ข่าวใหญ่ของต่างประเทศสัปดาห์ที่แล้วต่อมาจนถึงสัปดาห์นี้ก็คงหนีไม่พ้นข่าวพายุ เฮอร์ริเคนเออร์มา (Hurricane Irma) ที่รุนแรงมากกก ขนาดกวาดเรียบไปหลายพื้นที่ทั้งบ้านเรือนพังเสียงหาย ไม่มีไฟฟ้าใช้ ถนนหนทางพังจนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
เฮอร์ริเคนเออร์มา เป็นหนึ่งในเฮอร์ริเคนที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยต้นเดือนกันยายนได้พัดถล่มหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลแคริบเบียน คิวบา ด้วยกำลังแรงลมระดับ 5 ซึ่งเป็นความเร็วลมสูงสุดของพายุ
เท่านั้นไม่พอ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พัดมาถึงรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ทางการได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและสั่งอพยพประชาชนไปยังที่ที่ปลอดภัย บรรดาบ้านเรือน แหล่งท่องเที่ยวก็ปิดจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างเลยค่ะ ซึ่งสภาพหลังจากโดนพายุซัดกระหน่ำที่น้องๆ ได้เห็นก็คือ บ้านเรือนพังเสียหาย ต้นไม้หัก และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นพูดถึงทั่วโลกก็คือ พายุได้พัดน้ำทะเลหายไปจนเหลือแต่หาดทราย ที่เดินลงไปเล่นได้เลยทีเดียว
credit: Jabin Botsford/The Washington Post
เหตุการณ์ที่ว่านี้ เกิดขึ้นจากมีคลิปจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Piznack โพสคลิปปรากฏการณ์พายุเฮอร์ริเคนดูดน้ำทะเลจนชายหาดแห้งเหือด เห็นซากสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ที่ชายหาดบาฮามาส และเกิดขึ้นอีกครั้งแบบเดียวกันเป๊ะๆ ที่ชายหาดเมืองแทมปา ในรัฐฟลอริดา มีคนสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจำนวนมาก และหลายคนก็กลัวว่าจะเกิดสึนามิหรือเปล่า แต่สุดท้ายไม่ได้เกิดเป็นคลื่นยักษ์อย่างที่กังวลกัน และน้ำทะเลก็ไหลกลับมาเป็นปกติในวันรุ่งขึ้น มีคำอธิบายในเรื่องนี้ว่า เพราะเฮอร์ริเคนเออร์มารุนแรงมาก และมีแรงกดอากาศต่ำมาก ก็เลยดูดและพัดน้ำเข้าไปใจกลางพายุนั่นเอง
credit: https://twitter.com/Piznack
นอกจากเฮอร์ริเคนดูดน้ำทะเล ยังมีเรื่องน่าทึ่งล่าสุดที่ นาซา เผยแพร่ภาพออกมา นั่นก็คือ ภาพถ่ายมุมสูงเหนือหมู่เกาะแคริบเบียน ทั้งก่อนเกิดเฮอร์ริเคนเออร์พัดถล่มและหลังเฮอร์ริเคนเคลื่อนตัวไปยังแผ่นดินสหรัฐฯ ภาพถ่ายชุดนี้บันทึกโดย Operational Land Imager (OLI) จากดาวเทียม Landsat 8
ทั้ง 2 ภาพ มีสภาพแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยวันที่ 25 สิงหาคม แผ่นดินตามหมู่เกาะต่างๆ ยังสีเขียวจากทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะ ส่วนวันที่ 10 ก.ย. หลังเกิดเหตุ กลายเป็นสีน้ำตาลโล้นทุกเกาะ ไม่หลงเหลือสภาพเดิมไว้เลย
credit: https://earthobservatory.nasa.gov/NaturalHazards/view.php?id=90952&linkId=42091080
นาซาได้เปิดเผยว่ามันมีหลายสาเหตุ อย่างแรกคือ ความรุนแรงของเฮอร์ริเคนเออร์มา พัดถล่มจนต้นไม้ต้านทานแรงพายุไม่ไหว ฉีกขาดและปลิวไป จากต้นไม้ที่แน่นขนัดก็กลายเป็นพื้นดินที่ว่างเปล่ามากขึ้น และอีกสาเหตุคือ อาจเป็นละอองเกลือจากพายุที่พัดผ่านมาและเกาะจนเคลือบต้นไม้พวกนั้นไว้นั่นเอง
ภาพเกาะบาร์บูดาที่ได้รับผลกระทบจากเฮอร์ริเคนเออร์มา (เกาะบน)
และเกาะแอนติกา (เกาะล่าง) ได้ผลกระทบแค่บางส่วน
credit: https://earthobservatory.nasa.gov/NaturalHazards/view.php?id=90952&linkId=42091080
ส่วนเกาะบาร์บูดา เกาะเล็กๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งในทะเลแคริบเบียน เป็นเกาะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เรียกว่า เป็นซากปรักหักพังทั้งเกาะ เพราะได้รับผลจากพายุเฮอร์ริเคนในระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงสูงสุดของพายุ ในช่วงเช้าของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนเกาะแอนติกาด้านล่างนั้น ถือว่ายังโชคดีอยู่บ้าง เพราะใจกลางของพายุเคลื่อนตัวไปทางเหนือ จึงได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
ก็คงเป็นจริงอย่างที่มีคนเขาเคยบอกไว้ว่า ต่อให้มนุษย์มีเทคโนโลยีที่ก้าวไกลแค่ไหน แต่มนุษย์ก็ตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับธรรมชาติ และไม่มีหนทางที่จะเอาชนะธรรมชาติได้เลย ดังนั้นถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ ก็เลือกที่จะไม่ทำลายธรรมชาติดีกว่า เพียงแค่คิดก็ไม่มีคำว่าสายแล้วค่ะ :D
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://earthobservatory.nasa.gov/NaturalHazards/view.php?id=90952&linkId=42091080,
www.washingtonpost.com/news/capital-weather-gang/wp/2017/09/09/hurricane-irma-is-literally-sucking-the-water-away-from-shorelines/?utm_term=.665f996bdaf3,
www.bbc.com/thai/international-41219608
3 ความคิดเห็น
น่ากลัววววว
ถ้าจะเก็บซะเกลี้ยงขนาดนี้ ไม่เอาให้หายไปทั้งเกาะเลยละนั้น
โห หายยกบ้านยกเมืองเลย เมืองไทยนี้กำลังขุดห้วยอยู่เลย ถถถ ไทยน่าไทย
ผู้ไม่รู้อะไรเลย- -