EN05 Draconic Chronicle

ในโลกที่เวทมนตร์เป็นสิ่งต้องห้าม อากาเบล มังกรผู้สูงส่งพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ และถูกพันธสัญญาผูกพันชีวิต เมื่ออิสรภาพของเธอขึ้นอยู่กับมิตรภาพต่อศัตรูคู่แค้น ตำนานบทใหม่ของอัศวินกับมังกรจึงเริ่มต้นขึ้น

ผู้แต่ง

Vicenski

0%

ตอนที่ 2/5 : The Beginning and The End


2

                หมู่บ้านมนุษย์ที่ใกล้สเนียเซนี่ที่สุดตั้งอยู่อีกฟากของผืนน้ำแข็ง พ่อกับอากาเบลเคยไปที่นั่น ทั้งคู่ต่างบินโฉบต่ำเหนือระดับหลังคาเรือน และเหยียดปีกจนสุดพังผืดเพื่อบดบังแสงอาทิตย์ พลันชุมชนของมนุษย์ก็ถูกความมืดมิดกลืนกินอย่างรวดเร็ว พวกมันพากันขาแข้งอ่อน กรีดร้องหวาดกลัวชวนขบขัน ไม่ก็วิ่งหนีตายหาที่หลบภัยกันจ้าล่ะหวั่น

มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สนุกที่สุดในชีวิตของเธอ ตอนนั้นเธอคำรามด้วยความสุขใจที่ลูกธนูของพวกมนุษย์ร่วงหล่นลงพื้นแทนที่จะพุ่งทะลุเกล็ดของเธอ เธอใช้กรงเล็บเกาะบนยอดสิ่งก่อสร้างสูงชะลูดทำจากหิน รูปร่างของมันแตกต่างไปจากเรือนหลังอื่น ๆ ที่เป็นไม้เก่าผุพัง ตราสัญลักษณ์ที่เธอจำได้เพียงเส้นตรงไม่กี่เส้นประทับเหนือประตูมีไม้เลื้อยพันธนาการ

                เมื่อถึงคราวพ่อคำราม เสียงของท่านนั้นทรงพลังเสียจนแผ่นดินสนั่นสั่นไหว อากาเบลไม่เคยและคงไม่มีวันคำรามได้น่าเกรงขามเช่นนั้น หรือแม้กระทั่งเทียบเคียงพละกำลังและความสง่างามของพ่อ ตระกูลของเธอเป็นมังกรสีเงิน ทว่าเกล็ดของพ่อนั้นเป็นสีเงินจางจนเกือบเป็นสีขาวปลอด ซึ่งจะส่องประกายเล่นแสงดังเพชรแร่ระยิบระยับบนฟ้าสีครามยามต้องแสงอาทิตย์

                มนุษย์ในชุดยาวสีขาวหลายคนวิ่งออกมาจากสิ่งก่อสร้างที่อากาเบลกำลังเกาะอยู่ แล้วเปล่งวาจาคาถาบางอย่างที่ทำให้มนุษย์คนอื่นเริ่มกลับมามีสติ ไม่วิ่งเตลิดเข้าป่าหรือเผลอเหยียบกันเองท่ามกลางความโกลาหลอีกต่อไป พวกชุดขาวคืออะไร มีฐานะสูงส่งอย่างไร เธอไม่รู้และไม่สนใจ นอกจากหันไปเยาะเย้ยให้พ่อฟังว่าพวกมันทำอะไรเพทราดีไม่ได้หรอก แล้วท่านก็จะหัวเราะชอบใจกับเธอ

ตระกูลของเราเกิดมาเพื่อรับใช้กษัตริย์ ไม่มีมังกรตัวไหนในสเนียเซนี่ที่มีเกล็ดสีเงินสว่างสวยงามเหมือนตระกูลของเธอ เพราะพวกกีออสไม่มีเกล็ดคอยปกป้องอย่างเรา พวกมันจึงถูกมนุษย์ฆ่าตายอย่างง่ายดาย ไม่เหมือนเพทราดีซึ่งอาวุธใด ๆ ก็ตามของมนุษย์ทำอันตรายไม่ได้ ข้าภูมิใจในตัวเจ้า อากาเบล คำพูดนี้ไม่ต่างไปจากคำเชยชมของราชามังกร

                อยู่ ๆ พ่อก็พ่นลมหายใจร้อนระอุลอดไรฟันออกมา ก่อนท้องฟ้าครามจะมืดมิดลงทันใด

เจ้าถูกพวกมนุษย์ทำร้าย โดนดาบเหล็กธรรมดาแทงเข้า แล้วยังโดนควักดวงตาไปเป็นของขวัญให้พวกมันได้เล่าขานให้ลูกหลานฟังว่ามังกรพันธุ์เพทราดีนั้นอ่อนแอและง่ายดายที่จะสังหารเพียงใด! น่าสมเพชสิ้นดี เหตุใดเจ้าถึงกล้าที่จะทำลายทุกเกียรติยศของเรา? เหตุใดเจ้าถึงพึงพอใจที่จะโยนเกียรติและศักดิ์ศรีของทหารเอกในกองทัพราชามังกรทิ้งไป

อากาเบลผงะเกือบตกจากยอดเรือน เธอพยายามอ้าปากปฏิเสธ แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา

พวกเสนียดกีออสยังทรงคุณค่ายิ่งกว่าเจ้าเสียอีก เพราะอย่างน้อยพวกมันก็ไม่มีศักดิ์ศรีหรือเกียรติให้ทิ้งขว้างเล่นเหมือนที่เจ้าทำ อีกทั้งอัศวินที่ลงดาบก็ไม่ใช่เจ้าคนที่สวมเต็มยศ นั่นมันอัศวินฝึกหัดด้วยซ้ำ! เป็นแค่ลูกหาบอัศวินที่ข้าเห็นพวกมันตายแล้วตายเล่าในสนามรบ ทำไมเจ้าถึงยังไม่ออกไปจากสเนียเซนี่ซะ? เศษสวะโสโครก เจ้ากลับมาทำไม ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”

                เป็นไปไม่ได้ เธอสาบานได้เลยว่าเธอไม่ได้พลาดท่า มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่มีทางที่พวกมนุษย์ขี้ขลาดจะเอาชนะเธอได้หากไม่แอบเล่นลูกไม้ตุกติก ไม่มีทางที่ความพยายามของพวกมันจะสามารถสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนที่เล็กที่สุดให้แก่เธอได้

                อากาเบลกระตุกขาหน้าหนี แต่ทั้งร่างกลับเซถลาตามไปด้วย จึงลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังงับขาหน้าข้างซ้ายอยู่ เธอกลอกตาเบื่อหน่าย พลางค่อย ๆ ละเขี้ยวที่ฝังกับเท้าออกมา น้ำลายไหลหนืดเปรอะพื้นถ้ำ ผสมกับร่องรอยเลือดกระปริบกระปอย แสงแดดยามสายที่แผดเผาใบหน้าทำให้เธอสับสน ก่อนจะจำได้ว่าเธอตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อสักการะราชามังกรจนเผลอหลับไป

                “ฝันร้าย?” อากาเบลพึมพำ แล้วฟาดหางกับผนังถ้ำจนเศษหินกระเด็น

เธอคลายความเมื่อยโดยการใช้หางม้วนซากกวางมากิน พลางชำเลืองมองต้นสนซึ่งสะบัดไหวตามแรงลมในป่าเบื้องล่าง พื้นที่สีเขียวยาวขึ้นมาตามสันเขาสีเทาอมน้ำเงินไล่ไปจนบรรจบกับเส้นขอบฟ้า กลายเป็นทิวทัศน์ที่ค่อย ๆ ดับความโหวงเหวงในอกลงไป เมื่ออิ่มหมีพีมัน เธอก็ยืดกายตรง กางปีกกว้าง แหงนหน้าขึ้น หลับตาลง และรำลึกถึงราชามังกรอีกครั้ง

                ไม่มีมังกรตัวไหนจะเปี่ยมล้นด้วยศรัทธาเท่าเธออีกแล้ว อากาเบลภาวนา หากราชาจะตอบรับความปรารถนา

                ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นเน่าก็ลอยมาแตะจมูกจัง ๆ พาลทำให้ทุกความคิดสะดุดกึกทันใด ซากสัตว์? เธอลืมตาโพลง หางสะบัด ปีกกระพือไล่ลม แต่กลิ่นดังกล่าวยังคงลอยตลบอบอวล จนเธอนึกอยากขย้อนเนื้อกวางที่ยังกองอยู่ในท้องออกมา เธอชะโงกหน้าออกไปตามหาต้นตอ พลางมองผ่านเนินหินซึ่งเชื่อมแต่ล่ะถ้ำของบรรดาเพทราดีลงไปยังถ้ำล่างสุด

ตรงกองหนามพิษซึ่งรายล้อมตีนเขาไม่มีซากของสัตว์ตัวไหนนอนอืดตายอยู่

                “ไอ้พวกโง่นั่นอีกแล้ว” อากาเบลสบถใต้ลมหายใจอย่างหงุดหงิด

เธอกระแอมไอน้ำเศษแข็งที่ติดค้างในลำคอทิ้ง จะระคายเคืองแย่หากเธอต้องใช้พลังทั้ง ๆ ที่ยังมีเกล็ดน้ำแข็งระเกะระกะอยู่ข้างใน ก่อนจะตัดสินใจบินลิ่วย้อนลมลงไปทันที กลิ่นเน่าหนอนของพวกกีออสยิ่งทวีคูณเมื่อระยะห่างระหว่างถ้ำข้างบนของเธอกับถ้ำข้างล่างของพวกมันย่นลงจนในที่สุด เธอก็ปรากฏตัวที่ปากถ้ำกะทันหัน

ภายในถ้ำเป็นความมืดสลัว ๆ คล้ายเวลาใกล้ค่ำ มันอับชื้นและยากต่อการหายใจ ผนังทุกส่วนคล้ายกับบีบเข้าหากันจนดูคับแคบอึดอัด คลื่นลมแน่นิ่งไร้การระบาย อากาเบลสบถคำหยาบคาย พลันดวงตาหลากสีข้างในก็หันขวับมาจับจ้องเธอ แล้วต่างรีบหลบหลีกเปิดทางให้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เยื้องย่างเข้าไปในถ้ำอันเน่าเหม็นของพวกมันเลยแม้แต่ปลายเล็บ

                “ตั้งแต่ตอนไหน?” อากาเบลตะคอกถาม

                มีเสียงพึมพำจากพวกกีออสเป็นคำตอบกลับมา

“เพิ่งตายเมื่อเช้าตรู่?” เธอจำเป็นต้องกลั้นหายใจหนีกลิ่นไปชั่วขณะ “ให้ตายเถอะ น่าขยะแขยงสิ้นดี”

                ร่างไม่ไหวติงของกีออสสีตุ่นนอนอยู่ข้างผนังถ้ำทางซ้าย ผิวหนังหย่อนยานบ่งบอกถึงวัยชรา ใต้ร่างของมันปรากฏมอสสีเขียวซึ่งกระจายไปตามโขดหินลึกเข้าไปด้านใน กลายเป็นสีเขียวสดใสเมื่อต้องแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านรูบนผนังถ้ำลงมาเป็นลำ แสงนั้นสัมผัสกับศพของกีออสอย่างแผ่วเบางดงามจนแทบดูศักสิทธิ์ ประหนึ่งราชามังกรทรงเปิดทางให้มันได้ขึ้นไปอยู่บนดินแดนสวรรค์ร่วมกับเพทราดีด้วยอย่างไงอย่างงั้น

เธอเปล่งเสียงผ่านรูจมูก ไม่มีทางซะหรอก พวกชั้นต่ำเหล่านี้ไม่มีทางได้รับแม้แต่เศษเสี้ยวความเมตตาของราชามังกรราชามังกรผู้เป็นเจ้าของเกล็ดสีนิลดั่งท้องฟ้าคืนไร้ดาว ดวงตาสีแดงฉานราวกับเลือด เสียงคำรามกึกก้องจากขุมนรก และลมหายใจเปลวเพลิง กษัตริย์อย่างท่านน่ะหรือจะยอมให้ดินแดนของท่านแปดเปื้อนไปด้วยพวกสวะกีออส?

                อากาเบลขบกรามกรอด ๆ กับความเงียบในถ้ำ “เงียบกันทำไมหา? จะรอเก็บไว้กินเล่นกันเองรึไง เอามันออกไปทิ้งซะ เจ้าพวกโง่ เหม็นศพมันจะตายชัก”

                กีออสละล่ำละลัก ก่อนจะตัดสินใจค้อมหัว มองหน้าพวกเดียวกันโดยไม่โต้ตอบ ท่าทางนั้นทำให้อากาเบลอดยกมุมปากขึ้นไม่ได้ แน่ล่ะ พวกมันคงไม่สามารถนึกถึงอะไรไปได้มากกว่าความไร้ประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นของพวกมัน

                “คราวนี้ก็เป็นใบ้กันอีก ไอ้พวกสับปะรังเค

                “พวกเราได้รับอนุญาตให้ฝังศพกีออสตามพิธีแล้วเจ้าค่ะ ตั้งแต่สี่ปีก่อน” กีออสสีแดงอ่อนชิงตอบ

                อากาเบลอ้าปากค้าง แล้วกวาดตามองกีออสแต่ล่ะตัวอย่างรวดเร็ว โทสะปะทุจากข้างในจนเปลี่ยนใบหน้าให้บิดเบี้ยวแดงจัดภายในพริบตา เธอได้ยินพ่อคำรามอย่างกราดเกรี้ยวอึกทึก “เพทราดีตัวไหนอนุญาต!?” และคำหยาบคายมากมายก็พรั่งพรูจากปากของท่าน แม้แต่เธอเองก็ยังต้องถดถอยหนี กระทั่งหยดน้ำค้างในถ้ำหยดลงมาโดนหางตา จึงรู้ตัวว่าเธอนั่นเองที่เป็นต้นตอคำถามดังกล่าว

                ใบหูของมันลีบติดกระโหลกทันใด ม่านตาขยายกว้างจนดูเหลอหลา อากาเบลข่มใจไม่ด่าทอเพิ่มว่านอกจากตัวจะไร้เกล็ดแข็งอย่างเพทราดีแล้ว ความฉลาดยังหาไม่ได้อีก เธอขบเขี้ยวแหลมดังกึก ๆ แทน แล้วระเบิดลมหายใจเฮือกใหญ่นำเอาละอองน้ำแข็งออกมาด้วย กีออสสีแดงอ่อนตัวนี้ไม่จำเป็นต้องตอบว่าเพทราดีตัวไหนกล้าแหกกฏเกณฑ์ของพ่อ

                เธอรู้ดีว่ามันเป็นใคร

                “เอาซากมันไปโยนทิ้งไกล ๆ ซะ” อากาเบลสั่ง “แล้วอย่าสะเออะไปฟังคำสั่งของเพทราดีตัวอื่นเด็ดขาด!

                ธรรมดาแล้วทันทีและทุกครั้งที่เธอหันหลังเตรียมจะบินกลับไปยังถ้ำของตน พวกกีออสซึ่งคอยก้มหน้ามองแต่เท้าของตัวเองตลอดเวลาจะกระวีกระวาดจัดการศพของกีออสตามคำสั่งอย่างว่องไวจนเสียงฝีเท้าเติมเต็มถ้ำอันอับเฉา ไม่นานกลิ่นเหม็นที่รบกวนประสาทจมูกของเธอจะถูกกำจัดไปจนหมดภายในพริบตา เพียงคิดแค่นี้เธอก็รู้สึกถึงชัยชนะที่เปี่ยมล้นแล้ว

                ทว่าครั้งนี้ เมื่อเธอหันหลังให้กับเหล่ากีออสพร้อมจะดีดตัวขึ้นสู่อากาศอีกครั้ง ความเงียบอันหนักหน่วงก็ได้ถ่วงเธอเอาไว้

                อากาเบลเหลียวหลังกลับไป ภาพของกีออสไร้การขยับเขยื้อนและศพที่ยังนอนนิ่งในสภาพเดิมสร้างความสับสนเป็นที่สุด เธอสะอึก หัวหมุนไปชั่วขณะ แล้วเร่งกระพริบตาด้วยความตระหนกว่าเธออาจจะกำลังฝันไป ทว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม แม้กีออสส่วนใหญ่ยังก้มหน้างุดดังเดิม แต่บางตัวในนั้นกลับกล้าที่จะสบตาเธอตรง ๆ

แววตานานาสีสันของพวกมันเต้นเร้าเหมือนเปลวเพลิงในลมหนาว

                “คำสั่งของข้าไม่ชัดเจนหรือยังไงกันหา?” อากาเบลขูดกรงเล็บกับพื้นถ้ำจนเกิดเสียงหวีด อุ้งเท้าสั่นระริก

                กีออสบางตัวกระตุกตัวหนีหายเข้าไปในเงามืด ทว่าบางตัวมีกึ๋นพอจะประลองสายตาก็ยังดื้อด้านต่อไป ลำคอของพวกมันตั้งตรงสง่าอย่างที่อากาเบลไม่เคยเห็นว่าสายพันธุ์ของพวกมันเคยทำมาก่อน มีแค่เพทราดีเท่านั้นที่ครอบครองลักษณะงดงามและมั่นใจดังกล่าว มันกล้าดีอย่างไรกัน? เธอขบฟันกรอด อยากกระโจนเข้าไปตะปบฉีกพวกมันเป็นชิ้น ๆ เหลือเกิน

                “ข้าต้องย้ำอีกรอบไหม ว่าให้เอามันไปทิ้งซะ” เสียงของอากาเบลยิ่งต่ำลง

                เป็นกีออสสีแดงอ่อนตัวเดิมที่ตอบคำถามเธอ มันเหลือบมองเพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวอื่นเงียบ ๆ ก่อนจะออกเสียงแต่ละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เพราะเหล่าผู้อาวุโสและท่านเอเมอร์รัลด์อนุญาตให้กีออสได้รับการฝังศพตามพิธีกรรมเทียบเท่ากับมังกรเพทราดีเจ้าค่ะ” มันเผลอกระเด้งถอยเมื่อถูกประชิดตัวทันควัน “ฉะนั้น

                “สวะอย่างพวกเจ้ามีสิทธิ์ที่จะได้รับการฝังศพ?” อากาเบลพยายามกระซิบถามด้วยความสุขุมที่สุด ทว่าน้ำเสียงของเธอกลับสั่นคลอนและเจือปนความหวาดระแวงลึก ๆ “เจ้าไร้ความคิดเสียจนเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งธรรมชาติจะดีใจจนร้องไห้ได้เลยรึไงที่ได้ขยะไปทำดินน่ะ? ฮึ น่าสมเพชอะไรขนาดนี้”

                กีออสสีแดงอ่อนเงียบกริบ ราวกับกลัวเหลือล้นจนควบคุมร่างกายไม่ได้อีกต่อไป

อากาเบลยิ้มเผยเขี้ยวแหลม รู้สึกระริกระรี้ไปทั้งตัวจนอยู่ไม่สุข “งั้นอาหารวันนี้ก็เป็นซากไอ้แก่นั่น คงอร่อยดี”

                “พะ-พวกเขาบอกว่า” มันพึมพำ

                กีออสสีแดงอ่อนเงยหน้าขึ้นมาเผชิญกับสายตาวาวโรจน์ของอากาเบล แต่หนนี้ดวงตาของมันกลับแข็งกร้าวกว่าเดิม แก้วตาใสเป็นวาววับ สะท้อนนัยน์ตาสีน้ำตาลแปลกปลอมของเธอเอง และแววความกลัวที่แปลกใหม่บนนั้น

“พวกเขาบอกว่าสเนียเซนี่ได้เปลี่ยนไปแล้ว” มันพูด “พวกเขาบอกว่าท่านแพ้ให้กับอัศวินมนุษย์

                ลำคอของอากาเบลปวดร้าวขึ้นมาทันใด อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอคำรามจนต้องโก่งคอ เส้นเสียงตีบตันและแหบแห้งไปอย่างน่าใจหาย สายลมนอกถ้ำอัดสูของกีออสพยายามชำระล้างอารมณ์เดือดดาล แต่มันไม่ช่วยให้เธอออมแรงของกรามที่กำลังขย้ำคอของกีออสสีแดงอ่อนและฉุดกระชากลากถูมันออกมายังลานกว้างกลางสเนียเซนี่แต่อย่างใด

                พวกมันรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนได้อย่างไร พวกมันต้องเข้าใจว่าเธอแพ้มนุษย์อย่างแน่นอน

                มีกีออสวัยหนุ่มแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นกล้าตามออกมานอกถ้ำ พวกไร้ประโยชน์ตัวอื่นมัวแต่ชะเง้อออกมาดูสถานการณ์อย่างประหวั่นพรั่นพรึง อากาเบลละจากลำคอของเหยื่อไปคำรามใส่ตัวอื่นที่พยายามหาโอกาสกระโจนเข้ามาขัดขวาง เธอใช้อุ้งเท้าตรึงกีออสใต้ล่างไม่ให้มันดิ้นหนี แล้วสาดลมหายใจน้ำแข็งเป็นยอดแหลมต่ำกักกันบริเวณเอาไว้

                พวกมันจะต้องแอบขำขันลับหลังเธอมาตลอดสี่ปีเป็นแน่

                อากาเบลแยกเขี้ยวจนน้ำลายไหลซึมตรงมุมปาก พลางก้มตัวจนแทบแนบติดกับพื้น ปีกกางกว้างและสะบัดข่มขู่ทุกครั้งที่หูได้ยินเสียงแม้แต่ปลายเท้าของกีออสตัวใดตัวหนึ่งขยับ แต่เพราะในที่นี้มีมังกรอยู่หลายตัว รวมถึงเพทราดีที่ต่างบินมาล้อมรอบ จึงสร้างความสับสนอลหม่าน ทำให้เธอลำบากที่จะรู้ว่าตัวไหนจะกระโจนเข้ามาสู้ หรือตัวไหนแค่พยายามชะเง้อมองให้ชัด

                เธอก้มขู่เหยื่อใต้เท้าซึ่งกำลังส่งเสียงโอดครวญอู้อี้ให้เงียบ วินาทีที่สมาธิไขว่เขว เพทราดีหลายตัวก็พุ่งชนอากาเบลจนเธอกระเด็นไปไกลจากร่างบอบช้ำของกีออสสีแดงอ่อน เธอลงแรงจิกเล็บลากเป็นเส้นจนตัวเล็บบิ่นเพื่อทรงตัว แล้วใช้ขาหลังดีดตัวไปปะทะกับหนึ่งในกลุ่มเพทราดีที่เข้ามาห้าม ตัวหนึ่งหลบหลีกเธอไปอย่างง่ายดาย ก่อนพวกที่เหลือจะกระโจนเข้ามารุมตรึงเธอไว้กับพื้นทันที

                “หยุด! ได้โปรด นางยังเป็นแค่เด็ก” แม่ตะโกนลั่นการต่อสู้ “อย่า อย่าทำร้ายนาง”

ความวุ่นวายซาลงฉับพลันเมื่อทุกมังกรหันความสนใจไปทางเหล่ามังกรอาวุโสทั้งห้าซึ่งเพิ่งบินมาถึง พวกเขาต่างมองมาที่เธออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง รวมถึงแม่ซึ่งปีกตกลู่ข้างตัวไร้ความสง่างาม ต้องหยุดหอบหายใจจนดูชราภาพไปเป็นสิบยี่สิบปี นางจำใจหลับตาลง แผ่นอกกระเพื่อมหนัก ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมุ่งไปดูแลกีออสสีแดงอ่อนแทน

                พวกมันรวมหัวกันจะแย่งอำนาจข้า!” อากาเบลตะกุยตะกายจะสู้ หัวใจเต้นกระหน่ำกับความว่างเปล่าข้างกายที่เคยเป็นที่ของแม่ทุกครั้งไป พวกมันปล่อยข่าวเพื่อจงใจจะทำลายชื่อเสียงของข้า!”

                “เกิดอะไรขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนกัน? มังกรเด็กเอ๋ย” หนึ่งในมังกรอาวุโสเอ่ยถามแทรก

                การโวยวายหยุดชะงักกลางคัน คำถามดังกล่าวไม่ได้ดังสะท้อนกับขุนเขาแต่อย่างใด ทว่าความเงียบงันโดยที่มีทุกมังกรจับจ้องมาที่เธอนั้นสร้างเสียงสะท้อนลวงหูในหัวของเธอเสียแทน อากาเบลแพ้มนุษย์ พวกมันคงกำลังคิดเช่นนั้น และกำลังทวีคูณความดังของเสียงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อกดดันเธอ

                “ไม่!” อากาเบลกรีดร้องออกมา “ข้าโดนพ่อมดทำร้าย ไม่ใช่อัศวิน!

                เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น พวกมันต้องคิดว่าทำไมเธอต้องร้อนรนเพียงนั้นด้วยอย่างแน่นอน

                “พ่อมด?” มังกรอาวุโสตาฝ้าขุ่นทบทวน อะไรทำให้เจ้ามั่นใจว่านั่นคือพ่อมด? มังกรเด็กเอ๋ย

เพราะมันสวมชุดสีขาว ไม่ได้ใส่เกราะเหมือนพวกอัศวิน จะมีไอ้เวรที่ไหนพกชาวบ้านใส่ชุดยาวรุ่มร่ามมาล่ะ? ถ้าไม่ใช่พ่อมดที่รู้จักเวทมนตร์คาถา ข้าไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับพ่อมดมาก่อน จึงบาดเจ็บกลับมาอย่างที่พวกท่านเห็นอย่างไงเล่า

ข้าไม่คิดว่าจะมีพ่อมดที่ไหนอยากรับใช้อาณาจักรมนุษย์ในช่วงนี้

                อากาเบลถลึงตาใส่แม่ที่พูดแทรกทันที ท่านกำลังกล่าวหาว่าข้าโกหก?”

                หากดูจากสถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรมนุษย์ มันออกจะเหลือเชื่อไปหน่อย” แม่พูด พลางขยับถอยให้กีออสตัวอื่นเข้ามาช่วยกีออสสีแดงอ่อนไป “พวกท่านทั้งหลายยังจำหลาย ๆ คืนที่เราเห็นควันไฟจากดินแดนมนุษย์บ่อย ๆ ได้หรือไม่? พวกนั้น…”

                “งั้นข้าก็จะไปฆ่าไอ้พ่อมดนั่น แล้วลากศพมันกลับมาเป็นหลักฐาน!” อากาเบลขัดประโยค “ข้าจะกลับไปยังที่ที่พวกท่านเจอข้าเมื่อสี่ปีก่อนเพื่ออธิษฐานถึงราชามังกรและพ่อให้เป็นพยาน!

                แม่ตกตะลึงไปอึดใจหนึ่ง ขาหน้าทั้งสองข้างจิกพื้นแนบแน่นเป็นที่ยึดมั่น นั่นทำให้หัวใจของอากาเบลพองโตแม้เพียงน้อยนิด ด้วยความคาดหวังว่าแม่จะล้มเลิกที่จะหักห้ามตัวเอง แล้วพุ่งมาปลอบโยนเธอ โอบกอดเธอด้วยปีกของนาง และหันไปบอกมังกรตัวอื่นว่าเธอไม่ผิด

                แต่นางไม่ได้ทำ นางเลือกที่จะเสมองไปทางอื่น ราวกับอับอายต่อฝูงชน

                ทำไมนางถึงไม่เคยเลือกที่จะอยู่ข้างเธอ? อากาเบลคำรามออกมา ก่อนจะไอโขลก ๆ พาเกล็ดน้ำแข็งฟุ้งกระจายออกมาด้วย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่วัยเด็ก เธอค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหลัง ยังคงก้มตัวเตรียมต่อสู้ขณะกวาดสายตาไปทุกมังกร เตรียมพร้อมจะต่อสู้หากตัวใดตัวหนึ่งทำท่าจะเข้ามาหา ร่างกายของแม่สั่นเทากับความห่างไกลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

                “เจ้าไม่เคยออกไปไกลกว่าสเนียเซนี่ มังกรเด็กเอ๋ย” มังกรอาวุโสบอก

                เธอเชิดศีรษะอย่างยะโส สบถคำหยาบคายใส่ความมั่นใจของอีกฝ่าย แล้วยันขากระโดดเพื่อโผบินออกไปจากตัวขุนเขา ความเกลียดชังและความโกรธแค้นแผดเผาเธอจนร้อนรุ่ม เธอจะออกไปจากที่นี่ เธอจะออกไปตามฆ่าไอ้อัศวินตาฟ้านั่น เธอจะไปให้พ้นหน้าแม่ หากนางปรารถนาเช่นนั้น

                แมกไม้สนซึ่งหนาทึบเป็นสีเขียวมาตลอดทางแหวกกว้างให้เห็นถึงทุ่งหญ้าติดทะเลสาบจากธารน้ำเส้นเล็กคดเคี้ยว สถานที่ที่เธอปะทะกับอัศวิน อากาเบลลดระดับการบินจากกลุ่มเมฆลงมา สร้างความโกลาหลให้แก่ครอบครัวหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ซึ่งกำลังจับปลาที่ตีนเขา พวกมันมุดหนีหายไปในป่าเร็วเกินกว่าที่เธอจะพุ่งไปจับใช้เป็นที่ระบายความโมโหได้

ราวกับว่าที่นี่ไม่เคยเกิดการต่อสู้ระหว่างมังกรกับมนุษย์มาก่อน ไม่ปรากฏร่องรอยใด ๆ ทั้งสิ้นให้เห็นอีก ไม่เหลือกลิ่นเลือดหรืออาวุธที่กระจัดกระจายของมนุษย์ ใต้ท้องฟ้าสว่างสดใสแห่งนี้ บริเวณที่ต้นไม้เคยล้มเป็นแนวมีกอไม้ผุดพ้นผืนดินขึ้นมารับอากาศเป็นที่เรียบร้อย อากาเบลไล่มองหญ้าเขียวชอุ่มตามพื้นที่เคยถูกอัศวินเหยียบย่ำจนเต็มไปด้วยโคลน แล้วสูดกลิ่นดินปลอดโปร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของป่าเข้าไปเต็มปอด

                ทุกสิ่งคล้ายกับกำลังเยาะเย้ยเธอเมื่อสี่ปีก่อนอย่างไงอย่างงั้น ความโกรธพลันพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เธอหันหาสัตว์ป่าเพื่อระบายอารมณ์ใส่ แต่ไม่เจอวี่แววแม้แต่ดวงวิญญาณ จึงจินตนาการถึงความรู้สึกของฟันที่จะได้กระทบกับเนื้อของสัตว์ ของพวกมนุษย์ และกระดูกแทน แล้วระเบิดลมหายใจน้ำแข็งสาดใส่เบื้องหน้าจนละอองหิมะปลิวว่อน

                อากาเบลรู้สึกละอายใจเกินกว่าจะกล้านึกถึงพ่อหรือราชามังกรได้

เธอตัดสินใจพุ่งลงกลางทะเลสาบเพื่อดับความรุ่มร้อนในใจ

                น้ำเย็นสดชื่นไหลเข้าปาก บรรเทาอาการเจ็บล้าของบาดแผลและหัวที่กำลังเต้นตุบ ๆ ให้หายไปชั่วขณะ อากาเบลหลับตา ปล่อยให้ร่างหนักอึ้งลอยคว้าง มันทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่ได้เล่นน้ำกับพ่อเมื่อนานแสนนาน เธอยังจำเสียงหัวเราะและบรรยากาศที่เบาสบายได้ พ่อคอยอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างจึงดี ถ้าหากมีท่านอยู่กับเธอในการปะทะด้วย

                ภาพของน้ำตกในความทรงจำลดความแจ่มชัดของสีลงจนกลายเป็นสีเทา ขอบฟุ้งกระจาย แล้วควันสีเทาก็แทรกซึมเข้ามาในกรอบมองเห็นมืดมิด

                กลิ่นเหม็นไหม้ของมันชวนแสบจมูกยิ่งนัก ก่อนควันสีเทาจะรวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างสีเข้ม มันเคลื่อนตัวผ่านไป เหล็กกระทบกระทั่งส่งเสียงไล่หลัง ปรากฏกลิ่นของหนังกับหินผสมผสานจนความสงสัยของอากาเบลเริ่มขยายหนัก พลันหนึ่งในรูปทรงนั้นก็เดินตรงมาหา สูงซะจนเธอต้องแหงนมองรอยยิ้มของอีกฝ่าย ก่อนมันจะเอ่ยทักทายเป็นภาษาต่างด้าว

เธอเข้าใจภาพที่เห็น เธอรู้จักมนุษย์คนนี้ แต่เธอไม่สามารถเรียกชื่อของมันได้

ควันสีเทากระจัดกระจายหายไปเมื่อเธอต้องลืมตาและแหวกว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำเพื่อรับอากาศหายใจ

                อากาเบลงุนงงจัดยามทบทวนมโนภาพเมื่อครู่ นั่นมันภาพบ้าอะไรกัน เธอมั่นใจว่าเธอเข้าใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่สามารถอธิบายได้ สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะหยุดคิดเมื่อทุกอย่างคือทางตัน ไม่ปล่อยให้มันมาทำลายช่วงเวลาสงบสุขอันน้อยนิดล้ำค่าของตัวเองไป เธอปิดเปลือกตาสนิท แล้วทิ้งร่างไปข้างหลังให้น้ำท่วมมิดจนสัมผัสแต่ความเย็นฉ่ำ

                ไม่รู้ว่าการลอยตัวอยู่กลางน้ำนานเกินไปทำให้ตัวเบาขึ้นหรือเปล่า บางทีสายน้ำอาจจะกลืนกินทุกส่วนของร่างกายเพื่อให้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แต่มันแปลกมาก น่าพิศวง ด้วยความอึดอัดพิกล อากาเบลพยายามกระเถิบหัวหลบพืชน้ำเป็นเส้น ๆ แต่มันก็ยังตามมาสะกิดไหล่อยู่เนือง ๆ เธอจึงขยับแขนจะไปตวัดพืชทิ้ง แต่กลับต้องฉงนกับช่วงแขนที่ยาวกว่าเดิม

                เธอลืมตา ภาพแรกที่เห็นคือผืนน้ำมีประกายแสงยามสาย และฝูงปลาตัวน้อยแหวกว่ายผ่านไป พืชสีเข้มเส้นเล็กนับร้อยลอยอยู่ข้างหน้า เธอจึงใช้แขนหน้าทั้งสองข้างปัดพืชน่ารำคาญนั่นทิ้ง พลันความตกใจก็หยุดการทำงานของร่างกายไปฉับพลัน ปากกำลังอ้าสบถ แต่ดันสำลักน้ำเสียก่อน จึงเผลอกลืนน้ำเข้าไปหลายอึกโดยไม่ได้ตั้งใจจนแสบคอกับจมูกระหว่างตะเกียดตะกายว่ายกลับขึ้นไปบนฝั่ง

                อากาเบลสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปากให้ได้มากที่สุดขณะปัดป่ายมือไปทั่วพื้นดิน พลางค่อย ๆ ดันร่างอ่อนเปรี้ยและเบาหวิวขึ้นไปนอนบนพื้นหญ้าแฉะซึ่งเป็นผลมาจากการที่เธอพุ่งร่างมังกรลงน้ำ หัวใจของเธอเต้นแรงจนรู้สึกคลื่นไส้ มือไม้สั่นเทากับความหนาวที่ไม่เคยประสบมาก่อน

เธอไล่สายตาจากรากไม้ตรงหน้าไปยังท้องฟ้าเบื้องบน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าป่าสนจะมีลำต้นใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ มันสูงแทบทะลุเมฆ ยอดโค้งเข้ามาเหมือนกรงขังสำหรับสัตว์ร่างเล็กกระจิ๊ดริดอย่างไงอย่างงั้น

                เสียงหอบระรัวของเธอไม่เหลือความทุ้มต่ำอีก

เงาซึ่งทอดทับรากไม้สนไม่ใช่ลักษณะของมังกร แต่เป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กบางไร้ปีกพังผืด

                อากาเบลหายใจเฮือกใหญ่ พลางข่มตาหลับ รู้สึกถึงปีกหนักอึ้งล่องหนบนแผ่นหลัง เธอพยายามเหยียดยิ้มและบอกกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความจริง ฝันร้ายต่างหาก หวังว่าพอลืมตาหรือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอจะได้ขำขันกับการที่ตัวเองนอนกลางวันจนฝันเป็นตุเป็นตะ ความกังวลถูกปัดเป่าหายไปเล็กน้อยด้วยเสียงขำแผ่วเบาของตน เธอจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมา

ทว่าเงาของมนุษย์ก็ยังไม่หายไป

เธออ้าปากกว้างเพื่อคว้าอากาศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางดึงมือซ้ายขึ้นมาดู แล้วค่อย ๆ กำนิ้วทั้งห้าเข้ามา จากนั้นจึงแบออก เห็นผิวหนังที่หดตัวตรงปลายนิ้วชัดเจน เธอส่งเสียงไม่ออกระหว่างลองขยับขาทั้งสองข้าง รู้สึกอ่อนแรงเหมือนไม่เคยขยับเขยื้อนมาตลอดชีวิต

                พลันเรี่ยวแรงก็ย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่ออากาเบลกระโจนไปพยายามทำลายภาพของมนุษย์บนผิวน้ำ เธอทุบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหวี่ยงแขนไปข้างหน้ากระทั่งความชาวาบลามมาถึงหัวไหล่ ลำคอของเธอแหบแห้งจากการกรีดร้อง แล้วโหนกแก้มก็แฉะชื้นไปกับน้ำตาร้อน แต่เธอยังไม่หยุด เธอจะไม่หยุดแม้แขนจะหลุดหรือเสียงจะหายไป

อากาเบลกระชากมือแดงช้ำมาจิกเล็บกับใบหน้าของตัวเอง เศษเปลือกไม้ขูดลากยาวตั้งแต่ขมับลงมา เธอพยายามคดตัวนอน แต่แล้วอาเจียนก็วิ่งขึ้นมาจุกที่คอหอย เธอกลัวเหลือเกินว่าเธออาจจะตายได้ภายในพริบตานั้น หรือหัวใจเจ้าของจังหวะถี่เร็วจะทะลุหน้าอกออกมา หรือฉับพลันลมหายใจที่สั้นยิ่งนักของเธอจะถูกตัดขาดไป

                เธอกรีดร้องและกัดฝ่ามือตัวเองเพื่อกลบเสียง

                และอ้อนวอนถึงกษัตริย์บนสรวงสวรรค์ให้มอบร่างมังกรของเธอกลับคืนมา

***

ช่วงเวลาสี่ปีที่หายไปของอากาเบลไม่ได้ช่วยให้สเนียเซนี่คงอยู่กับที่ นางเองก็เคยหลับจำศีลเป็นสิบปี เวลาที่มากมายเช่นนั้นจะยิ่งเปลี่ยนสเนียเซนี่เลยมิใช่หรือ เปล่าเลย เพราะครั้งนี้ความอดทนของพวกเราได้จบลงแล้วต่างหาก เพราะมันถึงขีดสุดที่แม้แต่นางก็ไม่สามารถยับยั้งได้

เพราะการปรากฏตัวของกลุ่มอัศวินเผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางไม่ใช่พระเจ้าผู้ไร้พ่าย

เอเมอร์รัลด์ทบทวนคำพูดของเวลช์ มังกรอาวุโสสีเขียวจาง ไม่หยุดหย่อน เธอมีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี แต่ไม่มีปีไหนที่โลกของเธอจะพังทลายและก่อสร้างใหม่โดยไม่ทันตั้งตัวรุนแรงเท่าครั้งนี้ เธอก็เหมือนอากาเบลที่เคยจำศีลยาวนาน แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา สเนียเซนี่ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และมังกรตัวอื่นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม

                ไม่มีคราไหนที่เธอคาดคิดว่าช่วงเวลาสั้น ๆ แค่สี่ปีจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง

สี่ปีกับการหารือของเพทราดีและกีออสว่ารากฐานของเขาควรจะถูกทำลาย สี่ปีกับบางสิ่งบางอย่างที่คอยรบกวนจิตใจเอเมอร์รัลด์เป็นนิจ นาน ๆ ครั้งมันจะเกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว ในตอนแรก เธอคิดว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาหรือความฝัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นอีกครั้งตลอดช่วงสี่ปีที่อากาเบลหลับสนิท ความเพ้อเจ้อก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เป็นไปได้อย่างแน่นอนอีกต่อไป

ท่านคิดว่า…’ เธอเอ่ยถามไม่เต็มปาก มังกรอย่างพวกเรามีสิทธิ์มีร่างจำแลงหรือไม่

            ร่างจำแลง? เจ้าหมายถึงมังกรที่สามารถแปลงเป็นสัตว์อื่นได้อย่างงั้นหรือ

            ท่านอายุร่วมสองร้อยปี เรื่องพิศวงเหล่านี้น่าจะเคยผ่านตาท่านมาบ้าง

เวลช์ดูหนักใจยามต้องรื้อฟื้นความทรงจำเก่า ๆ ในวัยหนุ่ม ข้าไม่คิดว่าร่างจำแลงมีความเป็นไปได้

                ใจหนึ่งเอเมอร์รัลด์รู้สึกผิดที่ตัวเองตื่นเต้นกับเรื่องประหลาดที่ไม่เคยพบเจอ ทว่าอีกใจหนึ่งเธอก็โล่งอกที่ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงแค่ภาพหลอนหรือฝันกลางวัน เธอไม่อยากจะนึกถึงอากาเบล นางจะรู้สึกอย่างไรหากพบว่าตัวเองสามารถกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่นางและเขาเกลียดชังได้?

                “ท่านรู้ไหมว่าราชามังกรคอยอยู่เคียงข้างข้าตลอด” เสียงของอากาเบลดังขึ้น “ท่านคอยช่วยเหลือข้า”

เอเมอร์รัลด์แหงนหน้าขึ้นมามองมังกรเด็กเกล็ดสีเทาซึ่งนั่งนิ่งตรงปากถ้ำที่มีแสงอาทิตย์ยามเย็นส่องเข้ามา หางของนางตกลงไปข้างล่าง ตาเหม่อลอยมองสมุนไพรข้างใน นางพูดถึงราชามังกรตลอดเวลา ไม่มีวันไหนที่อากาเบลจะไม่คำนึงถึงหรือพลาดการสักการะราชามังกรทุกเที่ยงตรง ทุก ๆ ครั้ง ประโยคของนางจะพิลึกพิลั่น ราชามังกรคอยมองจากเบื้องบนเสมอ ราชามังกรเป็นผู้ที่มอบพลังธาตุน้ำแข็งให้แก่นาง

แม้ราชวงศ์ราชามังกรจะไม่มีอีกต่อไปแล้วก็ตาม ทั้งตัวตนในความเป็นจริง หรือตัวแทนความศรัทธาในใจ

ผลพวงจากเหตุการณ์เมื่อเช้าทำให้เอเมอร์รัลด์เลือกที่จะเงียบขณะมองอากาเบลซึ่งกำลังดมสมุนไพร ทำไมวันนี้ไม่เหม็นเขียวนางพึมพำกับตัวเอง แล้วเคี้ยวพืชสีเขียวเอื่อย ๆ อย่างว่าง่าย ไม่เหมือนคราวก่อนที่นางโดนบังคับให้กินอาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่เนื้อ นางขมวดคิ้ว บอกว่ารสชาติสมุนไพรครั้งนี้ไม่ขมอย่างที่จำได้

                เจ้าดูซึมเศร้าเอเมอร์รัลด์เอ่ยพูดเสียงแผ่ว หวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายจะอาละวาดขึ้นมา

                อากาเบลหรี่ตาลง พลางพ่นไอเย็นออกจมูก ก็แค่นึกถึงพ่อ

                เมื่อพูดถึงเขาที่จากไปนานแสนนานแล้วก็มักจะเปลี่ยนบรรยากาศให้เขม็งเกลียวเสมอ เอเมอร์รัลด์สะอึกก้อนน้ำลายเหนียวหนืดในลำคอ ปล่อยให้เกิดความเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ พักนี้ข้าเจอเรื่องน่าฉงนเกี่ยวกับเจ้าเป็นประจำ ตั้งแต่เจ้าหลับไปเมื่อสี่ปีก่อน ข้ามักจะเห็น…”

                หา? เห็นอะไร?”

เธอหลุบตาต่ำ พลางสูดลมหายใจลึก ข้าเห็นเจ้าอยู่ในร่างมนุษย์

                ความตึงเครียดฉายชัดผ่านเกล็ดที่ลุกชันของอากาเบลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายหาง นางสบตากราดเกรี้ยว ใบหน้าสั่นระริก ปีกของนางเผลอกระตุกกางเมื่อเอเมอร์รัลด์จะขยับเข้าไปใกล้ นางม้วนหางเข้ามาชิดร่าง แล้วเบือนมองไปทางอื่นสลับกับสบตา นั่นยิ่งทำให้เอเมอร์รัลด์ยิ่งไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเคยประสบ

เป็นไปไม่ได้ที่มังกรสีเงินซึ่งเกิดและเติบโตในดินแดนหิมะแห่งนี้จะเป็นร่างมนุษย์นั่น

                ร่างมนุษย์เด็กสาวซึ่งตัวเล็กยิ่งกว่าต้นไม้ที่บางที่สุดในสเนียเซนี่ไม่มีส่วนคล้ายคลึงอากาเบลร่างมังกรเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเรือนผมยาวแห้งสีดำสนิทถึงเอว และสีผิวค่อนไปทางสีน้ำผึ้งอ่อน ๆ บ่มแดด หากให้มังกรตัวไหนมาดูก็คงไม่เชื่อกันว่านี่คือมังกรสีเงินสว่างธาตุน้ำแข็งตัวเดียวในสเนียเซนี่ ว่านี่คืออากาเบล โซโกลอฟ

อากาเบลปิดปากเงียบขณะขูดกรงเล็บกับพื้นหินเล่นจนเกิดเสียงแสบหู ทันใดนั้นนางก็เบิกตาโต ลุกพรวดเหมือนอยู่ ๆ จะบินหนีไป ทว่ากลับหยุดแค่ตรงปากถ้ำ พาลทำให้เอเมอร์รัลด์ชะงักไปด้วย ฝีมือพ่อมดนางตอบในที่สุด หรืออัศวิน…” ประโยคหลังเบาหวิว คล้ายกับกำลังคุยกับตัวเอง ไม่ ดวงตาของข้า…”

                ดวงตา? เอเมอร์รัลด์ทั้งกังวลและทึ่งจัดจนเธอไม่สามารถหายใจทั่วท้องได้

แต่แล้วความเย็นเฉียบของไอเย็นก็ฟุ้งกระจายไปทั่วถ้ำ อากาเบลหันมาสบตาเอเมอร์รัลด์ด้วยความสับสน ใบหูของนางชี้ไปยังท้องฟ้าสีส้มยามเย็นข้างนอก ขาหน้าน้อมลงเล็กน้อยในท่าเตรียมกระโจนสู้ พื้นใต้ล่างมีร่องรอยฝ้าน้ำแข็งกระจายออกมา ท่านได้ยินอะไรไหม ข้างนอกนั่น มันกำลังเรียกข้าทางนั้น เสียงมาจากทางนั้น

ทั้งสองจ้องสเนียเซนี่อันเงียบสงบและไร้การเคลื่อนไหวอยู่สักพัก เอเมอร์รัลด์เหลือบมองซีกหน้าของอากาเบลด้วยความไม่เข้าใจ นางไม่กระพริบตาเลยระหว่างที่พยายามสอดส่องไปทั่วทุกทิศ ความเงียบงันคงอยู่ในถ้ำอีกครู่ใหญ่จนกระทั่งนางหัวเราะไร้เสียงออกมา ดวงตาของนางยังหรี่ด้วยความตึงเครียด แต่น้ำเสียงได้เปลี่ยนไปเป็นร่าเริงแทน

ฮึ ท่านเชื่อที่ข้าบอกด้วยเหรอนางถามอย่างขบขัน เกล็ดที่ตั้งชันกลับมาเรียงตัวเรียบดังเดิม มีร่างมนุษย์บ้าบออะไรกัน ให้ตายเถอะ ไร้สาระสิ้นดี

แล้วเมื่อครู่นี้…”

เอาเป็นว่าข้าปวดหัวมากตอนนี้ ขอนอนพักก่อนแล้วกัน ไว้คุยกันพรุ่งนี้เช้า ราตรีสวัสดิ์

ใช้เวลาสักพักทีเดียวกว่าเอเมอร์รัลด์จะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอโมโหอากาเบลจัดที่นางบังอาจหลอกให้หลงทาง จนอยากปลุกนางขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องภายในคืนนี้ว่าอะไรคือเรื่องจริง และอะไรคือเรื่องโกหกกันแน่ แต่เมื่อมองร่างที่ขดตัวม้วนเป็นก้อนกลมข้างในถ้ำ เธอก็ระบายลมหายใจโล่งอกออกมา พร้อมโทสะคุโชนที่มลายหายไปราวกับไฟต้องน้ำ

                เอเมอร์รัลด์นอนกางปีกโอบอากาเบลให้ความอบอุ่นจนแน่ใจว่านางหลับสนิท ถึงตอนนั้นพระอาทิตย์ก็ตกดินไปนานแล้ว แต่แสงจันทร์ก็ยังส่องสว่างบนผืนป่าเบื้องล่างอย่างนุ่มนวล และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยกระจาดดาวนับล้าน เธอขยับไปนั่งรับลมอย่างเงียบเหงาที่ปากถ้ำ พลางหันมามองอากาเบลเป็นระยะ ๆ ก่อนจะตัดสินใจบินออกไปปรึกษาหารือกับเวลช์และมังกรอาวุโสตัวอื่น

                ไม่มีทางที่อากาเบลจะเล่าเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนหมดทุกรายละเอียด เอเมอร์รัลด์ยังจำได้ดีว่านางฟื้นขึ้นมาพูดถึงดวงตากับอัศวินก่อนเป็นอย่างแรก เธอต้องหาหนทางแก้ไขเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ เธอโฉบบินไปยังถ้ำเหนือสุดอย่างเร่งรีบ ทว่ากลับต้องหยุดบินเพื่อลอยตัวกลางอากาศกะทันหันเมื่อรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีและสับสนกับความรู้สึกว่างเปล่าโหวงเหวงในอกราวกับดวงใจได้หล่นหายไปท่ามกลางแมกไม้มหาศาล

                สิ่งแรกที่เอเมอร์รัลด์ทำคือรีบบินกลับไปยังถ้ำของตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สายลมเย็นเฉียบตีใบหน้าของเธอจนแสบระบม ดวงตาเหือดแห้งจนต้องกระพริบถี่ซ้ำ เธอกางปีกกว้างเพื่อชะลอความเร็วเมื่อเท้าแตะปากถ้ำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปข้างในเพื่อตามหามังกรเด็กที่เมื่อครู่เธอยังหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของเธอ

                ข้างในถ้ำนั้นว่างเปล่า และในขณะเดียวกันก็หนาวเหน็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

(จบบทที่ 2)



Draconic Chronicle

ผู้แต่ง : Vicenski

ตอนที่ ชื่อตอน วันที่ลง
1 Requiem for a Dream 26 ม.ค. 59
2 The Beginning and The End 07 มี.ค. 59

Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

สำนวนดีและมีคลังคำเยอะ แต่ต้องระวังเรื่องประโยคยาวและซับซ้อนเกินไปด้วยนะคะ ยิ่งเราเขียนประโยคยาวมาก ภาพจะยิ่งเบลอ และทำให้คนอ่านหลุดได้ง่าย ยิ่งคุณเขียนเป็นเสียงเล่ามากกว่าแอคชั่น ถ้าไม่จัดข้อมูลให้ดี คนอ่านจะยิ่งหลุดง่ายเข้าไปใหญ่ ให้ระวังด้วยนะคะ

อ่านมาสองบทแล้ว ยังไม่เห็นระบบโลกของมังกรเลย ทราบแต่ว่ามีเพทราดีกับกีออส แต่ไม่มีประวัติ ไม่มีรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าพ่อเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไรกับระบบและความเชื่อ ไม่มีการอธิบายว่ามังกรอยู่กันอย่างไรจริงๆ (ไม่จำเป็นต้องเทข้อมูลลงมาทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังแทบไม่เห็นอะไรนอกจากปฏิกิริยาของอากาเบลต่อสิ่งต่างๆ เลย)

เมื่อไม่มีข้อมูลเลย ภาพของโลกมังกรก็จะเบลอ และส่งผลกับตัวอากาเบลด้วย คือจนถึงตอนนี้ คนอ่านยังทราบแต่ว่าอากาเบลมีนิสัยยโสจองหอง เพราะยึดติดกับพ่อ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยึดขนาดนั้น และทำไมถึงกลัวที่จะพลัดร่วงจากฐานะขนาดนั้น การไม่ให้เหตุผลจะทำให้ตัวละครดูแบน เมื่อตัวละครดูแบน คนอ่านจะอยากทราบเรื่องราวของตัวละครน้อยลง

เราเขียนตัวละครที่นิสัยไม่ดีไปจนถึงเลวเลยก็ได้ แต่อย่าให้คนอ่านละความสนใจไปจากตัวละคร เพราะถ้าคนอ่านละความสนใจ ก็จะไม่ตาม

อีกอย่างคือการตัดฉาก เช่น จากฝันไปเจอกีออส จากทะเลาะกับมังกรอื่นๆ ไปลงน้ำ จากน้ำกลับมาถ้ำ รอยต่อระหว่างฉากเหล่านี้เบลอหมดเลยค่ะ ทำให้เรื่องขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อ ขอให้พยายามระวังการลำดับเรื่องด้วย เพราะความไม่ปะติดปะต่อจะทำให้เรื่องไม่ค่อยหนักแน่นค่ะ

ลวิตร์

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 1 1
  • ความคิดเห็นที่ 5

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.181.185
    • 22 มีนาคม 2559 / 22:26
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    อ่านตอนสองแล้ว ยังคงต้องบอกว่าสำนวนดีมากจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ แต่การตัดฉากยังอ่านแล้วงงๆ อยู่นิดหน่อย ระหว่างเมืองมังกร การต่อสู้เมื่อสี่ปีก่อน เล่นน้ำ แอบงงๆ อยู่เล็กน้อยนะครับ ^ ^!!
  • ความคิดเห็นที่ 4

    coffeelover
    • Name : coffeelover < My.iD > [IP] 58.8.149.102
    • 11 มีนาคม 2559 / 23:55
    กดมาดูเรื่องนี้เรื่องแรกเลย อ่านแล้วเนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ สู้ๆ นะคะ
  • ความคิดเห็นที่ 3

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.183.115
    • 10 มีนาคม 2559 / 11:05
    สวัสดีค่ะ

    สำนวนดีและมีคลังคำเยอะ แต่ต้องระวังเรื่องประโยคยาวและซับซ้อนเกินไปด้วยนะคะ ยิ่งเราเขียนประโยคยาวมาก ภาพจะยิ่งเบลอ และทำให้คนอ่านหลุดได้ง่าย ยิ่งคุณเขียนเป็นเสียงเล่ามากกว่าแอคชั่น ถ้าไม่จัดข้อมูลให้ดี คนอ่านจะยิ่งหลุดง่ายเข้าไปใหญ่ ให้ระวังด้วยนะคะ

    อ่านมาสองบทแล้ว ยังไม่เห็นระบบโลกของมังกรเลย ทราบแต่ว่ามีเพทราดีกับกีออส แต่ไม่มีประวัติ ไม่มีรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าพ่อเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไรกับระบบและความเชื่อ ไม่มีการอธิบายว่ามังกรอยู่กันอย่างไรจริงๆ (ไม่จำเป็นต้องเทข้อมูลลงมาทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังแทบไม่เห็นอะไรนอกจากปฏิกิริยาของอากาเบลต่อสิ่งต่างๆ เลย)

    เมื่อไม่มีข้อมูลเลย ภาพของโลกมังกรก็จะเบลอ และส่งผลกับตัวอากาเบลด้วย คือจนถึงตอนนี้ คนอ่านยังทราบแต่ว่าอากาเบลมีนิสัยยโสจองหอง เพราะยึดติดกับพ่อ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยึดขนาดนั้น และทำไมถึงกลัวที่จะพลัดร่วงจากฐานะขนาดนั้น การไม่ให้เหตุผลจะทำให้ตัวละครดูแบน เมื่อตัวละครดูแบน คนอ่านจะอยากทราบเรื่องราวของตัวละครน้อยลง

    เราเขียนตัวละครที่นิสัยไม่ดีไปจนถึงเลวเลยก็ได้ แต่อย่าให้คนอ่านละความสนใจไปจากตัวละคร เพราะถ้าคนอ่านละความสนใจ ก็จะไม่ตาม

    อีกอย่างคือการตัดฉาก เช่น จากฝันไปเจอกีออส จากทะเลาะกับมังกรอื่นๆ ไปลงน้ำ จากน้ำกลับมาถ้ำ รอยต่อระหว่างฉากเหล่านี้เบลอหมดเลยค่ะ ทำให้เรื่องขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อ ขอให้พยายามระวังการลำดับเรื่องด้วย เพราะความไม่ปะติดปะต่อจะทำให้เรื่องไม่ค่อยหนักแน่นค่ะ

    ลวิตร์

  • ความคิดเห็นที่ 2

    Melani Fulano
    • Name : Melani Fulano < My.iD > [IP] 115.87.191.74
    • 10 มีนาคม 2559 / 05:23
    ชอบตัวละครหลักที่ดูบุคลิกแรงแต่ก็ยังมีความซับซ้อนสมจริงอยู่ ชอบแนวพล็อตที่ดูมืดมนโหดร้ายโดยบริสุทธิ์ ภาษา วิธีการแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมากครับ หดหู่ได้ใจจริง ๆ รู้สึกว่าพัฒนาขึ้นจากตอนแรกพอสมควรเลย ขอเอาใจช่วยนะคร้าบ [b-001] หนูเบลสู้ ๆ
  • ความคิดเห็นที่ 1

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.183.146
    • 4 มีนาคม 2559 / 21:18
    สวัสดีครับ ชื่อปัฐนะครับ ^ ^

    โอ้โห สำนวนสวยมากเลยครับ ไม่ค่อยเจอเรื่องที่กดดันบีบคั้นอารมณ์ได้อย่างหนักๆ ได้ขนาดนี้สักเท่าไหร่เลย เรื่องนี้บีบคั้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดีจริงๆ เอาใจช่วยและรออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ สู้ๆ ครับ = =b
Page 1 of 1 1

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป