EN01 The Huntsman Way - วิถีนักล่า
เมื่ออาชีพนักล่าสัตว์ร้ายเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเดิมพันสูง คาวินทร์บุตรแห่งราวินทร์ จากตระกูลนักล่าแห่งไซย์แอมรอดจากเหตุเรือแตก โชคชะตาพาเขาสู่เส้นทางใหม่ และการล่าคือหนทางเดียวที่จะพาเขากลับบ้าน
นักล่า
ราว ๆ สองเดือนก่อนเปิดฤดูกาลล่า
เสียงคลื่นกระทบกราบเรือปลุกคาวินทร์จากฝันอันโคลงเคลง หัวของเขาตื้อเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากไซแอมย์ ห้าวันก่อนเขายังดักสิงห์อยู่ในป่าโพ้นไกล ตอนนี้เขาถูกพ่อลากลงเรือไปจับจระเข้ยักษ์
“แกจะต้องไปกับพ่อ จระเข้นั่นจมเรือประมงไปมาก ถ้าพวกพรานไม่จับตายมัน มันจะอาละวาดหนักขึ้น”
“ขอรับท่านพ่อ”
พ่อตบบ่าเขา เอ่ยคำเดิมที่เคยเอ่ยมาแล้วนับหมื่นครั้ง “พรานที่ดีต้องตามล่าสัตว์ร้ายและช่วยผู้คน”
คำของพ่อลากเขาลงเรือปีกนางฟ้า เรือล่าวาฬของตระกูล พรักพร้อมด้วยเสบียงและลูกเรือยี่สิบคน พ่อบอกว่าจระเข้ยักษ์ตัวนั้นเป็นจระเข้น้ำเค็มใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าตัวใดที่พ่อเคยจับ ข่าวล่าสุดจากชาวประมงบอกว่ามันอาละวาดแถวเกาะห่างไกลจากไซแอมย์ ทุกคนหวังว่าลมจะพัดใบเรือพาเรามุ่งหน้าไปหามัน
คลื่นลูกใหญ่โถมใส่เรือ เสียงลูกเรือบนดาดฟ้าเอ็ดอึงวุ่นวายเหมือนงานเทศกาล หนึ่งในนั้นมีเสียงของพ่อที่กำลังบัญชาการอยู่ เพียงได้ยินเสียงคาวินทร์ก็นึกภาพพ่อออกทันที พ่อคงกำลังยืนอยู่หลังพังงา ชี้สั่งการด้วยใบหน้าดุดัน คิ้วคมของพอจะขมวดชิดเคร่งเครียด คาวินทร์ดึงกายลุกจากเปลผ้าผูกเสาเรือ มองไปนอกหน้าต่างทรงกลม ความเวิ้งว้างข้างนอกอันหาที่สิ้นสุดไม่พบยังอ้าแขนต้อนรับ เขาหย่อนเท้าลงบนพื้นเอียง ๆ ยืดกายบิดขี้เกียจก่อนพาตัวเองไปยังถังน้ำ ล้างหน้าบ้วนปาก สีฟันด้วยไม้พันขนแกะ พอจัดการตัวเองเสร็จก็เปิดประตูห้องพักออกไปยังทางเดิน
“รีบไปคาวินทร์ มีลูกเรือเห็นไอ้เข้นั่นจากรังกา”
คำบอกกล่าวนั้นทำให้เขาวิ่งกลับไปเอาสัมภาระ ทั้งดาบ ปืนพกและย่ามหนัง สะพายดาบกับย่ามอย่างเร่งรีบ สิ่งที่ได้ยินจากเฒ่าเกต ต้นหนเรือคู่ใจพ่อ ทำให้เขาตื่นเต็มตา ขณะกำลังคาดเข็มขัดปืนพก ลูกเรืออีกกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งขึ้นไปรวมกันที่ดาดฟ้า เขารีบปีนบันไดตามขึ้นไปทันที
“มีคนเจอมันไอ้ลูกชาย”
พ่อบอกเขาทันทีที่เดินขึ้นมาบนดาดฟ้า คาวินทร์มองไปยังผืนน้ำกว้างสุดตา พยายามมองหาเจ้าจระเข้ยักษ์ที่ออกเรือตามล่ากันมาแล้วหลายวัน หลังจากคลาดกันเพราะความแปรปรวนของคลื่นลมมาหลายหน ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ใกล้ตัวมันที่สุด ดูจากท่าทีของพ่อ เจ้าจระเข้ยักษ์ที่ฆ่าคนมาแล้วเจ็ดสิบแปดคน ล้มเรือสี่สิบสองลำ ตลอดแนวชายฝั่งอาณาจักรไซย์แอมตัวนี้จะต้องถูกปราบ ค่าหัวของมันสูงลิ่ว นักล่าทั่วไซย์แอมต้องการตัวมัน บ้างออกล่าและกลายเป็นอาหารจระเข้ สูญหายไปในทะเล บ้างกลับมาจากทะเลอย่างคนวิกลจริต หวาดระแวงก่อนตกตายไปในเวลาไม่นาน
มันคือจระเข้ของเจ้าสมุทร ใคร ๆ ก็ว่าอย่างนั้น คาวินทร์ไม่เคยเห็นตัวมัน สิ่งที่ทุกคนพบเป็นเพียงร่องรอยการฆ่าเหยื่อของมันและเรือประมงที่ถูกมันล่มตามรายทาง พ่อกับเกตเป็นเพียงสองคนบนเรือที่เคยเห็นมัน พ่อเล่าว่ามันเป็นจระเข้ตัวใหญ่เท่ากับเรือบดสามลำต่อกัน ตัวของมันมีลายสีขาวเพราะผิวหนังลอกล่อนเปลี่ยนไปตามอายุที่มากถึงร้อยกว่าปี ปู่ของเขาเคยออกล่ามันเช่นกันแต่ก็ไม่สำเร็จ จวบจนวันสุดท้ายก่อนปู่ตาย ปู่ก็ยังคงคิดถึงการออกล่าตัวมัน ทุกวันนี้คนเดียวที่ยังมุ่งมั่นตามล่าตัวมันคือพรานราวินทร์ พ่อของเขา
นักล่าหนุ่มเดินขึ้นไปหาพ่อที่ยืนอยู่หลังพังงา นอกจากจะเป็นพรานใหญ่แล้ว พ่อยังเป็นกัปตันเรือชื่อกระฉ่อน ในขณะที่เขายังเป็นนักล่าค่าหัวสัตว์ร้ายซึ่งรอศึกษาเวทมนตร์คาถาเพื่อเลือนขั้นเป็นพราน นักล่ากับพรานอาจฟังดูคล้ายกัน แต่มันมีระดับต่างกันเป็นเส้นบาง ๆ พ่อกำชับเสมอให้เขารอวันเวลานั้น
กลิ่นทะเลโหมหาเรือ ซึมเข้าสู่ทุกอณูร่างกาย เขาทรงตัวไม่ให้ล้มเมื่อเรือถูกลมแรงหอบเหินตามคลื่นลูกใหญ่ พ่อหันมามอง ยิ้มใจดีเหมือนที่เคยเห็นมาเป็นพัน ๆ ครั้ง รอยยิ้มที่ชวนให้คาวินทร์ข้องใจสงสัยว่าทำไมคนใจดีแบบพ่อถึงเป็นพรานฝีมือฉกาจลำดับต้น ๆ ของทวีปอาร์เซียได้
“ไอ้ดาฮังเห็นตัวมันจากรังกา ท่ามกลางฝูงวาฬสีเทา”พ่อหมุนพังงา เรือมุ่งหน้าออกไปทางทิศตะวันออก ใบเรือรับกระแสลมแรงเต็มที่ พวกเขากำลังเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ตามหลังมฤตยูอายุร้อยกว่าปีตัวนั้นไปติด ๆ
คาวินทร์มองดูพ่อบังคับเรือ ชายวัยห้าสิบหน้าตาคมเข้ม กล้าหาญและเยือกเย็น เชี่ยวชาญการล่าทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการล่าระยะประชิด การวางกับดักหรือนั่งซุ่ม พูดได้เต็มปากว่าพ่อล้วนทำได้ดีเยี่ยมจนหาคนเทียบแทบไม่มี และเขารับมันมาเกือบหมดสิ้น ทั้งจมูกโค้งมีดั้งนูน ปลายงุ้มน้อย ๆ คิ้วหนา ตาคมสีน้ำตาลเข้ม แม้แต่ฝีมือการล่าสัตว์ร้าย ก็ล้วนได้รับมาจากพ่อทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้มาจากพ่อคือความเยือกเย็นที่พ่อมี ความเลือดร้อนและไม่ยอมใครที่มีในตัวเขาเป็นสิ่งเดียวที่เขาได้รับมาจากแม่ผู้ล่วงลับเพราะกรงเล็บสีหราชร้ายแห่งเขาลังกา โศกนาฏกรรมที่สร้างบาดแผลลึกให้เขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน
เสียงลมตีม้วนเข้าไปหาใบเรือฟังราวเสียงกระซิบจากอีกโลกหนึ่ง คาวินทร์ชอบฟังเสียงลม เมื่อยังวัยรุ่น เขาเชื่อเสมอว่าสายลมจะพาคำพูดของแม่ที่จากไปมายังเขา พอเติบใหญ่ขึ้น ความคิดนั้นได้จางลงไป นานทีจึงจะหวนคิดถึง
“วันนี้เราคงตามมันทันสักที ลมค่อนข้างเป็นใจ”
คาวินทร์ไม่ได้มองพ่อที่กำลังเงยหน้าสำรวจใบเรือ สายตาของเขามองไกลไปยังทะเลอันไพศาล ข้างนอกนั่น ใต้ผืนฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา เจ้าปีศาจร้ายอยู่ที่ใดสักที่ เขาหวังว่าแม่ที่จะกระซิบผ่านลมมาอาจบอกตำแหน่งของมันได้ .ใช่แล้ว เขาหวังว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ หวังอยู่ในส่วนลึกของใจ
“มันกำลังตามฝูงวาฬ ไอ้จระเข้ผีนั่นมันตามวาฬได้ไม่นานหรอก พอฝูงวาฬทิ้งห่างมันไป มันจะกลับเข้าฝั่ง อาละวาดแถวหมู่บ้านชาวเกาะ ฆ่าล้างพวกชาวบ้านละแวกนั้น”ต้นหนพูดขึ้นหลังสั่งการลูกเรือเสร็จ
คาวินทร์ยืนฟังเฒ่าเกตเงียบ ๆ ต้นหนคู่บุญของพ่อพอพูดจบก็หันไปสั่งการต่อ ผสมโรงกับการด่าถมถุยอันเป็นปกติวิสัยของชาวเรือ พวกลูกเรือเร่งเตรียมอาวุธ ทั้งเครื่องยิงฉมวกและตาข่าย บางส่านลงไปข้างล่างเตรียมปืนใหญ่ไว้รอ ดาดฟ้าวุ่นวาย เสียงด่ากันโขมงโฉงเฉง เรือแล่นไปข้างหน้าประหนึ่งโลมาเปรียวที่ตามล่าฝูงปลาเล็ก
“พ่อได้กลิ่นมัน”พ่อพูดเหมือนรำพึง คาวินทร์ผละจากด้านท้ายเรือ เดินมาหยุดใกล้พังงาที่พ่อยืนคุมอยู่ พ่อไม่หันมองเขา นิ่งเงียบเหมือนรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง
“พ่อจะจัดการมันวิธีไหน”
พ่อไม่ตอบ มือหมุนพังงาให้เลี้ยวออกขวา เรือแล่นฉิวตัดเกลียวคลื่น ปลาโลมาสีแดงฝูงหนึ่งทะยานขึ้นจากน้ำ ทิ้งห่างออกไปทางกราบเรือ ร่ายรำเพลงสมุทรสีแดง แหวกว่ายน้ำและฟ้าพลิ้วไหว
เสียงเครื่องยิงตั้งติดกับฐานดังมาจากใต้เท้า โซ่เส้นใหญ่ถูกลากไปตามห่วงเหล็กกล้า ตรึงแน่นกับเสาตรงพื้นเรือ การล่าพร้อมเปิดฉากแล้ว
“เห็นมันไหม”ต้นหนตะโกนถามคนบนรังกา
“ยังไม่เห็นอะไรเลย”
กัปตันเรือปีกนางฟ้าปลดกล้องส่องทางไกลออกมา สลัดลำกล้องให้ยืดออกก่อนยกขึ้นส่องไปข้างหน้า คาวินทร์ทำตามพ่อ หยิบกล้องของตัวเองมาจากซองหนังติดเข็มขัด ปีนขึ้นไปยืนบนเก๋งเรือ ส่องกล้องกวาดไปรอบตัว นกนางนวลฝูงหนึ่งบินโฉบตัดฟ้า ผ่านเข้ามาปรากฏตัวในกล้อง
“แผ่นดินน่าจะอยู่ไม่ไกล”เขารีบรายงานพ่อ
กัปตันราวินทร์เองก็เห็นนกพวกนั้นแล้ว แต่ยังส่องกล้องหาแผ่นดินอยู่ ต้นหนเกตเดินเข้ามาที่พังงาอีกครั้ง
“เกาะแฝด”พรานมือฉมังจากไซย์แอมหมุนพังงา เรือปีกนางฟ้าหันหัวเรือออกขวาเต็มตัว มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก เกตเดินไปกลางดาดฟ้าเรือ ประกาศให้ลูกเรือทราบถึงที่หมายต่อไป
คลื่นลูกใหญ่ซัดเรือโคลงเคลงระลอกแล้วระลอกเล่า ลูกเรือวิ่งกันให้วุ่น น้ำเค็มโหมสูงเข้ามาในเรือ ปีกนางฟ้าไหวราวกับจะคว่ำเค้เก้ คาวินทร์วิ่งเข้าไปช่วยพ่อยึดพังงาเมื่อเรือที่กำลังหันหัวออกไปยังทิศที่กำหนดเสียการควบคุม เรือกำลังจะคว่ำลงอีกทาง คลื่นที่มาแบบไม่มีสัญญาณแทบถล่มเรือให้จม
“มีตัวอะไรสักตัวทำคลื่นนี่”ราวินทร์หักพังงากลับมาได้ น้ำรอบเรือยังปั่นป่วน แต่ทะเลห่างไกลออกไปนั้นสงบปกติ สิ่งที่พรานใหญ่พูดนั้นคงไม่ผิดแน่ สิ้นคำพูดของกัปตัน เรือก็ครูดกับบางสิ่ง ราวินทร์ไม่สนว่ามันเป็นอะไร เขาสั่งการให้ลูกเรือกางใบเต็มที่ เดินหน้าเต็มกำลัง มุ่งหน้าไปหาเกาะแฝด
“มันอยู่นั่น!”
เสียงเตือนจากบนรังกาหยุดทุกการเคลื่อนไหว ทางด้านทิศใต้ คลื่นลูกยักษ์กำลังมาทางกราบซ้ายของเรือ พุ่งตรงมาด้วยความเร็ว
“เครื่องยิง ยิงมัน!”ต้นหนเกตสั่งการ เครื่องยิงฉมวกบนกราบเรือสับไกพร้อมกัน ฉมวกแหลมพุ่งหายลงไปในน้ำ คลื่นที่เคลื่อนมาลดความสูงลงก่อนปะทะเรือไหวอีกคำรบ
“คาวินทร์ลงไปคุมปืนใหญ่”กัปตันผู้เป็นบิดาสั่ง
นักล่าหนุ่มโจนจากท้ายเรือ ปีนลงไปใต้เรือ ปืนใหญ่ทุกกระบอกพร้อมรอเขาอยู่แล้วเมื่อไปถึง คาวินทร์ชักปืนพกออกมาจากซองเอว “ถ้าเห็นไอ้ตัวประหลาดนั่น ยิงมันได้เลย ไม่ต้องรอให้มันโผล่หน้ามาใกล้เรา”
ไม่ทันขาดคำนักล่าหนุ่ม น้ำทะเลนูนขึ้นเป็นคลื่นสูง โถมเข้าหาเรือด้วยความเร็ว ส่งเรือลอยจากผิวน้ำด้วยแรงกระแทก บางอย่างชนกับใต้ท้องเรือ บางอย่างที่ใหญ่โตกว่าเรือปีกนางฟ้า และมีกำลังมหาศาล
คาวินทร์กับพวกลูกเรือโผเข้ายึดปืนใหญ่ เรือยังโคลงเคลง บนดาดฟ้ามีใครเป็นอะไรบ้างนั้นสุดจะเดาได้
“เจ้านาย! นั่น!”ลูกเรือที่ประจำอยู่ตรงปืนใหญ่กลางกราบขวาชี้ออกไปนอกหน้าต่าง
“ให้เทพเจ้าสาป”ปืนในมือคาวินทร์แทบร่วงลงพื้น เมื่อเจ้าสิ่งที่เป็นต้นเหตุของคลื่นไม่ใช่จระเข้ยักษ์ที่ตามล่า กลับเป็นอะไรที่ใหญ่โตและน่าสะพรึงกว่า มันปรากฏกายห่างออกไปจากเรือไม่กี่สิบหลาเท่านั้น
เสียงลูกเรือกราบขวาหันปืนตามเป้าหมายดึงคาวินทร์กลับมา อสูรทะเลคอยาวหันกลับมาหาเรือ โน้มคอคำรามใสมนุษย์ในเรือ พลังเสียงของมันทำให้เกิดคลื่นสูงซัดเข้ามาหาเรือ มันพุ่งตามคลื่นเช้ามา สวนฉมวกและเครื่องยิงบนดาดฟ้า
“ยิง!”คาวินทร์ตะโกนสั่ง ปืนใหญ่ทุกกระบอกระเบิดกระสุนพร้อมกัน เป้าหมายคืออสูรทะเลคอยาวตัวโตกว่าเรือเกือบเท่าหนึ่ง กระสุนปืนใหญ่ระเบิดผิวน้ำใกล้เป้าหมายแตกกระจายเป็นม่าน เจ้าสัตว์ร้ายแห่งมหาสมุทรกว้างพุ่งผ่านม่านน้ำและควัน ชนเข้าตรงกราบเรือ เรือปีกนางฟ้าที่สร้างมาอย่างแข็งแรงทนทานที่สุดถูกดันหลุดจากตำแหน่ง
“ยิงอัดกับตัวมัน”คาวินทร์จ่อปืนพกใส่เจ้าอสูรที่หยุดอยู่ใกล้แล้วสับไก กระสุนไม่แรงพอจะฝังบนผิวหนังหนาของมันได้ ไม่แม้แต่จะทำให้มันรู้สึกคันด้วยซ้ำ
ลูกเรือบรรจุกระสุนปืนใหญ่ ไม่มีใครรอคำสั่งแล้วตอนนี้ ทันทีที่สัตว์ร้ายพุ่งชนเรือและพัวพันอยู่ใกล้ ปืนใหญ่ทุกกระบอกที่ยิงได้ก็ยิงอัดมันในระยะประชิด สัตว์ร้ายคอยาวผงะถอย มันคำรามใส่ทุกคนที่อยู่ในเรือ กลิ่นเหม็นเน่าคาวคลุ้งในปากมันแทบทำให้อาเจียน ฟันแหลมของมันยาวจนน่ากลัว
“ยิงมันถอยไป”คาวินทร์สั่งพวกลูกเรือ ตอนนี้รอบตัวเขาโกลาหลไม่ต่างจากสงคราม
เรือยังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่เป็นทิศทาง นักล่าหนุ่มรู้ดีว่าพ่อของเขาพยายามบังคับเรือเคลื่อนไปตามแนวเดิมให้ได้มากที่สุด จุดหมายคือเกาะแฝด สถานีพักเรือเพื่อล่าจระเข้ยักษ์
“มันมาแล้ว”ลูกเรือใหม่คนหนึ่งร้อง
หางมหึมาฟาดลงบนดาดฟ้าเรือ เสียงลูกเรือหนีตายวุ่นวาย เสียงร้องโหยหวน ดังปะปนสับสัน ลูกเรือคนหนึ่งลอยละลิ่วลงไปในน้ำพร้อมเศษไม้จากดาดฟ้าเรือ เรือปีกนางฟ้ากำลังร้องโหยหวน เธอร่ำไห้เจ็บปวดผ่านแผ่นไม้ที่ร้าวและหัก เหล็กโครงที่บิดงอ เสียดแทงเข้าไปในตัวทุกคน ก่อนถูกกลืนหายไปกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายจากทะเล
“ยิงมันเมื่อเห็นตัว”คาวินทร์ลากลูกเรือที่ล้มขึ้นมายังปืนใหญ่ ตะโกนกรอกคำสั่งก่อนปีนขึ้นไปบนดาดฟ้า เผชิญกับคมเขี้ยวมัจจุราช
“ไปให้ถึงเกาะ”เสียงพ่อสั่งดังลั่น คาวินทร์วิ่งฝ่ากองเศษชิ้นส่วนเรือบนดาดฟ้าตรงไปยังพังงาที่พ่ออยู่
“เราต้านมันได้ไม่นานแน่” พ่อหักพังงา เรือแล่นช้าลงเมื่อใบเรือขาดไปผืนหนึ่ง แต่ปีกนางฟ้ายังคงกระพือพาทุกคนไปทั้งที่มันบาดเจ็บ ทุกคนที่มีจุดหมายเดียวกันคือเกาะแฝด สัตว์ร้ายยังวนเวียนหาโอกาสเข้าโจมตีเรือเป็นระยะ การบุกเข้ารวดเร็วทำให้มันเริ่มเหนื่อยและตกเป็นเป้าฉมวกที่พวกลูกเรือตัวกลั่นของพรานใหญ่ราวินทร์ระดมยิงเข้าใส่ตัวอันใหญ่โตของมัน เลือดแดงทาผิวน้ำ ศพลูกเรือถูกกัดแหว่งลอยเท้งเต้งกับศพอื่น ๆ เรือกกำลังเคลื่อนต่อ หนีจากเศษซากทั้งหลาย เกาะแฝดปรากฏอยู่ข้างหน้าไม่ไกลแล้ว
“ยิงมันให้ถอยไป”พรานใหญ่บัญชาการ “คาวินทร์ไปคุมฉมวกใหญ่”
คำสั่งของพ่อสำหรับคาวินทร์คือคำประกาสิทธิ์ เขาสละจากเชือกโยงใบเรือ ปีนขึ้นไปนั่งบนเครื่องยิงฉมวกใหญ่ตรงหัวเรือ หมุนคันบังคับเบนเป้าเข้าหาร่างมหึมาที่อยู่กลางน้ำ สัตว์ร้ายคอยาวดำน้ำหนีการระดมยิง ลูกปืนใหญ่สามลูกระเบิดผิวน้ำกระจายก่อนทุกอย่างจะเงียบสงบ
ทุกคนพักหายใจ บรรจุกระสุนและตรวจสอบเครื่องยิง เสียงต้นหนเกตสั่งการแข่งกับเสียงลูกเรือ ทุกคนกำลังรอรับสิ่งที่จะประดังประเดเข้ามาอีก
“มันหายไปไหน”ลูกเรือบนรังกาตะโกนถาม
เรือปีกนางฟ้าร้องโหยหวนอีกครั้ง ลูกเรือบนดาดฟ้าล้มหกคะเมนกันไปเมือทางกราบขวาถูกชนเต็มแรง หางยาวฟาดลงมากลางลำเรือ คร่าชีวิตลูกเรือสองคน ทางกราบซ้าย หัวของสัตว์ร้ายคอยาวโผล่พ้นจากน้ำ ฉกเอาร่างลูกเรือที่ประจำการเครื่องยิงฉมวกกราบซ้ายหายไป
“มาซิวะไอ้สัตว์เทพสาป”เกตร้องลั่น ยิงฉมวกใส่คอยาวที่ผ่านหน้ามา ปลายฉมวกฉีกหนังหนาของมัน แต่ไม่สามารถหยุดการโจมตีได้ สัตว์ร้ายโมโหหนักกว่าเดิม
คาวินทร์หมุนคันบังคับเบนเป้า เล็งเครื่องยิงตามลำคอของมัน เป้าหมายคือตรงสันคอของมันที่มีหนามแหลมเชื่อมต่อไปตามสันหลัง ดวงตาวาวโตของมันมองมาที่เขา เจ้าตะกวดน้ำคอยาวแยกเขี้ยว นักล่าหนุ่มกดไกดีดฉมวกออกไป มันฟาดหัวฟาดหาง ลูกเรือหยิบฉมวกขว้างจากราวมาออกันตรงกราบซ้าย กระหน่ำพุ่งเข้าใส่ตัวมัน
“ล้มมันให้ได้”กัปตันสั่งการ คาวินทร์เอาฉมวกโซ่ยิงมัน ดึงคอมันลงมา”
คาวินทร์เอาโซ่เกี่ยวกับฉมวก สับตัวยึดแล้วบรรจุ ลูกเรือที่เหลือรอดยังกระหน่ำโจมตีใส่สัตว์ร้ายที่ดิ้นพล่าน ทั้งปืนใหญ่ ทั้งเครื่องยิงและฉมวกรัวใส่สัตว์ร้ายไม่ยั้ง เจ้าคอยาวที่ตอนนี้ตัวกลายเป็นเม่นยังแข็งขืน พยายามจมเรือให้ได้ กำลังของมันมากมายมหาศาลด้วยบ้าเลือด
“เอามันให้ตาย”คาวินทร์กดไก ฉมวกพุ่งฉิวออกไปพร้อมโซ่เส้นหนา ปักตรงใต้คออวบใหญ่ของสัตว์คอยาว “ดึงเลย”เขาสั่งลูกเรือ ตัวเองหมุนรอกดึงโซ่กลับ พยายามดึงเอาคอของมันโน้มลงมาที่ดาดฟ้าให้ได้ ลูกเรือที่รออยู่พร้อมดาบและหอกหลีกทางรอจะสับคอสัตว์ร้ายให้ถนัดถนี่ พวกที่เป็นมือฉมวกโดดเข้าดึงโซ่กันชุลมุน
เจ้าสัตว์ร้ายคอยาวพยายามสลัดตัวเองให้หลุดจากการถูกดึงสุดกำลัง มนุษย์ตัวจ้อยนับสิบกำลังดึงโซ่ลากมันมาที่เรือ คอยาวของมันมีแดงเถือกด้วยเลือดที่พรั่งออกมา น้ำทะเลโดยรอบเปลี่ยนสี แตกกระเซ็นเมื่อสัตว์ร้ายดิ้นพล่านหนีพันธนาการ ลูกเรือที่ยื้อกับมฤตยูแห่งทะเลถูกลากไปชนกับขอบเรือ มันคำรามอวดฟันแหลมเป็นเลื่อยยักษ์ พยายามงับเอาฉมวกตรงคอออก เรือปีกนางฟ้าถูกดันลอยขึ้นก่อนหัวเรือจะปักลงไปใต้น้ำพร้อมลูกเรือที่คุมฉมวก คาวินทร์คือหนึ่งในคนที่พยายามตะกายหนีตายจากหัวเรือ
“ยึดไว้คาวินทร์!” เสียงพ่อตะโกนมาจากท้ายเรือ ปีกนางฟ้าที่กำลังดิ่งลงพลิกกลับมาอีกครั้ง เมื่อเรือเกยขึ้นไปบนหลังของเจ้าคอยาวที่ลอดใต้ท้องเรือ หนามบนหลังของมันกระแทกท้องเรือ เหมือนไม้ถูกเลื่อย ใต้ท้องเรือปีกนางฟ้าและกระดูกงูได้รับความเสียหาย น้ำทะเลไหลบ่าเข้าใต้ท้องเรือ พวกลูกเรือพยายามอุดรอยแตกกันสุดชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล พวกที่อยู่บนดาดฟ้าหนีตายกันจ้าละหวั่น สัตว์ร้ายโถมเข้าใส่เรืออีก ครั้งนี้เท้ามหึมาของมันตะกายขึ้นมาย่ำบนเรือ กำลังของมันทำให้ดาดฟ้าแตกเป็นรูโหว่ ลูกเรือสามคนร่วงลงไปก่อนถูกคอยาวมุดตามไปคาบติดปากขึ้นมาคนหนึ่ง
“เอาเรือบดลง”เสียงสั่งของพรานใหญ่สั่น แม้แต่พรานมือพระกาฬแห่งไซย์แอมก็ไม่อาจปราบมันลงได้ในภาวการณ์นี้ ลูกเรือที่เหลือรอดปลดเรือบด ข้าวของที่หยิบฉวยได้ถูกจับโยนลงเรือ ราวินทร์ผละจากพังงา ต้อนทุกคนหนี ไปที่เรือบด ตัวเองถือฉมวกอยู่รั้งท้าย
“พ่อไปเร็ว!”
ยอดพรานแห่งแดนดงดำล่าถอย ลากแขนลูกชายที่มาตามให้ล่วงหน้าไปก่อน ตัวเองวิ่งเข้าไปในห้องพักกัปตัน รวบแผนที่บนโต๊ะกับอุปกรณ์เดินเรือในย่ามหนัง เจ้าสัตว์ร้ายพุ่งชนเรืออีกครั้ง ร่างมหึมาของมันกดเรือขาดออกจากกัน ปีกนางฟ้าแหลกสลาย คาวินทร์รวบเชือกคล้องแขน โยนปลายไปให้พ่อที่โดดลงมาจากเรือ พ่อของเขาคว้าเชือกไว้ ทุกคนออกแรงลากกัปตันขึ้นเรือ
ปีกนางฟ้าลำงามที่ใช้ออกทะเลมานานหลายปีกำลังจมดิ่งลงไป พรานใหญ่เกาะที่ขอบเรือ หันมองเรือรักที่สัตว์ประหลาดคอยาวกำลังพังซากด้วยความโมโห สั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงคำรามของมันดังไปทั่ว คลื่นลมโหมห่ารุนแรงตามความกราดเกรี้ยวนั้นก่อนจะจางไปเมื่อร่างมหึมาดิ่งหายไปใต้ทะเล
“ออกเรือไป ไปที่เกาะให้ได้”เฒ่าเกตสั่งพวกฝีพาย คาวินทร์กำลังดึงพ่อขึ้นจากน้ำ ทุกอย่างทุลักทุเล ทุกคนตกอยู่ในภาวะบ้าใบ้ โชคยังดีที่เฒ่าเกตชำนาญและมีสติพอจะดึงลูกเรือเอาไว้ไม่ให้แตกตื่นตอนลงเรือบด ผู้รอดชีวิตเหลือไม่มากนัก
พวกลูกเรือจ้ำพายออกมาจากเรือใหญ่กับปีศาจแห่งทะเลมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงปีกนางฟ้าอันเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของทุกคนสั่งลาครั้งสุดท้าย คำสั่งเสียเสียดแทงใจดังผ่านการพังทลายของมัน เสียงไม้หัก เสียงเหล็กโครงยึดบิดงอ ทุกคนหันกลับไปมองเรือปีกนางฟ้า เรือล่าวาฬที่พาทุกคนเดินทางมาไกลเกือบครึ่งโลก ผ่านคืนวันยากลำบากและเปี่ยมสุขมาร่วมกันหลายปี คาวินทร์กำลังพยุงพ่อที่หอบตัวโยนขึ้นนั่ง สายตาพ่อไม่ละจากเรือที่ตัวเองรักที่สุด มือของพรานใหญ่สั่นระริก ลูกเรือทุกคนนิ่งเงียบไว้อาลัยขณะท้ายเรือที่มีปีกนางฟ้าสลักจากไม้สักแดงคู่งามค่อยจมลงสู่ก้นทะเล
“ไปเกาะแฝด”อดีตกัปตันเรือปีกนางฟ้าสั่งการ
คาวินทร์ส่งสัญญาณให้เกต ตัวเขาหยิบฉมวกมาถือ พวกลูกเรือไม่มีใครปริปาก ต่างเร่งฝีพายกันสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงเกาะแฝด เกาะใหญ่ที่ปรากฏอยู่เป็นเงาเลือนรางอยู่ข้างหน้า
“รีบพายเข้า ไอ้ตัวนรกนั่นมันอยู่ที่ไหนสักที่แถวนี้”
เรืออีกลำเคลื่อนนำไปข้างหน้า คนยืนอยู่หัวเรือคือลูกเรือเก่าแก่อีกคนชื่อทัส ชายวัยกลางคนใจกว้าง พ่อของเด็กสาวสองคน ลูกเรือผู้สุภาพน่าเคารพที่ตลอดเวลาหวังเพียงจะได้เงินแล้วกลับบ้านไปกอดลูก ทัสถือฉมวกหันมองรอบตัว ฉลามฝูงหนึ่งกำลังวนเวียนระหว่างเรือบดกับตำแหน่งที่ปีกนางฟ้าจมหายไป กระชากศพลูกเรือที่ลอยบนผิวน้ำและสัตว์ในห้องเสบียงมากิน เลือดของชีวิตที่ม้วยมอดทั้งหลายขยายวงกว้างตามเรือบดทั้งสองลำมา เจ้าสัตว์ร้ายหายตัวไปแล้ว
“รีบพายเข้า”ทัสรีบสั่ง ฉมวกทิ่มฉลามตัวหนึ่งที่โผล่หัวขึ้นมาใกล้เรือ
“มันมีอีกทัส”ลูกเรือที่ยืนท้ายเรือบอก
ทัสพยักหน้ารับรู้ แทงฉลามตัวนั้นอีกรอบ น้ำกระเซ็นขึ้นสูงเมื่อฉลามถูกฉมวกผลุบหัวลงไปในน้ำ เรือบดลำที่นำอยู่ลอยขึ้นบนอากาศก่อนจะแตกเป็นเสี่ยง รวดเร็วเกินกว่าใครจะทันได้ตั้งตัว ร่างของทัสถูกกลืนหายไปในปากกว้างกับแถวฟันแหลมคม
“ไอ้จระเข้ผีสิงนั่น!”ราวินทร์สบถ คู่แค้นที่ตามล่ากันมาตั้งแต่ไซย์แอมปรากฏตัวพร้อมกับคร่าคนไปอีกหลายคน ลูกเรือที่รอดว่ายน้ำหนีตาย ฉลามที่วนเวียนพุ่งเข้าทึ้งร่างที่อยู่ใกล้ เกตสั่งเร่งฝีพาย บนเรือมีคาวินทร์กับพรานใหญ่ถือฉมวกป้องกันพวกฟันแหลมที่พร้อมเข้ามาล่มเรืออีกลำด้วย
“คุ้มกันพวกเขา”พรานใหญ่ยิงปืนพกที่เพิ่งบรรจุใส่หัวโต ๆ ที่โผล่พ้นน้ำมา ฟองเลือดไหลพรูพรั่งออกมาจากร่างสีเงินที่ลอยล่องขึ้นมา ฉลามโหยหิวตัวอื่นพุ่งเข้าทึ้งศพเพื่อนร่วมพันธุ์แหลกเละในฉับพลัน
ลูกเรือหนีตายถูกลากไปทีละคน เมื่อเลือดเจิ่งนองทั่วผืนน้ำ สัตว์กินเนื้อจากทั่วทุกสารทิศดิ่งมายังจุดล่านองเลือด เกตกับคาวินทร์ดึงลูกเรือสามคนที่รอดมาได้ขึ้นเรือ ฉมวกในมือนักล่าทายาทพรานใหญ่เสือกเข้าปากฉลามตัวหนึ่งที่โผล่หัวขึ้นมาหมายจะงับเขา
“เร่งพายเข้า”เกตสั่ง เรือกำลังทิ้งห่างการรุมกินโต๊ะออกมาอย่างยากลำบาก “นี่มันนรกชัด ๆ ให้ตายเถิด”เกตสบถ เรือทิ้งห่างเขตล่าสังหารออกมาเรื่อย ๆ
“ไอ้สัตว์นรกคอยาวที่พังเรือเราตัวนั้น ข้าไม่เคยเจอมันมาก่อน มันไม่ใช่สัตว์ถิ่นเรา”พรานใหญ่เสียงเครียด พอตั้งหลักพักหายเหนื่อยแล้ว พรานมือหนึ่งอดีตกัปตันเรือก็กลับมาทำหน้าที่ เกตส่งฉมวกอีกเล่มให้กัปตันที่ตนทำงานด้วยมานาน ตัวเองหยิบปืนยาวที่วางตรงท้องเรือมาตรวจดูก่อนถือค้างอยู่เช่นนั้น
“รีบพายเข้าพวกแก”เกตสั่ง
เรือถูกกระแทกเต็มแรง สามคนที่ถืออาวุธคุ้มกันทรงตัวได้แล้วก็มองหาตัวการ แต่ไร้วี่แววมันแล้ว
“รีบพายเร็ว”ราวินทร์กวาดตามอง สัตว์ร้ายที่แหวกว่ายอยู่ใต้พวกเขากำลังเล่ห์ร้ายน่าพรั่นพรึง เขารู้สึกได้
ไม่มีใครสามารถเดาใจสัตว์ร้ายได้ทั้งหมด พวกมันลึกลับ ยิ่งอยู่รอดบนโลกมานานยิ่งลึกลับ หากเป็นสัตว์ทะเลด้วยแล้ว น้อยนักจะมีนักล่าจากแดนดงดิบที่เข้าใจหรืออ่านมันออก ไม่เว้นแม้แต่ยอดพรานอย่างราวินทร์
ฉลามยังคงเกาะติดการเคลื่อนไปของเรือ ตามกันมาเป็นฝูง พวกตัวใหญ่พยายามเข้ามาล่มเรือแต่ก็ถูกฉมวกกับหน้าไม้ยิงกลับจนต้องถอย เกาะแฝดกำลังขยับใกล้มาเรื่อย ๆ
เมฆครึ้มและลมทะเลกำลังเคลื่อนจากไปแล้ว แดดจ้าสาดลงมา ทุกคนเริ่มร้อนจนเหงื่อท่วม พวกฝีพายเหนื่อยหอบแต่ยังไม่หยุดพาย ด้วยกลัวความตายที่ไล่หลังมา
ความตาย สิ่งที่ทุกคนยอมรับว่าต้องพบ แต่ก็วิ่งหนีมันสุดชีวิตเพื่อจะอยู่รอด และน้อยคนนักที่จะยืนอย่างองอาจ รอให้มันงับจนจมเขี้ยว
คาวินทร์ยังถือฉมวกพร้อมขว้าง ด้ามฉมวกพาดไหล่รอคอย อีกมือถือหน้าไม้ กัปตันราวินทร์ผู้พ่อนั่งอยู่ท้ายเรือ ปืนพกพาดบนขา หลับตานิ่ง ต้นหนหันมองเจ้านายที่ทำงานด้วยกันมานานเป็นพัก ๆ มือถือฉมวกรออยู่เช่นกัน
“กัปตัน”
พรานใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเกต แต่เกตไม่ทันพูดต่อ ร่างของต้นหนถูกงับเลือดสาดก่อนโดนลากจมหายไปในน้ำ เรือเล็กโคลงเคลงเกือบคว่ำ ในภาวะตื่นตะลึงของลูกเรือ คาวินทร์ตะโกนให้ทุกคนรีบพายต่อ ตัวเองกวาดตามองหาเจ้าสัตว์นรกที่เอาตัวต้นหนเฒ่าไปเมื่อครู่ มันรวดเร็ว รวดเร็วจนดูไม่ทัน
“เทพเจ้า! ตัวมันใหญ่มาก”ลูกเรือคนหนึ่งหน้าตาตื่นเหมือนเห็นผี
ผียังน่ากลัวน้อยกว่านี้ เพราะนี่คือผู้นำมาซึ่งความตายอันฉับพลัน คาวินทร์พยายามเรียกสติและความกล้ากลับมา พ่อของเขายังใจเย็น แม้จะเสียเกตต้นหนคู่ใจไป แต่พ่อยังสงบ ไม่มีใครอ่านพ่อออกถี่ถ้วน ดวงตาคู่นั้นมองซ้ายขวา พ่อกำลังพยายามหาวี่แววของเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น เพื่อจะแก้แค้นให้ทุกคน
เกาะแฝดอยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบหลาแล้วในตอนนี้
ความตึงเครียดแผ่รังสีร้อนระอุแข่งกับแสงอาทิตย์ นกทะเลส่งเสียงแปลกแปร่งบนฟ้า ลูกเรือหมดแรงหลังพายหนีตายกันมาไกลภายใต้ความกลัวที่มหาสมุทรมอบให้
คาวินทร์ปล่อยเหงื่อไหลลงมาเต็มร่าง ฉมวกในมือหนักอึ้งและเปียกชุ่ม เรือกำลังเข้าเขตน้ำตื้น ชายหาดเกาะแฝดอยู่ตรงหน้าพวกเขา ถึงตรงนี้ฝูงฉลามก็ละความพยายาม พวกมันว่ายวนเวียนอยู่ในเขตน้ำลึก กัดกินซากพวกเดียวกันเองอย่างหิวโหย ไม่รู้เทพเจ้าสร้างกฎอะไรไว้ ถึงทำให้สิ่งมีชีวิตหันเข้ากินซากพวกเดียวกันได้ ฆ่าและย่ำยีพวกเดียวกันได้ คาวินทร์ไม่เคยเข้าใจโลกและกฎของธรรมชาติที่เหล่านักบวชบอกว่าเป็นการวางแผนของทวยเทพ เขาไม่เคยมีศรัทธาในสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย จนถึงตอนที่ทุกคนมุ่งหน้ามาถึงฝั่งนี่เอง เขาถึงได้นึกขอบคุณพลังอำนาจที่มองไม่เห็นนั้นที่ช่วยไม่ให้เขากับผู้รอดชีวิตทุกคนเคว้งคว้างและอดอยากอยู่กลางทะเล กลายเป็นอาหารของสัตว์ร้ายทั้งหลายเหล่านั้น ศรัทธาอาจกำลังก่อเกิดในตัวเขา
“คาวินทร์ มีบางอย่างตามเรามา”พ่อนั่งเล็งปืนค้างทางกราบซ้ายเรือ
“พ่อว่าอะไรนะ”คาวินทร์หันไป สังเกตสีหน้าและท่าทางเครียดเคร่งที่พ่อพยายามงำเอาไว้ มันแสดงออกค่อนข้างชัดและเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริง บางอย่างกำลังตามมา อยู่ใต้น้ำและไม่สนด้วยว่าเรือกำลังจะถึงหาดทราย
“ข้าสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของมัน”พรานมือหนึ่งพึมพำ คำพูดทำให้คาวินทร์หันกลับมาอีกรอบ “รีบพายเถอะ ตั้งหลักบนฝั่งให้ได้ก่อน”พรานใหญ่ผู้เป็นบิดาวางท่าสงบกลบเกลื่อนไปแล้ว
เรือเคลื่อนรุดไปข้างหน้าเร็วขึ้นอีกตามคำสั่งของพรานใหญ่ ยิ่งใกล้ฝั่งเท่าใด คนพายก็ยิ่งมีกำลังใจและความหวัง ด้วยหนีห่างจากความตายไปมากขึ้นทุกที
“ขึ้นฝั่งได้ พวกมันก็ไม่มีอะไร”รัท ลูกเรือเก่าแก่ฉายาจอมปากมากพูดหลังทนนั่งเครียดมานานเพราะตัวเองเพิ่งรอดตายจากเรือที่ล่ม ลูกเรือคนอื่นแม้จะเบื่อรัทที่ปากมาก แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้
“เงียบเถอะรัท ช่วยคาวินทร์ดูข้างหน้าด้วย”พรานใหญ่เตือน
“ครับนาย”รัทหยิบฉมวกของเกตที่ตกตรงท้องเรือมาถือ มันยังชุ่มเลือดของต้นหนเฒ่าผู้ไม่มีแม้แต่โอกาสจะป้องกันตัวตอนถูกงับดับดิ้น พวกลูกเรือจ้ำพาย คาวินทร์มองเห็นพื้นทรายขาวอยู่รำไรใต้ผิวน้ำที่ไหวเป็นระลอกคลื่น สงสัยว่าเจ้าตัวร้ายจะอยู่ข้างล่างแนบชิดติดใต้ท้องเรือหรือมุดพรางร่างมโหฬารของมันอยู่
“อย่าคิดชะโงกหน้าลงไปมองข้างใต้น้ำเด็ดขาดไอ้ลูกชาย”
คาวินทร์หัวเราะในคอ “ไมโง่แบบนั้นแน่พ่อข้า”
น้ำเป็นสิ่งที่ส่งสัญญาณความเคลื่อนไหวได้ดี แม้น้ำทะเลจะผันแปรไม่แน่นอนด้วยคลื่นลมมีเปลี่ยนทิศทาง แต่การขยับร่างใหญ่โตก็ทำให้เกิดแรงสั่นอันผิดแผกมาเป็นสัญญาณให้พอสัมผัสได้ พ่อเรียกว่าสัมผัสโลก เขาเองยังฝึกได้ไม่ถึงไหน พ่อบอกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะฝึกมันให้สมบูรณ์ นักล่าหนุ่มหวังว่าสักวันเขาจะใช้มันได้อย่างที่พ่อทำได้หลังฝึกจนเชี่ยวชาญ
“ข้ารู้สึกแปลก ๆ ”คนที่ฝีมือกล้าสุดบนเรือเปลี่ยนท่าที ปืนพกที่พาดขาตอนนี้พร้อมรับศึก “เร่งพายเข้า”พรานใหญ่หันมองไปทางด้านหลัง
คาวินทร์ลุกขึ้นยืน ท่าทีของพ่อบ่งบอกว่าพวกเขายังไม่พ้นอันตรายแม้จะเกือบถึงหาดแล้ว เรือเคลื่อนไปเร็วที่สุดเท่าที่แรงทุกคนจะมี
“หักเรืออกขวาเต็มตัว”
คำสั่งกัปตันไม่มีใครโต้แย้งแม้เรือจะเปลี่ยนทิศ หนีจากหาดตรงหน้ามุ่งไปยังใต้หน้าผาและดงหินโสโครก
“มันอยู่ข้างหน้าเรา ใต้ทรายนั่น รีบพายหนีออกไปทางหน้าผา เข้าหลบในดงหิน! ”
บัดนี้ยอดนักล่าจากไซย์แอมที่นั่งอยู่ท้ายเรือเป็นคนแรกที่จะปะทะกับสัตว์ร้ายที่ดักรอตรงหาดและอาจติดตามมา คาวินทร์เริ่มวิตกกังวล เช่นเดียวกับผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ แต่ทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากเร่งให้เรือหนีเข้าไปในดงหินให้ได้
“ฉันเกลียดแบบนี้ พับผ่าซิ”รัทโวยวายอย่างเหลืออด
คาวินทร์ถลึงตาใส่ลูกเรือจอมปากมาก ทุกคนเงียบ เรือกำลังจะเข้าไปในช่องว่างระหว่างโขดหินสองก้อนที่เด่นอยู่กลางน้ำประหนึ่งเป็นเสาทวารเข้าใต้หน้าผา
“มันจะต้องเล่นงานเราก่อนถึงดงหินนั่น เร็ว! รีบหน่อย”
คาวินทร์โยนฉมวกให้พ่อ หยิบพายหักใต้ที่นั่งออกมาช่วยพายอีกแรง เรือบดพาทุกคนเข้าใกล้โขดหินคู่นั้นมากขึ้นทุกขณะ
“มันอยู่ไหนแล้วท่านพ่อ”
กัปตันเรือปีกนางฟ้ายืนสงบอยู่ตรงท้ายเรือ ด้ามฉมวกพาดไหล จากแต่เดิมที่เล็งไปทางด้านหลัง ปลายฉมวกหันไปทางโขดหิน พร้อมพุ่งออกไปเต็มแรง เจ้าจระเข้นั่นมาดักหน้าทุกคนแล้ว
“พายถอยออกมา!”คาวินทร์สั่งสุดเสียง
น้ำตรงหัวเรือแตกกระเซ็นราวถูกระเบิดด้วยปืนใหญ่ ร่างมหึมาพุ่งข้ามโขดหินสองก้อนนั้นมาหาเรือ ฉมวกในมือของพรานใหญ่พุ่งสวนเขี้ยวมัจจุราชแทบจะทันที
จระเข้ยักษ์ตัวดำลายขาวถูกฉมวกปักตรงโคนขาหน้าข้างซ้าย ด้วยแรงพุ่งของมันและหนังที่หนา ทิศทางการโจมตีของมันไม่ได้เปลี่ยน ฉมวกหยุดมันไม่ได้ ปากขนาดมหึมาอ้ากว้างเพื่องับเรือ และคนที่ยืนใกล้สุดคือคาวินทร์
“หลบ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้ เรือบดถูกงับเข้าไปครึ่งลำ คาวินทร์ที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือถูกเพดานปากกดลงไปนอนกลิ้งอยู่ตรงใต้ท้องเรือ ใต้ปากและแถวฟันที่พยายามบดเรือให้แหลกคาปาก กลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้ง เลือดของลูกเรือที่ถูกเขี้ยวบดร่างแหลกกับเรือสาดไปทั่ว คาวินทร์คู้ตัวหลบเขี้ยวขนาดเท่าฝ่ามือและแหลมคมที่กำลังขยับขึ้นลง ลูกเรืออีกคนที่หลุดเข้ามาในปากไอ้เข้พร้อมกันยื้อยุดสุดชีวิต อีกร่างหนึ่งถูกฟันบดแหลกเละ ทุกคนพยายามดิ้นรนออกจากปากของมันสุดชีวิต จระเข้ยักษ์สะบัดหัวเร่า มันกำลังถูกโจมตีจากใครสักคนที่อยู่ข้างนอก
“คาวินทร์ !”
เสียงของพ่อเตือนสติเขา นักล่าหนุ่มหยิบด้ามไม้พายหักที่ตนใช้มาจากตรงท้องเรือ หันด้านที่หักเป็นปลายแหลมแทงเสยเพดานปากของมัน แต่ไม่ได้ผล
“ไอ้จระเข้ผีสาป”คาวินทร์ชักมีดออกมาจากฝักติดรองเท้า กระหน่ำแทงเพดานปากของมันไม่ยั้ง เจ้ายักษ์ดิ้นเพื่อสลัดการแทงของมนุษย์ในปาก พยายามยกหัวเหย่าเอาคนในเรือเข้าปาก คาวินทร์กลิ้งจากตำแหน่งที่ยึดอยู่แต่คว้าเอาเขี้ยวของไอ้เข้ยักษ์ไว้ได้ มันขยับปากจะงับอีกครั้ง เขาปล่อยมือ มันกดเขี้ยวลงกับตัวเรือหลังเขาหดมือหนีเพียงเสี้ยวลมหายใจ มีดในมืออีกข้างเสียบติดกับแผ่นไม้ใช้แทนที่ยึด พวกที่อยู่ข้างนอกกำลังเล่นงานมัน กระนั้นมันก็ไม่ยอมปล่อยเรือ
“ปีนออกมาให้ได้”เสียงใครสักคนดังแทรกเสียงคำรามในคอของไอ้เข้ยักษ์
ไม่รู้ว่านักล่ามือฉมังอย่างพ่อพร้อมคนที่รอดกำลังพยายามทำอะไร แต่คาวินทร์ที่อยู่ในปากจระเข้ยักษ์พยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อจะปีนออกไปให้พ้น นอกจากเขายังมีลูกเรืออีกคนที่ยื้อชีวิตตัวเองไว้ไม่ให้ร่วงลงไปในท้องอันมืดดำดุจหุบเหวลึก ปากกว้างและแถวฟันกำลังเริ่มคลายจากเรือ
“แทงมัน”คาวินทร์กระชากลูกเรือสติปลิวคนนั้นมาตะโกนกรอกหูหลังจากจระเข้ยักษ์หยุดพยายามเขย่าพวกเขาลงไปในคอมันแล้วลดหัวลงมา สติลูกเรือคนนั้นไม่อาจเรียกกลับมาได้แล้ว กายหยาบไร้สติสัมปชัญญะนั้นเอาแต่ปล่อยตัวเองนอนกลิ้งไปมาตามแรงสะบัดของเจ้ายักษ์ ร้องโหยหวน ตาเหลือกลาน คาวินทร์เหลือแค่มีดพกเท่านั้นทีพอจะดึงมาใช้ได้ ขวานคู่มือที่เหน็บเอวหลุดหายไป ดาบที่หลังก็ไม่อาจชักออกมาได้ จระเข้ยักษ์สะอึกครั้งหนึ่งเมื่อถูกคนข้างนอกรุมสะกรัม ตัวใหญ่โตของมันคงติดอยู่กับช่องว่างระหว่างโขดหินสองก้อนที่มันพยายามจะพุ่งข้ามมาตอนโจมตีเรือ โชคยังเข้าข้างพวกเขาอยู่บ้าง
“บ้าเอ๊ย!”นักล่าหนุ่มควานไปรอบตัว เรือบดเริ่มส่งเสียงไม้หัก กาลอวสานใกล้เข้ามาเต็มแก่ มือที่ควานเปะปะสัมผัสกับไม้พายอีกเล่ม มันกลิ้งหลุน ๆ อยู่ ใต้ที่นั่งซึ่งร่างของลูกเรือเสียสติคนนั้นนอนอยู่ คาวินทร์คว่ำตัวลง คลานไปยังทางออก ไอ้เข้ยักษ์ผงกหัวมันขึ้นอีกหน คาวินทร์คว้าที่นั่งกลางเรือไว้ได้ ยึดยื้อตรงนั้นด้วยชีวิต ร่างของลูกเรือคนนั้นไหลลงไปยังหัวเรือที่ล้ำเข้าไปในคอไอ้เข้ยักษ์
“จับข้าไว้”
มือเปื้อนเลือดของลูกเรือผู้นั้นพยายามคว้าขาของเขา แต่ด้วยการเคลื่อนไหวรุนแรงของเจ้าสัตว์นรกทำให้พลาดไปทุกครั้ง
“คาวินทร์ออกมา!”
เสียงพ่อย้ำเตือน นักล่าหนุ่มเอาไม้พายกระทุ้งฟันหน้าของเจ้ายักษ์ มันสะบัดหัวอีก จากช่องระหว่างฟันแต่ละซี่ เงาของพ่อปรากฏอยู่ตรงหน้ามัน เงื้อฉมวกประจันหน้ามฤตยูแห่งทะเลอาร์เซีย
“เกาะให้แน่น”
คาวินทร์ได้ยินเสียงเตือน เลยยึดเอาไว้แน่นก่อนเอี้ยวตัวไปกระทุ้งเพดานปากของไอ้เคี่ยมยักษ์ พยายามใช้ไม้พายนั้นดันตัวเองออกไปให้ได้ถ้าเกิดปากอันเป็นประตูนรกนี้อ้ากว้างมากพอ เสียงคนข้างนอกกลุ้มรุมแทงเจ้าจระเข้ยักษ์ดังลอดเข้ามา ความหวังยังมีอยู่ข้างนอกนั่น
“เราต้องลากเรือออกมา”เสียงใครสักคนดังขึ้นไม่ไกล
จระเข้ยักษ์ดิ้นรนสุดชีวิต มันเองคงพยายามหลุดจากพันธนาการของโขดหินสองก้อนที่หนีบตัวมันไว้ให้ได้ด้วยการพยายามพลิกตัวควงให้หลุดแต่มันเจ็บและอ่อนแรง
“คาวินทร์เกาะไว้”
นักล่าหนุ่มได้ยินเสียงของพ่อ เขายึดเรือแน่น พวกที่อยู่ข้างนอกกำลังทำบางอย่างกับเรือ ไอ้เข้กำลังลดแรงงับอีก ปากมันเริ่มอ้ากว้างขึ้นทุกขณะ เรือโยกขึ้นลงในปากของมัน คนอยู่ข้างในหัวกระแทกกับเพดานปาก น้ำลายเหม็นเหนียวเปรอะเต็มหัว โลกขยับขึ้นลงเป็นจังหวะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จระเข้ยักษ์ออกแรงเพื่อหลุดจากการยื้อแย่งที่มันพลาดพลั้ง ในที่สุดมันก็ถอดใจ
“คาวินทร์ หาอะไรบังตัวไว้!”
จระเข้อ้าปากกว้าง เรือที่ถูกโยกพลิกออกจากปากไอ้เข้ หัวเรือกระแทกฟันหน้าของมันหลุด แรงกระแทกส่งมันหลุดออกจากโขดหินด้วยการหงายหลังตึงลงไปในน้ำ คาวินทร์ยังไม่พ้นอันตราย เรือยังไม่พ้นระยะการดิ้นของเจ้ายักษ์ เขารวบรวมแรงอีกเฮือกกระโจนออกจากเรือก่อนร่วงลงไปตรงน้ำตื้นที่มีแต่หินตะปุ่มตะป่ำโผล่มาจากทราย รอดตายหวุดหวิด
จากตรงที่นอนหอบอยู่ ทะเลห่างจากปลายเท้าเขาไปไม่มากกำลังคลุ้มคลั่งตามจระเข้บ้าเลือด
“จัดการมันเลยนาย”รัทตะโกนทั้งที่ตัวเองกำลังดำผุดดำว่ายหนีตายจากแถวโขดหิน
พรานใหญ่ยืนจังก้า ในมือมีเพียงดาบคู่กายกับขวานประจำตัว พร้อมปะทะกับจระเข้คลั่งเลือดที่เนื้อตัวปอกเปิกเต็มไปด้วยแผล เจ้ายักษ์นั่นไม่ยอมถอยหนี
“ขึ้นไปบนฝั่ง ไป!”
ทุกคนทำตามคำสั่ง ใครสักคนวิ่งเข้ามาลากตัวคาวินทร์หนีออกมา พรานใหญ่ผู้เป็นบิดากำลังก้าวถอย น้ำทะเลสูงระดับอกค่อย ๆ ลดต่ำลงถึงเอว ตามความสูงของพื้นดิน ดาบของพรานใหญ่ยังจรดค้าง หากใครได้ยืนตรงนั้นจะเห็นว่าเขาประสานสายตากับสัตว์ร้าย
“รีบมาพ่อ รีบมา!”
ราวินทร์ถอยเร็วขึ้น จระเข้ยักษ์ตะกายสุดฤทธิ์เพื่อออกจากดงหินซับซ้อนที่มันตกลงไป และแล้วมันก็ทำสำเร็จ ร่างมหึมาผลุบหายลงไปใต้น้ำ พรานใหญ่ขาแข็งไปชั่วครู่ กระแสน้ำใต้เท้าผันแปร พื้นทรายสั่นไหว เท้าของเขาสับถอยเร็วสุดชีวิตจนมาถึงหาด น้ำตรงหน้าเขาแตกกระเซ็นเป็นม่าน โคตรไอ้เคี่ยมแห่งทะเลไซย์แอมพุ่งตามขึ้นมาบนฝั่งหมายจะลากเขาลงน้ำ พรานใหญ่ตวัดดาบฟันโดนก้อนอึหมาเหนือจมูกของมัน จระเข้ยักษ์สะบัดหัวหนีก่อนพุ่งขึ้นมาบนชายหาด ถึงตรงนี้พรานใหญ่ได้ถอยมาในระยะไกลพอแล้วด้วยการเขย่งก้าวกระโดด
“ถอยต่อไป ขึ้นที่สูง”เขาสั่งทุกคน
“คงไม่ได้แล้วพ่อ”
พรานใหญ่หันไปหาลูกชาย ผู้รอดชีวิตสี่คนที่มาก่อนเขายืนนิ่ง ต่างตะลึงงันกับสิ่งที่พบตรงชายป่าริมหาด
พวกกองโคลิงยักษ์ตั้งแนวขวางทางพวกเขาอยู่ตลอดแนวป่า ขู่ตะคอกแยกเขี้ยว แสดงอาการป่าเถื่อนมายังมนุษย์ทั้งห้า พวกมันคือเจ้าถิ่นที่พร้อมจะทึ้งพวกเขาให้เละ
พรานใหญ่หันหน้ากลับไปทางทะเล ในขณะที่ทุกคนหันหลังชนกันโดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปบนหาดที่น้ำตื้นเพียงเข่า จระเข้ยักษ์นอนรอโอกาสของมันอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลขุ่นข้นแดงฉานเพราะเลือดของมัน ด้วยความอาฆาตเกินสัตว์ทั่วไป เจ้ายักษ์นั่นปิดหนทางลงไปที่ทะเลอย่างเด็ดขาด
โชคชะตาและทวยเทพกำลังกลั่นแกล้งพวกเขาเพื่อหมายเอาชีวิตเป็นแน่แท้
The Huntsman Way - วิถีนักล่า
ผู้แต่ง : หมอกเหนือ
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ปัจจุบัน | 25 ม.ค. 59 |
| 2 | นักล่า | 07 มี.ค. 59 |
| 3 | หนี | 14 มี.ค. 59 |
| 4 | ปีกที่ถูกตรึง | 21 มี.ค. 59 |
| 5 | ทาส | 28 มี.ค. 59 |



สวัสดีค่ะ
รู้สึกว่างานคุณดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน การเล่าเรื่องกระชับขึ้น เสียงก็มั่นคง คุณเป็นคนมีฝีมือค่ะ และคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก
ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น คือพูดเพราะรู้สึกอย่างนี้ คุณไม่ต้องทำตามก็ได้ คือเรารู้สึกว่าสามตอนแรกที่เป็นเปิดเรื่องในเมือง เริ่มล่า ไปจนย้อนความถึงพ่อตายนั้นยังจับคนอ่านติดสู้สองบทหลังที่เป็นทาสแล้วไม่ได้ เราจึงคิดว่าถ้าขึ้นด้วยอีเวนท์มาเป็นทาสเลย แล้วแฟลชแบ็คกลับไปที่ล่าจระเข้กับพ่อตาย เรื่องน่าจะมีอิมแพ็คแรงขึ้น (ส่วนบทนำให้กลับไปอยู่ที่ลำดับเวลาปรกติ) คือคนอ่านเปิดมาก็เฮ้ยทันที สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอจับติดแล้ว คนอ่านเห็นบุคลิกตัวเอกแล้ว คุณจะเล่าอะไรก็ได้ค่ะ
ลวิตร์