ช่วงนี้หลายๆโรงเรียนก็เปิดเทอมกันแล้วนะครับ...หนึ่งในนั้นคือโรงเรียนสายอาชีวศึกษา ที่ต้องบอกว่าเปิดเทอมเมื่อไหร่ ตีกันเมื่อนั้น...วันนี้ พี่ลาเต้ เลยมีทางแก้ไขเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังครับ... ปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาท หรือเรียกง่ายๆว่า นักเรียนตีกันนั้น เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ช่วงนั้นในช่วงก่อนเปิดเทอมที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนผู้ปกครอง และเครือข่าย ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการและขอความร่วมมือเฝ้าระวังและป้องปรามนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทในช่วงเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2551 นี้ นายพงศกร อรรณนพพร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันการเกิดปัญหานักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนเกิดเหตุรุนแรงซ้ำรอยขึ้นอีก จึงได้ร่วมกันหามาตรการ ซึ่งมีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ยังได้มอบให้สถานศึกษาติดกล้องวงจรปิด ทั้งด้านหน้าสถานศึกษา ในสถานศึกษาที่เป็นมุมอับ และบริเวณห้องน้ำ นอกจากป้องกันปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาท มั่วสุม ปัญหาเพศ ยาเสพติดได้แล้ว ยังสามารถป้องกันทรัพย์สินของสถาบันได้อีกด้วย "ผมอยากให้ผู้บริหารสถานศึกษา ช่วยดูแลนักเรียน นักศึกษาไม่ให้ไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท หากพบว่าผู้บริหารปล่อยปละละเลยให้นักเรียน นักศึกษาออกไปก่อเหตุ ผู้บริหารก็จะถูกลงโทษ นอกจากนี้ก็อยากขอความร่วมมือจากเครือข่ายให้ช่วยกันดูแล หากพบว่านักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน ก็ให้รีบแจ้งมาที่ 1579 ซึ่งจะเปิดรับร้องเรียน ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ หรือแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ" นายพงศกร กล่าว ส่วนความคาดหวังในการกำหนดมาตรการนี้ รมช.ศึกษาธิการ หวังว่า ไม่มีการก่อเหตุทะเลาะวิวาทในทุกสถานที่ นายวีระศักดิ์ วงศ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สอศ.ได้มอบนโยบายให้สถานศึกษาทุกแห่งดำเนินการมาตรการป้องกันและป้องปราบเหตุทะเลาะวิวาทการรับน้องใหม่ปีการศึกษา 2551 ดังนี้ 1.ให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจกับนักเรียนและนักศึกษา ตลอดจนพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมของบุตร ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมที่สถานศึกษาไม่ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร 2.ให้สถานศึกษาที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล กำหนดมาตรการและหาแนวทางในการสร้างเครือข่ายป้องกันนักเรียน นักศึกษาที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา ไม่ให้ลุกลามและก่อเหตุทะเลาะวิวาท 3.ให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมนักเรียน นักศึกษาใหม่เข้าค่ายคุณธรรมจริยธรรม เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน การจัดกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือการจัดกีฬานันทนาการ เป็นต้น "ปัจจุบันวิทยาลัยอาชีวะบางแห่งในกทม.และปริมณฑล ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ แล้ว ก็อยากให้วิทยาลัยอาชีวะติดตั้งให้ครบทุกแห่ง เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ส่วนผอ.วิทยาลัย หากพบว่ามีนักเรียน นักศึกษารวมกลุ่มตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อออกไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใน 15 นาที หากแจ้งช้าถือว่าบกพร่องและถูกพิจารณาโทษ ซึ่งบทลงโทษจะดูจากเหตุเป็นหลัก รวมทั้งให้สถานศึกษาสังเกตพฤติกรรมนักเรียนที่เป็นหัวโจกเพื่อคัดมาอบรมปรับพฤติกรรมด้วยการเข้าค่ายอาชีวะสร้างสรรค์" เลขาธิการ กอศ.กล่าว สำหรับมาตรการระยะสั้น(เร่งด่วน) มีดังนี้ 1.สถานศึกษาต้องคัดกรอง กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน รวมทั้งกับจัดทำประวัติพร้อมรูปถ่ายส่วนบุคคล ข้อมูลสถิติ และรายงานให้ สอศ.ทราบ 2.สถานศึกษาต้องกำหนดแผนและวิธีป้องกันก่อเหตุตลอดจนการช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่ประสบเหตุ 3.สถานศึกษาจัดต้องเครือข่ายการแจ้งข่าว ติดตามความเคลื่อนไหวของนักเรียน นักศึกษาที่มีกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด และจัดระบบเฝ้าระวังทั้งในและนอกสถานศึกษาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานศึกษาอื่นที่ใกล้เคียงและชุมชน 4.กำหนดจุดหรือสถานที่ที่ล่อแหลมต่อการเกิดเหตุทะเลาะวิวาท เพื่อตรวจค้นอาวุธและวัตถุเทียมอาวุธ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ครูและอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง และ 5.ให้ผู้บริหารสั่งปิดสถานศึกษาได้ตามความจำเป็นต่อสถานการณ์และเหมาะสมตามระเบียบของ ศธ. ส่วนมาตรการระยะยาว คือ 1.ผู้บริหารสถานศึกษา เร่งทำความเข้าใจกับครูและอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง ถึงวิธีการหรือกระบวนการให้ความร่วมมือและตรวจสอบประวัตินักเรียน ก่อนรับเข้าเรียน 2.ผู้บริหารสถานศึกษา ครู-อาจารย์ ต้องจัดให้นักเรียน-นักศึกษา ที่เป็นคู่กรณี ได้พบปะทำความเข้าใจ ตลอดจนทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ดนตรี กีฬา เป็นต้น รวมถึงกิจกรรมพัฒนาสังคม โดยให้นักเรียน-นักศึกษามีส่วนร่วม 3.สถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และส่งเสริมกิจกรรมในเรื่องระเบียบวินัยที่มีคุณธรรมและจริยธรรม 4.สถานศึกษาต้องดำเนินการจัดอบรมนักเรียน นักศึกษาแกนนำ(กลุ่มนักเรียนดี) ในการสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคม เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา เกิดความภาคภูมิใจและตระหนักเห็นคุณค่าในตนเอง 5.ผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่รับผิดชอบ ไม่มีแผนงานหรือโครงการการป้องกันและแก้ไขปัญหา นักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ปล่อยปละละเลย ไม่สามารถแก้ไขปัญหานักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทและเกิดปัญหาซ้ำซาก ต้องได้รับพิจารณาปรับเปลี่ยนโยกย้าย 6.ให้สถานศึกษายึดถือและปฏิบัติตามประกาศของ ศธ. เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษาอย่างเคร่งครัด ด้านพล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น. บอกว่า บช.น.กำหนดแผนป้องกันและระงับเหตุนักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยสำรวจและจัดทำข้อมูลสถานศึกษาที่มีนักเรียนก่อเหตุบ่อยครั้ง หรือกลุ่มนักเรียนที่มีแนวโน้มจะกระทำ สถานที่ที่จะกระทำผิด โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างสถานศึกษากับตำรวจ เฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมนักเรียนทั้งในและนอกสถานศึกษา และกวดขันสถานบันเทิง เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากสถิติการรับแจ้งเหตุนักเรียนตีกัน/จับกลุ่มก่อเหตุ ปี พ.ศ. 2549-2550 พบว่ามีจำนวนนักเรียนดังกล่าว ลดน้อยลง โดยจับกุมนักเรียนตีกัน ในปี 2549 - 1,978 ครั้ง ปี 2550 ลดลง 1,713 ครั้ง และนักเรียนที่จับกลุ่มก่อเหตุ ในปี 2549 - 1,390 ครั้ง ปี 2550 ลดเหลือ 1,121 ครั้ง พล.ต.ต.วิบูลย์ยังกล่าวถึงเหตุนักเรียนนักศึกษาก่อเหตุชิง-ปล้นทรัพย์ประเภทหัวเข็มขัด เสื้อช็อป ปากกา สิ่งที่บ่งบอกสัญลักษณ์ของสถาบันนั้น มักเกิดเหตุบนรถประจำทางบ่อยครั้ง ซึ่งต่อไปนี้จะไม่ให้ใช้หัวเข็มขัดที่บอกสถานบันอีกต่อไป ออกจากโรงเรียนจะได้ไม่รู้ว่าเป็นนักศึกษาสถาบันใด ส่วนเสื้อช็อป อาจจะให้ใช้ได้เฉพาะในโรงเรียน ไม่ให้สวมใส่ออกไปภายนอกเด็ดขาด สำหรับทรัพย์สินอื่น ไม่ว่าปากกา โทร.มือถือ ถ้าใช้กำลังหรืออาวุธในการเอาทรัพย์สินจากนักเรียนอีกฝ่ายหนึ่งก็จะผิดเข้าฐานชิงทรัพย์-ปล้นทรัพย์ "ทางตำรวจยังได้ประชุมตัวแทน ขสมก. จยย.รับจ้าง และร้านค้าใกล้สถาบัน เพื่อเป็นเครือข่ายในการแจ้งเหตุให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจไประงับเหตุ หรือประชาชนที่พบเห็นขอให้ช่วยเห็นหูเป็นตาแจ้งตำรวจด้วย โดยนอกจากจะแจ้งเหตุได้ที่ 191 แล้ว ยังสามารถแจ้งเหตุโดยการส่งภาพเอสเอ็มเอส ได้ที่ 90062สายลับอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกด้วย"รอง ผบช.น. กล่าว การแบ่งเขตสถานศึกษาออกเป็น 4 โซน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาทมีรายละเอียดดังนี้ กลุ่มโรงเรียนที่ 1 "จตุจักร" มีร.ต.พงษ์เพ็ชร พิทยาพละ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี เป็นประธานกลุ่ม สำหรับโรงเรียนในเขตประกอบด้วย บางเขน ดอนเมือง จตุจักร บางกะปิ ลาดพร้าว บึงกุ่ม มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา คันนายาว ลาดกระบัง สายไหม หลักสี่ วังทองหลาง สะพานสูง และในจังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี กลุ่มโรงเรียนที่ 2 "ชัยสมรภูมิ" มีนายจิรพันธ์ พุทธรัตน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคดุสิต เป็นประธานกลุ่ม สำหรับโรงเรียนในเขตประกอบด้วย พระนคร ป้อมปราบฯ ดุสิต บางซื่อ พญาไท ราชเทวี ดินแดง ห้วยขวาง ปทุมวัน และสัมพันธวงศ์ กลุ่มโรงเรียนที่ 3 "สวนหลวง ร.9" มีนายสุรัตน์ จั่นแย้ม ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สำหรับโรงเรียนในเขตประกอบด้วย พระโขนง คลองเตย ประเวศ ยานนาวา สาทร บางคอแหลม บางนา บางรัก วัฒนา สวนหลวง และในจังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มโรงเรียนที่ 4 มีนายสมเกียรติ ลีลานาจร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม สำหรับโรงเรียนในเขตประกอบด้วย บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ บางบอน บางขุนเทียน ภาษีเจริญ ราษฎร์บูรณะ ทวีวัฒนา บางแค ตลิ่งชัน หนองแขม ธนบุรี บางพลัด คลองสาน จอมทอง ทุ่งครุ และในจังหวัดสมุทรสาคร |
พพี่ลาเต้ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดพ |
13 ความคิดเห็น
เพราะอะไรๆ เพราะว่าพวกคุณน่ะมองแต่ด้านเสียของเราไงค๊ะ
เด็กช่าง ก้เรียนตามเกณ เหมือนสามัญ เรื่องดีเวลามี ก้ไม่เคยหลอกที่จะเอามาเป็นข่าว
แต่พอเรื่องเสียๆ สื่อมวลชน ขายข่าว วิภาควิจารย์ อย่างสนุกปาก โดยไม่เหนใจ เด็กอาชีวะ จิงอย่างที่ว่า เสียงเล็กๆเสียงสุดท้าย พอมันจะดับไป มันก้สายไปแล้วที่พวกจะรับฟัง เหตุของเค้า ที่ทำทให้เปนแบบนี้ ความรุนแรงที่เอามาตัดสินกันแบบนี้เพราะอะไร
พวกคุณ ก็เสพ ข่าวยังสนุกสนาน โดยไม่เคยนึกถึงด้านดีของพวกเขาเลย
เดี๋ยวนี้พวกคุณคงคิดว่า เด็กช่างมันเลวแล้วสิน๊ะ
รับฟังเค้าบอกน๊ะ ไม่ใช่อะไรๆก้โยนมาให้สถาบัน อาจารย์ พวกเค้าไม่ผิดหลอกค่ะ
ผู้บริหารนั่งทำงานตกแหน่งสูงๆ คุณน่ะทำงานคุ้มกับเงินเดือนที่ได้จักภาษีของผู้ปกครองเด็กพวกนี้หรือยัง? อย่าบอกว่าไม่มีเวลามาจัดการ คุณเคยมาสัมผัสกับตัวตนของพวกเค้าหรือยัง? เค้าก้เปนคนธรรมเหมือนกัน เจ็บเป็นรู้สึกเปน
ขอร้องเหอะค่ะ ปิดสถาบัน ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มันแย่กว่าเดิม
ปิดไปแล้วถ้าพวกเค้าไปเปนโจร โขยม อาชญากร หล่ะ คุณจะมองเด็กแย่ไปกว่าเดิม ถ้าพวกเค้าไม่มีที่พึ่งพาแล้ว มันแย่ยิ่งกว่านี้ อย่างน้อยเค้ายังได้วิชา พอจะติดตัวไปทำงานที่สุจริตได้น๊ะค่ะ
ไม่ได้ขออะไรหลอก แค่ความเหนใจเท่านั้นแหละ