สวัสดีค่ะ ปิดเทอมนี้ใครมีแผนอยากฟิตตัวเองให้เก่งขึ้น แต่กลัวจะถูกกิเลสครอบงำไปซะก่อน (ติดซีรีส์งอมแงม เล่นเกมตาแฉะ ช้อปปิ้ง Everything Jingle Bell) พี่เมก้ามีสูตรอ่านหนังสือเด็ดๆ มาฝาก รับประกันว่าน้องๆ จะมีช่วงเวลาขยันเรียนกับเขาบ้างแน่นอน
          เพราะ "SQ3R + POMODORO" เป็นการหยิบสูตรอ่านหนังสือที่มีประสิทธิภาพ มารวมกับการบริหารเวลาให้อยู่หมัด!! ปิดเทอมนี้ถ้าน้องๆ คนไหนอยากทุ่มเวลาให้กับการเรียน และแบ่งเวลามาเล่นสนุกแบบไม่รู้สึกผิดกับตัวเองมากนัก แนะนำให้ลองเลยค่ะ

SQ3R อ่านแบบเซียน!!
          SQ3R มาจาก 5 ขั้นตอนของการอ่านหนังสือที่มีประสิทธิภาพที่สุด เทคนิคนี้คิดค้นโดย ศาสตราจารย์ฟรานซิส พี โรบินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านประจำมหาวิทยาลัยโอไฮโอค่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปทำความรู้จัก SQ3R ตัวช่วยที่จะทำให้น้องๆ เข้าใจสิ่งที่อ่านได้ง่ายขึ้นกันเลย

         
S = Survey อ่านผ่านๆ เพื่อเก็บข้อมูลโดยรวมว่ากำลังพูดถึงอะไร ตั้งแต่เริ่มจนถึงสรุปให้พอได้ความคิดจากเรื่องนั้น
         
Q = Question ไม่ใช่อ่านแบบผ่านๆ แล้ว แต่ต้องพยายามดึงใจความสำคัญออกมา ด้วยการเตรียมคำถามไว้ในใจ แล้วมองหาคำตอบที่อยู่ในเรื่อง ขณะอ่านไปพร้อมกัน
         
R1 = Read อ่านอย่างรอบคอบเพื่อเก็บข้อมูลสำคัญแบบเนื้อๆ เรื่องที่อยากรู้เป็นพิเศษ
         
R2 = Recite ตอบคีย์เวิร์ดของสิ่งที่สงสัยให้ครบ แล้วทำสรุปความคิดสำคัญของเรื่องที่อ่านทั้งหมดเก็บไว้ท่องจำ
         
R3 = Review ทบทวนสิ่งที่อ่านทั้งหมดจากสรุปที่ทำไว้

          ตอนนี้เราก็ได้สูตรอ่านหนังสือแบบ "SQ3R" ที่ทำให้เข้าใจเนื้อหาชัดเจนขึ้นมาแล้ว ตามไปรู้จัก "POMODORO" อีกตัวช่วยที่จะทำให้การบริหารเวลาอ่านหนังสือของเราได้ผลดีทันตาเห็นกันค่ะ

POMODORO มะเขือเทศดึงสติ!!   
          POMODORO TECHNIQUE (ภาษาอิตาลี แปลว่า มะเขือเทศ) เป็นเทคนิคบริหารเวลา (Time Management) อย่างหนึ่ง คิดค้นโดยชาวอิตาลีที่ชื่อว่า ฟรานเชสโก ซิริลโล POMODORO ก็มาจากนาฬิกาจับเวลารูปทรงมะเขือเทศของคุณฟรานเชสโกนี่แหละค่ะ


 
          หลายคนเป็นศัตรูกับเวลา เราวิ่งแข่งสู้กับเวลาเพื่อทำภารกิจให้เสร็จตามเป้าที่กำหนด แต่ POMODORO เทคนิคจะสอนให้น้องๆ จัดการทุกอย่างแบบไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากนัก

         
STEP 1 : กำหนดภารกิจที่อยากทำ
         
STEP 2 : ตั้งนาฬิกาจับเวลา ( 1 POMODORO = 1 SESSION ) ไว้ที่ 25 นาที เป็นช่วงเวลาที่แนะนำให้ทำภารกิจนั้น โดยไม่หยุดพักเป็นเวลา 25 นาที
         
STEP 3 : ลงมือปฏิบัติภารกิจจนกว่านาฬิกาจับเวลา POMODORO จะดังกริ๊งงง (ถ้ามีงานอื่นเข้ามาแทรก ให้จดภารกิจที่ทำค้างลงกระดาษเก็บไว้)
         
STEP 4 : ทำภารกิจครบให้ Checkmark (yes) เก็บไว้
         
STEP 5 : Short Break 5 นาที พักสายตา หายใจหายคอ รีแลกซ์กันซักนิด อย่าทำงานต่อเด็ดขาด! สมองจะขอบคุณมาก!!
         
STEP 6 : ทำ Step 1 - 5 ไปจนครบ 4 POMODORO แล้วพักยาว Longer Break เวลาแนะนำประมาณ 20 - 30 นาที สมองจะใช้เวลานี้ในการรับข้อมูลใหม่ๆ และพักผ่อนพร้อมรับภารกิจถัดไป

          POMODORO เปลี่ยนแปลงเรายังไง เจ้านี่ทำให้เรามีแรงจูงใจที่จะลงตารางจัดสรรเวลาให้คุ้มค่ากับทุกภารกิจที่อยากทำ มีความสุขกับการพยายามทำภารกิจต่างๆ ให้สำเร็จ และสามารถควบคุมหรือตัดสิ่งรบกวนได้ด้วยการโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ในมือ


"SQ3R + POMODORO" อ่านสนุกคูณสอง!!  
          สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ว่าปิดเทอมนี้จะแบ่งเวลาทบทวนบทเรียนกับเวลาเล่นยังไง ลองจับ "SQ3R + POMODORO" มาปรับใช้เป็นสูตรอ่านหนังสือดูได้ค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย

          1 POMODORO = 1 SESSION = 25 MINUTES
          SHORT BREAK = 5 MINUTES
          LONGER BREAK = 20 - 30 MINUTES
ภารกิจที่ 1 : อ่านชีววิทยา บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต     
          1 POMODORO = Survey อ่านโดยภาพรวมให้พอรู้ว่าบทที่ 1 พูดถึงเรื่องอะไรบ้าง
          Short break = เดินไปเข้าห้องน้ำ
         
2 POMODORO = Question อ่านแบบตั้งคำถาม แล้วตอบสิ่งที่สงสัยไปพร้อมกัน เช่น สิ่งมีชีวิตรักษาดุลยภาพร่างกายยังไง สิ่งมีชีวิตมีลักษณะจำเพาะคืออะไร ชีววิทยาเกี่ยวกับการดำรงชีวิตแบบไหน ฯลฯ
          Short break = จับโปเกมอนซักแป๊บ
         
3 POMODORO = Read เริ่มอ่านละเอียด มีขีดไฮไลท์ เจาะประเด็นสำคัญที่คิดว่าอยากรู้เป็นพิเศษ หรือจำได้ว่าเรื่องนี้ครูเน้น ก็ลองหาตัวอย่างมาอ่านเพิ่ม  
          Short break = พักกินขนมอร่อยๆ
         
4 POMODORO = Recite เขียนสรุปเก็บไว้ท่องจำลงในคัมภีร์หนังหมูของเราเอง ถือเป็นการทวนความรู้รอบหนึ่งไปในตัว
          *Longer break* = ดูซีรียส์ที่กำลังติดหนึบหนับ

          ทำภารกิจแรกไปยกเซ็ตก็เหมือนเราได้นั่งอ่านหนังสือทวนความรู้ไป 1 - 2 ชั่วโมง หรือถ้าฟิตจัดก็อาจจะเริ่มภารกิจที่ 2 ได้


ภารกิจที่ 2 : ทวนชีววิทยา บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
         
1 POMODORO = Review1 ทวนเนื้อหาด้วยการนึกว่าบทที่ 1 อ่านอะไรไปบ้าง แล้วอ่านผ่านๆ อีกครั้ง
          Short break = ลุกขึ้นมาแดนซ์ปลดปล่อย
         
2 POMODORO = Review2 ทวนเนื้อหาจากสรุป แล้วพูดสอนตัวเองให้จำ
          Short break = เล่นกับน้องหมาน้องแมว
         
3 POMODORO = Review3 ดูคลิปการสอนเพิ่มเติมในยูทูป
          Short break = เช็กทวิตเตอร์รัวๆ
         
4 POMODORO = Review4 ทวนเนื้อหาด้วยการทำแบบฝึกหัด
          *Longer break* = อ่านนิยายยาวๆ
 
          นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่พี่เมก้ายกมาเท่านั้นนะคะ ในช่วงแรกของการอ่านหนังสือ น้องๆ อาจจะเริ่มจากการแบ่งเวลาทำวันละ 1 - 2 ภารกิจ ที่เหลือก็เล่นสนุกตามใจชอบให้สมกับปิดเทอมได้เลย!!


สูตร "SQ3R + POMODORO" มีดียังไง?
          ช่วงปิดเทอมแค่แม่บ่นว่า "อ่านหนังสือเรียนบ้างสิ!!" เราก็อยากจะเบะปากร้องไห้แล้วค่ะ แต่วิธีนี้ทำให้น้องๆ ที่อยู่ในช่วงใกล้สอบเข้ามหา'ลัยอย่างน้อง ม.4 กำลังจะขึ้น ม.5 หรือน้อง ม.5 กำลังจะขึ้น ม.6 เริ่มสตาร์ทเครื่องเตรียมสอบได้อย่างไม่ทรมานใจมากนัก ยังไง?

1. ไม่เพลียสมอง
          ปกติเวลาอ่านหนังสือ เราชอบกำหนดเป็นชั่วโมงกว้างๆ เช่น อ่าน 2 ชั่วโมง มันทำให้เราต้องเค้นความคิดหนักๆ แล้วก็หลุดโฟกัสมากเลย "เมื่อไหร่จะครบ 2 ชั่วโมง?" แต่การแบ่งเนื้อหาที่อ่านเป็นขั้นเป็นตอนของสูตร SQ3R กับ การหั่นมะเขือเทศแบ่งการอ่านช่วงละ 25 นาที แล้วพักเบรกของ POMODORO เป็นช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป เราจะรู้สึกว่าอ่านแป๊บเดียวก็ได้พักแล้ว สมองสดชื่น ไม่ Burnout แน่นอน!

2. สติอยู่กับตัว
          ทุกครั้งที่เริ่มจับเวลา มันจะสะกดจิตให้เราโฟกัสอยู่กับการอ่านตรงหน้าทันที และเมื่อมีกิเลสพยายามเข้ามาขัดขวางความตั้งใจอ่านหนังสือของเรา ก็สามารถบันทึกเก็บไว้เพื่อหาทางกำจัดมันในภารกิจถัดไปได้ อีกอย่างเราสามารถสำรวจและประเมินตัวเองได้ด้วยว่า "มีสมาธิมากพอที่จะทำความเข้าใจบทเรียนในระยะเวลาสั้นได้รึเปล่า" ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องเท่าที่ควร ก็สามารถยืดหยุ่นปรับเวลาใน 1 POMODORO ของเราได้

3. จำทนจำนาน
          ถ้าใช้สูตรนี้จัดตารางอ่านหนังสือ แล้วทวนความรู้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน การอ่านอย่างเป็นระบบจะช่วยเปลี่ยนการบันทึกความรู้ของสมองจากความจำระยะสั้นให้กลายเป็นความจำระยะยาวได้
 
          ปิดเทอมนี้เริ่มปิ๊งไอเดียขึ้นมาบ้างรึยังคะว่าจะแบ่งเวลาไปทำอะไรดี? จากเด็กที่เอาแต่นอนเบื่อๆ กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงทั้งวันก็คงจะมี Activity ให้ทำมากขึ้น เสียงส่วนใหญ่จากคนที่ลองใช้วิธีนี้แล้วทึ่งมากคือ ค้นพบว่าตัวเองมีอะไรรอให้ทำเยอะแยะ และยิ่งทึ่งไปอีกคือ "ทำภารกิจได้ครบทุกเป้าเลย" น้องๆ ก็ลองออกแบบภารกิจของตัวเองดู แล้วมารีวิวให้พี่เมก้าอ่านบ้างนะคะว่าได้ผลรึเปล่า :)
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด