EN02 Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทมนตร์
จะหาใครในโลกนี้ซวยเท่าผมได้ มีเเม่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ มีพ่อเป็นเรนเจอร์ในขบวนการห้าสี เเละทั้งคู่ก็คิดเองเออเองว่าอยากให้ผมสืบทอด...ได้เเต่หวังว่าความเป็นชายของผมจะไม่สั่นคลอนไปจนถึงตอนจบของเรื่อง!
[Chapter 2] : การแปลงร่างของสาวน้อยเวทมนตร์
“เพื่อความสงบสุขของโลก พวกเราคือผู้พิทักษ์ความยุติธรรม..ขบวนการผลไม้ คุดะเรนเจอร์!”
ผมถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงโทรทัศน์ที่พ่อกับแม่มักจะเปิดดังสนั่นเมื่อรายการข่าวช่วงเช้าออกอากาศ สภาพผมเมื่อวานคือกลับมาบ้านแบบย่ำแย่มาก ทางโรงเรียนเพิ่งแจกเครื่องมือแปลงร่างเห่ยๆให้ผม และบอกให้ผมไปออกแบบชุดสาวน้อยเวทมนตร์ของตัวเอง รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างที่ดูดพลังชีวิตแบบสุดๆ ผมยังจำชื่อเพื่อนในห้องหรือไม่ได้ด้วยซ้ำ…เอาจริงๆคือผมไม่ได้อยากจำเลย
มันคงเป็นโชคดีของผมนั่นแหละที่ทางโรงเรียนเปิดโอกาสให้ออกแบบชุด ‘หนุ่มน้อยเวทมนตร์’ เองได้ (ผมขออนุญาตบัญญัติศัพท์ใหม่นะครับ คือ…คุณพอเข้าใจใช่มั้ยว่าเรียกตัวเองว่า ‘สาวน้อย’ มันน่าขนลุก!) ผมใช้เวลาออกแบบชุดทั้งคืน มั่นใจว่ามันเท่สุดๆ ไม่มีระบายลูกไม้ ไม่มีสีชมพูน่าขนลุก หวังว่าพอเอาไปส่งวันนี้คงไม่โดนครูลอริน่า ครูสอนวิชาแปลงร่างควบตำแหน่งครูประจำชั้นของผมตีงานให้กลับมาทำใหม่นะ…
“ที่รักดูสิคะ โทรทัศน์ออกข่าวคุณอีกแล้ว แหม..เลิศมากเลยค่ะ คุดะเรด!”
“แน่นอนสิครับ ฮันนี่ สามีใครกันล่ะ ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
เมื่อผมแต่งตัวเสร็จแล้วลงไปด้านล่างก็พบพ่อและแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เปิดโทรทัศน์ดังลั่นจนได้ยินไปถึงชั้นสอง คุณอาจงงบทสนทนาระหว่างพ่อและแม่ของผม ง่ายๆนะครับ ‘คุดะเรด’ คือฉายาของพ่อที่เป็นเรนเจอร์สีแดง ผู้นำขบวนการผลไม้ ‘คุดะเรนเจอร์’…ชื่ออาจฟังดูแปลกๆ แต่ช่วงนี้ขบวนการผลไม้ของพ่อกำลังโด่งดังและมีผลงานเยอะมากๆ(ไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยล่ะครับ..)
สมาชิกในขบวนการมีทั้งหมด 5 คน คุดะเรด คุดะบลู คุดะเยลโล่ คุดะพิงค์ และ คุดะกรีน
เวลาแปลงร่างพวกพ่อจะบิดเข็มขัดที่สลักเป็นรูปผลไม้ประจำตัว บิดเอว และเปล่งประโยคเท่ๆ จากนั้นก็จะมีแสงวาบๆชโลมไปทั่วร่าง ตู้ม! พวกพ่อก็จะเปลี่ยนไปสวมชุดเรนเจอร์ตามสีทันทีไม่ต่างอะไรกับมายากล เมื่อก่อนผมก็เคยคิดว่ามันเท่นะ แต่พอโตมาแล้ว…ไม่รู้สิ มันเท่จริงๆเหรอฟะ?
เคยเป็นมั้ย? ตอนเด็กๆเคยชื่นชมอะไรสักอย่างว่ามันสุดยอดมาก พอโตมากลับรู้สึกไร้สาระ
คำว่า ‘Kuda’ มาจากคำว่า ‘Kudamono’ ที่แปลว่าผลไม้ในภาษาญี่ปุ่น ถ้าถามว่าทำไมพ่อผมถึงตั้งชื่อขบวนการตัวเองแบบนี้ ไม่รู้สิ…ผมรู้แค่พ่อเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น เขาพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องปร๋อในขณะที่ผมซึ่งเป็นลูกชาย พูดได้แบบงูๆปลาๆเท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะเป็นเรนเจอร์ สาวน้อยเวทมนตร์ หรือแม้กระทั่งฮีโร่สายพันธุ์อื่นๆ พวกเราก็อาศัยอยู่ในเมืองปกตินั่นล่ะ แฝงตัวอยู่กับมนุษย์ ผมเองก็เรียนในโรงเรียนปกติธรรมดามาตลอดจนกระทั่งวันที่แม่กับพ่อเป่ายิงฉุบกัน! มันเป็นกฎของฮีโร่ทุกประเภทอยู่แล้วที่ต้องปลอมตัวปะปนกับคนทั่วไป ได้โปรดอย่าถามผมนะว่า ‘ทำไม’ เพราะผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน
แต่แม้พวกเราจะแฝงตัวอยู่กับคนธรรมดา ใช้ชีวิตอยู่แบบคนธรรมดา แต่พวกเราก็มี ‘ชุมชนลับ’ ที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ ยกตัวอย่างก็เช่นโรงเรียนของผมนั่นล่ะครับ มนุษย์ธรรมดาไม่รู้ว่ามีอยู่(เอาจริงๆ ผมคิดว่าพวกเขาก็ไม่อยากรู้ด้วย ในหนึ่งวันแค่กินกับนอนก็หมดไปแล้ว..) ซึ่งชุนชนลับพวกนี้มีอยู่ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะทวีปไหนก็มีครับ แตกต่างกันที่จุดประสงค์รวมถึงมาตรการพรางตาจากคนทั่วไป
…สรุปสั้นๆว่าโลกนี้มีพวกผมแฝงตัวอยู่แล้วกัน
“ดาร์เรนของแม่!! เมื่อวานไม่ลงมาทานข้าวเลยนะ..แม่ล่ะเป็นห่วง” ทันทีที่เห็นผม แม่ก็พุ่งเข้ามากอดผมราวกับเราไม่ได้เจอกันล้านปีแสง แม่โอเวอร์แอคติ้งแบบนี้เสมอแหละ แค่เมื่อวานผมเหนื่อยจนไม่อยากทานอะไร แล้วก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องเท่านั้นเอง ที่คุณเห็นวันนี้นี่ยังเบาะๆนะ…
เมื่อวานแม่มาร้องเพลงหน้าห้องเพื่อตามผมไปกินข้าวด้วยซ้ำ(แต่ผมไม่แคร์)
“ผมสบายดีน่า แม่..”
“โอ้! แล้วโรงเรียนวันแรกสนุกไหมเอ่ย?”
ห่วยแตกสุดๆไปเลยครับแม่ ผมอยากจะตอบแบบนี้นะ แต่ก็ได้แค่คิดในใจและกัดฟันตอบไปว่า…
“สนุกครับ บันเทิงทั้งวันเลย..” ผมฝืนยิ้ม เอาจริงๆคือมันก็บันเทิงนะ…แต่บันเทิงในหลายๆความหมาย แม่ดูพออกพอใจในคำตอบของผมมาก เธอดันหลังผมไปนั่งบนเก้าอี้และจูบแก้มผมแรงๆ พนันได้ว่าคงฝากรอยลิปสติกสีชมพูช็อกกิ้งพิงค์เอาไว้บนหน้าผมด้วย
อาหารเช้าวันนี้เป็นไข่ดาว ขนมปัง แล้วก็ไส้กรอกงั้นเหรอ…เออ ก็ไม่เลวนักหรอก
“ดาร์เรน…” พ่อหันมากระซิบกระซาบกับผม
“ว่าไงครับ..” ผมคิดในใจว่า สงสัยจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้แม่ได้ยินแหงๆ
“ลูกคงยังไม่ได้เบี่ยงเบนใช่ไหม..”
“ยังครับ..” ผมสตั้นกับคำถามเล็กน้อย ในใจโวยวายออกมาว่า ‘ถ้ากลัวผมจะเบี่ยงเบน ก็พาผมออกไปจากโรงเรียนบ้าๆนี่สิ!’ แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดมันออกมา พ่อดูพอใจกับคำตอบของผมมาก มือใหญ่ของพ่อยกขึ้นมายีหัวผมแรงๆ ก่อนจะหันไปจัดการอาหารเช้าของตัวเองต่อ
ผมว่าพ่อก็แค่ถามไปงั้นล่ะ…ไม่ได้สนใจผมจริงๆหรอก เหอะๆๆๆ
“งานของแม่เป็นไงบ้างครับ…” ผมหันไปหาแม่ เพราะช่วงนี้แม่แทบไม่พูดเรื่องงานของตัวเองเลย สิ่งแรกที่ผมเห็นคือดวงตาของแม่เบิกกว้าง คงไม่คิดว่าผมจะถามมั้ง? แม่คลี่รอยยิ้มแห้งๆบนริมฝีปากแถมยังตอบคำถามผมไม่เต็มเสียง
“ก็โอเค…”
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าฟะ? ทำไมพอถามเรื่องงานแล้วแม่เป็นแบบนี้..
“แม่โอเคจริงๆนะ?”
“มีเรื่อง ‘สมาคมต่อต้านสาวน้อยเวทมนตร์’ นิดหน่อย..” จากที่ผมอ่านสีหน้าได้ แม่กำลังกังวลเรื่องนี้สุดๆ ไม่ใช่แค่ ‘นิดหน่อย’ เหมือนที่แม่บอกหรอก แม่นิ่งไปนานเหมือนกำลังใช้ความคิดไตร่ตรองสิ่งที่อยู่ในหัว สักพักแม่ก็ตบบ่าผมแรงๆทีหนึ่ง
สมาคมต่อต้านสาวน้อยเวทมนตร์ ดูเหมือนจะเป็นชื่อของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ออกมาเป็นข่าวให้เห็นประปรายในช่วงนี้ โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่ามันจะเป็นอันตรายนะ แค่ชื่อกลุ่มก็ฟังดูเห่ยแล้ว…ฤทธิ์มันจะเยอะสักแค่ไหนกันเชียว?
“แต่ลูกไม่ต้องกังวลหรอกนะ แม่เอาอยู่!” คราวนี้แม่ยิ้ม…ยิ้มแบบสดใสจริงๆแถมทำท่าเบ่งกล้ามให้ผมดูด้วย ถ้าแม่ยืนยันแบบนั้น ผมก็เลยเลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ คิดว่าแม่คงแค่เหนื่อยจากการวิ่งไล่สัตว์ประหลาดมากกว่า เอาไว้แม่อยากเล่าเดี๋ยวคงเล่าเองล่ะ
แม่ของผมเก่งอยู่แล้ว…สาวน้อยเวทมนตร์สีชมพูเลยนี่นะ
เอาล่ะ!..ตอนนี้ถ้าผมมีพลังสามารถควบคุมเวลาได้ ผมอยากจะยืดเวลาทานอาหารเช้าออกไปนานๆเพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน แต่ผมไม่มีความสามารถนั้น และเวลาไปโรงเรียนนรกนั่นก็ต้องมาถึงอยู่ดี หลังจากลาพ่อกับแม่แล้ว ผมก็คว้ากระเป๋าเป้สีชมพูแล้วเปิดประตูบ้าน..
“อรุณสวัสดิ์ ดาร์เรน! ไปโรงเรียนกันเถอะ”
แทนที่ผมจะพบกับความว่างเปล่าอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ผมกลับพบบุคคลที่ที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด เมเดียยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตู ผมสีส้มสะท้อนแสงเมื่อเจอกับแสงแดดยามเช้า มันยิ่งกระแทกลูกตาผมมากกว่าเดิม หมอนั่นยิ้มแป้น วันนี้มัดจุกพร้อมติดโบว์ใหญ่ๆสีเขียวบนหัวด้วย โอย..นี่เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงมากสำหรับเช้าวันนี้
“เฮ้ย!!! แกรู้จักที่นี่ได้ยังไง!” ผมก้าวเท้าถอยหลังเข้าไปในบ้าน อารมณ์ตอนนี้มันเหมือนกับเจอแมลงสาบตัวใหญ่ยักษ์ไต่ขาไม่มีผิด เมเดียหัวเราะชอบใจท่าทางของผม “เมื่อวานเราแอบตามดาร์เรนมาน่ะ เราอยากรู้ว่าบ้านเพื่อนสนิทเราอยู่ไหน!” เมเดียตอบผมด้วยสีหน้าภูมิใจมาก
“นี่มันเข้าข่ายสตอล์คเกอร์นะ เฮ้ย!”
“สตอล์คเกอร์คืออะไรเหรอ?”
“ไม่ต้องมาตีหน้าใสซื่อ…ฉันรู้ว่าแกเข้าใจความหมายดี!”
“โหย..ดาร์เรนอ่ะ! เมื่อวานยังคุยสุภาพกับเราอยู่เลย ทำไมวันนี้หยาบคายจัง!” ดวงตาของเมเดียมีน้ำตาคลอเบ้าตา ก่อนที่มันจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูปักลายหัวใจขึ้นมาซับน้ำตา (จริงของมันครับ ผมเริ่มจะหยาบคายขึ้นเรื่อยๆ…ขอประทานอภัยด้วยครับ)
โอย…ตอแหล!
“เรื่องของฉัน..ฉันจะไปโรงเรียนแล้ว!” ผมเดินผ่านเมเดียที่ลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น นี่มันแอคติ้งเหมือนในละครหลังข่าวไม่มีผิด หมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกที่โดนพระเอกทิ้งหรือไง? พอเห็นผมทำท่าไม่สนใจ เมเดียก็พุ่งตัวเข้ามากอดขาผมเอาไว้จนแทบล้มคะมำ
“ดาร์เรน! ไม่เอา…สนใจเราหน่อย!”
“โอ๊ย! แกปล่อยขาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะไปโรงเรียนแล้วเฟ้ย!!”
“ดาร์เรน!”
“อะไรเข้าฝันให้แกย้อมผมสีนี้ ถามจริง!!”
สาบานได้ เกิดมาผมไม่เคยเจอใครน่าขนลุกเท่าหมอนี่เลย(เออ ลืมนึกถึงผู้อำนวยการโรงเรียน...) หลังจากเถียงกับเมเดียอยู่นาน แม่ของผมก็ส่งเสียงแหลมแปดหลอดบอกให้พวกเราไปโรงเรียนได้แล้ว ตอนที่เจ้าเมเดียเจอหน้าแม่ผม เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมาก มันแผ่ออกร่าหัวใจสีชมพูออกมาจากร่างเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาด ก่อนจะรีบเข้าไปประจบประแจง
เมเดียเป็นสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่หยุด เหมือนนกแก้วไม่มีผิด
“ดาร์เรนไม่เห็นบอกเราเลยว่า แม่ของดาร์เรนคือ บิวตี้พิงค์!!”
“หุบปาก”
“บิวตี้พิงค์ สาวน้อยเวทมนตร์อันดับท็อปของวงการเลยนะ!”
“หุบปาก”
“คราวหน้าเราขอมาเที่ยวบ้านดาร์เรนอีกได้ไหม?”
“หุบปาก”
กว่าจะมาถึงโรงเรียนนี่เกือบตกรถโรงเรียนเที่ยวสุดท้ายเลยครับ
โทษใครล่ะ?...ไอ้หัวส้มนี่ไง!
+++++++++++
สิ่งที่ผมเกลียดอีกอย่างหนึ่งในโรงเรียนนี้คือ….
“นี่ๆ เมื่อวานฉันถ่ายภาพรุ่นพี่เชนกับอาจารย์ราล์ฟจูบกันมาได้ล่ะ”
“กรี๊ด จริงเหรอ! เธอไปถ่ายที่ไหนมา…”
“หะ อะไรนะ? คู่นี้เขาเป็น ‘แบบนั้น’ กันเหรอ! ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย เล่าๆๆๆ”
จากบทสนทนาข้างบน คุณคิดว่ายังไงครับ? พอจะเข้าใจหรือยังว่าผมพูดถึงอะไร…
ผู้หญิงโรงเรียนนี้ มีหลายพวก…ทั้งสิ่งมีชีวิตที่บ้าลูกไม้ สิ่งมีชีวิตที่ชอบโอเวอร์แอคติ้ง สิ่งมีชีวิตที่คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เห็นชอบเห็นผู้ชายพลอดรักกันด้วย คุณอ่านไม่ผิดหรอก.. ผู้หญิงโรงเรียนนี้หลายคนชอบเห็นผู้ชายควงแขนกันเองมาก เมื่อวานผมเดินชนสาวน้อยคนหนึ่งตอนที่กำลังจะกลับบ้าน หนังสือที่อยู่ในกระเป๋าของเธอหล่นลงมา ด้วยนิสัยสุภาพบุรุษผมเลยก้มลงเก็บให้ ปรากฏว่า..มีแต่หนังสือ ชาย X ชาย อุดมไปด้วยภาพล่อแหลมเต็มไปหมด เห็นแล้วอยากจะเป็นลม!
ผมรู้สึกว่าตัวเองมองโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…
“ว้าย! เดินระวังหน่อยสิ…” เพราะมัวแต่พยายามดันเมเดียออกจนไม่ได้มองทาง ผมเลยชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแรง ข้าวของพวกเราทั้งคู่กระจัดกระจายไปหมด “เอ่อ..ขอโทษนะ เดี๋ยวเก็บให้” ผมดันหัวเมเดียออกไปจากตัว คราวนี้มันยอมปล่อยเอวผมแต่โดยดี
ให้ตายสิ…การบ้านของพวกเราสองคนปลิวกระจุยกระจายหมด ผมแยกหนังสือและสมุดของพวกเราออกเป็นสองกองอย่างลวกๆ ส่งมันให้เด็กผู้หญิงคนนั้น เธอกำลังกอดกระเป๋ายืนรออยู่ วินาทีที่สบตากับเธอ..ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบมันสว่างไสวไปหมด
เออ บางที…โรงเรียนนี้มันก็ไม่เลวนะ
…นี่มันโคตรน่ารัก!!!
“ขอบคุณนะ…” นางฟ้าแสนสวยตอบผม เธอคว้ากองหนังสือของเธอไป ส่วนผมมัวแต่ตะลึงในความงามจนพูดอะไรไม่ออก คุณลองคิดตามผมนะ…เธอสวยมากจริงๆ ผมของเธอเป็นสีฟ้ายาวสลวย ดวงตากลมโต ผิวก็ขาวด้วย น่ารักเหมือนกับหลุดออกมาจากหน้านิตยสารเลย
จีบได้มั้ย…โคตรใช่!!
“ดาร์เรน เฮ้!” เมเดียทำแก้มป่องและยื่นมือมากอดเอวผมอีกรอบ ด้วยความที่ผมมัวแต่ตกตะลึงในความงามของนางฟ้าอยู่ รอบนี้ผมเลยไม่ได้ดันมันออก “ดาร์เรน ไปห้องเรียนกัน อย่ามัวสนใจยัยหัวฟ้านั่นสิ” เมเดียเขย่าตัวผมที่กำลังจ้องมองนางฟ้าเดินไปจนลับสายตา
โธ่…เธอหายไปแล้วเนี่ย ยังไม่ทันได้ถามชื่อเลย พนันได้ว่าชื่อของเธอต้องน่ารักเหมือนใบหน้าของเธอแน่ๆ บางทีเธออาจจะชื่อ เฮเลน่า แมรี่ หรือ มาร์กาเร็ต… ขอสาบานกับตัวเอง ถ้าเจอเธออีกครั้งผมจะจัดช่อดอกกุหลาบ 99 ดอก แล้วคุกเข่าขอเธอมาเป็นแม่ของลูกผมให้ได้!
สุดท้ายเสียงหัวเราะของผู้หญิงรอบตัวก็ดึงผมกลับมาสู่ความจริงอันโหดร้าย
ผมเปิดประตูเข้าห้องเรียนโดยพยายามไม่สนใจสาวๆรอบด้านที่กำลังมองผมและเมเดีย พวกเธอกระซิบกระซาบกันยกใหญ่ อาจเพราะเมเดียกอดเอวผมเอาไว้แน่นเหมือนทารกลิงที่ไม่ยอมแยกออกจากแม่ ไม่ว่าผมจะพยายามด่าหรือสะบัดยังไง มันก็ไม่ยอมไป..
ทันทีที่เดินทางมาถึงห้องเรียนสีชมพูเห่ยๆ คนทั้งห้องก็หันมามองผม
“อรุณสวัสดิ์!” เมเดียฉีกยิ้มกว้าง มือปลิงของมันยังคงเกาะเอวผมไม่ปล่อย
“คิกๆๆ นี่พวกนายตัวติดกันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ผู้หญิงคนในห้องคนหนึ่งที่ผมจำชื่อเธอไม่ได้แซวเสียงระรื่น เธอย้อมผมสีม่วงและสีดำแบ่งอย่างละครึ่งศีรษะ สภาพเหมือนไปทะเลาะกับช่างย้อมผมมายังไงยังงั้น ใบหน้าของเธอตกแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดจ้าน ทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนแต่งหน้ามาโรงเรียนได้ ค่อนข้างจะสนับสนุนมากๆด้วยซ้ำ เพราะมีวิชาเมคอัพสำหรับสาวน้อยเวทมนตร์อยู่ในหลักสูตร
แต่ผมว่า..แต่งแบบนี้มันก็น่าขนลุกไปนะ เหมือนมนุษย์ต่างดาวเลย
“ใช่ เรากับดาร์เรนเป็นคู่หูกัน!” เมเดียประกาศ ในที่สุดมันก็ปล่อยมือจากเอวผมจนได้ หลังจากพยายามดันมันออกหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนานจริงๆ “หุๆ คู่หูเหรอ? ฮิๆๆๆๆ” ยัยหัวสองสียกหนังสือวิชาแปลงร่างขึ้นมาป้องปากหัวเราะ เทียบกับนางฟ้าเมื่อเช้า..ยัยนี่ก็เป็นได้แค่ฝุ่นเท่านั้นเอง
“เปล่าสักหน่อย…ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ?” ผมถามเพราะผมจำชื่อยัยคนนี้นี่ไม่ได้จริงๆ
“ฮาช่า เพิ่งแนะนำตัวหน้าห้องเมื่อวาน…หัดจำหน่อยสิ ดาร์เรน”
เอ่อ…คุณฮาช่าครับ เพื่อนร่วมห้องมีตั้งสามสิบกว่าคน จำได้หมดภายในวันเดียวก็เทพไปนะครับ แหม่! ผมคิดว่าควรจะระวังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ เพราะได้ยินเธอคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นว่า..เธอแต่งฟิค ไม่รู้ว่าฟิคอะไร แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“ดาร์เรน ฉันขอเขียนฟิคนายกับ-----”
“ครูมาแล้ว!”
เหมือนฮาช่าจะถามอะไรผมสักอย่าง เพียงแต่ถูกขัดจังหวะด้วยการมาถึงของครู เด็กนักเรียนในห้องกุลีกุจอกันไปนั่งประจำที่ของตัวเองเพื่อต้อนรับการมาถึงของครูลอริน่า ครูประจำชั้นของผม เธอเป็นสาววัยกลางคนร่างผอมแห้งสวมชุดกระโปรงสีเทาหม่นหมอง ใบหน้าซูบตอบ ทำให้ทุกครั้งที่มองหน้าเธอ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอมีเงินพอซื้อข้าวกินหรือเปล่า? ผมของเธอเป็นสีดอกเลารวบเกล้าเป็นมวยเอาไว้ที่ด้านหลัง ทำให้เธอดูเป็นสิ่งมีชีวิตสีเทาเพียงคนเดียวในโรงเรียนสีชมพูแห่งนี้
ผมบอกได้เลยว่าเธอดู ‘ปกติ’ ที่สุดแล้ว ตั้งแต่ได้สัมผัสโรงเรียนนี้มา
“เดี๋ยว…จะ…ให้ส่ง..การ..บ้าน..ค่ะ”
ไม่มีการโฮมรูมใดๆทั้งสิ้น เปิดปากออกมาก็ทวงการบ้านก่อนเลย สไตล์การพูดของครูลอริน่าเป็นอะไรที่ผมฟังแล้วหงุดหงิดมาก เพราะเธอจะพูดด้วยเสียงช้าๆเบาๆ ที่สำคัญคือพูดทีละคำ กว่าจะจบประโยคปาไปเกือบนาที ผมว่าครูควรไปหาหมอนะ…แต่ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะไปแนะนำครูได้
“หยิบ…เครื่อง..มือ…แปลง…ร่าง..ออก…มา….ค่ะ”
คุณอาจสงสัยว่าเครื่องมือแปลงร่างคืออะไร มันเป็นอุปกรณ์วิเศษที่ทางโรงเรียนแจกให้พวกเราเมื่อวาน ซึ่งถ้าให้ผมขยายความมันก็คือสิ่งของรูปลักษณ์เหมือนจะธรรมดาเช่นเข็มกลัด ปากกา หมวก แว่นตาดำ อะไรก็ว่ากันไปที่สามารถทำให้ผู้ถือครองเปลี่ยนไปใส่ชุดสาวน้อยเวทมนตร์และปล่อยพลังวิเศษได้…
อืม..น่าตื่นเต้นเนอะ น่าตื่นเต้นมาก…
ประชดนะครับ
เครื่องมือแปลงร่างที่ทางโรงเรียนแจกให้ผมเป็นเข็มกลัด ดีไซน์สวยงามเหมือนลิงบาบูนพ่นสายรุ้งออกมาจากปากได้ พวกอาจารย์คุยนักคุยหนาว่าผมโชคดีมากแค่ไหน เนื่องจากเข็มกลัดเป็นอุปกรณ์แปลงร่างที่ฮิตติดอันดับต้นๆของวงการ ใครๆก็อยากได้มาครอบครอง แต่โดยส่วนตัวนะ ถึงจะได้เป็นเข็มกลัดวิเศษบ้าบอคอแตกอะไร ก็ไม่ได้ทำให้ผมอยากจะมีชีวิตอยู่ในวงการนี้ขึ้นมาเลย!
วิธีการแปลงร่างของสาวน้อยเวทมนตร์แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนเรียบง่าย บางคนหรูหราอลังการ อันนี้ก็แล้วแต่คนนะครับ…แต่ส่วนใหญ่ ถ้าใครอยากเด่น อยากดัง ท่าแปลงร่างควรจะเวอร์ๆไว้ก่อน ซึ่งในรายวิชานี้มีสอน
“พรี..เทสต์..การ…แปลง…ร่าง…เดี๋ยว..ครู…จะ…ขาน…ชื่อ” ครูลอริน่ายังคงยานคางเหมือนเดิม ครูก้มมองกระดาษในมือและเรียกชื่อนักเรียนออกมาหน้าห้องเพื่อแสดงท่าแปลงร่างทีละคน เนื่องจากคาบนี้เป็นคาบแรกๆของคอร์สเรียน จึงเน้นให้เด็กแปลงร่างให้ได้เสียก่อน ลีลาท่าทางยังไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก ผมเห็นเพื่อนร่วมห้องแต่ละคนถูกเรียกออกไป พวกเขาจะส่งสมุดการบ้านและเครื่องมือแปลงร่างที่โรงเรียนแจกให้ครูลอริน่า จากนั้นครูจะใช้เครื่องมือจ่อเข้าไปที่แบบสเก็ตชุดสาวน้อยเวทมนตร์ในสมุด สแกนมันเข้าไปในเมมโมรี่ของเครื่องมือและส่งคืนให้นักเรียนคนนั้นสาธิตการแปลงร่าง…
ก็เหมือนในการ์ตูนนั่นล่ะ เพียงแค่ส่วนใหญ่ยังเก้ๆกังๆกันอยู่
ที่คุณเห็นในสื่อต่างๆว่าสาวน้อยเวทมนตร์สามารถโชว์ลีลาการแปลงร่างที่พิสดารได้ตั้งแต่ครั้งแรกนั่น…ตอแหลทั้งเพครับ ของพวกนี้มันต้องถูกฝึกกันเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ไม่นานเมเดียก็ถูกครูเสียงยานคางเรียกไปขึ้นเขียง หมอนั่นดูตื่นเต้นมาก เหมือนอยากจะแปลงร่างใจจะขาด…ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่อยากออกไปสักนิดเดียว(แม้ว่าผมจะออกแบบชุดมาเท่สุดๆก็ตามที)
“เอ้า…เริ่ม…เลย..” ครูลอริน่ายกมือให้สัญญาณเมเดีย
มนุษย์หัวส้มสะท้อนแสงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะประกาศออกมาว่า
“ปาปาปาริก้า เชียริต้า บีบี้! ในนามแห่งความรักและความยุติธรรม อำนาจอันงดงามจงเปล่งประกาย ณ. บัดนี้!!” เมเดียตะโกนพร้อมกับหยิบเครื่องมือที่หน้าตาเหมือนกับคาดที่ผมขึ้นมาสวมหัว โยกย้ายส่ายสะโพกคล้ายๆจังหวะแซมบ้า ผมยอมรับว่าดูเก่งมาก ไม่มีความเขินอายเลยทั้งๆที่เพิ่งเคยแปลงร่างเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็มีลำแสงประกายดาวสีเหลืองทองแสบตาเปล่งออกมาจากร่างของเมเดีย สว่างจนผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถูกกลืนกินไปแล้ว
คาถามั่วๆที่หมอนั่นร่าย…ผมฟังแล้วรู้สึกอนาถใจ
“สาวน้อยเวทมนตร์ เมเดีย! พร้อมให้บริการแล้วค่ะ” หมอนั่นปิดท้ายด้วยท่าส่งจูบ เพื่อนในห้องต่างลุกขึ้นปรบมือให้มันกันใหญ่ เมเดียในตอนนี้สวมชุดกระโปรงสีเหลืองแขนตุ๊กตา ตัวกระโปรงบานสะพรั่งโรยกากเพชรระยิบระยับ ดีไซน์เหมือนได้แรงบันดาลใจมาจากดอกทานตะวัน ถ้าถามความเห็นผม นี่เป็นชุดประเภทที่ผมจะไม่ยอมใส่เด็ดขาด แม้ว่ามันจะเป็นเสื้อผ้าตัวสุดท้ายในโลก
“ยอด..เยี่ยม..” ครูลอริน่าเขียนคะแนนพรีเทสต์การแปลงร่างให้เมเดีย เพื่อนส่งเสียงเชียร์หมอนั่นเหมือนมันเป็นดาราใหญ่บนเวที เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงในห้องทำผมแสบแก้วหูจนต้องฟุบลงกับโต๊ะ ไม่นานครูผมสีดอกเลาก็ก้มมองรายชื่อเพื่อเรียกคนต่อไป ซึ่งก็คือ….
“ดาร์…เรน…”
ผมเองครับ!!
“ดาร์เรน สู้ๆนะ บัดดี้!” เมเดียซึ่งกลับมานั่งที่แล้วขยิบตาให้ผม หัวใจของผมกำลังเต้นอย่างรุนแรง คล้ายมีคนเอากลองไปรัวข้างใน ผมลุกขึ้นแล้วหยิบสมุดการบ้านที่เมื่อคืนนั่งออกแบบชุดแทบตายขึ้นมา มือของผมสั่นไปหมดขณะพาร่างตัวเองเดินไปข้างหน้า
เมื่อยืนอยู่ในตำแหน่งหน้าห้อง ผมสามารถมองเห็นห้องเรียนสีชมพูอย่างชัดเจน ทั้งผนังสีชมพู โต๊ะเรียนสีชมพูและพวกเพื่อนๆแฟชั่นนิสต้าที่ทำผมทรงประหลาดเหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์โลกอนาคต
“การ..บ้าน…” ครูลอริน่ายื่นมือผอมๆมาหาผม
ผมส่งสมุดการบ้านและเข็มกลัดแปลงร่างให้ครู คิ้วของครูลอริน่ากระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปิดดูสมุดการบ้านของผม ถ้าผมคาดการณ์ไม่ผิดพลาด…ครูกำลังทำสีหน้าประหลาดใจ บางทีครูอาจตกตะลึงกับผลงานออกแบบชุดสุดเท่ของผมก็ได้ ผมมั่นใจมากๆว่าชุดผมเท่ที่สุดในห้องแล้ว
ครูเอาเข็มกลัดแปลงร่างมสแกนชุดในกระดาษ จากนั้นก็ส่งคืนให้ผม
“เริ่ม…เลย…”
ผมมองเข็มกลัดในมือ นึกถึงท่าแปลงร่างยอดฮิตหรือประโยคเด็ดๆที่พวกสาวน้อยเวทมนตร์ชอบพูด ไม่เอาหรอก…ผมว่ามันทุเรศเป็นบ้า หลังจากกดปุ่มกลางเข็มกลัดให้กลไกเริ่มทำงาน ผมก็ติดเข็มกลัดเข้าที่หน้าอก ไม่คิดจะพูดประโยคเด็ดหรือหยอดมุขเสี่ยวอะไรทั้งนั้น แสงสว่างเปล่งออกมาจากเข็มกลัดโอบล้อมร่างกายของผมเอาไว้
ตอนนี้ผมกำลังนึกถึงเกมแอคชั่นแฟนตาซีที่ชอบเล่น ผมจะค่อยๆหันคอไปหาเพื่อนๆในห้องและยักคิ้วข้างเดียว หลังจากร่างกายสวมชุดสุดเท่แล้ว ผมจะหยิบดาบขนาดยักษ์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวขึ้นพาดบ่า แต่นั่นเป็นเพียงแค่มโนภาพในใจที่ผมคาดการณ์ว่าจะได้ทำ…
ความเป็นจริงก็คือ…
“ว้าย! ชุดน่ารักมากเลยดาร์เรน!”
หะ?...น่ารัก?
“เฮ้ย!!!” ผมอุทานออกมาเมื่อก้มมองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ ชุดหนังสีดำเท่ๆที่ออกแบบเอาไว้ถูกแทนที่ด้วยชุดกระโปรงโลลิต้าสีชมพูติดลูกไม้สีขาว โรยด้วยกากเพชรสีรุ้งระยิบระยับ แถมตรงเอวยังมีโบว์ใหญ่ๆทรงคล้ายปีกผีเสื้อผูกเอาไว้ที่ด้านหลังด้วย ถ้าชุดของเมเดียฟูฟ่องแล้ว ชุดที่ผมใส่อยู่คงยิ่งกว่า
ผมมองสภาพตัวเองตาค้าง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกการ์ตูนเรื่องอะไร..โพซ่าๆสักอย่าง
ทะ ทำไม…ทำไม…
ทำไมถึงได้กลายเป็นชุดนี้ไปได้วะ!!
“กรี๊ด ดาร์เรน น่ารักจังเลย!!”
“ชอบชุดแบบนี้ก็ไม่บอก ซุ่มเงียบนะเนี่ย ฮ่ะๆๆ”
“สวยยยยย!! อิจฉา!”
เพื่อนๆในห้องเริ่มส่งเสียงดังสนั่น บางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมด้วย! ผมพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ อยากแปลงร่างเป็นตัวตุ่นแล้วมุดพื้นหนีไปให้พ้นๆ หัวสมองเป็นสีขาวโพลน…ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ มีแค่เสียงหัวเราะของพวกเพื่อนๆที่ดังก้องอยู่ในหัว เมื่อผมหันไปมองครูลอริน่า ก็พบว่าครูกำลังอมยิ้มและเริ่มหัวเราะออกมา!!
คงไม่มีคำไหนจะบรรยายความรู้สึกของผมในตอนนี้ได้ดีไปกว่าคำว่า..
บรรลัย!
“ขอโทษนะ แต่นั่นชุดของฉัน…” เสียงหวานของใครสักคนเรียกสติผมกลับมา เด็กสาวผมยาวสีฟ้าที่ผมเจอเมื่อเช้ายืนอยู่หน้าห้อง ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองผมอย่างไม่พอใจ “ดูเหมือนเมื่อเช้าสมุดการบ้านของพวกเราจะสลับกันน่ะ” เธอเปิดสมุดการบ้านในมือออกจนเห็นชุดหนังสีดำที่ผมออกแบบไว้เมื่อคืนข้างใน จริงสิ..เมื่อเช้าผมชนเธอจนข้างของหล่นนี่นา
ชุดของผม…นั่นมันชุดที่ผมออกแบบ!! ผมรู้สึกเหมือนผู้หญิงตรงหน้าเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวขึ้นมาจริงๆ เธอมาได้ตรงเวลาตอนที่ผมกำลังพบกับเรื่องเลวร้าย ผมอยากจะคว้าเธอมาจูบเสียเดี๋ยวนี้ ทั้งผมสีฟ้าของเธอ ดวงตาแสนหวานนั่น ทุกอย่าง…
“ที่รัก เธอคือนางฟ้าของฉัน!! โอ๊ยยยย!! ขอบคุณมากกกกก!”
ด้วยความดีใจจนขาดสติ ผมพุ่งเข้าไปหานางฟ้าทันที ก่อนจะถูกเธอถีบเข้าที่จุดยุทธศาสตร์จนต้องลงไปนั่งร้องขอชีวิตบนพื้น
“ที่รักอะไรของนาย…” นางฟ้ามองผมด้วยสายตาเย็นชา
“โอ๊ย! กะ ก็เธอเป็นนางฟ้า..เป็นเด็กผู้หญิงที่สวยมาก” ผมจุกจนหลุดร้องคราง ฝ่าเท้าเธอหนักเกินมาตรฐานของเด็กผู้หญิงทั่วไป นางฟ้าค่อยๆนั่งยองๆตรงหน้าผม ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกเหมือนกับน้ำแข็งไม่มีผิด ก่อนที่เธอจะจับมือของผมขึ้นมาและวางมันแปะลงบนหน้าอกอันแสนแบนราบของเธอ
เอ่อ..ผมเพิ่งสังเกตว่าหน้าอกเธอแบนมาก…สำหรับเด็กผู้หญิง
เดี๋ยวนะ…เธอใส่กางเกง?
“ฉันชื่อ โรเจอร์” นางฟ้าแนะนำตัวเสียงราบเรียบ
อ๋อ…ชื่อ ‘โรเจอร์’ นี่เอง น่ารักมาก…เดี๋ยวนะ…โรเจอร์เรอะ? ไม่ๆ ผมอาจจะฟังผิด บางทีเธออาจจะบอกว่าชื่อ โรวีน่า ก็ได้…ใช่ๆๆ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ผมควรถามเธอให้แน่ใจ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถามด้วยซ้ำ เธอก็พูดต่อว่า..
“ฉันเป็นผู้ชายนะ”
“ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทมนตร์
ผู้แต่ง : Hestia
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ครอบครัวสาวน้อยเวทมนตร์ | 25 ม.ค. 59 |
| 2 | การแปลงร่างของสาวน้อยเวทมนตร์ | 07 มี.ค. 59 |
| 3 | สาวน้อยเวทมนตร์ในห้องน้ำ | 14 มี.ค. 59 |
| 4 | สาวน้อยเวทมนตร์ผู้สิ้นหวัง | 21 มี.ค. 59 |
| 5 | ใบประกาศของสาวน้อยเวทมนตร์ | 28 มี.ค. 59 |



สวัสดีค่ะ
เขียนอารมณ์ได้ถึงดีนะ ผลักเรื่องให้เดินต่อได้ทรงพลังดีด้วย เรื่องมีความลึกเพิ่มขึ้นมาก คิดว่าถ้ามีต่อคงต้องคิดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์ เรนเจอร์ และสัตว์ประหลาดให้ลึกขึ้น แต่ก็คิดว่าคนเขียนคิดไว้อยู่แล้วละ :)
ลวิตร์