การแข่งขันกีฬาฟุตบอลในระดับโรงเรียน มีความสำคัญไม่เพียงแค่สร้างนักเตะระดับอาชีพของประเทศในอนาคตเท่านั้น  แต่ประโยชน์สูงสุดที่ได้รับในกลุ่มเด็กเยาวชนไทย คือแรงกระตุ้นให้เกิดพัฒนาด้านร่างกาย และสร้างสุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ “เนสท์เล่ไอศกรีม” ต้องการสร้างเป็นตัวอย่างสำหรับเด็กๆ ทั่วประเทศ จากการเข้าร่วมกับ “สถาบัน เจเอ็มจี อะคาเดมี่ ประเทศไทย” โรงเรียนสอนฟุตบอลอาชีพแห่งแรก จัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน รุ่นอายุ 10-12 ปี โครงการ “เนสท์เล่ไอศกรีม เจเอ็มจี อาร์เซนอล คัพ ครั้งที่ 1” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษาและโอกาสในการผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนและพัฒนาสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเป็นระยะเวลา 7 ปี ที่สถาบันเจเอ็มจี อะคาเดมี่

 
 

จากการตระเวนทั่วประเทศเพื่อเฟ้นหาทีมยอดนักเตะรุ่นเด็กระดับท้องถิ่นครอบคลุม 6 ภูมิภาคระหว่างเดือนมิถุนายน 2550 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีทีมฟุตบอลจากโรงเรียนต่างๆ  สนใจเข้าร่วมคัดเลือกทั้งสิ้นถึง 361 ทีม ขับเคี่ยวกันจนเหลือสุดยอดนักเตะฝีเท้าเยี่ยมจำนวน 12 ทีมสุดท้าย มาชิงชัยในรอบชิงชนะเลิศ ณ สนามฟุตบอลเมืองทองธานี กรุงเทพมหานคร

 

นางสาวมณฑา คงเครือพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เนสท์เล่ไอศกรีม ในฐานะผู้จัดการแข่งขัน กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า “การแข่งขันฟุตบอลโครงการ “เนสท์เล่ไอศกรีม เจเอ็มจี อาร์เซนอล คัพ ครั้งที่ 1” นอกจากจะเป็นการสร้าง มิตรภาพ ความเท่าเทียม และโอกาส แก่เยาวชนไทยที่มีความสามารถและพรสวรรค์ด้านกีฬาจากทั่วทุกภูมิภาคแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยหันมาออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างสมดุลและสุขภาพที่แข็งแรงให้แก่ร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับเยาวชนในยุคปัจจุบัน”

 
 

ทางด้านเลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นายองอาจ ก่อสินค้า ประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน   ได้ตอกย้ำว่า “การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเยาวชนของชาติให้มีคุณภาพ แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป คือ การส่งเสริมให้เด็กไทยมีพัฒนาการที่ดีทางด้านร่างกาย มีสุขภาพที่แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายและเล่นกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬา “ฟุตบอล” หนึ่งในสุดยอดกีฬาที่อยู่ในความสนใจและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่เยาวชนไทย นอกจากเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แล้ว ฟุตบอลยังเป็นกีฬาที่ทำให้เด็กๆ รู้รักสามัคคี เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยผู้เล่นเพียงคนเดียว ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลโครงการนี้ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของหน่วยงานเอกชนอย่างเนสท์เล่ไอศกรีม ที่มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของเยาวชนไทยอย่างแท้จริง กิจกรรมเช่นนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้เด็กไทยของเรามีกำลังใจในการพัฒนาตนเองให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ากับสังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคตได้อย่างแน่นอน”

 
 

สำหรับบรรยากาศการแข่งขันภายในสนามรอบสุดท้ายนั้น เต็มไปด้วยความสุขพร้อมความมุ่งมั่นตั้งใจของบรรดานักเตะเยาวชนตัวน้อยๆ ทั้ง 12 ทีม ที่เดินทางมาจากแต่ละทิศของประเทศ  เพื่อแสดงพลังความสามารถและทักษะในเชิงกีฬาฟุตบอลของตนอย่างเต็มที่ให้เป็นที่ประจักษ์ โดยมีถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นเป้าหมายสูงสุด และบรรดาทีมผู้ฝีกสอนที่ต่างงัดเอาแทคติกและกลเม็ดเด็ดพลายต่างๆ มาสอนลูกทีมของตนด้วยลีลาเฉพาะของแต่ละคนก่อนส่งลูกทีมลงฟาดแข้งในแต่ละนัด  ในขณะที่ภายนอกสนามแข่งขันเต็มไปด้วยสีสันของบรรดากองเชียร์ส่วนตัวที่ขนกันมาให้กำลังใจถึงขอบสนาม ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา หรือ แม้กระทั่งเพื่อนข้างบ้านและคนในหมู่บ้านเดียวกันของน้องๆ นักเตะ ต่างพากันตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจและกระตุ้นทีมรัก ด้วยภาษาและลีลาการเชียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดบ้านเกิด สร้างสีสัน ความครื้นเครงและรอยยิ้มให้กับการแข่งขันใน   ครั้งนี้เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทีมใดมาจากจังหวัดไหนนั้นให้ดูกันที่กองเชียร์ก็จะรู้ได้ทันที

 

หลังจากขับเคี่ยวกันมาถึงสองวันเต็มผลปรากฏว่า “ทีมเทศบาลวัดประดู่ (ส.แสงแก้ว)” จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม เอาชนะ “ทีมโรงเรียนนาคประสิทธิ์” จากจังหวัดนครปฐม ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 คว้าแชมป์ฟุตบอล 7 คน โครงการ “เนสท์เล่ไอศกรีม เจเอ็มจี อาร์เซนอล คัพ ครั้งที่ 1” พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทุนการศึกษามูลค่า 30,000 บาทไปครองได้สำเร็จ

 
 

เด็กชายอธิษฐ์ โนจ๊ะ หรือ น้องดีม กัปตันทีมเทศบาลวัดประดู่ (ส.แสงแก้ว) แชมป์ของการแข่งขัน เล่าให้ฟังว่า “มาแข่งครั้งนี้ผมคิดว่าแค่ติด 4 ทีมสุดท้ายได้ก็ดีใจแล้วครับ แต่พอผ่านเข้ารอบชิงได้ผมก็อยากชนะ ได้นำเพื่อนๆในทีมชูถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯครับ” นอกจากนี้น้องดีมยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า ”สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล เป็นนักเตะในดวงใจของผมเพราะเล่นตำแหน่งเดียวกัน แต่ถ้าเป็นทีมชาติไทย ต้องพี่ตะวัน ศรีปาน ครับ สุดยอดฮีโร่ในใจของผมเลย ในอนาคตผมอยากมีโอกาสรับใช้ชาติด้วยการเป็น    นักฟุตบอลทีมชาติครับ และผมอยากให้เพื่อนๆคนอื่นๆ หันมาออกกำลังกายกันหลังเลิกเรียน ไม่จำเป็นต้องเตะฟุตบอลเหมือนผมก็ได้ จะเป็นกีฬาอะไรก็ได้ แค่เดินหรือวิ่งเล่นแถวบ้านก็ถือว่าเพื่อนๆ ได้ออกกำลังกายกันแล้ว เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เพื่อนๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลจากเกมส์และยาเสพติดครับ”

 

ด้าน นายพ.ภาสกร สมัครกิจ ผู้ฝึกสอนทีมเทศบาลวัดประดู่ (ส.แสงแก้ว) กล่าวถึงการเตรียมทีมแข่งขันรอบสุดท้ายว่า “เราเน้นให้ความสำคัญด้านกำลังเป็นพิเศษ เด็กๆ จะเตรียมพร้อมด้วยการวิ่งและการเข้าฐาน ก่อนการฝึกแบบลงทีม เด็กในวัยนี้เขาเริ่มจะโตกันแล้ว ดังนั้น เราต้องใช้จิตวิทยากับเด็ก สื่อกับเขาให้รู้เรื่องที่สุด เน้นการพูดจาดี พูดเพราะ ไม่ตะคอกเสียงดัง เพื่อให้เด็กฟังเรา มาครั้งนี้ทีมเราหวังแชมป์ครับ เพราะเราเชื่อมั่นในความสามารถที่ไม่เป็นรองใครของเด็กๆ ในทีม แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะอย่างน้อยผมเชื่อว่าสิ่งที่ลูกทีมผมได้คือประสบการณ์ที่มากขึ้นและสุขภาพที่แข็งแรงครับ”

 
 

ส่วนทีมฟุตบอลจากโรงเรียนบ้านห่องคำ โรงเรียนขนาดเล็กจากจังหวัดอุบลราชธานี ที่มีจำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียนเพียง 97 คน และครูผู้สอน 8 คน แม้ทีมนี้จะทำได้ดีที่สุดเพียงผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ผู้นำทีมอย่าง นายยุทธศิลป์ สิทธิโชค ผู้อำนวยการโรงเรียน กลับมีมุมมองในด้านบวกที่น่าสนใจ กล่าวถึงการสนับสนุนเด็กๆ ในทีมว่า “พื้นฐานและจุดหมายใหญ่ของทีมเราไม่ได้อยู่ที่ผลของการแข่งขัน หากอยู่ที่การได้ส่งเสริมให้เด็กๆ ของเราซึ่งเป็นเด็กชนบทที่ยากจนและอยู่ห่างไกล ได้ออกกำลังกายและมีโอกาสในการแสดงความสามารถด้านกีฬา ส่วนผลการแข่งขันผมถือเป็นผลพลอยได้ สำหรับทีมเราซึ่งเป็นทีมที่มาจากโรงเรียนเล็กขนาดนี้ การผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่กรุงเทพได้ นับเป็นความสำเร็จที่เหนือการคาดหมายของทีมเรา เพราะรางวัลถ้วยพระราชทานคงเป็นการหวังที่สูงเกินไปสำหรับโรงเรียนเล็กๆ ที่ขาดโอกาสอย่างทีมเรา และการได้มาพบมาเห็นอิมแพคเมืองทองธานีเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าเป็นการสร้างโอกาสให้เด็กชนบทอย่างทีมเรา ได้มีประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายทีเดียวครับ”

 

          “เนสท์เล่ไอศกรีมปรารถนาที่จะให้โครงการนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กไทยที่มีพรสวรรค์แต่ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง ได้มีเวทีแสดงออกซึ่งความสามารถ และโอกาสแสดงฝีเท้าใน   ระดับโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในอนาคต และสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากการสร้างอาชีพด้านกีฬา คือ การให้โอกาสในการสร้าง “คน” โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ แม้ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นจุดเล็กๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ เนสท์เล่ไอศกรีม ภาคภูมิใจและเต็มใจเป็นอย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของเยาวชน เพื่อสานฝันเด็กไทยสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในระดับสากลต่อไป นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีโครงการที่จะจัดเตรียมกิจกรรมดีๆ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนความสามารถและการสร้างสมดุลและความแข็งแรงให้กับร่างกายในเยาวชนไทยต่อไป” นางสาวมณฑา ผู้บริหารเนสท์เล่ไอศกรีม กล่าวทิ้งท้าย
 
พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
MeM~mEm Member 18 มี.ค. 51 14:57 น. 5
เราก็เด็กสุราษฎร์เหมือนกัน เห็นคนในจังหวัดประสบความสำเร็จก็จะช่วยเชียร์ต่อไปน่ะค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด