เห็นคนพูดได้หลายภาษาแล้วเท่ "เท็น" อยากเก่งบ้าง จึงทุ่มเทจนเซียนทั้ง Eng-เยอรมัน

  
         สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่า Student Idol วันนี้ พี่มิ้นท์พามาทำความรู้จักกับสาวเตรียมอุดมศึกษาอีกหนึ่งคนที่ดีกรีความสามารถด้านภาษาสูงปรี๊ด สอบได้ PAT เยอรมันสูงถึง 276/300 คะแนน ภาษาอังกฤษก็เจ๋งไม่แพ้กัน O-NET ภาษาอังกฤษได้มาอีก 98.75/100 คะแนน น้องคนไหนสนใจด้านภาษา ห้ามพลาดเลยค่ะ รับรองว่าอ่านแล้วจะอยากเรียนภาษาเพิ่มขึ้นแน่นอน ไปทำความรู้จักกับ "เท็น" กันเลยจ้า



ชื่อเล่น : เท็น
แผนการเรียน : ภาษา-ภาษาเยอรมัน
งานอดิเรก : อ่านหนังสือ ดูซีรีย์
style การเรียน : เท็นเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายด้านการเรียนไว้ค่อนข้างสูงค่ะ
อยากได้คะแนนดีๆ ทุกวิชา ถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาที่ไม่ถนัด เวลาอ่านหนังสือ เตรียมสอบก็จะเต็มที่ คือจะไม่ยอมทิ้งเลยซักวิชา 55555 แต่ก็จะให้ความสำคัญกับวิชาสำคัญของสายศิลป์มากกว่า
วิชาคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ค่ะ เท็นเป็นคนที่เขียนช้า เลยไม่ค่อยได้ทำสรุปเองเท่าไหร่
เวลาอ่านหนังสือเลยเน้นอ่านหลาย ๆ รอบให้เข้าใจ แล้วก็ทำแบบฝึกแทนค่ะ
IG: @ttennn

 
      พี่มิ้นท์ : แนะนำตัวเองให้น้องๆ ชาว Dek-D รู้จักหน่อยจ้า
      น้องเท็น : สวัสดีค่า ชื่อนางสาวธนัชพร วระพงษ์สิทธิกุล ชื่อเล่น เท็นค่ะ เพิ่งจบ ม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนการเรียนภาษา-ภาษาเยอรมันค่ะ เป็นเตรียมอุดมรุ่น 77.5 เพราะว่าไปแลกเปลี่ยนกับโครงการ AFS รุ่น 53 ประเทศเดนมาร์ก ตอนอยู่ ม.4 ค่ะ เลยกลับมาซ้ำชั้นอีก 1 ปี คณะที่อยากเข้าก็คือคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ เป็นคณะในฝันตั้งแต่ ม.ต้นเลย ส่วนนิสัยส่วนตัวนี่ก็เป็นคนอัธยาศัยดี ชอบทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ เพราะไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวค่ะ เหงา 5555 ชอบเล่นมุกตลกที่คนอื่นไม่ขำ แต่ก็จะจริงจังกับการทำงานแล้วก็การเรียนมากๆ ค่ะ
 
     พี่มิ้นท์ : ไปแลกเปลี่ยนที่เดนมาร์ก ได้ทำอะไรบ้างคะ
     น้องเท็น : ตอนไปแลกเปลี่ยนเท็นก็จะเน้นไปเรียนรู้วัฒนธรรมแล้วก็ภาษาของเขา ได้ลองใช้ชีวิตแบบคนเดนมาร์ก ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ มากกว่าเรียนในห้องเรียนค่ะ ถ้าให้เล่าทั้งหมดคงยาวมากแน่ๆ เลย เพราะมีกิจกรรมเยอะมากก 5555 เท็นได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะมาก เช่น ได้ลองเรียนยิมนาสติก คือเด็กที่นู่นส่วนใหญ่เขาจะเรียนกันค่ะ เท็นก็ไปเรียนกับโฮสน้อง เข้าไปครั้งแรกก็งงเลยค่ะ เขาจริงจังกันมากๆ เด็กตัวเล็กๆ นี่ตีลังกากลางอากาศกันแล้ว เรานี่เหวอเลย
      นอกจากนั้นก็ได้ฝึกทำอาหาร ไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ มีปาร์ตี้ ทำความรู้จักกับเพื่อนจากประเทศต่างๆ ลองไปอยู่โรงเรียนประจำ ไปคอนเสิร์ต เป็น 10 เดือนที่คุ้มค่า ได้ประสบการณ์ชีวิตกลับมาเต็มที่มากเลย

    พี่มิ้นท์ : ถ้าน้องๆ อยากไปแลกเปลี่ยนบ้าง ต้องทำยังไงคะ
    น้องเท็น : ตอนนี้ก็มีหลายโครงการที่รับนักเรียนแลกเปลี่ยน เราก็ลองไปหาดูค่ะว่าอยากไปกับโครงการอะไร แต่ละโครงการมีประเทศอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ หลังจากนั้นเราก็ต้องฝึกภาษาอังกฤษ เพราะว่าเราใช้สอบค่ะ ยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องภาษาเนอะ เวลาสัมภาษณ์ก็แสดงศักยภาพของเราให้เต็มที่ เตรียมตัวดีๆ เราก็ทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ ค่ะ


     พี่มิ้นท์ : ทำไมถึงเลือกเรียนสายศิลป์ภาษาคะ
     น้องเท็น : เท็นอยากพูดได้หลายๆ ภาษาค่ะ ตอนเด็กๆ เคยอ่านหนังสือ เห็นบทสัมภาษณ์ของคนที่เขาพูดได้ 5-6 ภาษา รู้สึกว่าเท่มากเลย อยากเก่งแบบนั้นบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วเท็นรู้ตัวเร็วด้วยว่าชอบเรียนภาษา เวลาเรียนภาษาแล้วมีความสุขมาก พอเราชอบเรียนแบบนี้ เราก็จะทำได้ดี ทุกอย่างมันน่าสนใจไปหมดเลย ขนาดทำข้อสอบยังรู้สึกสนุกเลยค่ะ 5555 ไม่เหมือนกับเวลาที่เรียนวิชาที่ไม่ชอบ ต้องพยายามมากๆ กว่าจะเข้าใจ  ก็เลยตัดสินใจเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบดีกว่าค่ะ

    พี่มิ้นท์ : ระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาเยอรมัน ภาษาไหนยากกว่ากัน
    น้องเท็น : ภาษาเยอรมันยากกว่าเยอะเลยค่ะ ;-; อาจจะเป็นเพราะเป็นภาษาที่เพิ่งเริ่มเรียนด้วย พอเทียบกับภาษาอังกฤษที่เรียนมาตั้งแต่เด็กก็เลยรู้สึกว่ายากกว่าค่ะ  คือภาษาเยอรมันมีแบ่งเพศเป็น 3 เพศ คือ ชาย หญิง แล้วก็กลาง เราต้องจำว่าคำไหนเป็นเพศอะไร ซึ่งหลายๆ คำมันก็ไม่ค่อยเมกเซ้นส์เท่าไหร่ อย่างกระโปรงก็เป็นเพศชาย เนคไทเป็นเพศหญิง  อะไรแบบนี้อะค่ะ แล้วภาษาเยอรมันก็ผันทุกอย่างบนโลกไปนี้ ผันตั้งแต่ Verb ยัน adjective ต้องจำรูปของมันดีๆ ค่ะ เพราะผันตามประธานทุกตัวเลย แต่เท็นว่าท้าทายดีค่ะ สนุกดี

      พี่มิ้นท์ : เล่าถึงชีวิต ม.ปลาย ที่โรงเรียนเตรียมอุดม ให้ฟังหน่อย
      น้องเท็น : มีทุกรสชาติเลยค่ะ ทั้งสุข เฮฮา ไปจนถึงเครียดแล้วก็กดดัน ช่วงที่เท็นมีความสุขมากก็คงเป็นตอนที่ได้ทำกิจกรรมต่างๆ  เพราะว่าได้รู้จักกับเพื่อนใหม่เยอะมาก มีทั้งเพื่อนที่อยู่แผนการเรียนเดียวกัน เพื่อนจากชมรม เพื่อนที่ทำกิจกรรมร่วมกัน มีสายลำดับ สายรหัส แล้วสังคมที่นี่เป็นสังคมที่ช่วยเหลือกันจริงๆ  อย่างเวลาสอบก็จะทำสรุปมาแชร์กัน ช่วยกันติว คอยให้กำลังใจกัน  ไม่เป็นสังคมที่แข่งกันเรียนเหมือนที่เคยคิดก่อนที่จะเข้ามาเลยค่ะ
         แต่เรื่องเครียดกับกดดันมันก็จะมีบ้าง คือเพื่อนๆ ทุกคนเก่งมากเลย ข้อสอบที่โรงเรียนก็ยากมากๆ พอเราเข้ามาแล้วเลยต้องขยันมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น ช่วงแรกๆ เลยรู้สึกกดดันนิดนึง แต่เท็นก็ผ่านช่วงนั้นมาได้เพราะว่ามีเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ แล้วก็ช่วยเหลือกันตลอดเลย


    พี่มิ้นท์ : อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ตอนแข่งโอลิมปิกภาษาเยอรมันระดับประเทศหน่อยค่ะ ว่าเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ยังไง และการแข่งขันต้องทำอะไรบ้าง
    น้องเท็น : ตอนนั้นอาจารย์ที่สอนภาษาเยอรมันชวนให้ลองไปดูค่ะ จริงๆ ตั้งแต่รู้ว่ามีจัดแข่งขันโอลิมปิกวิชาการภาษาเยอรมัน ก็อยากไปแข่งด้วยมากๆ แต่เขาจัดแค่ 2 ปีครั้ง แล้วเท็นไปแลกเปลี่ยน กลับมาซ้ำชั้น ม.4 ซึ่งเป็นปีที่เขาจัดพอดี ก็เลยตัดใจไปแล้ว คิดว่าอาจารย์คงเลือกแต่ ม.5-6 ไปแข่ง ก็เลยดีใจมากๆ ที่อาจารย์ชวนไปร่วมการแข่งขันด้วย ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ ค่ะ พอได้เข้าร่วมแล้วไม่รู้สึกว่ามันคือการแข่งขันเลยค่ะ เหมือนไปเข้า workshop มากกว่า
         ปีที่เท็นไปจะมีธีมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็จะได้ทำคลิปวิดีโอเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมแถวบ้านของแต่ละคน โดยให้บอกปัญหาและวิธีแก้ไข มีให้ทำงานเป็นกลุ่ม ทำแผ่นป้ายข้อมูล ออกไปนำเสนองานตามหัวข้อ แสดงละครก็มีค่ะ แล้วกรรมการก็จะให้คะแนนเราจากแต่ละกิจกรรม 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดก็จะได้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งที่ประเทศเยอรมนีค่ะ ถึงเท็นจะไม่ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย แต่เท็นก็ได้ความรู้แล้วก็ประสบการณ์ดีๆ เยอะเลยค่ะ

    พี่มิ้นท์ : มีเทคนิคในการเรียนภาษายังไงบ้างคะ เพราะทำได้ดีมากทั้ง 2 ภาษาเลย
    น้องเท็น : จริงๆ ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ แต่เท็นเชื่อว่าถ้าเราชอบอะไรก็จะทำมันได้ดี ดังนั้นถ้าอยากเรียนหรือว่าสอบได้คะแนนดีๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องเปิดใจให้ภาษานั้นก่อนค่ะ อย่าไปอคติว่ามันยาก ไม่ชอบ เรียนไม่ไหว เพราะถ้าคิดอย่างนั้นเราก็จะไม่อยากเรียน แล้วคะแนนก็จะไม่ดีไปด้วยค่ะ
        แล้วสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่ามันช่วยให้ทักษะภาษาของเราดีขึ้นมากๆ คือพยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีภาษานั้น ซึมซับภาษานั้นผ่านสื่อต่างๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ อย่างเท็นจะเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ก็จะเน้นอ่านหนังสือภาษาอังกฤษค่ะ จะไม่อ่านหนังสือแปลเลย ช่วงแรกๆ อาจจะไม่คล่อง แต่ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ถ้ายังไม่มั่นใจก็เริ่มอ่านในแอพก่อนก็ได้ค่ะ ตอนเท็นฝึกก็จะอ่านนิยายในแอพ Wattpad มีหลายแนวให้เลือกเลย เวลาแปลคำไหนไม่ออกก็เปิดหาความหมายได้ในโทรศัพท์เลย ส่วนหนังก็จะดูเป็นพากษ์อังกฤษ แล้วก็เปิดซับไตเติลอังกฤษด้วยค่ะ

     พี่มิ้นท์ : การเรียนภาษาให้อะไรกับเราคะ
     น้องเท็น : อย่างแรกคือให้โอกาสค่ะ การที่เราสามารถใช้ภาษาได้หลายภาษาทำให้เราได้รับโอกาสดีๆ มาเยอะเลยค่ะ อย่างเราเป็นนักเรียนก็อาจจะได้รับโอกาสไปแข่งขันในกิจกรรมต่างๆ ได้รางวัลและประสบการณ์กลับมา คือมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยสำหรับเท็น ยิ่งถ้าถึงวัยทำงาน ถ้าเราพูดได้หลายภาษาก็จะได้ค่าภาษามากขึ้นด้วย แล้วก็มีงานดีๆ มากขึ้น
        อย่างที่สองคือได้เพื่อนใหม่ๆ พอเราใช้ได้หลายภาษา เราก็สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้มากขึ้นด้วยค่ะ นอกจากเพื่อนคนไทยที่เรียนภาษาเดียวกับเราแล้ว ยังมีเพื่อนจากประเทศที่ใช้ภาษานั้นด้วย เวลาเราเรียนแล้วได้ฝึกใช้บ่อยๆ มันก็จะพัฒนาได้เร็ว ถ้าเราหาเพื่อนที่พูดภาษานั้น มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือความรู้กันมันก็จะดีมากๆ เลย
         อีกอย่างคือได้ความรู้รอบตัว คือเวลาเราเรียนภาษาอะไร เราก็ต้องเรียนรู้เรื่องประเทศและวัฒนธรรมของเขาด้วย จะได้เข้าใจภาษามากขึ้น อย่างเท็นเรียนภาษาเยอรมันก็ต้องรู้วัฒนธรรมเขา ลักษณะนิสัยของคน ภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ มันทำให้เท็นมีความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้นมาก สำหรับเท็นแล้วอันนี้คือข้อได้เปรียบของคนเรียนภาษาค่ะ

    พี่มิ้นท์ : รู้สึกยังไงบ้าง ที่เป็น 1 ใน 15 คนที่ได้คะแนนสูงสุดของประเทศ วิชา PAT เยอรมัน
    น้องเท็น : ดีใจมากๆ เลยค่ะ ตอนรู้คะแนนว่าได้ 276 นี่กรี๊ดบ้านแตกเลย 55555 คะแนนเกินจากที่คาดหวังไว้พอสมควรเลยค่ะ คือเวลาทำข้อสอบเก่าจะได้น้อยกว่านี้มาก จนเริ่มปลงเลยอะค่ะ พอรู้ว่าได้คะแนนค่อนข้างดีเลยดีใจมากๆ รู้สึกว่าความพยายามตลอด 3 ปีที่เรียนภาษาเยอรมันมามันคุ้มค่ามากๆ แล้วจากตอนแรกที่กังวล ก็กลายเป็นโล่งใจเลยค่ะ

    พี่มิ้นท์ : เล่าถึงข้อสอบ PAT เยอรมันหน่อยสิ
    น้องเท็น : ข้อสอบ PAT เยอรมันก็ยากค่ะ 555555 (หัวเราะทั้งน้ำตา) จริงๆ มันก็ยากทุกภาษาแหละค่ะ แค่อาจจะยากแตกต่างกันไป อย่างเยอรมันคือแกรมมาร์ค่อนข้างจะยาก เวลาเตรียมตัวก็ต้องเอาพาร์ทแกรมม่าให้แม่นๆ เลยค่ะ เพราะมันเป็นพื้นฐานของทั้งหมดเลย แล้วก็ท่องศัพท์ จำเพศให้ได้
          พาร์ทที่เท็นว่ายากที่สุดคือ cloze test เพราะเราต้องแม่นทุกเรื่องเลย ทั้งแกรมมาร์และศัพท์ นี่ก็จะเป็นพาร์ทที่เท็นเตรียมตัวเป็นพิเศษเลยค่ะ (ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจจะถนัดในด้านที่ต่างกัน เลยอยากแนะนำให้ลองทำข้อสอบเก่าหรือแบบฝึกดูก่อน แล้วมาดูว่าพาร์ทไหนเราควรต้องเตรียมตัวเพิ่ม หรือว่าพาร์ทไหนเราโอเคแล้ว แล้วค่อยลุยอ่านหนังสือต่อค่ะ)


 

    พี่มิ้นท์ : จะนำความรู้ในด้านภาษาไปต่อยอดในอนาคตยังไงบ้างคะ
    น้องเท็น : ในอนาคตเท็นก็วางแผนไว้ว่าจะทำงานด้านภาษาค่ะ ตอนนี้สนใจเป็นติวเตอร์ แต่จะทำเป็นอาชีพหลักหรือว่าเสริมก็ต้องว่ากันอีกที เท็นอยากสอนวิชาภาษาอังกฤษ เพราะว่าอยากถ่ายทอดความรู้ที่เรามีให้คนอื่นต่อไป อยากให้รู้สึกว่าจริงๆ ภาษาอังกฤษมันไม่ยากขนาดนั้นนะ อยากเป็นหนึ่งในคนที่สามารถทำให้ทักษะด้านภาษาของน้องๆ พัฒนาได้ค่ะ พอตอนนี้เริ่มรับสอนบ้างยิ่งรู้สึกสนุกกับการสอนมากๆ เลยค่ะ รู้สึกดีเวลาเห็นน้องเข้าใจขึ้น เลยอยากทำต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

    พี่มิ้นท์ : ให้กำลังใจหรือให้คำแนะนำถึงน้องๆ ที่สนใจอยากเรียนภาษาหน่อยจ้า
    น้องเท็น : สำหรับน้องๆ ที่สนใจเรียนภาษา อยากจะบอกให้เปิดใจกับภาษานั้นมากๆ แล้วก็หาแรงบันดาลใจค่ะ อยากเรียนภาษาเกาหลี เพราะชอบนักร้องอะไรแบบนี้ก็ได้ เวลาเรียนจะได้ฮึด! อย่าท้อเวลาเรียนแล้วมันยากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าภาษาอะไร พอเรียนไปนานๆ เรียนลึกขึ้น มันก็ยากขึ้นทั้งนั้น แต่อย่าไปคิดว่าโอ้ย ไม่ไหวแล้ว ไม่สนุกเหมือนตอนแรกเลย ถ้าอยากเก่งเราต้องสู้ แล้วก็ขยัน หาทางฝึกใช้ภาษา ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือว่าพยายามพูด ภาษาเนี่ยถ้าไม่ใช้บ่อยๆ แล้วมันลืม ต้องหมั่นฝึกแล้วก็ทบทวนน้า ขอให้น้องๆ ทุกคนสู้ๆ ค่า เป็นกำลังใจให้ <3

      เรียกว่าเป็นสายเทพภาษาที่ไปได้สุดทั้ง 2 ภาษาจริงๆ ค่ะ เท่าที่พี่มิ้นท์ได้พูดคุยกับน้องๆ ที่เก่งภาษา คำตอบยอดฮิตที่พูดกันแทบทุกคนคือ "ความพยายาม" ค่ะ เพราะไม่ใช่ภาษาเรา จึงต้องพยายามมากกว่าปกติ ดังนั้น ถ้าน้องๆ อยากไปได้ไกลในเรื่องภาษา ก็ต้องขยันและตั้งใจ ที่สำคัญ ต้อง "เปิดใจ" ธรรมชาติของภาษานั้นๆ ด้วยนะคะ เวลาเจอเรื่องยากๆ จะได้ไม่ท้อค่ะ^^
 
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด