สวัสดีค่ะชาว Dek-D หลังจากที่เราสรุปสาระเล็กๆ ทั้งเรื่องไมโครเวฟและพลังงานไฟฟ้ากันไปแล้ว วันนี้จะพาไปสำรวจท้องถนนเพื่อทำความรู้จักพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์กันบ้างค่ะ
รถยนต์ที่เรานั่งหรือเห็นกันอยู่ทุกวัน
เขาใช้พลังงานอะไรกันนะ?
ถ้าหลักๆ ก็คือ "พลังงานน้ำมัน"
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคันเสมอไปนะคะ เพราะที่จริงรถยนต์มีแหล่งพลังงานหลากหลายมาก นอกจากน้ำมันสำเร็จรูป ก็ยังมีก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และน้ำ ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงด้วยวิธีที่ต่างกันออกไปค่ะ
มาดูก่อนว่า "น้ำมันรถ" มาจากไหนนะ?
น้ำมันรถที่เราคุ้นเคยกันดีคือน้ำมันสำเร็จรูป เกิดจากการนำน้ำมันดิบหรือปิโตรเลียม (พลังงานฟอสซิล) ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน มาผ่านกระบวนการแยกสารประกอบในหอกลั่น แปรรูป และเติมสารเพื่อเพิ่มประสิิทธิภาพตามสูตรของน้ำมันแต่ละชนิด
...สุดท้ายก็กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่เหมาะสำหรับนำมาเป็นเชื้อเพลงรถยนต์แต่ละประเภท ซึ่งเราจะคุ้นหน้าคุ้นตาตามปั๊มน้ำมันทั่วไป เช่น น้ำมันดีเซลสำหรับรถกระบะ น้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซิน(หรือแก๊สโซลีน) สำหรับรถเก๋งและมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงด้วยนะคะ
อย่างเช่นรถคันซ้ายนี้ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ส่วนอีกคันใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ซึ่งทั้ง LPG และ NGV ก็มีที่มาจาก "พลังงานปิโตรเลียม" เหมือนกับน้ำมันนั่นแหละ ซึ่งมันเกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ลึกลงไปใต้ดินเป็นเวลาหลายล้านปี
และถึงแม้จะเป็นพลังงานจากธรรมชาติทั้งคู่ แต่มันก็คือทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป จึงต้องใช้กันอย่างประหยัดนะ ซึ่งปัจจุบันนี้เขาก็พยายามคิดค้นและประดิษฐ์รถยนต์ที่ใช้พลังงานประเภทอื่นเพื่อทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิล เช่น พลังงานไฟฟ้า แบตเตอรี่ หรือพลังงานไฮโดรเจนอย่างในไทยตอนนี้ก็เริ่มมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าวิ่งตามท้องถนนมากขึ้่นเรื่อยๆ เพราะเป็นพลังงานสะอาดที่สุดจะเฟรนด์ลี่แสนดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะทางอากาศได้เพราะไม่ก่อให้เกิดเขม่าควัน
ว่าแต่รถจะเติมพลังงานไฟฟ้าด้วยวิธีไหน?
ถ้าเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles หรือ EV) มันจะคล้ายๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องชาร์จไฟให้ใช้งานได้ ดังนั้นจึงต้องไปเติมตามจุดที่เตรียมไว้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
เล่าเสร็จก็ขอปิดท้ายด้วยคลิปสั้นๆ เหมือนเดิม สรุปให้ฟังทั้งหมดแบบเห็นภาพเลยค่ะ
ทั้งหมดนี้คือสาระสุดกระชับ กลั่นจากความห่วงใยของ ปตท. สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะใช้รถยนต์แบบไหน ควรตรวจสอบชนิดเชื้อเพลงที่เหมาะแล้วเติมให้ถูกประเภท เพราะจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้งานได้นานขึ้น ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ แถมยังช่วยลดมลภาวะให้ทั้งคุณและคนที่คุณรักมีสุขภาพที่ดีขึ้น แล้วที่สำคัญ “ดื่มไม่ขับ” นะคะ มารักษาความปลอดภัยให้ทั้งคนบนรถและเพื่อนร่วมถนนไปด้วยกันน้าา :)
0 ความคิดเห็น