EN10 Artisan
'เสื้อคลุมขนนก' ที่ทำให้บินได้ 'ชุดเกราะมังกรเหิน'ที่เผาไฟไม่ไหม้ 'ท่องวารี' รองเท้าที่ทำให้เดินบนผิวน้ำได้ คืองานของพวกเเขาเหล่า 'Artisan'
หากเหล่าอัศวินใช้ดาบและโล่เป็นอาวุธ
อาวุธของเหล่านักเวทก็คือ คทากับเวทมนตร์
ส่วน Artisan นั้น อาวุธของพวกเขาก็คือ เข็มกับด้าย
นับเป็นการเริ่มวันใหม่ที่แสนพิเศษในฐานะช่างตัดเสื้อสำหรับนีโก้ เมื่อเด็กหนุ่มไปเข้าเฝ้าไอโอเนลที่ปราสาทเพื่อรายงานความคืบหน้าของการฝึกฝนและการทดสอบ แล้วหลังจากนั้นไอโอเนลก็ลงจากบัลลังก์เดินตรงเข้ามาหาเขา
“ลองเปิดดูสิ”ไอโอเนลหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมา มันคือสมุดบันทึกที่หุ้มปกด้วยหนังสัตว์สีแดงเลือดหมู สมุดเล่มนั้นแลดูเก่าแก่ไปตามกาลเวลา บางทีไอโอเนลอาจจะเก็บรักษาสิ่งนี้มานานเพื่อรอมอบให้กับเขา
นีโก้เบิกตาโตมองตัวอักษรบนปกสมุดบันทึกเล่มนั้น
‘วีลเฮล์ม รัซเซล’
ใช่แล้ว ! เขาอ่านไม่ผิด สมุดเล่มนี้เป็นสมุดบันทึกของคุณทวดจริงๆ
ไม่มีช่างตัดเสื้อคนใดในอาณาจักรเอคราโทรที่ไม่รู้จัก ‘วีลเฮล์ม รัซเซล’ เพราะเขาถูกยกย่องให้เป็นพ่อมดแห่งวงการตัดเย็บ ความสร้างสรรค์ของเขาไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในวงการนักผจญภัยเท่านั้น ผลงานออกแบบสุดแหวกแนวของเขายังครอบคลุมไปถึงเครื่องแต่งกายของชาวเมืองทั่วไปอีกด้วย
เริ่มตั้งแต่ก็อบลินที่ทำงานในเหมืองแร่คริสตัล ต้องบอกก่อนเลยว่าคริสตัลเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญมากในเอคราโทร กลไกต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องจักรล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยพลังเวทจากคริสตัลเหล่านี้ กระทั่งคนที่ไม่มีพลังเวทตั้งแต่เกิดขอเพียงมีคริสตัลเหล่านี้ก็สามารถยืมพลังเวทจากธรรมชาติอันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่อยู่ในคริสตัลมาใช้ได้ ทว่าคนกลับไม่ค่อยให้ความสนใจกับชนชั้นแรงงานผู้ทำหน้าที่อันสำคัญนี้นัก ในขณะที่วีลเฮล์มไม่คิดเช่นนั้น
วีลเฮล์มรังสรรค์ชุดเอี๊ยมที่มีการออกแบบตัดเย็บเป็นเลิศ มีช่องและสายสำหรับพาดเก็บเครื่องมือพร้อมสรรพ แต่เหนืออื่นใดคือลูกเล่นและความรักสนุกในงานออกแบบที่เขาใส่เพิ่มเข้าไป นั่นคือ …ชุดเอี๊ยมที่ไม่มีวันสกปรก !
ถูกต้อง ! ชุดเอี๊ยมสำหรับคนงานเหมืองของวีลเฮล์มนั้นจะสะอาดอยู่ตลอดทั้งวัน แม้ผู้สวมใส่จะเล่นพิเรนทร์ไปเกลือกกลิ้งในโคลน หรือทำตัวสกปรกซกมกแค่ไหนก็ตาม คราบและรอยเลอะเหล่านั้นก็จะอันตรธานหายไปทันที แถมยังไม่ส่งกลิ่นเหม็นราวกับเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ตลอดเวลาอีกด้วย !
อา… คุณทวดเป็นช่างตัดเสื้อที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเขาจริงๆ
หัวใจของนีโก้เต้นระรัว ในสมุดบันทึกของคุณทวดจะมีศาสตร์การตัดเย็บและแพทเทิร์นแบบไหนกันบ้างนะ เขาพลิกหน้ากระดาษออกมา
นี่มัน !
“เป็นอย่างไรบ้าง” ไอโอเนลมีท่าทีตื่นเต้นไม่แพ้กัน ท่าทางของเขาเหมือนกับพี่ชายที่ให้ของขวัญน้องชายและรอดูว่าอีกฝ่ายจะดีใจหรือไม่
นีโก้นิ่งไปพักหนึ่ง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่หน้าผาก เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ “ท่านไอโอเนลครับ ท่านเป็นคนจดสมุดบันทึกเล่มนี้ให้คุณทวดเหรอครับ ?”
“ถูกต้อง จะมีใครได้อีกล่ะ ?”ไอโอเนลยืดอก เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ในกลุ่มสามคนเนี่ย วีลบอกว่าข้าลายมือสวยที่สุดเลยนะ รู้มั้ย”
นีโก้คิดว่าเขารู้แล้วล่ะ ว่าแทนที่จะเก็บสมุดบันทึกไว้ให้คนในครอบครัว ทำไมคุณทวดวีลเฮล์มถึงเลือกที่จะทิ้งสมุดบันทึกเล่มนี้ไว้ที่ท่านไอโอเนล …
นับว่าร้อยปีที่ผ่านมา ลายมือของท่านไอโอเนลพัฒนาไปไม่น้อยเลยทีเดียว !
หลังจากฝึกงานทอผ้ากับไอโอเนลในปราสาทเสร็จ ตอนบ่ายนีโก้ต้องไปเฝ้าร้านให้กับแชนนอน เขาใช้เวลาว่างจากงานในร้านอยู่พักใหญ่ถึงจะแกะตัวอักษรที่ยากยิ่งกว่าอักขระรูนโบราณในสมุดบันทึกของคุณทวดวีลเฮล์มได้สำเร็จ แต่ด้วยเหตุนี้ นีโก้เชื่อว่าความรู้เหล่านี้เขาคงจะจำขึ้นใจไปอีกนาน
เนื้อหาของสมุดบันทึกในช่วงแรกเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ อย่างเช่น ดอกรุ้งเปลี่ยนสี หากเรานำมันมาแปรรูปเป็นสีย้อม เสื้อผ้าที่ย้อมด้วยสีจากดอกไม้ชนิดนี้เวลาถูกแสงแดดก็จะเปลี่ยนสีไปตามรุ้งทั้งเจ็ดสี นิยมใช้มากในการแสดงที่ต้องการความโดดเด่นและนักผจญภัยที่ต้องการเปิดตัวอย่างหวือหวาอลังการ หรือเกล็ดของภูติวารีที่หากนำมาประดับชุดก็จะเพิ่มคุณสมบัติป้องกันเวทมนตร์ธาตุน้ำและทำให้สามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้ราวกับเป็นเงือกซะเอง เป็นต้น
“ที่นี่มีหนังกิ้งก่าไฟ ขายมั้ยจ๊ะ ?” เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้นทำให้นีโก้ละสายตาจากหน้ากระดาษชั่วขณะหนึ่ง เขาเห็นแชนนอนกำลังยืนคุยกับใครสักคน แต่ว่าคน ๆ นั้นอยู่ไหนกันนะ ? นีโก้กวาดสายตาจนทั่วแต่ไม่เห็นใคร ก่อนจะมองตามสายตาของแชนนอนลงไปข้างล่าง
โนมอย่างนั้นหรือ ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็คือคุณนายมูเก้ เจ้าของฉายาภูติทำรองเท้าผู้นั้นไม่ผิดแน่ เพราะแชนนอนบอกว่าคนที่รู้จักร้านนี้ได้มีแต่ทายาทช่างตัดเสื้อจากเจ็ดตระกูลใหญ่เท่านั้น
“ขอโทษด้วยค่ะ ล็อตสุดท้ายพึ่งขายไปเมื่อกี้นี้เอง” ดูเหมือนว่าแชนนอนจะเอ่ยด้วยเสียงนอบน้อมเป็นพิเศษ
“น่าเสียดายจัง อย่างนี้ก็ไม่ทันสินะจ๊ะ” ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของคุณนายมูเก้พลันหดหู่ แชนนอนนิ่งไปพักหนึ่งราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อ๊ะ จริงด้วย อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดของคุณมูเก้แล้ว ว่าแต่คุณนายมูเก้จะนำหนังกิ้งก่าไฟไปใช้ทำอะไรเหรอคะ ?”หากรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายย่อมสามารถหาวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันแทนให้ได้
“อื้ม ก็มะรืนนี้ พวกเราจะย้ายไปเนเจอร์เนฟีแล้ว ที่นั่นอากาศหนาว ฉันอยากทำเสื้อกันหนาวเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาสักชุดน่ะจ้ะ”เวลาเอ่ยถึงสามี คุณนายมูเก้ดูมีความสุขที่สุด
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นลองใช้เป็นขนของตัวจามับปี้มั้ยคะ ? สัมผัสนุ่มสบาย ขนของมันมีคุณสมบัติเพิ่มความอบอุ่นเหมือนกัน” แชนนอนอธิบายพลางยกผ้าขนสัตว์ขึ้นมา เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเวลาขายสินค้าให้กับลูกค้า ดูเหมือนว่าคุณนายมูเก้เองก็จะชื่นชอบไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้น ก็เอาตามนี้ล่ะจ้ะ”
หลังจากตกลงการค้าเสร็จเรียบร้อยแชนนอนก็เข้าไปหลังร้านเพื่อหยิบม้วนผ้าขนสัตว์อันใหม่มาให้คุณนายมูเก้ ระหว่างที่เธอกำลังยืนนับเหรียญทองอยู่
“ฮึบ ฮึบ” คุณนายมูเก้พยายามเขย่งเพื่อวางเหรียญทองเหล่านั้นบนเคาน์เตอร์ไม้ เมื่อเห็นดังนั้นนีโก้จึงอดไม่ได้ที่จะปิดหนังสือลงแล้วตรงเข้ามาช่วยเหลือ เธอส่งเหรียญทองเหล่านั้นให้นีโก้เพื่อให้เขานำไปวางข้างบน
“มาม้า ! !” เด็กสองคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาในร้านจากที่ใดไม่ทราบ เด็กสองคนนั้นมีส่วนสูงแค่เอวของคุณนายมูเก้เท่านั้น ใช่แล้วพวกเขาก็เป็นโนมเช่นเดียวกัน
“อ้าว เด็กๆ ไปทำอะไรมากัน ตัวถึงได้มอมแมมขนาดนี้ล่ะ” คุณนายมูเก้ลูบหัวเด็กๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาลูบที่ใบหน้าของลูกอย่างเอ็นดู
“ยี้ ไม่เอาอ้ะ ทำไมมาม้าถึงไม่เช็ดให้ฟีฟี่ก่อนล่ะ แบบนี้ก็เลอะเหงื่อกับโคลนจากดีดี้ก่อนน่ะสิ” เด็กหญิงโนมกอดอก สะบัดหน้าไปอีกทางอย่างเอาเรื่องและไม่ยอมใคร
“ตายจริง ! มาม้าขอโทษนะจ๊ะ” แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเธอมีผ้าเช็ดหน้าแค่ผืนเดียว ด้วยความที่เธอนั้นตัวเล็กจึงมีข้อจำกัดในการพกพาสิ่งของมาก “เฮ้อ หากมีผ้าเช็ดตัวที่ใช้ยังไงก็ไม่สกปรกก็ดีสินะ”
เสียงทอดถอนหายใจและประโยคที่คุณนายมูเก้เอ่ยออกมาทำให้นีโก้ชะงักกึก ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ทั้งที่ผ้าเช็ดตัวเป็นของใกล้ตัวที่ทุกคนต้องใช้ทุกวัน หากสามารถทำผ้าเช็ดตัวที่ไม่จำเป็นต้องซักออกมาได้น่าจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก นักเดินทางที่มีพื้นที่ในกระเป๋าจำกัดก็จะมีพื้นที่ว่างสำหรับเก็บสัมภาระในกระเป๋าเพิ่มขึ้นด้วย และยิ่งนีโก้นึกถึงนีน่าผู้เป็นพี่สาวที่เอาแต่หมกมุ่นกับการทำงานเสียจนลืมซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำแล้วทำให้เขาคิดว่า การทำผ้าเช็ดตัวที่ใช้ยังไงก็ไม่สกปรกเนี่ยเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ผ้าที่ใช้อย่างไรก็ไม่สกปรกงั้นเหรอ ? นีโก้นิ่งคิดเขารู้สึกเหมือนคล้ายว่าเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน ใช่แล้ว ! ชุดเอี๊ยมสำหรับทำงานเหมืองของคุณทวดวีลเฮล์มยังไงล่ะ !
นีโก้รีบเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วพลิกหน้ากระดาษ หมวดวัตถุดิบ …อา เจอแล้ว อยู่นี่เอง !
[ ดอกแพนเซียป่า
ข้อมูล: ดอกไม้สีม่วง เหมาะสำหรับนำมาแปรรูปสีย้อม มีกลิ่นหอม
คุณสมบัติ: ธาตุน้ำ มีอำนาจในการลบล้างและคืนสภาพ
แหล่งกำเนิด: ถ้ำอาเครนเย่ ]
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมจะทำผ้าเช็ดตัวนั่นให้เองครับ” นีโก้ยิ้มให้คุณนายมูเก้และพวกเด็กๆ อย่างเป็นมิตร ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไม่ควรกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งในครอบครัวของใครทั้งนั้น
“เอ๋ จะดีเหรอจ๊ะ พ่อหนุ่ม”ใบหน้าของเธอฉายแววอึดอัดระคนเกรงใจ “จะรบกวนพ่อหนุ่มเปล่าๆ น่ะสิ อีกอย่างพวกเราก็กำลังจะย้ายออกจากเมือง วันมะรืนนี้แล้ว”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะทำให้ทันแน่ๆ ไปกันเถอะเซบี้ !” ไฟในแววตานีโก้ลุกโชน เขาหันไปทางเซบี้ที่นอนหาวอยู่บนโต๊ะ ทว่ามันกลับเหยียดตัวอย่างเกียจคร้านแล้วเดินเข้าไปซุกในอ้อมกอดของแชนนอน
“เสียใจย่ะ วันนี้เซบี้ต้องไปอาบน้ำ ตัดขนที่ซาลอน งานนี้นายรับเองก็ต้องไปทำเองสิ”แชนนอนลูบขนที่นุ่มฟูของเซบี้ ราวกับโลกนี้มีเพียงเธอและเซบี้เท่านั้น
จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่แรกนีโก้เองก็รู้สึกว่าตนเองพึ่งพาเซบี้มากเกินไปจริงๆ แต่ในเมื่อเขาเป็นช่างตัดเสื้อไม่ใช่นักผจญภัย หากเจอสัตว์ร้ายเข้าจะทำอะไรได้ เมื่อครั้งหนอนไหมอิ๊กกี้ก็ทำให้เขารู้ถึงปัญหาในข้อนี้ชัดเจน หรือว่าคราวนี้เขาจะ …
“อย่าได้คิดเชียว ให้บี้มดสักตัวนายยังไม่กล้าเลย” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแชนนอนก็ใช้มือข้างหนึ่งค้นลิ้นชักเสียงดังกึกกักแล้วหยิบของบางอย่างออกมา
“รองเท้า ?”นีโก้ก้มมองสิ่งของที่ถูกหยิบยื่นมาให้ตรงหน้าอย่างสงสัย
“เอ๊ะ หรือว่าที่มาซื้อเมื่อวันก่อน”คุณนายมูเก้ทุบกำปั้นที่ฝ่ามือ เมื่อนึกย้อนไปสามวันก่อนตอนแชนนอนแวะมาซื้อของที่ร้านรองเท้ามูเก้
“สมเป็นมูเก้ ภูติทำรองเท้าจริงๆ ถูกต้อง นี่คือรองเท้าลมกรด ใส่แล้วจะวิ่งเร็วยิ่งกว่าม้าเลยล่ะ”แชนนอนยกรองเท้าคู่นั้นสูงขึ้นพร้อมอวดสรรพคุณสินค้าแทนผู้ผลิตที่อยู่ข้างๆ เสร็จสรรพ
“ให้ผมงั้นเหรอครับ” นีโก้ชี้มาที่ตัวเองกอย่างเก้ๆ กังๆ ทำไมจู่ๆ แชนนอนถึงได้ใจดีเป็นพิเศษขึ้นมา
แชนนอนฉีกยิ้มจนตาหยี “ถูกแล้วล่ะ เอาไว้ให้นายใช้วิ่งหนีไงยะ”
“…” ขอบคุณครับ…นี่สินะ ความอ่อนโยนภายใต้คำพูดเชือดเฉือน
โชคดีที่ได้รองเท้าลมกรดจากแชนนอนและแผนที่ในสมุดบันทึกของคุณทวดนีโก้จึงสามารถมาถึงถ้ำอาเครนเย่ได้อย่างปลอดภัย แต่โชคร้ายที่คนจดบันทึกนั่นคือท่านไอโอเนล ดังนั้นกว่านีโก้จะมาถึงปากทางเข้าถ้ำอาเครนเย่ก็ตกเย็นพอดี เขาต้องรีบ มิเช่นนั้นหากกลับค่ำจนเกินไปสัตว์ร้ายตอนกลางคืนจะเริ่มออกหากิน สำหรับเขาที่ไม่มีทั้งพลังเวทและพลังกายนั้น การเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก
ทางเดินที่เรียบเสมอกันภายในถ้ำบ่งบอกได้ว่าเส้นทางนี้เคยได้รับการบุกเบิกแล้ว แต่หินงอกหินย้อนที่ระเกะระกะอยู่ประปรายตามพื้นและเพดานนั้นแสดงให้เห็นว่าถ้ำแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานาน
เขาจะหาดอกแพนเซียป่าได้จากที่นี่จริงๆ เหรอ ? ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจหลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่พบกระทั่งวี่แววของมอสหรือพืชใดๆ ในถ้ำแห่งนี้ไม่มีดิน บริเวณโดยรอบมีแต่ก้อนหินเต็มไปหมด หากเขาไม่ได้พกแว่นตาเทพราตรีสำหรับมองในที่มืดมาด้วยแล้วล่ะก็ คงต้องชนเสาหินย้อยเหล่านี้ตลอดทางแน่นอน
‘ผู้บุกรุก ผู้บุกรุก’ ไม่เอาน่า เสียงแบบนี้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ ? เสียงที่ดังขึ้นในหัวทำให้นีโก้มองไปรอบทิศทางแต่เมื่อไม่เห็นใคร ในใจพาลว้าวุ่นเป็นที่สุด เพราะรู้ว่าต้องเดินทางคนเดียวก่อนออกมาเขาจึงจัดเตรียมของใช้จำเป็น จำพวกระเบิดแสงไว้ป้องกันตัวบ้าง เขาเลือกใช้ระเบิดแสงเพราะพื้นที่บริเวณนี้เป็นถ้ำ การใช้อาวุธที่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงจะย้อนมาเป็นภัยกับตัวเองได้ เขาต่างจากนักเวทตรงที่ไม่สามารถใช้คาถาในการเคลื่อนย้ายโดนฉับพลัน ดังนั้นหากถ้ำถล่มคงไม่พ้นต้องถูกกักขังอยู่ในนี้
นีโก้มองแผนที่ในสมุดบันทึกอีกครั้ง หากเดินไปตามเส้นทางนี้แล้ว อีกไม่ไกลก็จะเจอกับสระน้ำขนาดใหญ่ ที่นั่นเป็นแหล่งที่มีดอกแพนเซียป่าขึ้นเยอะที่สุด
แข็งใจไว้… เขาแค่มาเก็บดอกไม้เท่านั้น คงไม่ใช่ว่าดอกไม้เหล่านี้มีจิตนึกคิดแล้วถอดรากเอาเถาวัลย์มาไล่แทงเขาอะไรทำนองนี้หรอกนะ หนอนไหมอิ๊กกี้เป็นผู้สอนเขาว่าอย่าตัดสินสิ่งต่างๆ จากรูปลักษณ์ภายนอก
โชคดีเหลือเกิน ดูเหมือนว่าเขาจะมาถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย แสงสีมรกตที่เรืองแสงจนแยงตานั้นมาจากสระน้ำที่อยู่ตรงกลาง สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเดียวกับในแผนที่ไม่ผิดแน่
แต่น่าเสียดายเหลือเกิน ที่นี่กลับไม่มีวี่แววของดอกแพนเซียป่าเลยสักดอก นีโก้เดินวนไปวนมารอบๆ จนสายตาไปสะดุดกับผนังหิน
ใยแมงมุม ? นีโก้กวาดสายตาไปโดยรอบ ผนังถ้ำหินบริเวณนี้ถูกทาบทับด้วยเส้นใยสีขาวขนาดใหญ่เชื่อมโยงกันคล้ายใยแมงมุมเต็มไปหมด เด็กหนุ่มควรจะหวาดกลัวที่มีร่องรอยของสัตว์ร้ายที่นี่ ทว่าลวดลายของใยแมงมุมเหล่านั้นช่างแปลกตาและน่าพิศวงอย่างประหลาด บางสิ่งกำลังดึงดูดและครอบงำเขาให้เลื่อนมือไปสัมผัสมันอย่างหลงใหล
ผึง !
เพราะไม่ทันระวังเด็กหนุ่มจึงทำลวดลายที่แสนสวยงามนั้นขาดออกจากกัน นีโก้พยายามผูกมันกลับมาไว้ด้วยกันตามเดิมแต่กลับกลายเป็นว่าเขายิ่งทำให้มันขาดออกจากกันมากกว่าเก่า
เสียงซอกแซกของอะไรสักอย่างไต่ตอกแตกเข้ามาใกล้ แต่หากนีโก้ปล่อยมือจากเส้นใยในเวลานี้แล้วล่ะก็ ใยแมงมุมที่เชื่อมต่อกันเหล่านี้ขาดรวดยกแผงแน่นอน
‘ผู้บุกรุก ผู้บุกรุก’ เสียงนั้นดังขึ้นอีกแล้วและมันกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ จากรอบทิศทาง ความรู้สึกขนลุกลามขึ้นไปทั่วแผ่นหลังทำให้เผลอปล่อยเส้นสายที่อยู่ในมือโดยไม่รู้ตัว
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง !
ใยแมงมุมที่เชื่อมต่อกันอย่างประณีตนั้นขาดสะบั้นและคลายตัวออกจากกัน ก้อนวัตถุสีดำหลายร้อยพันทั้งใหญ่เล็กร่วงหล่นจากข้างบนเพดานลงมาราวกับห่าฝน !
แหมะ อะไรบางอย่างที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือตกตุ้บมาที่ไหล่ของนีโก้ เด็กหนุ่มค่อยๆ เลื่อนมือที่สั่นเทาไปสัมผัสแล้วจับคีบขึ้นมาอย่างช้าๆ
มันคือ แมงมุมพิษทารันทูร่า ! ? !
ความกดดันที่แผ่มาจากรอบทิศทางทำให้ขาเหมือนถูกแช่แข็งไว้จนรองเท้าลมกรดที่ได้รับมาแทบหมดประโยชน์ ก้อนวัตถุสีดำที่ร่วงหล่นเมื่อครู่ค่อยๆ ขยับแล้วแผ่ขาทั้งแปดออกมา ทีละข้าง ทีละข้าง …สัญชาตญาณบอกให้เขาก้าวถอยหลังเพื่อกลับไปยังเส้นทางเดิม เด็กหนุ่มกำระเบิดแสงแน่น เขาเงื้อมือสูงขึ้นก่อนปาลงกับพื้น
ตูม ! เด็กหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปข้างหน้า คุณสมบัติของรองเท้าลมกรดไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาสามารถวิ่งไต่กำแพงหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อีกด้วย
เสียงที่เกิดขึ้นไม่ทำให้พื้นถ้ำสะเทือนเท่ากับอสูรกายแปดขาที่แห่กันมาทั้งกองทัพ แมงมุมเหล่านี้เป็นสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ในความมืดแท้ๆ แต่ไม่กลัวแสงหรืออย่างไรกันนะ
ฟู่ -- ! เส้นสายสีขาวหลายสิบเส้นพุ่งตรงมายังเขา พันธนาการแขนและขาเอาไว้ราวกับดักแด้ ข้าวของที่พกมาไว้กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น ทั้งแว่นตาเทพราตรี และ…
สมุดบันทึกของคุณทวด !
ท่ามกลางความมืดมิด นีโก้ใช้แขนข้างเดียวที่ยังเป็นอิสระอยู่ควานหาสมุดบันทึกแสนสำคัญอย่างเอาเป็นเอาตาย ในเวลานี้ชีวิตไม่สำคัญสำหรับเขาอีกแล้วหากต้องแลกด้วยสมบัติล้ำค่าที่เป็นดั่งชีวิตและความฝันของเขาในฐานะช่างตัดเสื้อ เข้ามาเลยเจ้าพวกแมงมุม ! เขาจะขอแลกชีวิตกับพวกมันอย่างสมเกียรติ !
เสียงตอกแตก คืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันพยายามเขี่ยสิ่งที่เด็กหนุ่มหวงแหนเป็นที่สุดออก ปล้องขาที่เต็มไปด้วยขนเส้นเล็กๆ ป่ายไปที่ใบหน้าของเขาก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แว่นตาเทพราตรีกลับมาสวมอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
‘เจ้าเป็นอะไรกับวีลอย่างนั้นหรือ ?’
“เอ๊ะ คุณรู้จักคุณทวดด้วยเหรอครับ” ที่น่าแปลกใจกว่าการที่แมงมุมเข้าใจภาษามนุษย์และมนุษย์เข้าใจภาษาแมงมุมก็คือชื่อที่ดังเข้ามาในหัวเด็กหนุ่มนี่แหละ หลังจากแมงมุมยักษ์ได้ยินคำถามที่เหมือนคำตอบของนีโก้ อีกฝ่ายก็คลายเส้นใยที่พันธนาการเด็กหนุ่มออกแล้วไต่ถอยหลังกลับไป
แม้ว่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ ‘เงา’ของคุณทวดวีลเฮล์มมีอยู่ทุกที่จริงๆ …นีโก้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนฟุบลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง
ที่แท้แมงมุมยักษ์ตัวนี้ก็คือผู้เฒ่าแมงมุมยักษ์ทารันทูร่าอายุสามร้อยปีเพื่อนของคุณทวด เพราะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว พวกแมงมุมจึงรั้งนีโก้ให้ค้างแรมที่นี่สักคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับสัตว์ร้ายที่ออกหากินตอนกลางคืน ระหว่างนั้นผู้เฒ่าแมงมุมก็สอนนีโก้ถักผ้าด้วยไม้สองอันหรือที่เรียกกันว่านิตติ้งไปพลาง ชวนคุยไปพลาง เรื่องหลักๆ ที่คุยกันก็วนอยู่แต่กับเรื่องวีรกรรมของคุณทวดวีลเฮล์ม อย่างเรื่องที่สมัยก่อนท่านเคยมาเรียนทอผ้ากับพวกแมงมุมที่นี่ หรือเรื่องทำการค้าด้วยกันกับพวกแมงมุม ต้นกำเนิดลวดลายนิตติ้งที่บันทึกไว้ในสมุดเล่มนี้บางลายก็มาจากแมงมุมทารันทูร่านี่ล่ะ
‘เชื่อมั้ยล่ะ หมอนั่นถึงกับขอซื้อผ้าลายถักของพวกเราไปศึกษาด้วยนะ จะมีช่างตัดเสื้อคนไหนที่หลงใหลในงานของตัวเองได้ถึงขนาดนี้’
นีโก้ผงกหัว คิดว่าต่อจากนี้วีรกรรมของคุณทวดวีลเฮล์มคงไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจกว่านี้อีกแล้ว จริงสิ ! หากเป็นผู้เฒ่าแมงมุมที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดอาจรู้ก็ได้ว่าดอกแพนเซียป่าจะขึ้นที่ใดบ้าง เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบถามทันที
“เราจะหาดอกแพนเซียป่าได้ที่ไหนบ้างครับ ?”
‘ดอกแพนเซียป่างั้นเหรอ ? ไม่ต้องไปหาแล้ว มันไม่ขึ้นแล้วล่ะ’ เสียงของผู้เฒ่าฟังดูหดหู่ เขาเล่าว่าดอกแพนเซียป่าแท้ที่จริงก็ไม่ได้ขึ้นตามธรรมชาติเสียทีเดียวเพราะผู้ที่เอาเมล็ดมาลงก็คือพวกแมงมุมทารันทูร่านี่ล่ะ ดอกแพนเซียป่าเป็นดอกไม้ล้ำค่า ด้วยคุณสมบัติพิเศษของมันทำให้ดอกไม้ชนิดนี้กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนแสวงหา กลิ่นหอมของมันทำให้สัตว์ร้ายรู้สึกผ่อนคลาย ลดการระวังตัว ใบและลำต้นของมันสามารถนำมาทำยาฟื้นพลังและยาแก้พิษแมงมุมได้ นักผจญภัยจึงเข้ามาท้าทายความสามารถกับเหล่าแมงมุมทารันทูร่ายักษ์เพื่อดอกแพนเซียป่าอยู่เสมอ
สมัยก่อนนักผจญภัยที่เข้ามาฝึกปรือฝีมือในถ้ำสร้างความสนุกสนานคลายเบื่อให้พวกเขาได้ดีอยู่หรอก แต่พักหลังกลับเจอนักผจญภัยบางส่วนที่โจมตีมั่วซั่วใส่ถ้ำรัวๆ จนถ้ำหินแห่งนี้พังทลายหลายครั้ง แม้มีแรงงานแมงมุมนับร้อยแต่เอาเข้าจริงก็ซ่อมกันเป็นเดือน ส่วนนักผจญภัยตัวดีกลับหนีหายด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายซะงั้น
นีโก้มีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ในเมื่อเหล่าอสูรกายสามารถส่งกระแสจิตให้มนุษย์เข้าใจได้ ทำไมถึงไม่ทำกันนะ ? หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าฟันกันโดยเปล่าประโยชน์เลยแท้ๆ พอถามออกไปแบบนี้ ผู้เฒ่าแมงมุมกลับไม่ตอบและกล่าวต่อไปว่า
‘เจ้าต้องการมันไปทำอะไรอย่างนั้นหรือ’ หลังเห็นใบหน้ากลัดกลุ้มของเด็กหนุ่ม ผู้เฒ่าทารันทูราเชื่อว่าคงไม่มีใครต้านทานสัญชาตญาณความเป็นพ่อ และแม่ภายในกายได้ ความหลงใหลในงานช่างตัดเสื้อและพรสวรรค์ในการสื่อสารกับสัตว์ร้ายของเด็กคนนี้คล้ายวีลเฮล์ม แต่ความน่าเอ็นดูแตกต่างกันลิบลับ
นีโก้เล่าเรื่องครอบครัวโนมที่พบกันที่ร้านดัชเชสให้ผู้เฒ่าแมงมุมฟัง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะรู้จักแชนนอนเหมือนกัน นีโก้ได้ยินเสียงพึมพำว่า ‘ยัยหนูนั่น โตเป็นสาว เป็นเจ้าของร้านแล้วสินะ’ ด้วย
‘เรื่องผ้าที่ไม่มีวันสกปรกน่ะ ไม่ต้องห่วง เจ้าลองสังเกตเส้นใยแมงมุมเหล่านี้ดูสิ’
นีโก้มองเส้นใยแมงมุมที่ขาดกระจายอยู่บนพื้น แม้มันจะถูกเขาและกองทัพแมงมุมเหยียบหลายครั้งแต่กลับยังขาวสะอาดอยู่เสมอ
“เอ๋ ทำได้ยังไงกันน่ะครับ”
‘ฮ่าๆ ความลับมันอยู่ที่นั่น’ ผู้เฒ่าแมงมุมใช้ขาข้างหนึ่งเหยียดชี้ไปด้านข้าง
สระน้ำมรกต ! ? !
คุณสมบัติพิเศษของดอกแพนเซียมาจากสระน้ำแห่งนี้นี่เอง ผู้เฒ่าแมงมุมชี้แจงว่าพวกเขาก็เพิ่งจะสังเกตเห็นหลังจากที่คุณทวดวีลเฮล์มจากไปไม่นาน
“ขอบคุณนะครับ” เสียงนี้เรียกความรู้สึกโหยหาบางอย่างกลับมายังผู้เฒ่าแมงมุมอีกครั้ง หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาพยายามจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมามีแต่เสียง ‘ยี้ ออกไปนะ’ หรือ ‘ใครก็ได้ บี้มันที’ สุดท้ายผู้เฒ่าแมงมุมที่ยังหนุ่มจึงจำต้องหลบหนีความบอบช้ำทางจิตใจเข้ามาตั้งรกรากที่ถ้ำอาเครนเย่แห่งนี้
การต่อสู้กับนักผจญภัยที่ยอมรับเขาในฐานะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทำให้ผู้เฒ่าภาคภูมิใจในเกียรติของตนเองมากกว่าการถูกไล่ฆ่าด้วยความรังเกียจของผู้คน ผู้เฒ่าแมงมุมคิดเช่นนั้นมาตลอด จนกระทั่งได้รู้จักกับเด็กคนนั้น ช่างตัดเสื้อที่แสนวิเศษ ช่างตัดเสื้อคนแรกที่ฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาลายผ้าจากเขา …นี่คงเป็นโชคชะตาอย่างนั้นสินะ ?
ดวงตาสีเขียวทั้งสามคู่ของผู้เฒ่าแมงมุมจ้องมองนีโก้ที่วิ่งออกไปท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ส่องสว่างในตอนเช้า ในมือของเด็กหนุ่มคนนั้นโบกผ้าผืนเล็กที่เจ้าตัวขอให้เขาสอนทำเพื่อมอบให้โนมตัวหนึ่งไปมา
‘สื่อสารกับนักผจญภัยงั้นหรือ ? หากมีสักคนที่ฟังพวกเรารู้เรื่องเหมือนพวกเจ้าก็คงดี’
Artisan
ผู้แต่ง : All999
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ตระกูลรัซเซล | 06 ก.พ. 59 |
| 2 | แชนนอน ดัชเชสและหนอนไหมอิ๊กกี้ | 09 มี.ค. 59 |
| 3 | ช่างตัดเสื้อในตำนาน | 16 มี.ค. 59 |
| 4 | คำสาป | 23 มี.ค. 59 |
| 5 | เอคราโทรแฟชันวีค | 30 มี.ค. 59 |




สวัสดีค่ะ
สามย่อหน้า ตั้งแต่ที่ขึ้นต้นว่า กับกระดาษแผ่นเดียว... (ตรงที่นีโก้คิดว่าจะไม่ระแวงไอโอเนลละ) มันดูโผล่มาลุ่นๆ ไปหน่อยนึงนะ ถ้ามีเวลาลองเกลาให้เนียนขึ้นนิดนึง จะได้เป็นธรรมชาติขึ้น คิดว่าบทนี้น่าจะเร่งแต่งด้วย มีจุดไม่สมูทนิดๆ แต่เกลาก็หายแล้ว
คุณแม่เป็นเจ๊ขาโหดดี XD ว่าแต่คุณแม่แต่งเข้ามาใช่ไหม ทำไมรู้เรื่องบ้านรัซเซลเยอะจัง
หวังว่าจะได้อ่านต่อตอนที่ 6 นุ
ลวิตร์