรียนนะแต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้นถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งเราเกิดท้อในการเรียนภาษานั้นๆขึ้นมา เราจะเอาอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจ เราจะเอาอะไรมาเป็นกำลังใจในการเรียนต่อ เป็นสิ่งที่หนูอยากจะเล่านะคะซึ่งบางประโยคอาจจะอธิบายไม่ค่อยถูกนักแต่ก็พยายามสื่อสารให้ออกมาพอที่จะเข้าใจที่สุด อาจจะงงๆเพราะช่วงนี้มึนจริงๆค่ะ5555555555555


ใครที่อ่านจบขอบคุณจริงๆนะคะ ฮ่าาาาาา

ขอบคุณบทความนี้จริงๆค่ะ



1
lll-MiNt-lll Columnist 29 มี.ค. 60 20:54 น. 1-1

ดีใจมากๆ เลย ที่บทความนี้ น้องชอบและได้ข้อคิดดีๆ จากพี่กรีนไป :D รอติดตามบทความนี้เรื่อยๆ นะคะ มีรุ่นพี่อีกหลายคนที่มีแนวคิดดีๆ เจ๋งๆ มาฝากค่ะ

0
กำลังโหลด
sayamon255 Member 28 มี.ค. 60 23:09 น. 2

ดีที่พี่กรีนรู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่หนูนี่สิ ไม่รู้ว่าตัวเองจะเรียนอะไรตอนครูถามว่าจะต่อสายไหนก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกันค่ะครู ครูเลยบอกว่าเรียนสายวิทย์คณิตสิ เลยตกลงตามครูบอกเรียนได้เทอมหนึ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่ จะเปลี่ยนสายก็ไม่ทัน นี่มานั่งถามตัวเองว่าเรียนวิทย์คณิตไปทำไมทั้งๆที่ไม่ได้คิดจะเป็น หมอ พยาบาล อะไรพวกนี้ พึ่งมารู้ว่าตัวเองถนัดภาษามากกว่า ตอนนี้จบม.4แล้วจะขึ้น ม.5 เลยคิดว่าจะไปเรียนพิเศษภาษาเอาแล้วกัน คิดแล้วเจ็บใจตัวเอง 55555

1
依梅华 Member 14 เม.ย. 60 22:09 น. 2-1

อยากเรียนศิลป์ ย้ายแผนการเรียนได้นะ 

แผนวิทย์ย้ายลงมาศิลป์ภาษาได้ ได้เรียนสิ่งที่ชอบด้วย ต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ สังคม

เพื่อนกลุ่มใหม่ วิชาที่เรียน และต้องปรับตัวเรื่องการอ่านหนังสือ เพราะสายศิลป์เรียนภาษาค่อนข้างเยอะ ตัดสินใจให้ดีนะ

 


0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
Nichaphat-C Member 30 มี.ค. 60 05:50 น. 5

อยากเรียนภาษาค่ะ ชอบภาษามากก ทุกภาษาเลย รู้สึกว่าถ้าพูดภาษาอื่นได้ มันจะดูเทพมาก555 แต่ไม่อยากอยู่ห้องท้ายๆอะ คือมันจะถูกมองว่าโง่ แล้วเราเองก็เรียนอังกฤษมาหลายปีมากแล้ว ตั้งแต่ยังเด็กๆ (ทุกคนก็เรียนอะแหละ) แต่ภาษาเรายังแย่อยู่เลย พูดไม่คล่องซักที (จะเรียกว่าพูดไม่ได้เลยก็ได้) แกรมม่า ไรนี่ มึนตึบ เลยรู้สึกท้อนะ รู้สึกว่าถ้าเรียนเพิ่สแล้วมันจะดีขึ้นมั้ย แล้วภาษาอื่นล่ะ จะเป็นแบบนี้มั้ย เลยไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะ อยากรุ้ว่า เรียนภาษาจะทำอาชีพไรได้มั่งคะ จะได้รู้อะค่ะว่าเราชอบอาชีพนั้นมั้ย

0
กำลังโหลด
galaxkarn Member 30 มี.ค. 60 12:00 น. 6

กัปตันกรีนคล้ายๆเราเลย พ่อเป็นหมอ แม่เป็นพยาบาล พี่สาวกำลังเรียนสัตวแพทย์ แต่เรามาเรียนสายศิลป์อยู่คนเดียว ตอนแรกก็จะเข้าสายวิทย์นั้นแหละแต่คะแนนวิชาคณิตไม่ถึงเพราะโง่เกินไป555555 ขาดแค่วิชาเดียวเลย ตอนนั้นเจ็บใจน่ะ พ่อก็ไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่ เสียใจด้วยที่ทำให้ที่บ้านผิดหวัง เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็เรียนสายวิทย์กัน เหงาหงอยมาก แต่พอมาเรียนสายศิลป์แล้วมันก็รู้สึกชอบและชเข้าทางมากกว่าด้วย ได้เกรดดีกว่าตอนมอต้นอีก รู้สึกว่าตัวเองแปลกตั้งนานแล้ว เกลียดวิชาคำนวณแต่ยังชอบวิทย์อะไรอยู่แแต่ในความแปลกก็มีคนบอกว่าดี พ่อแม่ก็เริ่มโอเคแล้วว่าเราไม่เอาตัวเองไปฆ่าถ้าติดสายวิทย์ 

ปล.ตอนนี้รอแอดอยู่ไม่รู้จะติดที่ไหน

0
กำลังโหลด
แดทซัน(Thatson) Member 30 มี.ค. 60 13:12 น. 7

ขอบคุณมากครับผม เคยลังเลว่าจะเข้าเรียนสายไหนดี คือ ตอนนี้กำลังจะเข้า ม.3 เพราะดรอปชั้นไปหนึ่งปี แต่ส่วนหนึ่งในใจคิดเอาใว้แล้วว่าจะเรียนสายศิลป์จีนเพื่อเป็นภาษาที่สามใว้(พูดอังกฤษได้แล้ว) พูดได้หลายภาษาย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ก็ยังกังขาอยู่ว่าถ้าเรียนสายวิทย์คณิตจะได้งานหรือมีอนาคตที่ดีกว่าหรือเปล่า แต่ตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วครับ


ขอบคุณพี่กรีนและพี่ๆทีมงานเด็กดีมากครับสำหรับข้อมูลดีๆเหล่านี้ ที่ช่วยให้ชีวิตในวัยรุ่น วัยเรียนของเรานั้นสามารถตัดสินอะไรได้ง่ายขึ้นมาก รวมถึงทำให้ชีวิตของผม และอีกหลายๆคนมีแนวทางที่แน่นอน ขอขอบพระคุณมากครับ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด