EN14 Time Trip : Zodiac Theme
เมื่อสมาชิกผู้เป็นตัวแทนของแต่ละราศี ต้องเข้ามาแข่งขันเกมไหวพริบ โดยมีเป้าหมายคือเดินทางข้ามเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำ พวกเขาต้องชิงไหวชิงพริบ และทำทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่การหักหลังเพื่อนร่วมทีม!
ตอนที่ 2
ก่อนจะเริ่มล่า
ถ้าบอกว่าจะล่า... ก็คือล่าจริงๆ
ซีเร ทีม C
ภายในโบกี้ทีม C ถูกจัดเป็นห้องนั่งเล่นเล็กๆ สำหรับสมาชิกสี่คนในทีม เมื่อเดินขึ้นมาจากประตูที่อยู่ทางขวามือ จะเห็นมุมเครื่องดื่มถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพตรงด้านซ้าย ข้างๆ มีโต๊ะชุดเล็กๆ ไว้สำหรับนั่งจิบกาแฟพูดคุยกัน
นอกจากนี้มุมหนึ่งของห้องยังมีโซฟาชุดตั้งอยู่เป็นรูปตัวยูด้วย ซีเรกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดียว เธอเอามือกอดอกพลางมองคนที่นั่งอยู่ด้านตรงข้าม
“พี่ซีเรพี่รู้ไหมผมรู้จักสมาชิกทุกคนที่มาแข่งขันเลยนะ ทีม A ผมก็รู้จัก จริงๆ ผมรู้ทุกอย่างเลยนะ ถ้าพี่อยากรู้อะไรพี่บอกผมมาได้เลยผมตอบให้พี่ได้ทุกคำถาม แต่ถ้าพี่ไม่อยากถามผมจะเล่าให้พี่ฟังว่าผมมาที่นี่ก็เพื่อที่จะเดินทางไป... เดี๋ยวๆ พี่หันมาฟังผมก่อน บลาๆๆ”
โอ้ย! ปวดหูชะมัด!
เสียงเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งพล่ามน้ำไหลไฟดับอยู่ข้างๆ ทำให้ซีเรอยากจะเอาดาบที่พกมาปาดคอมันตายให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ก็ปาดคอตัวเองตายไปซะ จะได้ไม่ต้องมาทรมานปวดแก้วหูแบบนี้!
ทั้งๆ ที่ขึ้นรถไฟมานี่เพราะรำคาญผู้คนมากมายข้างล่าง แต่ไม่รู้เวรกรรมอะไรที่ทำให้เธอต้องมาประสบพบเจอกับไอ้เด็กมาร์บัสที่วิ่งมาแนะนำตัวว่าเป็นนักธนูที่เก่งกาจจนคนทั้งหมู่บ้านต้องยอมก้มหัวให้ ทั้งที่เอาจริงๆ ถ้าบอกว่าพูดมากจนไม่มีใครอยากจะมองหน้าเธอจะเชื่ออย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลย!
“โอ้ยยยย! เมื่อไรแกจะเลิกพล่ามวะไอ้เด็กเวร ฉันนี่ปวดหัวจะระเบิดอยู่แล้ว!”
ผู้ชายผมแดง ไม่สิ ไม่ใช่แค่ผม ต้องบอกว่าแดงเถือกตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยมากกว่าโวยวายมาจากโต๊ะตรงโซนเครื่องดื่ม เขาคือซัลลอสสมาชิกอีกคนของทีม C ที่มีแนวโน้มว่าได้ฟังไอ้เด็กนี่พล่ามมาก่อนหน้าเธอพักใหญ่ๆ
แต่การโวยวายของเขาไม่ได้ทำให้มาร์บัสสลดเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้ามาถามด้วยสีหน้าซื่อใสไร้เดียงสาว่า...
“ผมมียาแก้ปวดหัวนะ เอาไหมพี่ซัลลอส?”
“ไม่เอาโว้ยยยย!”
ฟิ้ววว~
ซัลลอสขว้างหมอนอิงมาที่มาร์บัสอย่างแรง แต่เด็กน้อยนั่นรับหมอนไว้ก่อนจะขมวดคิ้ว
“ให้หมอนมาทำไม ผมไม่ง่วงอ่ะพี่”
“ให้เอาไปอุดปาก ไม่ได้ให้เอาไปนอน”
“มันใหญ่เกิน ยัดไม่เข้าอ่ะคร้าบบบ J”
“โว้ยยยยย!”
ซัลลอสคำรามในลำคอเพราะหมดคำจะสรรหามาเถียงกับไอ้เด็กตรงหน้าที่แม้จะพึ่งมารู้จักกันบนรถไฟ แต่กลับกวนประสาทราวกับสนิทกันมาสามชาติเศษ
ซีเรได้แต่ถอนหายใจพลางมองซัลลอสที่โมโหจนแทบจะฆ่าคนได้ เด็กมาร์บัสนั่นก็คงจะมีพลังจิตมากพอจะรู้ล่ะมั้งว่าคนอย่างซัลลอสด่าไปอย่างนั้น ไม่ฆ่าใครจริงๆ หรอก
อย่างที่บอกไปตอนแรก โลกที่เธออยู่มีวิทยาการและเทคโนโลยีครองเมืองอย่างที่เห็น แต่พลังทางด้านจิตก็พัฒนาไม่แพ้กัน ผู้คนเริ่มหันมาสนใจศาสตร์ด้านจิตใจจนบางคนก็ฝึกจนสามารถควบคุมพลังได้... คนกลุ่มนี้เลยถูกเรียกว่าผู้ควบคุมจิต โดยเฉพาะพลังจิตด้านการต่อสู้รุนแรงยิ่งกว่าการใช้อาวุธสู้กันเป็นไหนๆ ทำให้ไม่มีใครมาสนใจถ้าหากจะมีใครซักคนเดินพกปืน ระเบิด หรอืแม้กระทั่งดาบเล่มโตเข้ามาในที่สาธารณชนแบบเธอ
เพราะก็ถ้าจะทำอะไรกันจริงๆ แค่สะบัดมือทีสองทีก็สาหัสกว่าเอาดาบฟันเป็นไหนๆ
แต่อย่างมาร์บัสก็น่าจะมีพลังจิตด้านการเจาะข้อมูลคนจากการมองละมั้ง
“พี่ซัลลอสร้องทำไมอ่ะครับ ใครทำอะไรพี่เดี๋ยวผมจัดการให้”
“แก-นั่น-แหละ!”
ซัลลอสพูดอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
“ฮะ ผมเหรอ?” มาร์บัสชี้นิ้วที่หน้าตัวเองอย่างงงๆ “ทำไมเป็นผมอ่ะ อย่าใส่ความกันแบบนี้สิครับท่านเทพแดง~”
“หยุดพูดเรื่องนั้นซักทีได้ไหม!”
ซัลลอสเริ่มโมโหที่มาร์บัสเอาแต่พูดถึงเทพแดงๆ ฉายาที่เป็นตราบาปของซัลลอส
ที่เธอรู้เพราะมาร์บัสมันพล่ามให้ฟังว่า ซัลลอสมีความเก่งระดับเทพจนได้เป็นแชมป์สังเวียนที่เป็นที่สุดของการต่อสู้อย่างแบล็คอารีน่า แต่พอผู้คนเห็นเสื้อผ้าหน้าผมแดงๆ บวกกับนิสัยขี้โมโห จึงพากันขนานนามให้เทพผู้ยิ่งใหญ่อย่างซัลลอสว่า... ‘เทพแดง!’
เธอไม่รู้ว่าใครมันตั้ง
แต่ถ้าได้ฉายานี้ไปก็คงจะโคตรภาคภูมิใจจนน้ำตาไหลพรากเลยมั้ง
“เออ จะว่าไปผมยังไม่ได้ถามพี่เลยนี่นาว่าพี่มาที่นี่ทำไม จะไปอดีตหรืออนาคต” มาร์บัสเลิกกวนประสาทซัลลอสแล้วเบนเป้าหมายกลับมายังเธอ
“อยากรู้ไปทำไม” ซีเรตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“แค่อยากรู้เฉยๆ ผมไม่บอกใครหรอกน่า สัญญาด้วยเกียรติของเด็กน้อยผู้ใสซื่อ” ไม่ว่าเปล่ามันยังชูสามนิ้วเป็นการยืนยันอีกด้วย
“ถุย! เชื่อก็โง่แล้ว เมื่อกี้ก็พึ่งเสล่อปากโป้งบอกจุดอ่อนฉันไปเองนะไอ้หมาเวร!”
“มาร์บัสครับพี่ซัลลอสไม่ใช่หมาเวร ถ้าเรียกยากเรียกแค่มาร์ก็ได้นะครับ”
... แล้วมันยังมีหน้ามาแก้ชื่อตัวเองด้วยสีหน้าระรื่นอีก
ถ้ามองไม่ผิดเธอแอบเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาตรงหน้าผากซัลลอสด้วย เด็กนี่ มีความสามารถในการยั่วโมโหคนได้เก่งชะมัด
“แต่ที่พี่โมโห ก็คงจะเป็นเพราะผมพูดถูกสินะว่าจุดอ่อนของพี่คือผู้หญิง”
“หยุดพูดอะไรแสลงหูแบบนั้นซักทีเถอะ เวรเอ้ย มีหมอนอีกใบไหมเนี่ย พ่อจะฟาดให้ดั้งหัก” ซัลลอสสบถ ในขณะที่มือก็วุ่นวายอยู่กับการหาหมอนมาฟาดหน้ามาร์บัส
นี่ก็คงจะฆ่ากันให้ตายก่อนเริ่มเกมเลยล่ะมั้ง
ซีเรคิดเงียบๆ ก่อนสายตาจะเบือนไปยังสมาชิกคนสุดท้ายที่พึ่งถือแฟ้มเดินขึ้นมาจากบันได ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มอ่อนๆ ทักทายเธอแต่พอเห็นว่าเธอยังคงทำสีหน้าเรียบ เขาเลยหันไปมองยังซัลลอสกับมาร์บัสแทน
“ฉันชื่อไพมอน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน” เขาว่าก่อนจะโค้งน้อยๆ อย่างสุภาพ “ได้ยินว่าบนนี้มีคนที่ตอบได้ทุกคำถาม...?”
“ใช่ครับผมเอง มีอะไรถามมาได้เลย เทพธนูคนนี้ตอบได้หมด!” มาร์บัสรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟา เสนอหน้ายกมือราวกับกลัวใครจะแอบอ้างตำแหน่งอับดุลของตัวเอง ไม่ถึงสามวินาทีไอ้เด็กนั่นก็ถลาไปอยู่ตรงหน้าไพมอนเรียบร้อยแล้ว! “ถามมาได้เลยคร้าบบบ”
“ไม่ต้องตื่นเต้น ฉันแค่จะถามว่ารถไฟขบวนนี้ออกกี่โมง”
“อีกห้านาทีออกครับ!”
“อ้อ... แค่นี้แหละ” ไพมอนยิ้มก่อนจะเดินไปยังมุมเครื่องดื่มเพื่อชงกาแฟมาดื่มแก้ง่วง
“เดี๋ยวดิพี่! พี่ถามผมแค่นี้เนี่ยนะ พี่ดูถูกผมมากเลยอ่ะรู้เปล่า” มาร์บัสปรี่เข้ามาหาไพมอนที่ยืนอยู่หน้ากระติกน้ำร้อน ชายหนุ่มหัวเราะแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาเอาช้อนมาคนกาแฟให้ละลายเข้ากันอย่างใจเย็น พอคนเสร็จก็เดินไปนั่งบนโต๊ะชุดตรงข้ามกับซัลสอล โดยไม่สนใจสายตาปวดร้าวจากการถูกเมินของมาร์บัสแม้แต่น้อย...
