สพฐ.ออกกฏปี 61 ให้ทุก รร.ลดการบ้าน+กำหนดปริมาณการบ้านสากล เช่น ม.1-6 ต้องทำไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ตั้งกระทู้ใหม่
เมื่อวานนี้ 22 ธ.ค.60 ทาง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.ได้ส่งหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักเขตพื้นที่การศึกษา เรื่องแนวปฏิบัติในการลดการบ้าน โดยระบุว่าทางนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยที่มีครูส่วนหนึ่งให้การบ้านนักเรียนจำนวนมาก และมอบหมาบให้กระทรวงหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว
โดยเวลาการบ้านที่เหมาะสมในแต่ละวัน ได้กำหนดไว้ดังนี้
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ให้ทำการบ้าน 30 นาที แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ให้ทำการบ้านประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 30 นาที
- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ให้ทำการบ้านไม่เกิน 2 ชั่วโมง
36 ความคิดเห็น
การบ้านกำหนดเป็นนาทีได้ด้วยหรอ?
้รายงานกับpresent powerpointไม่ปาไป5ชม.หรอ
ยิ่งคณิตศาสตร์ต้องทำโจทย์เยอะๆด้วย พื้นฐานแต่ละคนก้ไม่เหมือนกัน จะกำหนดเวลาง่ายๆได้ขานนั้นเลยหรอ?
ใครเห็นเหมือน เห็นต่างเม้นเร็ว อยากรู้ จบม.6ไปนานแล้ว
ให้เวลาหลายวันก็ได้นะคะ ส่วนโจทย์แบบฝึก ก็ต้องกะสำหรับคนพื้นฐานน้อยที่สุด แล้วแต่ละวิชาต้องตกลงกัน หรือถามเด็กเอาสินะ ว่าวันนี้การบ้านเยอะไหม555
ตอนที่มีนโยบายลดการบ้าน แล้วทำไมเด็กไทยบางคนถึงบ่นว่าเจอแต่การบ้านๆคะ
ป.ล.เราเรียนจบม.6 ไปตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 แล้ว
เพราะเขาไม่ทำเองรึเปล่าคะ??
ครูที่รร.บอกว่า จะลดการบ้านเพิ่มแบบฝึกหัด (ไม่ต่างกันเลยเยอะกว่าเดิมอีก)
การบ้าน+แบบฝึกหัดเข้าไป...ทำที่รร.เลยพี่
ตอนป.1-ม.3 (ปีการศึกษา 2540-2548) รุ่นของพี่สบายมาก
การบ้านทำที่โรงเรียนไปเลยและเอามาส่งในวันถัดไป
การบ้านที่ดูยากๆก็ทำที่บ้าน ครูไม่ค่อยได้สั่งงานใหญ่ๆ
ส่วนแบบฝึกหัดก็ทำในคาบและส่งครูเดี๋ยวนั้นทันทีที่หมดเวลาเรียนของคาบนั้นๆ
เวลาที่เหลือที่บ้านก็หมดไปกับวิ่งเล่น ดูทีวี อ่านหนังสือ นอนตีพุง ไปซื้อของที่ห้าง
แต่พอมาเรียนม.4-ม.6 อืม ตรงกันข้ามเลย ไม่รู้จะสั่งงานอะไรกันนักหนา
ตอนม.4 ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนม.5-ม.6 ยัดกันเข้าไป
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเรียนม.ปลายแล้วต้องเจอแบบนี้
เรียนจบม.3 น่าจะไปสมัครเรียนกศน.ยังจะดีกว่า
ด้านนักเรียน
การจับเวลาทำการบ้านควรจะนับเวลาที่มีประสิทธิภาพ ตัดเวลาแชต เล่นเฟส ระหว่างทำการบ้านออกไป ผมว่าการบ้านจะเสร็จเร็วขึ้นครับ
และที่สำคัญ พวกรายงาน term paper ก็ควรแบ่งเวลาทำ ไม่ใช่มากระจุกช่วงปลายเทอมหรือวีคสุดท้ายก่อนส่ง
ด้านครู
ควรให้การบ้านที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ เกิดการเรียนรู้ และไม่ให้ในปริมาณที่มากเกินไป
บินไปดูงานซักหน่อยมั้ย เปลี่ยนเป็นลดเนื้อหาให้เหลือ เท่าที่จำเป็นไม่ดีกว่าหรอ
ถ้าครูคนนึงสั่งงานเกินที่กำหนดนร.จะร้องเรียนกับใครได้ครับ
ถ้าสั่งเป็นวันต่อวัน สั่งวันนี้ส่งพรุ่งนี้ วันละหลายวิชาล่ะครับ
ช่องโหว่เยอะแยะครับ นักเรียน คือ ผู้เรียน การศึกษาล้มเหลวมาตลอดทำไมไม่ให้นร.เป็นคนเสนอบ้างครับ
ก็ว่างั้นแหละ ไม่ใช่ว่าไม่ทำ แต่มันทำไม่ทัน! วันๆนึงเรียน7-8คาบ ห้องพิเศษทั้งหลายนี่ยิ่งไปใหญ่เลย ละครูแต่ละคนสั่งงานใช่ย่อยนะ เทอมนึงใช้สีโคตรคุ้ม คุ้มจนไม่เหลือใช้ถึงเทอมสอง =___=
+1 ที่รร.มีวิชาเย็บผ้า วิชางานใบตอง อาทิตย์หนึ่งต้องส่งงานเย็บผ้าถึง6ชิ้น การเย็บต่างๆ เหนื่อยใจ
อันนี้มีถักไหมพรมด้วย เขาให้เด็กเลือกลายเอาเอง ใครเลือกยากก็ซวยเพราะทำนาน บางคนใช้บล็อกไม้บางคนทำนิตติ้ง ทำเป็น.ยังได้แค่สิบเซน ไม่ถึงด้วยซ้ำ(ถ้าใช้พวกเข็ม) ทำกันนานมาก//ตอนหยุดรร.ลาป่วยต้องหยิบมาทำทั้งวันยังได้ไม่ถึงหกสิบเซนเลย
บินไปดูงานมาเยอะแล้วนี่ครับ แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไร จริงๆแล้วนี่มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุมันมาจากตัวหลักสูตรเองมากกว่าครับ ถ้าเราปรับหลักสูตรให้เรียนน้อยลง เนื้อหาลดลง ชีวิตมันจะดีกว่านี้หรือไม่
ครูสอนคณิตเพิ่มเติม พูดว่า
เธออาจจะคิดว่าโตไปมันไม่ได้ใช้หรอกใช่มันก็จริงไม่มีใครไปหา พายตอนซื้อของในตลาด
ไม่มีใครหาเส้นรอบวงจานตอนกินข้าวหรอก แต่มันเป็นหลักสูตรถึงมันไม่ได้ใช้ใน อนาคต
แต่พวกเธอก็ต้องเรียนไปให้จบตามหลักสูตรที่เค้ากำหนด
#เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
คือการบ้านวิชาละไม่เกิน2ชั่วโมงเหรอ ช่องโหว่เยอะไปนะคะ ครูแต่ละวิชาจะสั่งงานคงต้องมานั่งล้อมวงก่อนละ ไหนจะพวกโปรเจค รายงาน งานกลุ่ม บันทึกการอ่าน ฯลฯ เรื่องเวลานี่แล้วแต่คนทำปะ มันอยู่ที่ปริมาณตะหาก
บันทึกการอ่าน/บันทึกความดี โคตรรรรรรรไม่ชอบเลยต้องมาวุ่นวานผู้ปกครองเซ็นรับรองอีก
อยากจะบ้าตายกับ บันทึกการอ่าน บันทึกความดีสมุดไตร่ตรองจริงๆง่ะ เอามาก็ไม่ได้ช่วยทำอะไร
คนจะทำสิ่งดีๆอะไรดีๆมันอยู่ที่ใจนะ ไม่ใช่โดนบังคับจากคนอื่น เเล้วก็ให้ที่บ้านเซ็นอีกบ้าบอๆๆ
สมุดจดการบ้านอีก เขียนให้ครูเอาไปเซ็น T T!!!
การบ้านนะจะมากน้อยขึ้นกับวิชานั้นมากกว่า แต่ที่เจอคือครูไม่สอนในชั่วโมงเรียนให้ดีมีประสิทธิมากกว่า น่าจะแก้ไขด้วยนะครับ
วันนึงมี6-8คาบ จารย์สั่งงานกันคนละทีก็เจริญชัยแล้ว
ไม่นับรวมว่าวันต่อมาจะมีงานเพิ่มอีกนะ
สิ่งที่ควรลดมากที่สุดคือกิจกรรมไม่จำเป็นทั้งหลายของรร ที่มันใช้เวลามากๆลดไปเหอะเพราะบ้างทีใกล้สอบยังเรียนกันไม่จบเลยด้วยซ้ำ และบ้างรรบังคับเรียนพิเศษที่รร แทนที่จะได้กลับบ้านไปเคลีย์งาน และที่สำคัญสุดคือการสอนของครูควรเข้ารับการวัดความสามารถ ทั้งด้านจิตใจ ปัญญาโดยเฉพาะทักษะการ ถ่ายทอดความรู้ เป็นประจำบ่อยๆเออและอีกอย่าง องค์กรอะไรก้แล้วแต่อะที่ออกข้อสอบเข้ามหาลัยอะ ควรจัดองค์ความรู้ที่เด็กต้องรู้ทั้งหมดส่งให้ทางรรทุกรรทั่วประเทศนำมาใช้สอนให้เหมือนกัน แบบว่า เกณฑ์พื้นฐานที่ใช้สอนปัจจุบันอะมันไม่เหมือนกันทุกรร ไม่สามารถเอาไปสอบได้ สอบทีงงเป็นไก่ตาแตกเพราะอาจารย์สอนแต่พื้นฐานโจทย์ไม่ซับซ้อนบ้างทีก้าวหน้าก้าวหลัง งงไปหมด นอกจากต้องไปเรียนติวเตอร์ถึงจะมีโอกาศ สรุป คือควรทำยังไงก้ได้ที่เสริมความรู้ของเด็กทุกคนในประเทศให้มันเท่ากันและมากเท่าๆกันให้แบบว่ามีโอกาศสอบในทุกๆวิชาได้เต็มทุกวิชาเท่ากันทุกคน แบบมีหวังเต็มได้อะ ไม่ได้บอกให้ทำข้อสอบให้ง่ายลงนะ แต่ควรสอนให้มันเหมือนๆข้อสอบที่ออกหน่อย แบบไม่จำเป็นต้องเข้ารรดัง ติวเตอร์เก่งๆอะ มันทั้งประหยัดงบ ไม่ต้องมาลดๆเพิ่มๆเวลาเรียนให้มันเสียเวลา #เริ่มพิมเยอะละ55 อีกอย่างไม่รู้ว่าเหมือนกันทุกรรเปล่านะ คือเวลาเด็กลืมหรือไม่เข้าใจอ. มักไม่ตอบ บ้างทีพูดว่าแล้วเธอคิดว่ามันถูกไหมละถ้าเธอคิดว่ามันถูกก้ถูกคิดว่ามันผิดก้ผิด สรุป เวลาเรียนหมดไปกับคำตอบของเราว่าเออแล้วเราทำถูกหรือทำผิดว่ะ555
เห็นด้วยตรงเรื่องติวเตอร์กับรร.ดังนี่แหละค่ะ
บางครั้งพอสังสัยเราถามครูก็โดนครูด่ากลับมาว่าเธอไม่ตั้งใจเรียนใช่มั้ย? หรอไม่ได้ฟังใช่มั้ย?
ไม่ก็ด่าๆๆๆๆ หรืออาจะบอกให้เราอ่านเองในหนังสือ เเล้วพอครูถามว่ามีใครสงสัยอะไรมั้ง?
พอไม่ตอบ
ก็โดนครูด่าอีกสรุปเเล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าครูต้องการอะไรกันเเน่ เฮ้อออออออออออ
เราว่าถึงจะมีนโยบายลดการบ้าน ก็ไม่มีผลกับครูในโรงเรียนอะ เพราะสุดท้ายครูก็สั่งอยู่ดี เราอยู่ ม.6 การบ้านก็ยังเยอะ มีรายงานทั้งกลุ่ม เดี่ยว สลับกันไป ก็เหมือน นโยบายที่ให้เด็กไว้ผมยาวนั่นละ อยู่ที่โรงเรียนจะยอมรับมันมั้ย ซึ่งบาง รร ไม่เคร่งระเบียบผมมากกว่าการศึกษาเด็กอีก เย่...
เอิอ นี่คือการเเหกนโยบายอย่างไม่กลัวเกรงของโรงเรียนใช่มั้ย?
ขอขำได้มั้ยคะ
เกือบดีใจ อ่านไปอ่านมา สรุปได้ว่า...ชีวิตนร.ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม... ทำไมไม่ลดเนื้อหาที่ไม่ได้ใช้ แล้วมาเน้นสิ่งที่ใช้แทน ไม่น่าลดการบ้านเลย 2ชม.จะสั่งกี่ชิ้นก็ได้ เอากลับทำบ้านก็ได้--
สุดท้ายการบ้านก็เท่าเดิมสุดท้าย เราก็ยังสอบเหมือนเดิมหละพี่น้อง!!
มันก็ควรจะลดได้ตั้งนานแล้วนะ..แต่ก็ยังมีการสั่งการบ้านแบบไม่เว้นเลย เราเลยต้องทำในชั่วโมงเรียนแล้วส่งคาบต่อไปเอา (เป็นแบบนี้ทุกวิชา)//น้ำตาสิไหล
จะได้ผลหรอ ดูแล้ว ก็งั้นๆ เห็นร่อนไปหลายฉบับอิการบ้านเนี่ย ก็เฉยๆรรกูก็คงเป็นกองดังเดิม
ถ้าการบ้านเกินแล้วเราฟ้องได้ที่ไหนบ้างคะ
นั้นสิ
การบ้านกำหนดเวลาแบบนี้ได้หรอคะ ยกตัวอย่างเช่น ในหนึ่งห้องเรียน เด็กแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันไป บางคนอาจจะถนัดแต่ละวิชาไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น การให้การบ้าน 10 ข้อ เด็กคนนึงอาจใช้เวลาทำแค่ไม่ถึง 15 นาที แต่เด็กอีกคนอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงก็ได้ วิธีการลดการบ้านโดยกำหนดเวลาแบบนี้ จะช่วยให้เรื่องไหนดีขึ้นหรอคะ ไม่เข้าใจ มองไปจุดอื่นที่ควรแก้ดีกว่าไหม
เอาจริงๆเเล้วระบบการศึกษาควรที่จะส่งเสริมเด็กในด้านที่เขาถนัดนะไม่ใช่มั่วให้เรียนซ้ำๆกันเหมือนๆกันอะ
ไม่อย่างงั้นเเล้วสุดท้ายเมื่อไม่ได้รับการส่งเสริมเเล้วเมื่อไหร่ประเทศเราจะได้เจิอคนเจ๋งๆกันนะ เขาว่ากันว่าน.ร จะเป็นอนาคตของชาติช่วยค้ำจุนชาติถ้าเราไม่ส่งเสริมเด็กในด้านที่ถนัดเเล้วเรียนมั่วๆคูๆคางๆ
มัวเเต่บอกให้เรียนไม่ต้องนึกถึงอาชีพในอนาคตความฝัน?ไร้สาระจงได้เกรดสี่ ไปเรียนวิศวะ ไปเรียนหมอ!!
คณิตศาสตร์เกรดสี่สิทยาศาสตร์เกรดสี่ เเล้วเเบบนี้? คิดว่าสังคมจะพัฒนาเราะ?!!
ให้ตารางมาวัดผลในด้านที่เขาเก่งวิทย์คณิตกัน เเต่ลืมมองพวกเด็กศิลป์ เด็กภาษา เด็กกิจกรรม เด็กนักกีฬา
เราว่านะคนบนนโลกนี้อ่ะ มีความถนัดมากมายที่ไม่ใช่วิทย์คณิตเหมือนกันทุกคน
เราหลายๆคนไม่ได้โตมาเป็นวิศวะกรเป็นหมอซักหน่อยนะ
เอาเเต่วัดผลกับวิชาท่องจำที่ไม่พัฒนาเเล้วอย่างคณิตศาตร์เนี่ย เเล้วคนที่มีความสามารถอื่นๆเอาก็จะคิดว่าตัวเองด้อยตัวเองไม่มีค่าตัวเองกากเเล้วหมดกำลังใจเรียนนะ
เฮ้อออ ขี้เกรียจเรียนคณิตศาตร์ ไม่อยากทำการบ้านเลยอะ
มันเอาให้หลากหลาย จะได้รู้ว่าอยากเป็นอะไร วัดผลว่าเด็กเรียนโอเครึเปล่า อีกส่วน ความเก่งในแต่ละด้านของเด็กไม่เท่ากัน ในด้านระยะเวลาด้วย
ลดการบ้านมันก็ดี แต่ช่วยลดเนื้อหาที่เรียน ที่ไม่จำเป็นด้วยค่ะ เช่น วิชาหน้าที่พลเมือง เรียนสัปดาห์ละ 1 ชม. พูดตรงๆเสียดายเวลามาก น่าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ สำหรับเด็กม.6 อย่างหนู มีงาน มีการบ้านที่ต้องทำเยอะแยะ อยากให้จัดสรร จัดเวลา ให้พวกหนูได้หายใจบ้าง ไม่ใช่ยัดเยียดวิชาที่ไม่ได้อยากเรียนเลย คนเราจะเป็นพลเมืองดีได้ หรือคนดีได้มันอยู่ที่ตัวเองล้วนๆเลยค่ะ อย่าพึ่งวิชาที่เรียนเลย ฮือออออออ
ใช่ๆในหนังสือวิชาหน้าทีผลเมืองอ่านเเล้ว อยากขำเลยอ่ะมันเป็นอะไรๆที่เราก็รู้อยู่เเล้วอ่ะ
วิชาพระพุทธศาสนาด้วย
ควรจะเอามาเป็นวิชาเลือกและให้นักเรียนที่นับถือศาสนาพุทธเรียนไป
ควรจะมีวิชา "ศาสนาสากล" กับวิชา "ศาสนศึกษา"
มันฉุดเกรดเฉลี่ยของนักเรียนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธที่ไม่อยากจะรู้เรื่องของศาสนาพุทธ
นักเรียนที่นับถือศาสนาพุทธเบื่อวิชานี้เหมือนกันนะคะ
หนึ่งในนั้นก็มีพี่นี่แหละที่เบื่อวิชาพระพุทธศาสนา
พี่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆอย่างศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม
ศาสนาเชน ศาสนาซิกข์ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ และพวกลัทธิต่างๆมากกว่า
เนื้อหาวนเวียนที่เดิมๆน่าเบื่อ พุทธประวัติ หลักธรรม
เรียนวิชาพระพุทธศาสนาไปก็ไม่ได้ช่วยให้เป็นคนดีขึ้นมา
เลยเอพริลฟูลเดย์ไปแล้วนี่คะ//จะโดนฆ่ามั้ย5555
ถถถถถถถถถ เลยมานานล่ะพี่ 5555555555
จบมาสองปีละแต่อยากเสนอ
การบ้านแต่ละอย่างมันกำหนดตายตัวไม่ได้หรอกว่าต้องกี่ ชม แต่อยากให้การบ้านจริงๆเป็นอะไรที่พัฒนาการเรียนรู้มากกว่า อย่าง คณิต วิทย์ อิ้ง งี้ พวกงานนำเสนอต่างๆบางอย่างก็ลดๆลงบ้างเถอะ รายงานงี้เหมือนกัน ครูบางคนมีให้นักเรียนจดทั้งหนังสือด้วย คือไร แต่เพื่อคะแนนนักเรียนก็อดทนทำ กีฬาสีนี่ก็เหมือนกัน บางรร.นักเรียนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด รวมทุกสีก็เป็นล้าน ไม่ได้โม้ แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นงี้มาตั้งนานละ กิจกรรมบางอย่างต้องทำอลังอย่างกับงานจังหวัด คือบางทีก็ไม่จำเป็นไหม ถ้าแค่ออกหนังสือมาสั่งโรงเรียน มันไม่ได้ช่วยได้เยอะหรอก ถ้าเอาเวลามาปรับให้พอดีแบบเรียนเต็มเม็ดเต็มหน่วย เอากิจกรรมข้างบนออกไปบ้าง มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ อีกอย่าง ควรแก้ปัญหาครูสอนพิเศษด้วย ครูบางคนนะคะ ขอย้ำบางคนแอบเอาข้อสอบในห้องเรียนไปให้เด็กที่เรียนพิเศษกับตัวเองงี้ แบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ
ปัญหาการศึกษาถ้าอยากเข้าใจแบบแท้จริงก็ต้องถามจากผู้เรียนนิแหละ ถ้างั้นจะรู้ได้ไงว่าอะไรคือปัญหา คิดโน้นดียัดมันเข้าไป อันนี้ไม่ดีเอาออก อยากถามว่า ได้ถามนักเรียนจริงๆแล้วเหรอกับหลายๆแนวทาง
นั้นสิ ไม่ไปงานกิฬาสีก็โดนตัดคะเเนนจิตวิสัยบ้าบอคอเเตกอ่ะ
เเค่อยากร่วมกิจกรรมที่ชอบก็ไม่ได้ ขี้เกรียจไปงานกิจกรรมก็โดนตัดคะเเนน พอจะเข้าค่ายที่อยากไปข้างนอกก็โดนด่า T T
ถ้าจะลดเวลาทำการบ้าน ควรเปลี่ยนไปลดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกก่อนไหม?เพราะตอนนี้เนื้อหาที่เรียนอยู่เเต่ละอย่างได้ใช้ในชีวิตจริงไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องการบ้าน ถ้าเป็นแบบฝึกหัดน่ะให้มาเถอะ เอามาฝึกสมอง แต่ถ้า-ที่เป็นพวกงานฝีมือหรือพวกพรีเซนต์ทั้งหลาย ลดลงเถอะ เผลอๆมันจะเยอกกว่าแบบฝึกหัดอีก อะไรนักหนาก็ไม่รู้ เด็กทำไม่ทันโหวยยยยย
เราว่ามันคงไม่ได้ผลเท่าไหร่หรอก เพราะโรงเรียนเราก็มีนโยบายลดการบ้านนะ คือวันเปิดเทอมจะให้ใบแจ้งกับผู้ปกครองไว้เลยว่าเทอมนี้จะมีงานกี่ชิ้น(รวมๆแล้วประมาณ9-13ชิ้นต่อเทอม ถ้าห้องเรียนพิเศษจะเยอะขึ้นมาหน่อย) ดูเหมือนจะดีนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่มีผลอะไรกับอาจารย์เขาหรอก มันมีงานนอกเหนือจากที่แจ้งไว้ในใบอีกหลายสิบกว่าชิ้น ตลกร้ายกว่านั้นคืออาจารย์มักจะมาสั่งกองๆกันสองอาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบ...บอกลาเวลาอ่านหนังสือเลยทีเดียว
ใช่ รร.เราก็เป็น แล้วสั่งแบบสื่อการสอน งานใหญ่ๆทั้งนั้น
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?