EN10 Artisan
'เสื้อคลุมขนนก' ที่ทำให้บินได้ 'ชุดเกราะมังกรเหิน'ที่เผาไฟไม่ไหม้ 'ท่องวารี' รองเท้าที่ทำให้เดินบนผิวน้ำได้ คืองานของพวกเเขาเหล่า 'Artisan'
Artisan นั้น ไม่ใช่ทั้งนักออกแบบและช่างตัดเย็บ
แต่พวกเขาคือผู้สรรสร้างและเจียระไนเอยู่เบื้องหลังวีรกรรมของเหล่าผู้กล้า
ความประทับใจแรกเมื่อนีโก้มาถึงร้านขายผ้าของตระกูลดัชเชส คือ ภาพของชายหนุ่มร่างยักษ์ที่กระเด็นออกมาจากร้านด้วยกำปั้นของเด็กสาวมัดผมแกละสองข้าง รูปร่างผอมบางที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับตุ๊กตา บนศีรษะของเธอมีสุนัขจิ้งจอกสีดำตัวเล็กจ้องมองจากข้างบนอย่างดูแคลน
หากไม่ใช่เพราะว่าท่านไอโอเนลเน้นย้ำในกระดาษโน้ตตัวโตๆ ว่า แนะนำร้านนี้เป็นพิเศษ แล้วล่ะก็ ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า นีโก้คงถอยกลับไปตั้งหลักที่ปราสาทแล้วแน่นอน เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมไว้อาลัยให้กับพี่ชายก้ามปูอย่างสุดซึ้ง
พูดถึงท่านไอโอเนล ฝ่ายนั้นไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับปรากฏการณ์เรื่องเสื้อผ้าโปร่งแสงของตัวเองนัก ยังไม่ทันที่นีโก้จะเอ่ยปากถาม ท่านไอโอเนลก็ตัดบทเขาแล้วไล่ด้วยประโยคสั้นๆ ว่า‘อันดับแรกก็ต้องไปที่นั่นก่อนสินะ’เสียแล้ว
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคนที่เห็นท่านไอโอเนลไม่เปลือยถึงมีแค่ทายาทตระกูลรัซเซลด้วย ? สุดท้ายแล้วนีโก้ก็ไม่ได้ถามออกไป
นีโก้มองกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือไก่เขี่ยขัดกับรูปลักษณ์ที่ดูประณีตของคนเขียนลิบลับเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เขาคงไม่ได้มาผิดที่หรอกนะ ? ถึงแม้จะคาดหวังให้มาผิดที่จริงๆ ก็ตามที
“มีธุระอะไร !” เด็กสาวยืนกอดอก หันมามองพร้อมกับถามด้วยท่าทางไม่รับแขกเป็นที่สุดหลังจากเห็นนีโก้จ้องมองมาทางตนอยู่นาน
นีโก้สะดุ้งโหยงทำกระดาษโน้ตตกบนพื้น เด็กสาวหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่าน คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วดูชิดติดกันยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นตัวอักษรในกระดาษโน้ตแผ่นนั้น “เจ้าบ้านั่น ! ใครเป็นยัยเตี้ยกัน”
ยัยเตี้ย ? นีโก้ชะเง้อเข้าไปดูกระดาษโน้ตอย่างสงสัย หรือว่าภาพคนแบบก้างปลาที่ชี้ลูกศรไว้ว่า ‘ยัยเตี้ยแชนนอน’ จะเป็นคนเดียวกับเธอกันนะ ก็ใครใช้ให้เจ้านายใหม่ของเขาลายมือและทักษะการวาดภาพกากสุดขีดกันล่ะ
ว่าแต่ท่านไอโอเนลที่ไม่เคยออกจากวังตลอดร้อยปีนี้จะรู้จักเด็กสาวที่ดูแล้วไม่น่าจะเกินสิบสี่คนนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าเธอเองก็ได้ดื่มน้ำพุอมตะด้วย ? แม้จะสงสัยแบบนั้นแต่นีโก้ก็ไม่ได้ถามออกไปอยู่ดี แม่กับพี่สาวมักสอนเสมอว่าผู้หญิงเวลาโมโห‘ดุร้าย’มาก และจะ‘ดุร้าย’มากขึ้นไปอีกถ้าเราพาดพิงถึงสาเหตุที่ทำให้เธอโมโห ประสบการณ์เช่นนั้นนีโก้เคยสัมผัสมาแล้ว …ตอนพี่สาวเลิกกับชายคนรักคนแรก
“เอ่อ คุณคือเจ้าของร้านใช่มั้ยครับ” นีโก้ถามเลิ่กลั่ก เพราะหากเผลอเรียก ‘ยัยเตี้ย’ตามที่ท่านไอโอเนลเขียนไว้จริงๆ เขาอาจมีสภาพไม่ต่างจากชายหนุ่มคนเมื่อครู่ที่กระเด็นออกมาจากร้าน
“ใช่แล้ว ชั้นชื่อแชนนอน ดัชเชส เป็นเจ้าของร้านรุ่นที่สาม ร้านผ้าตระกูลดัชเชส ร้านขายอุปกรณ์ตัดเย็บที่ดีและเก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ …อะไรกัน ตาบ้านั่นไม่ได้บอกนายว่าชั้นชื่ออะไรงั้นเหรอ ! ให้ตายสิ ! เรียกยัยเตี้ย ยัยเตี้ยอยู่ได้ ชั้นก็แค่กะทัดรัดน่ารักต่างหาก !”
“อ่า …ครับ” หากว่ากันตามจริงแล้วแชนนอนก็ ‘กะทัดรัด’ น่ารักจริงๆ แม้จะคิดเช่นนั้นแต่นีโก้ก็ไม่ได้เอ่ยชมออกไป เพราะถ้าเธอคิดว่าความเตี้ยเป็นปมด้อยล่ะก็ การฟังจากคนอื่นว่าตัวเองน่ารักกะทัดรัดก็เท่ากับเตี้ยกลายๆ อยู่ดี
พอเห็นนีโก้คล้อยตามเธออย่างว่าง่าย แชนนอนค่อยสงบลง เด็กสาวคลี่กระดาษโน้ตที่พับจนยับยู่ยี่ออกก่อนพลิกอีกด้านขึ้นมาอ่าน
[ ไหมอิ๊กกี้ x 10 ม้วน
เครื่องทอผ้าเวทมนตร์ x 1 เครื่อง ]
นีโก้เหลือบมองข้อความในกระดาษโน้ตอยู่ห่างๆ ชื่อวัสดุและอุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา ท่านไอโอเนลบอกว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับการฝึก เพราะว่าเขา‘พิเศษ’กว่าคนอื่น ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ย่อมพิเศษตามและร้านเดียวที่จะหาสิ่งพิเศษเหล่านี้ได้ครบก็มีเพียงแค่ร้านตระกูลดัชเชสเท่านั้น
“ของพวกนี้งั้นเหรอ ?”แชนนอนมองรายการในกระดาษสลับกับนีโก้ “งั้นนายก็คงเป็นเจ้าอ่อนตระกูลรัซเซลงั้นสินะ”
เอ๋ เธอรู้จักเขาด้วยงั้นเหรอ ?
“สงสัยล่ะสิ แต่จะบอกไว้ก่อนนะว่าร้านนี้ รู้จักกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ใช่ตระกูลช่างตัดเสื้อเก่าแก่เจ็ดตระกูลใหญ่ของเมืองนี้ก็ไม่มีทางรู้จักหรอก อีกอย่างทายาทรุ่นเดียวกับนายเนี่ย ก็มีนายแค่คนเดียวที่ยังไม่ได้มาที่ร้าน ยังไงนายก็ต้องเป็นเจ้าอ่อนตระกูลรัซเซลแน่นอน”
เจ้าอ่อน… แม้ไม่อยากยอมรับก็ตาม แต่ฉายานี้เป็นสิ่งที่คนในวงการตั้งให้นีโก้จริงๆ หลายคนในวงการมักจะมองนีโก้อย่างสงสารที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนเก่ง มากพรสวรรค์แต่นีโก้กลับคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดันที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นน้องชายของพี่สาว เป็นลูกของแม่ที่แสนดีและเป็นเหลนของช่างตัดเสื้อในตำนานที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของช่างตัดเสื้อทุกคน …วีลเฮล์ม รัซเซล
“ชั้นจะส่งเครื่องทอผ้าเวทมนตร์ให้นายถึงที่พักเลยล่ะ”แชนนอนยิ้มพราย
“ขอบคุณครับ...”นีโก้ล้วงกระเป๋ากางเกงเตรียมหยิบเงินที่ไอโอเนลให้เผื่อไว้สำหรับค่าวัตถุดิบและอุปกรณ์เพื่อส่งให้แชนนอน
“เดี๋ยวก่อนสิ ชั้นยังพูดไม่จบเลยนะ”
เอ๋ ? มือที่ยื่นออกไปชะงักค้างกลางอากาศก่อนที่แชนนอนจะตรงเข้ามาหยิบเงินไปยืนนับอย่างเพลิดเพลิน ถุงผ้าที่เต็มไปด้วยเหรียญทองมีกลิ่นที่น่าหลงใหลเสียจริง
“ปกติแล้ว ร้านเราจะรับตัดเสื้อและขายผ้าธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ถ้าอยากได้อุปกรณ์และวัตถุดิบพิเศษล่ะก็ นายจะต้องผ่านการทดสอบจากชั้นซะก่อน”
“ก …การทดสอบ ?” ทั้งๆ ที่เก็บเงินเขาไปเรียบร้อยแล้วเนี่ยนะ…
“ถูกต้อง การทดสอบรวบรวมวัตถุดิบไงล่ะ”
ทิวทัศน์รอบนีโก้ในเวลานี้คือทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง โจทย์ที่แชนนอนมอบหมายให้ฟังดูง่าย เพียงแค่รวบรวมไหมอิ๊กกี้ไปส่งให้เธอเท่านั้นก็ถือว่าผ่าน …ใช่ ถ้าสิ่งที่ต้องทำมีแค่การรวบรวมวัตถุดิบจริงๆ
ทุ่งหญ้าซอรัสมีระบบนิเวศน์ค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว …สมบูรณ์มากหากสังเกตจากลำตัวอวบอ้วนของหนอนไหมอิ๊กกี้ที่กำลังคลานยั้วเยี้ยไปทั่วเพื่ออารักขาต้นไม้ที่พำนักของเหล่ารังไหมอิ๊กกี้ แม้มันจะดูน่าขยะแขยงเกินกว่าจะเข้าไปใกล้ แต่ตราบใดที่มันยังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับนี้ นีโก้คิดว่าคงพอย่องเร็วๆ เข้าไปเอารังไหมกลับมาได้ไม่ยากนัก
“อ้ะ มีอะไรงั้นเหรอ เซบี้” นีโก้กำลังจะก้าวขาเข้าไปหยุดชะงักกึก เมื่อขากางเกงถูกเจ้าจิ้งจอกน้อยสีดำรั้งเอาไว้ พอก้มลงมองจึงพบว่ามีหลุมอยู่ที่ปลายเท้า … มันคือรูที่หนอนไหมอิ๊กกี้ขุดไว้เพื่อเป็นกับดักป้องกันผู้บุกรุก
“เก่งมาก เซบี้” นีโก้อุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาอย่างชื่นชม เจ้าเซบี้ตัวนี้ก็คือจิ้งจอกน้อยสีดำสัตว์เลี้ยงคู่ใจของแชนนอน เธอบอกว่าไหนๆ ก็ออกมาข้างนอกทั้งทีพาเซบี้ออกมาเดินเล่นด้วยหน่อยจะเป็นอะไรไป ดังนั้นเจ้าขนปุกปุยตัวนี้จึงกลายเป็นเพื่อนร่วมเดินทางของนีโก้ไปโดยปริยาย
‘ฮึ ก็เพราะนายอ่อนไงล่ะ ชั้นถึงต้องมาช่วย’ เซบี้ใช้หางปัดมือนีโก้แล้วกระโดดลงมา รั้นจมูกสูงขึ้นอย่างถือตัว ก่อนสะบัดหัวสองสามทีราวกับจะบอกให้ตามไป ในตอนแรกนีโก้รู้สึกเป็นห่วงที่ต้องพามันมาด้วย แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายต้องพึ่งพามันเสียมากกว่า แม้แต่เส้นทางมาถึงที่นี่ก็ได้เซบี้นี่แหละช่วยเป็นผู้นำทางให้
เซบี้เดินนวยนาดส่ายหางไปมานำนีโก้ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยรังไหม หากก้าวเท้าตามเซบี้แล้วล่ะก็ไม่มีทางพลาดตกลงไปในหลุมแน่นอน พอสัมผัสถึงลำต้น นีโก้จึงค่อยๆ ปีนต้นไม้ขึ้นไปแล้วใช้กรรไกรที่เตรียมไว้มาตัดรังไหมใบที่เล็กที่สุดออกมา แม้จะบอกว่าเล็กที่สุดก็เถอะ แต่ก็มีขนาดเท่าแขนสองข้างของนีโก้โอบอยู่ดี
‘ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ’ เสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นในหัวทำให้นีโก้ที่กำลังตัดรังไหมออกจากต้นต้องชะงัก ทว่าหลังจากได้ยินเสียงเห่าเร่งของเจ้าเซบี้เขาจึงรีบทำงานต่อ
‘ออกไป ออกไป’ เสียงที่ได้ยินเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เป็นเสียงกรีดร้องที่แหลมเล็กจนแสบแก้วหู เสียงนั้นดังออกมาจากรังไหมขนาดเท่าร่างกายมนุษย์ที่ฝังอยู่กลางลำต้นของต้นไม้ รังไหมใบที่ใหญ่ที่สุด !
เปรี๊ยะ ! แสงที่ออกมาจากรอยแตกของรังไหมทำให้นีโก้ต้องหรี่ตาลงเพราะแสบตา ปีกสีใสราวกับกระจกค่อยๆ แทงชั้นไหมแก้วออกมาสู่โลกภายนออก ปรากฏร่างเป็นหญิงสาวที่มีร่างโปร่งแสงยามต้องแดดก็แปรเปลี่ยนเป็นสีรุ้ง ปลดปล่อยละอองภูติสีทองระยิบระยับออกมา
ไม่ทันที่นีโก้จะดื่มด่ำประทับใจกับความงดงามที่ได้เห็น ‘เธอ’ก็ยกมือขึ้นแล้วชี้มาทางเขาอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตานับร้อยของหนอนไหมอิ๊กกี้ทั่วทุ่งหญ้าเปล่งแสงสีแดงพุ่งตรงมายังจุดๆ เดียว
แย่แล้ว !
นีโก้กระโดดลงจากต้นไม้ โชคดีที่พี่สาวทำ‘รองเท้าปุยเมฆ’ให้ ดังนั้นตอนที่กระโดดลงมาจากที่สูงจึงไม่เจ็บมากนัก เพราะคุณสมบัติของมันก็คือนุ่มสบายยิ่งกว่าวิ่งบนปุยเมฆ เด็กหนุ่มวิ่งหนีโดยไม่ลืมนำรังไหมไปด้วย ทั้งๆ ที่ตอนแรกหนอนเหล่านี้เคลื่อนไหวอืดอาด อีกทั้งขนาดตัวของมันดูตัวอวบๆ น่ารักแสนเป็นมิตร พอผีเสื้อสาวในรังไหมปรากฏตัว ทำไมถึงได้ดุร้ายขึ้นมาก็ไม่รู้
ตุ้บ ! เพราะไม่มีเวลาดูทางจึงไม่ทันระวังตัว ชั่ววินาทีที่นีโก้สะดุดก้อนหินล้มลง หนอนไหมอิ๊กกี้ก็ขยายปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมดุจฉลามออกมา น้ำลายยืดย้อยราวกับหิวกระหายเต็มที่ นีโก้หลับตาปี๋หลบหนีภาพสยดสยองตรงหน้า
ฉัวะ !
ผ่านไปหลายวินาทีแต่ยังไม่รู้สึกถึงคมเขี้ยว มีเพียงเสียงฉีกทึ้งชิ้นเนื้อที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและสัมผัสของเหลวเหนอะหนะที่กระเด็นใส่หน้า นีโก้จึงค่อยๆ ลืมตาออกมาแล้วอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็น
เซบี้ตัวน้อยกำลังกัด กระชากหนอนไหมเหล่านั้นเป็นชิ้นๆ !
ซ้ำร้ายแม้แต่หนอนไหมอีกสี่ห้าตัวที่ซิ่งตามมาทีหลังก็ยังถูกไฟที่พ่นจากปากของเจ้าจิ้งจอกน้อยเผาวอดวายอีกต่างหาก !
“ซ เซบี้ นั่นนายใช่มั้ย ?” นีโก้ถามเลิ่กลั่ก แต่หลังจากเห็นแววตาที่มีแต่ความเย่อหยิ่งปราศจากรังสีอัมหิตแบบเมื่อครู่ ไม่ใช่อสูรกายกระหายเลือดก็ผ่อนคลายลง ทางด้านหนอนไหมอิ๊กกี้ที่เหลือหลังจากเห็นซากศพพวกพ้องก็ได้แต่ชะงักอยู่กับที่แล้วจ้องมองพวกเขาอยู่ห่างๆ เพื่อรอดูท่าที
‘กรี๊ดดดดดดดดดดด’ เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังในหัวของนีโก้อีกครั้ง แม้จะเอามือปิดหูเท่าไร เสียงนั้นก็ยังดังทำลายโสตประสาทอยู่ดี ซ้ำยังดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงจะทรมานยังไง นีโก้ก็คิดว่าคงไม่มีทางเจ็บไปกว่าเจ้าของเสียงร้องนี้แน่ๆ ท่วงท่าทรมานของผีเสื้อสาวตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มนึกอะไรบางอย่างออก หรือว่า ! ?
นีโก้กระชับรังไหมในอ้อมแขนแน่น นัยน์ตาแน่วแน่มุ่งมั่น ขาทั้งสองข้างเตรียมพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อทำสิ่งที่ตนเองตั้งใจ
‘กรร กรร’ เซบี้คำราม
“ขอโทษนะ เซบี้ ทั้งที่นายอุตส่าห์ลำบากมาเป็นเพื่อนและช่วยชั้นไว้หลายครั้งแท้ๆ แต่ชั้นกลับกำลังจะทำให้สิ่งที่พวกเราทำมาด้วยกันตั้งแต่ต้น สูญเปล่า”
‘ในเมื่อรู้ แล้วยังจะทำอีกงั้นเหรอ ?’ แม้เซบี้ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่สายตาที่มองมายังนีโก้ทำให้เด็กหนุ่มอดรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังถูกเจ้าสัตว์สี่เท้าตัวนี้แขวะเล็กน้อย …เซบี้เป็นสัตว์เลี้ยงของแชนนอนจริงๆ
ถึงจะโดนแชนนอนบ่นทีหลัง แต่นีโก้ก็ทนเห็นท่าทางทุกข์ทรมานของผีเสื้อสาวไม่ได้จริงๆ การเติบโตมากับครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่และพี่สาวอยู่ข้างๆ ทำให้เขาเข้าใจว่าครอบครัวสำคัญแค่ไหน
ผีเสื้อสาวจับจ้องรังไหมในอ้อมแขนนีโก้
‘ข…ขอบใจ…นะ’
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยที่พวกผมทำลายพวกพ้องของคุณ” น่าแปลกเหลือเกินที่เขาสามารถฟังเสียงของผีเสื้อสาวเข้าใจ บางทีความจริงใจของเขาอาจสื่อไปถึง ผีเสื้อสาวถึงได้พยายามส่งเสียงร้องเพื่อสื่อสารกับเขามาตลอด
ชั่วขณะหนึ่งนีโก้เหมือนเห็นผีเสื้อสาวยิ้มให้ด้วย เช่นเดียวกันกับหนอนไหมอิ๊กกี้ตัวอื่นๆ ที่พยายามดันตัวขึ้นมายืนในแนวดิ่งเพื่อทำความเคารพ
ชั่วขณะหนึ่งที่นีโก้เห็นว่าเจ้าหนอนจ้ำม่ำพวกนี้น่ารักขึ้นมา
และชั่วขณะนั้นเอง เสียงเคร้งหนึ่งทีตามด้วย ฉัวะๆ สามครั้งก็ดังขึ้นพร้อมกับกวาดภาพมิตรภาพลึกซึ้งตรงหน้านี้หายเกลี้ยง !
“ค…คุณแชนนอน ! ? !” นีโก้ตาเบิกโพลงมองเด็กสาวที่กำลังใช้เช็ดคราบของเหลวสีเขียวเหนียวเหนอะหนะบนเคียวขนาดใหญ่ที่เธอถือมาด้วย เหล่าสหายอิ๊กกี้ทั้งหลายถูกฟันหัวหลุดจนเลือดสีเขียวกระฉอกออกมา จากทักษะการทุ่มที่เขาได้เห็นเมื่อเช้าก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากแชนนอนจะเป็นนักผจญภัยที่มีความสามารถในการต่อสู้
“ชักช้า !”
ตุ้บ ! ยังไม่ทันที่นีโก้จะเอ่ยถามว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไร รังไหมก็ถูกโยนกลับมายังอ้อมแขนของนีโก้อีกครั้ง ภาพรอยยิ้มของผีเสื้อสาวเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำอยู่เลยแท้ๆ ทำไมแชนนอนถึงได้ป่าเถื่อนอย่างนี้นะ นีโก้จดจ้องรังไหมที่อยู่ในอ้อมแขนก่อนลูบมันเบาๆ ราวปลอบประโลม
“โทษทีนะ พอดีชั้นลืมไปน่ะ ว่าวันนี้เป็นวันฟักตัวของราชินีภูติไหมร้อยปี”
“…”นีโก้กอดรังไหมแน่น มองแชนนอนอย่างหวาดระแวงสุดขีด สลับกับมองเหล่าสหายอิ๊กกี้ที่จำต้องสละชีพโดยไม่ทันรู้ตัวเมื่อครู่
“ไม่เอาน่า นายจะเป็นช่างตัดเสื้อได้ไง ถ้าเกิดไม่สามารถหาวัตถุดิบเองได้”
“…”นีโก้ยังคงนิ่ง
“ก็ได้ ! ชั้นลดราคาของสินค้าในร้านให้สิบเปอร์เซ็นต์ ร่าเริงหน่อยสิ !”แชนนอนเองก็เริ่มหงุดหงิด หากอีกฝ่ายไม่เลิกมองเธอเป็นดังผู้ร้าย เธอคงได้แปลงเป็นยักษ์ไททันจริงๆ
“…” นีโก้หันไปเพ่งมองเศษซากของผีเสื้อสาวที่จมกองของเหลวสีเขียวเหนอะหนะบนพื้น ไม่เหลือแล้วเค้าโครงความงามของราชินีแห่งทุ่งหญ้า
“อ้ะ ชั้นแถมนี่ให้ก็ได้ คริสตัลกระจกจากราชินีภูติไหมร้อยปี” แชนนอนวางศีรษะของผีเสื้อสาวไว้ที่มือของนีโก้ “นี่เป็นวัตถุดิบมายาเชียวนะ ใช้ตัดชุดเพิ่มคุณสมบัติเวทมนตร์ได้เลยนะเนี่ย มาครั้งแรกก็เจอเลย โชคดีสุดๆ”
“…” ไหนบอกว่าลืมยังไงกันล่ะ
“เอ้า ! ชั้นลดให้ได้เต็มที่ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์พร้อมจัดส่งของถึงที่ ! เลิกซึมได้แล้วน่า เวลานายกินหมู ปลา ไก่ สารพัดสิ่งมีชีวิตคนไม่ต้องฆ่าพวกมันก่อนรึไง !”
ความรู้สึกผิดและความสงสารที่ฉายในแววตาของนีโก้ที่ยังจดจ้องอยู่ที่ซากผีเสื้อไหมและหนอนไหมอิ๊กกี้ทำให้แชนนอนหลับตาลงแล้วถอนหายใจ
“เจ้าอ่อน …นีโก้นายยังอยากเป็นช่างตัดเสื้ออยู่ใช่ไหม ?”
นีโก้ผงกหัวหงึกๆ
“เสื้อเกราะมังกรเหินยังต้องใช้เกล็ดมังกรไฟในการเพิ่มคุณสมบัติป้องกัน และหากอยากจะบินกลางอากาศแล้วล่ะก็ การจะทำเสื้อคลุมขนนกนายก็ต้องใช้ขนนกจากปีกนกโดราโดร่าอยู่ดี ชั้นเชื่อว่ามันคงไม่ยอมให้นายไปเด็ดขนปีกของมันเฉยๆ หรอกนะ”
“แต่ของเหล่านั้นเป็นอาวุธสำหรับการต่อสู้ เป็นอาวุธสงครามนี่ครับ...”มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่ทำให้คนใส่มีความสุขได้หรอก
“ใครว่าล่ะ หากไม่มีเสื้อเกราะมังกรเหินตอนยักษ์พ่นไฟบุกเมือง อัศวินที่ถูกส่งไปสู้จะทำยังไง แล้วหากไม่มีการบินกลางอากาศ นักเดินทางที่เดินทางคนเดียว ทักษะการต่อสู้ต่ำจะสามารถผ่านป่าที่มีแต่สัตว์ร้ายมาได้งั้นเหรอ?”
“…”
“หากนายมีคนที่รอให้นายกลับบ้านอยู่เสมอล่ะก็ ชั้นคิดว่านายคงเข้าใจดีนะ ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่อาวุธ ไม่ใช่เครื่องมือที่มีไว้ฆ่าฟันเพื่อความโลภของมนุษย์เท่านั้น”
นีโก้ชะงักกึก ทำไมเขาถึงคิดไม่ออกนะว่านอกจากสีหน้ายิ้มแย้มของคนเวลากินอาหารอร่อยแล้ว เหล่าพ่อครัวต่างทุ่มเททำอาหารอย่างเต็มที่ก็เพื่อให้เหล่าสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นวัตถุดิบได้ตายอย่างสมเกียรติที่สุดทั้งนั้น เขาเองก็ด้วยไม่ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นจะมีคุณสมบัติอย่างไร คนใส่คือใครขอเพียงทำให้ผู้คนมีความสุขก็เพียงพอแล้ว และเพื่อหนอนไหมอิ๊กกี้ที่ตายไป …นีโก้ รัซเซลผู้นี้จะทำเสื้อผ้าที่ดีที่สุดออกมาให้จงได้ !
“เดี๋ยวก่อน จะสบายใจเกินไปแล้วมั้ง นายคงไม่คิดว่าร้านเก่าแก่ที่เปิดมาสามชั่วอายุคนอย่างร้านเราจะให้บททดสอบเป็นการล่าหนอนกระจอกๆ นี่อย่างเดียวหรอกนะ ?”
‘หนอนกระจอกๆ’ ที่เกือบเขมือบเขาลงท้อง …ไม่ เขาจะโต้แย้งแชนนอนไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถึงไม่ตายด้วยหนอนไหมอิ๊กกี้ก็คงจะตายด้วยกำปั้นอยู่ดี
สายลมพัดผ่าน ภายใต้บรรยากาศเงียบสงบ ท่าทีของแชนนอนแลดูจริงจังขึ้นมา ไม่มีท่าทีหงุดหงิดเจ้าอารมณ์อย่างเคย แชนนอนแลดูสุขุมมากกว่าทุกครั้งที่นีโก้ได้เห็นตลอดวันนี้ หากเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยไปคงไม่อาจแยกได้ว่าเธอเป็นคนหรือตุ๊กตา
“สำหรับนาย งานของช่างตัดเสื้อคืออะไร ?”
คำถามที่จู่ๆ ก็แล่นเข้ามาของอีกฝ่ายทำให้นีโก้ตั้งตัวไม่ทัน แต่สำหรับเขาแล้วนั้นคำตอบนี้อาจมีอยู่ในใจมาตั้งนานแล้วก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังผ่านประสบการณ์ล้ำค่าในวันนี้
งานของช่างตัดเสื้อคืออะไรกันนะ ? หากตอบแบบกว้างๆ บางครั้งช่างตัดเสื้อก็ต้องออกแบบเสื้อผ้าให้ลูกค้าสวมใส่ บางคราวก็ต้องตัดเสื้อตามแบบที่ลูกค้าสั่ง แล้วการรวบรวมวัตถุดิบในวันนี้ก็เป็นงานของช่างตัดเสื้อด้วยหรือเปล่า ?
หากเป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็ นี่คือสิ่งที่นีโก้จะตอบในฐานะของช่างตัดเสื้อ
“คุณแชนนอนครับ”
“หืม?”
“คำตอบของผม…”
ตะวันคล้อยลับตาทำให้ภายในร้านผ้าตระกูลดัชเชสดูมืดลงเรื่อยๆ ตอนแชนนอนเดินทางกลับมาถึง เธออุ้มเซบี้เดินตรงไปยังโซฟาแล้วเอนตัวลงอย่างผ่อนคลาย
“หึ งานของช่างตัดเสื้อคือการทำทุกอย่างให้เสื้อผ้าเสร็จสมบูรณ์เพื่อความสุขของคนใส่งั้นเหรอ ?”ประกายไฟที่ลุกโชนในแววตาของเด็กหนุ่มและคำตอบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ยังคงประทับอยู่ในโสตประสาทของแชนนอน ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมา มือเรียวเล็กลูบขนนุ่มนิ่มของจิ้งจอกน้อยอย่างสบายอารมณ์
“เหลนนายนี่น่าสนใจคล้ายนายสมัยหนุ่มเลยนะ ว่ามั้ย …วีลเฮล์ม”
Artisan
ผู้แต่ง : All999
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ตระกูลรัซเซล | 06 ก.พ. 59 |
| 2 | แชนนอน ดัชเชสและหนอนไหมอิ๊กกี้ | 09 มี.ค. 59 |
| 3 | ช่างตัดเสื้อในตำนาน | 16 มี.ค. 59 |
| 4 | คำสาป | 23 มี.ค. 59 |
| 5 | เอคราโทรแฟชันวีค | 30 มี.ค. 59 |




สวัสดีค่ะ
สามย่อหน้า ตั้งแต่ที่ขึ้นต้นว่า กับกระดาษแผ่นเดียว... (ตรงที่นีโก้คิดว่าจะไม่ระแวงไอโอเนลละ) มันดูโผล่มาลุ่นๆ ไปหน่อยนึงนะ ถ้ามีเวลาลองเกลาให้เนียนขึ้นนิดนึง จะได้เป็นธรรมชาติขึ้น คิดว่าบทนี้น่าจะเร่งแต่งด้วย มีจุดไม่สมูทนิดๆ แต่เกลาก็หายแล้ว
คุณแม่เป็นเจ๊ขาโหดดี XD ว่าแต่คุณแม่แต่งเข้ามาใช่ไหม ทำไมรู้เรื่องบ้านรัซเซลเยอะจัง
หวังว่าจะได้อ่านต่อตอนที่ 6 นุ
ลวิตร์