“พี่มีอะไรจะถามผมอีกไหม ผมตอบได้ทุกเรื่องจริงๆ นะ” มาร์บัสยังไม่ล้มเลิกความพยายาม เด็กหนุ่มคว้าข้อมือของไพมอนที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เขาหันมามองมาร์บัสก่อนจะเลิกคิ้ว
“มีอะไรอยากจะบอกฉันไหม”
“มีๆ พี่ ผมรู้จุดอ่อนของทุกคนในเกมเลยนะ” ไอ้ตัวแสบรีบเสนอตัว ก่อนจะชี้หน้าซัลลอล “เนี่ยๆ อย่างพี่ซัลลอสที่นั่งอยู่ตรงข้ามพี่เนี่ย เขาแพ้ผู้หญิง พี่ไม่ต้องทำอะไรเขาหรอก เดี๋ยวก็ออกเพราะผู้หญิงเองนั่นแหละ”
“อ้าว! ไอ้หมาเวรนี่ยังไม่หยุดอีก!”
เพล้ง!
แก้วที่กระทบผนังแล้วตกลงมาแตกละเอียดยืนยันความโมโหของซัลลอสได้ดี คราวนี้ถึงกับขว้างแก้วเลยแฮะ โชคดีที่หลบทันไม่งั้นมีหวังน็อคจนเอ๋อไปเป็นชาติแน่ๆ ไอ้ตัวแสบคิดในใจก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย
“มีอีกนะพี่ คนนั้นๆ พี่ซีเร” มาร์บัสชี้มาที่เธอยิกๆ ไพมอนจึงมองตามแล้วพยักหน้า “พี่เห็นเขาจับดาบตลอดเวลาไหม ที่จับดาบเพราะว่าไม่มั่นใจในตัวเอง พี่ลองเอาดาบเขาไปซ่อนดิ รับลองกำจัดง่ายยิ่งกว่าหมูในอวยอีก!”
ขวับ!
คราวนี้เป็นซีเรที่ตวัดสายตามองไปยังมาร์บัส เป็นครั้งแรกที่เธออยากจะเอาดาบนั่นฟันไอ้เด็กพูดมากให้ขาดเป็นท่อนๆ ตอนแรกแค่คิดว่ามันมีปากก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย ไม่คิดว่าเรื่องที่พูดออกจะจริงราวกับอ่านใจใครได้
ซีเรมองไปยังไพมอนที่วางแก้วกาแฟลงบนจานรอง เขาหันมาหาเธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ว่าไงครับซีเร สนใจเฉลยหน่อยไหมว่าจริงไม่จริง”
คำถามทีเล่นทีจริงเรียกให้ซีเรขมวดคิ้วน้อยๆ เธอกระชับดาบในมือแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ก็คงต้องลองดูในสนาม...ถ้านายกล้าพอ”
คำตอบนั่นทำให้ไพมอนยักไหล่พลางหัวเราะอย่างไม่จริงจัง เขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มก่อนจะใช้อีกมือดันแฟ้มที่ถือมาตอนแรกไปให้มาร์บัสที่ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว “นี่เป็นข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันอีกสองทีม พนักงานข้างล่างให้มาเพื่อทำความรู้จักคู่แข่ง”
“...?” มาร์บัสขมวดคิ้วตั้งหน้าตั้งตารอคำถาม
“ฉันไม่ได้อยากรู้จุดอ่อนของทีมตัวเองเท่าไรหรอกนะ มีอย่างเดียวที่อยากรู้ก็คือ...”
“...”
“...ทำยังไงถึงจะชนะ”
หลังจากคำถามของไพมอนสิ้นสุดลง ห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบไปพักใหญ่ จนกระทั่งรถไฟสั่นน้อยๆ เป็นสัญญาณว่ากำลังจะเคลื่อนขบวนออกจากชานชลา ซัลลอสจึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินไปโซนเครื่องดื่มเพื่อชงกาแฟแก้วที่สอง
~เรียนท่านผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน ขณะนี้รถไฟขบวน Time Trip กำลังจะเดินทางออกจากชานชลา ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านตรวจสอบสัมภาระให้ดี และขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัยค่ะ~
~เรียนท่านผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน ขณะนี้รถไฟขบวน Time Trip กำลังจะเดินทางออกจากชานชลา ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านตรวจสอบสัมภาระให้ดี และขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัยค่ะ~
“ไฟอยากชนะในตัวนายนี่แรงดีนะ” ซัลลอสเอ่ยขณะที่มือวุ่นวายอยู่กับการชงกาแฟ พอชงเสร็จเขาก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม “ถ้าเป็นฉันนะ คำตอบมีแค่ ใครขวางหน้าก็ระเบิดหัวมันให้กระจุย!!”
หลังจากพูดจบ มาร์บัสก็แอบกระซิบให้ไพมอนฟังว่า ‘พี่เค้าพกระเบิดมาเต็มกระเป๋าเลย’
ไพมอนหัวเราะ
“แล้วคิดว่าแบบนั้นจะชนะไหม”
“ไม่รู้ดิ รู้แค่ว่าน่าจะสะใจ” ว่าจบเจ้าตัวก็หัวเราะร่า ก่อนจะหันไปหามาร์บัส “เอ้า ไงล่ะ ทำไงจะชนะ ทำไมคราวนี้คิดนาน คงไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้หรอกนะ ฮ่ะๆ”
“ใจเย็นดิพี่ ยังดูชื่อสมาชิกไม่ครบเลย” มาร์บัสท้วงขึ้นพลางก้มลงไปกวาดตามองรายชื่อในแฟ้มต่ออีกประมาณสิบวินาที จากนั้นก็วางแฟ้มลงบนโต๊ะ “เรียบร้อยละ”
“ว่ามาดิ” ซัลลอสเลิกคิ้ว
“ดูจากรายชื่อ ทีมเราได้เปรียบสุดเพราะมีทั้งอดีตแชมป์แบล็คอารีน่าอย่างพี่เทพแดง แชมป์แกรนด์การีน่าที่เป็นสังเวียนของฝ่ายหญิงอย่างพี่ซีเร บุคคลปริศนาผู้ไม่ทราบฝีมืออย่างพี่ไพมอน...และเด็กน้อยหน้าแบ๊วอย่างผม” ไอ้เด็กแสบพูดสโลแกนกากๆ ของตัวเองออกมายังไม่ว่า มันยังมีหน้ามาชูสองนิ้วแอ๊บแบ๊วอีก เออ เอากับมันสิ!
“แล้วไงต่อ”
“เท่าที่ผมรู้มาเกมนี้มันเป็นแบบเซอร์ไวเวิลใช่ไหมพี่ ผมไม่รู้ว่าปีนี้จะเป็นยังไง เพราะกระแสจิตจับอะไรไม่ได้เลย แต่รอบสุดท้ายเป็นการสู้ตัวต่อตัวไม่สนทีม เพราะงั้นพี่ควรกำจัดคนที่เก่งสุดออกไปตอนที่เรายังร่วมมือกันอยู่ ” เจ้าเด็กมาร์บัสหยิบปากกากับกระดาษออกมาจากกระเป๋าแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไปในนั้น “ถ้าจากก้นบึ้งหัวใจดวงน้อยๆ ของผมก็กำจัดตามนี้เลย”
ซัลลอสดึงกระดาษออกไปจากมือมาร์บัสพลางกวาดสายตามอง...
เขียนรายชื่อคนที่ควรกำจัดแบบนี้ก็เข้าท่านะ แต่ว่า... ชื่อแรกนี่มัน... ซัลลอสอ่านออกเสียง
“อันดับ 1 ซัลลอส ทีม C เทพแดงผู้โมโหร้าย
อันดับ 2 ฟาราส ทีม B ราชสีห์แห่งเที่ยงคืน
อันดับ 3 ซีเร ทีม C พี่สาวผู้เย็นชา
...
...
เดี๋ยว ที่เขียนมานั่นมันทีมตัวเองทั้งนั้นเลยนะโว้ย!” ซัลลอสโวยวาย เขาวางกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะก่อนจะตบดังป๊าบ “แล้วชื่อฉันชื่อแรกนี่มันอะไรกันวะ!”
“พี่เก่งไง ต้องออกคนแรก ที่สำคัญโดนผู้หญิงทำออกด้วย”
“ป้านายสิออกคนแรก”
“ป้าผมไม่ได้มาแข่งนะ” มาร์บัสตอบด้วยสีหน้าใสซื่อ...
ซัลลอสขี้เกียจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับมาร์บัสจึงหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาหมายจะฉีกทิ้งเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นชื่อของใครบางคนที่อยู่อันดับเก้า
อันดับ 9 เซพาร์ ทีม B กำจัดกลางๆ เพราะไม่รู้ระดับความเก่ง
“เดี๋ยวนะ เอาแฟ้มประวัติมาดิ!” ซัลลอสกระชากแฟ้มประวัติมาจากมือของมาร์บัส เขาเปิดไปยังประวัติสมาชิกทีม B เพื่อดูหน้าเจ้าของชื่อเซพาร์
...แล้วก็เป็นไปตามคาด เป็นคนเดียวกับที่เขาไม่อยากเจอจริงๆ ด้วย!
“ผู้หญิงร้อยเล่ห์นี่มาได้ไงวะ โว้ยยย หงุดหงิดชิบบบบบ” โวยวายตามซัลลอสสไตล์เสร็จก็ยัดกระดาษรายชื่อคืนให้มาร์บัส ก่อนจะลุกขึ้นกระทืบเท้าไปยังประตูด้านข้างอย่างไม่พอใจอะไรซักอย่าง... มากด้วย!
มาร์บัสตะโกนไล่หลังหมายจะกวนประสาท “นั่นพี่จะไปไหนครับ”
“ไปห้องน้ำ!”
ปัง!
เสียงปิดประตูดังขึ้นไม่นาน เสียงอะไรบางอย่างก็ดังตามมา
ตู้ม!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
“นั่นเสียงระเบิด?” มาร์บัสขมวดคิ้ว ขณะที่ไพมอนยักไหล่ สายตาเหลือบมองหน้าประวัติของผู้หญิงคนที่ซัลลอสเปิดค้างไว้...
“ท่าทางจะออกเพราะผู้หญิงจริงๆ ด้วยแฮะ”
หงุดหงิด...
ซีเรอ่านท่าทางของซัลลอสที่นั่งเท้าคางเซ็งๆ อยู่บนโซฟา หลังจากเกิดเหตุโกลาหลอยู่พักใหญ่ ซัลลอสจอมทำลายล้างก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากที่คุมขังหรือก็คือโบกี้ทีม C ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันจนกว่าเกมจะเริ่ม
แล้วเมื่อไรล่ะที่เกมจะเริ่ม ซีเรได้แต่ถอนหายใจ
“นี่ฉันกินกาแฟไปแก้วที่ร้อยแล้วนะ ไม่เห็นเกมจะเริ่มซักที คอยดูเถอะ เริ่มเกมเมื่อไรพ่อจะระเบิดแม่งให้หมดเลย! หงุดหงิดโว้ยยยย”
บ่นเสร็จก็ตบท้ายด้วยการเดินไปชงกาแฟแก้วที่ร้อยหนึ่ง
“ที่เกมไม่เริ่มเพราะเค้าอาจจะบวกเวลาซ่อมรถไฟก็ได้นะครับ” มาร์บัสแซวขำๆ
“ไม่เห็นจะพังเท่าไร”
“ไม่พังเลยครับพี่ แค่เสียหายไปสามโบกี้ติดๆ เท่านั้นเอ๊งงง” ไอ้ตัวป่วนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “นี่แค่ได้ยินชื่อนะยังโมโหจนพังไปสาม ถ้าเจอตัวมีหวังระเบิดรถไฟตายกันหมดแน่ๆ”
“ถ้าไม่หยุดพูดฉันจะระเบิดหัวแกให้ตายคนแรกเลยเป็นไง” ซัลลอสทำท่าจะพุ่งเข้ามาจัดการจริงๆ เจ้าเด็กแสบก็เลยวิ่งมาหาซีเรหวังให้เธอช่วยชีวิต แต่หารู้ว่าถ้ามีโอกาสพี่สาวผู้เย็นชาคนนี้อาจจะเป็นคนลงมือคนแรกก็ได้!
ซีเรมองไปยังความมืดมิดที่นอกหน้าต่าง
“เกมจะเริ่มตอนไหน...”
“นั่นดิ... นี่ฉันจะชงกาแฟแก้วที่ร้อยสองได้อยู่แล้ว” ซัลลอสเอ่ยขึ้นพลางยกแก้วกาแฟที่ไม่รู้ว่าร้อยหนึ่งหรือร้อยสองขึ้นดื่ม
“คิดว่าพอมีเวลา... ชงกาแฟแก้วที่ร้อยสามยังทันนะครับ”
“ไม่กงไม่กินมันละ ร่างกายอยากปะทะ”
“ตามใจพี่...” มาร์บัสยักไหล่แล้วจู่ๆ ก็กุมหัวหลับตาลง “กระแสจิตผมจับอะไรบางอย่างได้อ่ะพี่... รู้สึกว่าในเกมจะมี... สะ...”
กุกกักๆ
กุกกักๆ
ยังไม่ทันที่มาร์บัสจะพูดจบประโยคโบกี้รถไฟก็เริ่มสั่นน้อยๆ ก่อนจะเพิ่มความรุนแรงจนข้าวของกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง ซีเรกระชับดาบในมือให้แน่นขึ้นไปอีก เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแต่ว่าความสว่างตรงหน้าค่อยๆ เลือนหายไป... ความมืดมิดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
ทีละน้อย... ทีละน้อย...
สายลมเบาบางโอบล้มรอบตัวเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบา แล้วไม่นาน
สติที่เคยมีก็ค่อยๆ เลือนหายไป...
~ประกาศ ขณะนี้ผู้เล่นทุกคนได้เข้ามาอยู่ในเกมเรียบร้อยแล้วค่ะ... ประกาศ ขณะนี้ผู้เล่นทุกคนได้เข้ามาอยู่ในเกมเรียบร้อยแล้วค่ะ... หลังจากนี้ทางระบบจะขอทำการประกาศกติกาการเล่น ขอให้ผู้เล่นทุกท่านตั้งใจฟังให้เข้าใจค่ะ~
เสียงที่ดังมาจากระบบทำให้ซีเรค่อยๆ ได้สติที่เลือนหายไปพักนึงกลับคืนมา เธอรู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่ไหนซักที่ ดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นมาช้าๆ
สิ่งแรกที่เธอมองเห็นคือดวงจันทร์เต็มดวงที่ส่องแสงอยู่เบื้องบน ซีเรชันตัวลุกขึ้นมานั่ง มือที่ยันพื้นสัมผัสได้ถึงเศษดินและใบ้ไม้แห้ง... หญิงสาวสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะลุกขึ้นมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ ในความมืดมิดนั้นจะมีก็แค่แสงจากดวงจันทร์ที่คอยให้ความสว่าง
ที่นี่เหมือนจะเป็นป่า
เธอสรุปเอาจากต้นไม้มากมายที่รายล้อมอยู่ มือซ้ายกระชับดาบเข้าหาตัวเหมือนที่ชอบทำเสมอ แต่ทว่า...
“... ไม่มี” ซีเรขมวดคิ้วเมื่อสิ่งที่เคยมีกลับหายไป
หายไปได้ยังไง? มันไม่ควจะหายไปตอนนี้สิ! ซีเรเริ่มร้อนลน เธอพยายามค้นหาดาบในตัวอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบอะไรเลย แม้แต่มีดสั้นที่มักจะพกเป็นอาวุธสำรองก็หายไป!
กรอบ
เสียงเหมือนใครเหยียบกิ่งไม้หักเรียกให้เธอหันไปมอง ในความมืดมิดนั้นเธอพบอะไรบางอย่างที่จ้องมองมาด้วยแววตาแดงฉาน!
~ตอนนี้ทุกคนได้อยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ ต่อไปจะเป็นการประกาศกติกาการเล่นเกมซึ่งกำหนดไว้ 3 ด่านด้วยกัน กติกาแต่ละด่านทางระบบจะประกาศเมื่อถึงเวลาเริ่มด่านนั้นค่ะ
สำหรับเกมในด่านแรกมีชื่อว่า ‘เกมผู้ล่า!’
เกมนี้ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับผู้ช่วยเป็นเทพประจำจักราศีตามราศีเกิดที่ได้ลงทะเบียนไว้ ความสามารถของผู้ช่วยจะเชื่อมโยงกับผู้เข้าแข่งขันโดยตรง แต่โปรดระวังจุดอ่อนของผู้ช่วยให้ดี
ในด่านนี้จะมีการกำหนดสถานะผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมผู้ล่าหนึ่งทีมและทีมผู้ถูกล่าอีกสองทีม
ผู้ล่า มีหน้าที่ล่า และทำให้ผู้ถูกล่าออกจากการแข่งขัน
ผู้ถูกล่า มีหน้าที่หนีการตามล่าเพื่อรอเวลาเปลี่ยนสถานะ
ลำดับทีมผู้ล่าถูกกำหนดจากลำดับคนแรกของทีมที่มาลงทะเบียน คือ ทีม C ทีม A และทีม B ตามลำดับค่ะ และสถานะของผู้ล่าจะถูกเปลี่ยนสู่ทีมต่อไปทุก 1 ชั่วโมง ย้ำ สถานะของผู้ล่าจะถูกเปลี่ยนทุกชั่วโมง
หากมีข้อสงสัยให้หาคำตอบเอาเองค่ะ หลังจากนี้ขอให้ทุกท่านเตรียมพร้อม ระบบจะทำการเริ่มเกมภายในเวลา...
5
4
3
2
1
...Game Start!
“วิ่งงงงงงงง~”
“...”
“อ้าว ไม่วิ่งเหรอฮะ” เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชูมือขึ้นอย่างเริงร่าหันมาถามไพมอน เขาหัวเราะขำๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กสาวอีกคนที่ถักเปียสองข้าง และมีหน้าตาเหมือนเด็กผู้ชายเป๊ะ เด็กทั้งสองน่าจะอายุราวๆ เจ็ดแปดขวบ ตัวสูงเกินเอวเขามานิดเดียว
“ตอนนี้ยังไม่มีแรงวิ่ง สนใจจะวิ่งนำไปก่อนไหมหนูน้อย” ไพมอนเอ่ยทักเด็กน้อยสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ฮะ ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่อเจฮะ” เด็กผู้ชายเอ่ยก่อน
“หนูชื่อมินี่” เด็กผู้หญิงเอ่ยตาม ก่อนทั้งคู่จะประสานมือกัน ชูขึ้นไปด้านบน แล้วพูดขึ้นพร้อมกันว่า
“เราสองคนคือเทพคนคู่แห่งราศีเมถุน!”
ฉับพลันฟ้าก็ผ่าลงมา!
อ้าว ไม่เห็นมีแฮะ นั่นเป็นแค่จินตนาการด้านมืดของเขาเองเหรอ ฮ่ะๆ
“เจมินี่งั้นเหรอ” ไพมอนทวนคำก่อนจะหัวเราะน้อยๆ ในลำคอ พอจะเข้าใจคำว่า Zodiac Theme ธีมในปีนี้ที่เกี่ยวกับจักราศีขึ้นมานิดหน่อย “เป็นแฝดกันใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ฮะ / ค่ะ”
“แล้วทำอะไรได้บ้าง”
“แปลงร่างค่ะ แค่มีแบบให้เห็นไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ดอกไม้ พงหญ้าพวกเราแปลงได้หมดเลย” มินี่พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ไพมอนหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อยทั้งสอง
“ลุงจะให้เราแปลงร่างเป็นอะไร แปลงเป็นลุงไหมฮะ”
ไม่ว่าเปล่าเจยังดีดนิ้วดังเป๊าะ ฉับพลันเจ้าตัวเล็กที่เคยเป็นเด็กน้อยก็มีรูปร่างเหมือนเขาทันที! ไพมอนไม่ได้สนใจสรรพนามแก่เกินวัยที่เด็กน้อยเรียก แต่กลับสนใจความสามารถพิเศษนั้นมากกว่า
ธีมราศีของปีนี้เจ๋งชะมัดเลยแฮะ!
“เอ้า แปลงร่างสิมินี่ เดี๋ยวลุงไม่เชื่อว่าทำได้!” เด็กน้อยเจหันไปสะกิดมินี่ยิกๆ เด็กสาวที่กำลังเล่นซนเด็ดดอกไม้จึงหน้ามุ่ย แต่ก็ยอมดีดนิ้วแปลงร่างเป็นไพมอนอีกคน
ไพมอนต้นแบบกะพริบตาปริบๆ มองดู ไพมอนน้อยอีกสองตัว เอ้ย! สองคนตรงหน้า พอมองคนที่หน้าเหมือนตัวเองกระโดดวิ่งเล่นเหมือนเด็กก็เป็นอีกครั้งที่หัวเราะออกมา
“เจ มินี่” ไพมอนเรียกก่อนเด็กสองคนจะวิ่งเล่นเตลิดไปไกล พอดีได้ยินทั้งสองก็รับคำอย่างแข็งขัน
“ฮะ / ค่ะ”
“ตอนนี้ลุงยังไม่มีไฟในการออกล่า...”
“...”
“...เพราะงั้น...ไปดูดาวกันดีกว่า เนอะ”
ว่าจบไพมอนตัวจริงก็หมุนตัวออกเดินหมายจะหาจุดดูดาวที่ชัดที่สุด เด็กน้อยไพมอนสองคนวิ่งอย่างเริงร่าตามมาพลางส่งเสียงเจี๊ยวจ้าวลั่นป่า
“แล้วเราต้องกลับร่างเดิมไหมฮะ”
“อยู่ร่างนั้นนั่นแหละ ดูสับสนดี ฮ่ะๆ”
อีกด้านหนึ่งของป่า
ซีเรมองหน้าเจ้าของดวงตาแดงฉานที่จ้องมายังเธอ มันเป็นวัวตัวใหญ่ที่มีขนสีขาวสะอาดไปทั้งตัว ซึ่งหลังจากฟังกติกาแล้วเธอก็พอจะสรุปได้ว่านี่น่าจะเป็นเทพแห่งราศีพฤษภแบบที่ระบบบอกว่าจะมาเป็นผู้ช่วย
แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้ามีความสามารถพิเศษคือการพูดได้ อย่างน้อยก็น่าจะมาในร่างคน จะได้ไม่ดูพิลึกพิลั่นแบบนี้!
“เมื่อเข้ามาในเกมสิ่งที่เข้าข่ายเป็นอาวุธทุกชนิดจะถูกยึด หรือแม้กระทั่งพลังจิตก็จะถูกสะกดไว้ขอรับนายหญิงแต่ถ้านายหญิงที่รักมีอะไรให้ทอรัสคนนี้รับใช้ กระผมก็พร้อมจะพลีกายถวายตัวยอมเป็นทูนหัวของนายหญิงสุดใจขาดดิ้น~”
ไปดิ้นไกลๆ ตรงนู้นไป๊
ประโยคที่ทอรัสพูดทำให้ซีเรมั่นใจได้ว่าตัวเองคงจะทำกรรมไว้มากจริงๆ ไม่งั้นคงไม่ต้องหนีคนพูดมากมาเจอคนพูดมากแถมยังหื่นกามอีกคนแบบนี้หรอก!
“นายบอกว่าพอเข้ามาในเกมทุกคนจะถูกยึดอาวุธ?”
“แม่นแล้วขอรับ”
ซีเรขมวดคิ้วอย่างหนัก สิ่งที่เกลียดมากที่สุดคือการไม่มีดาบหรืออาวุธ โดยเฉพาะการเข้ามาในเกมที่ทุกนาทีคือความเสี่ยงแบบนี้ แน่นอนว่าต่อให้ตัวเองได้เป็นผู้ล่า ก็คงจะไม่มีหน้าไปจัดการใครได้...
“แต่เทพประจำราศีไม่ถูกยึดอาวุธนะขอรับ”
คำพูดของทอรัสทำให้ซีเรหัวขวับ ก่อนจะเลิกคิ้วถาม
“แปลว่านายมี?”
“ไม่มีครับ”
ซีเรมองหน้าเจ้าวัวทอรัสอย่างหงุดหงิด เมื่อมันเห็นแบบนั้นก็พยายามจะยื่นหน้าเข้ามาเลียแขนเธอเพื่อเอาใจ
“...ถึงกระผมจะไม่มี แต่ก็มีราศีนึงที่มี”
“...”
“ธนูไงขอรับ!”
ซีเรกรอกตา ธนูเหรอ พอใช้แทนกันได้แฮะ แล้วก็ถ้าจำไม่ผิดมาร์บัสมันบอกว่าตัวเองเป็นนักธนูนี่เนอะ เพราะงั้นคนที่จะได้ตัวแทนราศีธนูเป็นผู้ช่วยก็คงจะเป็นหมอนี่แหละ
ถึงจะเป็นทีมเดียวกัน แต่ถ้าเพื่ออาวุธต่อให้ต้องกำจัดก็คงต้องทำ!
“ทอรัส นำทางไป”
“นายหญิงจะไปไหนขอรับ?”
“ไปเอาธนู!”
ทอรัสเดินนำซีเรเพื่อไปหาที่อยู่ของมาร์บัสตามที่ได้รับคำสั่ง เนื่องจากเป็นเทพที่อยู่ในทีมเดียวกันจึงสามารถระบุตำแหน่งของเทพประจำราศีอื่นได้อย่างคร่าวๆ ทอรัสกำลังกังวล แม้จะรู้ดีว่าซีเรเก่งกาจ แต่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่านักธนูอย่างซาจิก็เก่งไม่แพ้กัน เผลอๆ อาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ!
แต่นายหญิงก็คงมีทางของนายหญิงล่ะมั้งนะ
ซีเรเดินตามทอรัสไปได้ไม่นาน เทพประจำราศีพฤษภก็ชะงักฝีเท้า
“เหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าขอรับ น่าจะมีใครบางคนกำลังเดินมา จัดการเลยไหมครับ”
“หลบก่อน”
“แต่เราเป็นฝ่ายผู้ล่านะขอรับ” ทอรัสท้วงอย่างงงๆ
“ตอนนี้ฉันไม่พร้อมสู้ ถ้าได้อาวุธเมื่อไรค่อยออกล่า” ซีเรว่าก่อนจะเดินนำทอรัสไปยังต้นไม้ใกล้ๆ เพื่อซ่อนตัว แต่ทว่าทอรัสตัวใหญ่เกินกว่าต้นไม่จะบังมิด เจ้านั่นเลยถูกถีบกระเด็นให้เข้าไปในโซนความมืดที่แสงจากดวงจันทร์ส่องไปไม่ถึง
ซีเรค่อยๆ โผล่หน้าออกไปจากต้นไม้เมื่อมองดูผู้มาเยือน พอเห็นสิงโตที่เดินเคียงคู่มากับผู้ชายคนนั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคนคนนี้น่าจะเป็นฟอราส ทีม B หรือราชสีห์แห่งเที่ยงคืนที่อยู่ในลิสต์อันดับแรกๆ ที่มาร์บัสมันเขียนให้กำจัดออก
ฟอราสเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมสีทองยาวสลวย ซึ่งผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจ เพราะเป้าหมายของเธอมีแค่ฟอราสเท่านั้น
แต่ทว่าน่าเสียดายเพราะปัญหาของเธอไม่ได้อยู่แค่ว่าไม่มีอาวุธ
แต่มันอยู่ตรงวิธีกำจัดที่ระบบไม่ได้บอกมาด้วยเนี่ยสิ!
“ตอนนี้เราเป็นฝ่ายถูกล่า สิ่งที่ต้องทำคือการหาที่ซ่อนดีๆ แล้วรอเวลาเปลี่ยนสถานะ อย่าบุ่มบ่าม เข้าใจใช่ไหมไอม์” ฟอราสพูดกับผู้หญิงคนข้างๆ ในขณะที่เธอก็กรอกตาอย่างเซ็งๆ
“ฉันจะไปบุ่มบ่ามทำอะไรได้เล่า ปืนก็ไม่มี ว่าจะเอามายิงทีมอื่นซักหน่อย โดนยึดอีก โคตรเซ็งเลย!”
“ทำตัวให้สมกับหน้าตาหน่อยได้ไหมเธอน่ะ”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทำไม สวยแล้วเถื่อนไม่ได้เหรอ” เจ้าของใบหน้าหวานเถียงด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด สีหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ
“งั้นลองทวนแผนการของทีมมาสิ ถ้าบอกได้ฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีกเลย”
“ซ่อน ซ่อน ซ่อน จนกว่าจะถึงเวลาออกล่า พอถึงเวลานั้นก็ให้ล่อทีมอื่นมาหานาย เพราะคนอื่นในทีมอ่อน แต่นายเก่งที่สุด พอใจไหม”
“ดีมาก ถ้างั้น...”
ซีเรมองตามแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินห่างออกไป สองคนนั้นเดินไปแถวๆ ที่ที่เธอพึ่งจากมา เพราะงั้นถ้ารีบไปหามาร์บัสเพื่อเอาธนูแล้วกลับมาจัดการก็น่าจะทัน
“ทอรัส พาฉันไปหามาร์บัสด่วน!”
“ขอรับ?” ทอรัสรีบวิ่งออกมาจากพุ่มไม้เพื่อรับคำสั่ง
“หลังจากได้ธนู ก็ถึงเวลาออกล่าแล้ว!”
ซีเรหักนิ้วดังกรอบ จริงจังอย่างยิ่งกับการทำหน้าที่เป็นผู้ล่าที่ดี ถ้าเธอกำจัดคนที่เป็นเสาหลักของทีม B ได้ ต่อให้เหลืออีกสามคนก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทีมของเธอยังมีทั้งซัลลอส และไพมอน
สองคนนั้นน่าจะพอพึ่งพาได้
ซีเรวางแผนมีความหวัง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่เป็นความหวังของเธอนั้น...
...
“ลุงฮะดาวนั่นเค้าเรียกดาวอะไร” ไพมอนมองเด็กน้อยเจในร่างแปลงของเขา ริมฝีปากบางเริ่มเอื้อนเอ่ยตำนานที่เคยได้ยินออกมา
“เค้าเรียกว่าบีเทลจุส เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวนายพราน...เค้าเชื่อกันว่า...”
ถ้าซีเรรู้ความจริงว่าไพมอนกำลังทำอะไรอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเธอจะยังกล้าฝากความหวังไว้กับเขาไหม
แต่เพราะความสนุกของเกมคือไม่รู้ว่าใครกำลังทำอะไร
ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเกมจะดำเนินไปยังทิศทางไหน
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็เลยต้องเล่นต่อไป... เล่น... จนกว่าจะถึงบทสุดท้ายของเกม ... ใช่ไหมล่ะ J
(จบตอน)
#บันทึกพิเศษ (@ถ่ายทอดสด)
“เอาล่ะคร้าบบบ เกมอันน่าตื่นเต้นก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว! เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ก็อาจจะมีทีม หรือคนที่ตัวเองเชียร์อยู่ในใจเรียบร้อย คนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ก็สามารถส่งข้อความมาให้กำลังใจกันได้ที่หน้าเว็บไซต์ เดี๋ยวช่วงหน้าเราจะมาตอบทุกข้อสงสัยกันนะครับ
สำหรับช่วงนี้ ใครที่กำลังเชียร์ทีมถูกล่าก็ลุ้นกันหน่อยนะครับ เพราะซีเรนี่ออกล่าอย่างหนักหน่วงจริงๆ ส่วนใครที่เชียร์ทีมล่าอย่างทีม C ก็อย่าลืมช่วยกันตามหาว่าซัลลอสไปหลบอยู่มุมไหน ที่สำคัญช่วยเชียร์ให้ไพมอนลุกขึ้นมาออกล่าเร็วๆ ด้วยนะคร้าบบบ
สำหรับช่วงนี้พักชมโฆษณาที่น่าสนใจซักครู่แล้วเดี๋ยวมาติดตามชมการเล่นเกมของเล่าผู้กล้ากันต่อในตอนหน้า อีกไม่นานเกินรอ!!”
พบกันตอนต่อไป...
ตอนที่ 3 ก่อนสิงโตจะคำราม
---------------------------------------------
Time Trip : Zodiac Theme
ผู้แต่ง : Pacemaker
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ก่อนออกเดินทาง | 12 ก.พ. 59 |
| 2 | ก่อนจะเริ่มล่า | 09 มี.ค. 59 |
| 3 | ก่อนสิงโตจะคำราม | 15 มี.ค. 59 |
| 4 | ก่อนออกจากการแข่งขัน | 24 มี.ค. 59 |
| 5 | ก่อนใครบางคนจะกลับมา | 31 มี.ค. 59 |




ข้อเสียเปรียบของเรื่องนี้นะครับ คือเรื่องนี้มีตัวละครเยอะ และเป็นธีมการต่อสู้หักเหลี่ยม
ดังนั้นความจริงแล้วต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างเยอะทีเดียว ในการปูพื้นตัวละครแต่ละตัว หรือการพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกฎ/ระบบในการต่อสู้
ซึ่งพอเป็นการประกวดที่จำกัดมาแค่ 5 ตอน มันทำอย่างที่ว่ามาไม่ได้
จุดที่ต้องชมเชยเลยนะครับ คือบทบรรยายและไดอะล็อกมีความมันส์อะไรบางอย่าง
กระชับและมีพลังดี
การสะกดก็เช็กมาอย่างละเอียด หาคำผิดไม่ค่อยเจอเลย : )
ดาวิษ ชาญชัยวานิช