EN01 The Huntsman Way - วิถีนักล่า

เมื่ออาชีพนักล่าสัตว์ร้ายเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเดิมพันสูง คาวินทร์บุตรแห่งราวินทร์ จากตระกูลนักล่าแห่งไซย์แอมรอดจากเหตุเรือแตก โชคชะตาพาเขาสู่เส้นทางใหม่ และการล่าคือหนทางเดียวที่จะพาเขากลับบ้าน

ผู้แต่ง

หมอกเหนือ

0%

ตอนที่ 3/5 : หนี

หนี

 

เป็นเวลาห้าวันสี่คืนที่ผู้รอดชีวิตทั้งห้าคนถูกล้อมไว้ไม่ให้เข้าไปในป่า แดดร้อนตอนกลางวันแผดเผาพวกเขาจนผิวเกรียมและแสบไหม้ ลมทะเลตอนกลางคืนหนาวเหน็บจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ทั้งสี่ต้องขุดโพรงลึกลงไปในพื้นทราย ก่อกำแพงทรายขึ้นกันลม แม้จะถูกคลื่นซัดทลายลงแทบทุกวัน แต่พวกเขาก็ยังพยายามก่อมันขึ้นใหม่

จระเข้ยักษ์ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ตามแนวชายหาดด้วยอาฆาต มันไม่ขึ้นมาบนฝั่งหรือพยายามรุกคืบทางอื่น  มันรอคอยให้มนุษย์คนใดคนหนึ่งเดินเลียบหาดไปใกล้มันอย่างอดทน ไม่มีใครได้ลงน้ำไปหาปลา ไม่มีใครได้เข้าป่าหาอาหาร คนทั้งห้าหิวโหยและอ่อนล้า แม้จะยังครองสติตนไม่ให้เตลิดเปิดเปิงจนเป็นบ้า กระนั้นทั้งห้าก็ไม่มีปัญญาหาวิธีแก้ไขสถานการณ์อันยากลำบากนี้ด้วยอับจนเหลือเกิน ในโพรงแคบ แต่ละคนเอาแต่นั่งนิ่งเงียบ จมดิ่งลงไปในความคิดตัวเอง การเปิดปากพูดกันขโมยเรี่ยวแรงพวกเขา ความเงียบช่วยให้พอได้หลับนกเอาแรง หูเฝ้าระวังระไว จับหาสัญญาณอันตราย

คาวินทร์ชายตามองพ่อที่นั่งอยู่นอกสุดของโพรงแวบหนึ่ง พยายามเดาความคิดของพ่อ ตลอดเวลาที่อยู่ในโพรง พ่อเงียบยิ่งกว่าใคร จากปากโพรง พ่อมองไปยังท้องทะเล มองเจ้าจระเข้ยักษ์ที่เป็นเหมือนหนึ่งในตัวร้ายที่ต้องกำจัดทิ้ง  ไม่มีใครอ่านใจพ่อออก คาวินทร์ละสายตาจากพ่อ มองไปที่กาส เด็กหนุ่มใจกล้าบ้าบิ่นอายุเพียงสิบห้า คนที่โยกเรือบดกระแทกปากจระเข้ยักษ์จนเขาได้โอกาสหนีออกมา กาสเป็นเด็กหนุ่มจากเมืองใกล้เคียงกับท่าเรือล่าสัตว์ที่ไซย์แอม กำพร้าพ่อแม่และได้พ่อของคาวินทร์ชุบเลี้ยงมาจนโต ติดสอยห้อยตามพรานใหญ่กับเรือปีกนางฟ้ามาแต่เล็ก ตอนนี้เด็กหนุ่มตัวสั่นเทาด้วยพิษไข้และหิวโหย เมื่อมองดูสภาพอันน่าสังเวชของกาส มันยิ่งทำให้เขาเครียดหนัก ส่วนรัทจอมปากมากตอนนี้ไม่ปากมากเหมือนวันแรก นั่งสัปหงกอยู่ใกล้กาส ภายในอาจกำลังคิดถึงบ้านกับลูก ๆ ที่รออยู่   อีกคนที่นั่งอยู่กับเขาคือเฒ่าดาฮัทใบ้ ผู้เฒ่าจอมโหดผู้ถูกตัดลิ้นเมื่อยังหนุ่ม บิดาของดาฮังที่เป็นคนสังเกตการณ์บนรังกา คาวินทร์รู้สึกได้ถึงความเจ็บแค้นที่ช่วยลูกไม่ได้ของผู้เฒ่า มันฉายในแววตาคู่นั้นของดาฮัท เขาเองเห็นภาพตอนที่ดาฮังร่วงจากรังกาสู่ปากเจ้าสัตว์คอยาวก่อนจะทันได้คว้าเชือกที่ผู้เฒ่าเหวี่ยงไปให้ ไฟแค้นของผู้เฒ่าไม่อาจดับได้

ไกลออกไปทางชายป่า พวกลิงยักษ์หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาเดินตรวจตราอาณาเขต พวกนี้ฉลาดและดุร้าย มีการปกครองอย่างเป็นแบบแผน มีชนชั้นในฝูง พวกจ่าฝูงและหัวหน้าตัวเขื่องส่วนมากผ่านการต่อสู้โชกโชนเพื่อจะอยู่ในจุดที่มันยืนอยู่ได้

คาวินทร์เคยล่ากองโคร้ายตัวหนึ่งเมื่ออายุสิบแปด  เจ้าลิงยักษ์ไร้หางตัวนั้นหลุดฝูงมาแล้วจับเด็กในหมู่บ้านไปกลางวันแสก ๆ   พ่อกับนักล่าในหมู่บ้านกระจายกำลังกันล่าตัวมันตั้งแต่ปากทางเข้าหมู่บ้านไล่เรื่อยไปจรดตีนหุบ แต่เจ้ากองโคสูงเจ็ดฟุตกลับมาเข้าทางลูกธนูของเขาที่นั่งห้างเฝ้าอยู่นอกหมู่บ้าน ลิงพวกนี้ทนและว่องไว กว่าจะกำราบลงได้ต้องสู้กันจนเกือบตายอยู่บนต้นไม้ เขารอดตายหวุดหวิดในขณะที่เจ้าลิงยักษ์ถูกธนูปักเต็มตัว จบการล่าลิงร้ายสองวันสองคืนของทุกคน

 

เรื่องของกองโคแห่งป่าลังกาถูกสลัดทิ้งเมื่อเฒ่าดาฮัทขยับกายเร็วกว่าปกติ ผู้เฒ่าลิ้นขาดคงได้ยินเสียงบางอย่าง ทุกคนจับตามองไปที่ผู้เฒ่า คาวินทร์หันมองพ่อหลังจากผู้เฒ่าไม่ส่งสัญญาณอะไร พ่อมองออกไปข้างนอกโพรงทราย มือกระชับดาบคู่กายไว้มั่น

นั่นคือสัญญาณบอกให้เตรียมพร้อมโดยไม่ให้สุ้มเสียง คาวินทร์ดึงมีดออกจากฝักที่เอว รัทกับกาสต่างมีมีดในมือแล้วในตอนนั้น คาวินทร์ส่งมีดให้เฒ่าดาฮัทที่มีแต่มือเปล่า แม้เทียบกับขนาดสัตว์ร้ายที่ล้อมรอบตัวตอนนี้แล้ว  มีดยาวหนึ่งฟุตของเขาจะดูเล็กเหลือเกิน แต่มันยังดีกว่าปล่อยให้ผู้เฒ่ามือเปล่าเปลือยออกไปพบอันตราย ทั้งที่ตัวเขาเองมีดาบสะพายสองเล่ม ซึ่งพอปกป้องพวกคนที่ถือมีดได้ในยามตกที่นั่งลำบาก

“พวกมันกำลังจะทำอะไรสักอย่าง”พรานใหญ่ขยับตัวออกไปใกล้ปากโพรงมากกว่าเดิม

แม้ทุกคนเหนื่อยอ่อนแทบไม่มีแรงขยับตัว ครั้นมีสัญญาณอันตรายเยี่ยมกรายเข้ามาแบบนี้แล้ว ทุกคนกลับว่องไวและตื่นตัวพร้อม ไม่มีใครเป็นตัวถ่วงสมกับที่อยู่กับพรานใหญ่ราวินทร์มานานปี กล้าชนอันตราย  พร้อมรับทุกอย่างที่จะพุ่งทะยานเข้ามา พอถึงตอนนี้  คำสั่งของพรานใหญ่เป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนรอคอย

“เราไม่มีแรงพอจะยืนสู้พวกลิงนั่นแน่ แต่ข้าจะไม่ตายเพราะมันให้อายบรรพบุรุษเด็ดขาด”รัทขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“เราจะยืนหยัดสู้”พรานใหญ่พิงผนังโพรง ดาบตั้งเป็นหนามออกไปข้างนอก พร้อมแทงอะไรก็ตามที่เข้ามา

รัทขยับตัว กาสนั่งตัวเกร็ง ตาค้าง ทุกการขยับเป็นการส่งสัญญาณไปถึงสัตว์ร้ายที่รออยู่ข้างนอก ทุกคนอึดอัด แม้แต่เฒ่าดาฮัทที่นิ่งเป็นรูปปั้นก็ยังมีเหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้า คาวินทร์มองลูกเรือทั้งสาม สลับกับอาวุธคู่ชีพในมือ ทุกคนรอคำสั่งของพ่อเท่านั้น เพียงพ่อสั่งให้ทุกคนออกไปสู้ จะไม่มีใครช้าเลย

แน่อยู่แล้ว การตั้งรับแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีเลยในระยะยาว เขากำลังเดาใจพ่อ อยากรู้ให้แน่ว่าจะหยัดยืนสู้ที่นี่หรือแหกด่านกองโคเข้าไปหาทางรอดในป่า

“นายขอรับ”เสียงกาสแทรกกลางความเงียบ แผ่วเบาและแหบแห้ง ทุกคนหันมองเด็กหนุ่มที่ชี้นิ้วไปกลางทะเล

“กล่องเสบียงแห้ง”รัทตาวาว เช่นเดียวกับกาสที่เป็นคนเห็นก่อน เด็กหนุ่มมีประกายความหวังในแววตา คาวินทร์จำลังไม้พวกนี้ได้ มันอยู่ในห้องเสบียงใต้เรือ ไม่แปลกที่ทุกคนจะมีความหวังขึ้นมา

“มันควรจะจมไปกับเรือ ห้องเสบียงถูกปิดและจมไปกับเรือ ของพวกนี้ไม่น่าจะลอยขึ้นมาได้”คาวินทร์มองลังที่ลอยล่องเข้ามายังฝั่ง

“มันมาแล้ว ถ้าเราได้มาชันมา เราจะรอดไปได้”รัทแทบจะออกไปเอามันเดี๋ยวนั้นแต่ถูกพรานใหญ่ยกแขนขึ้นกันไว้

“ช้าก่อนรัท ถ้าเกิดมันเป็นลังไม้เปล่าเล่า แล้วจระเข้ผีสาปนั่นเล่า คิดให้ดีก่อนรัท”

“ระยะแค่นี้ ข้าวิ่งไปลากมาได้”รัทแย้งอย่างมั่นใจ

“รอดูก่อนดีกว่า ช้า ๆ ได้ดาบประณีต”

ทุกคนเงียบ คำพูดของพรานใหญ่นั้นน่าคิดและศักดิ์สิทธิ์ในตัวมัน ทุกคนเชื่อฟังอย่างไม่มีการโต้แย้ง แยกย้ายกันกลับไปนั่งที่เดิม

“ถ้าใครจะไปเอา คนนั้นจะเป็นข้าเอง รอดูให้แน่ก่อนเถิดว่าจระเข้เจ้าเล่ห์นั่นไม่อยู่ข้างนอก”

คำของพรานใหญ่สิ้นสุดลงพร้อมกับความเงียบที่แผ่มาปกคลุมทุกคน แม้จะไม่เห็นตัวจระเข้ยักษ์มาหนึ่งวันเต็มแล้วหลังจากขุดโพรงอยู่มาเกือบสัปดาห์ แต่ทุกคนก็ไม่ประมาท จริงดังคำพรานใหญ่  ในเมื่อจระเข้เหลี่ยมจัดตัวนั้นมันสามารถล้มเรือได้เป็นสิบลำ รอดตายมาเป็นร้อยครั้ง มันคงไม่โง่ทิ้งเหยื่อหิวโซที่รอให้มันเขมือบได้โดยง่ายไปแน่

 

 

ลมทะเลหนาวเหน็บพัดเข้ามาที่โพรง กำแพงทรายพามันข้ามหัวทุกคนไปยังป่า ถึงอย่างนั้นความหนาวที่ติดมากับปลายหางของมันก็ม้วนร่างลงมาขย้ำทุกคนด้วยเขี้ยวเล็บไร้รูปร่างและเสียดแทงของมัน  ในโพรงทรายทุกคนหนาวสั่น พยายามข่มตาหลับกันทั้งที่ยังหิวโหย

คาวินทร์ไถลกายนอนเอนหลังกับผนังโพรง ผมยาวถึงบ่าของเขามีแต่ทรายเต็มไปหมด  เขามองไปยังท้องฟ้าที่เมฆหนาบดบังดาว  มันไม่มีอะไรชวนให้คลายกังวลเสียเลย ทุกอย่างขมุกขมัวมืดหม่น นักล่าหนุ่มจากเขาลังกาปล่อยมือจากด้ามดาบ ยิ่งหนาวแบบนี้ ยามดึกยิ่งทรมานที่สุด ทรมานจนนึกอิจฉาพวกลิงยักษ์ขนหนาที่นอนเบียดเสียดกันตรงราวป่า ท่ามกลางไออุ่นที่พวกมันแบ่งปันกัน พวกมันอาจกำลังหัวร่อใส่พวกเขาทุกคนก็เป็นได้

กองโคเป็นสัตว์แปลกประหลาด ไม่ใช่รูปลักษณ์ใหญ่โตของมัน แต่เป็นการดำรงชีวิต วิถีการมีอยู่ของมัน ทุกอย่างลึกลับและคาดเดาได้ยาก พวกลิงเหล่านี้บางฝูงดีและเป็นมิตร บางฝูงร้าย หรืออาจร้ายแค่บางตัว ดีแค่บางตัว พวกมันฉลาด แต่มักชอบทดลองทำอะไรโง่ ๆ ครั้งหนึ่งคาร์วินกับพ่อเคยเจอกองโคตัวหนึ่งพยายามปีนลงไปในหลุมขวาก มันรู้ว่ามีไม้แหลมในนั้นเพราะมันพังเอาฉากพรางปากหลุมออก มันพยายามเอาเท้าจับไม้เสี้ยมปลายแหลม ดึงขึ้นจากหลุม สุดท้ายมันเลยร่วงลงไปตายอยู่ในหลุมนั้น จนทุกวันนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจกองโคตัวนั้นอยู่นั่นเอง

คาวินทร์พยายามเดาแผนการของเจ้าพวกลิงยักษ์ร้ายฝูงที่รออยู่ตรงชายป่า แต่ความหนาวโหดร้ายไม่อนุญาตให้เขาใช้ความคิดมากนัก ความเงียบแผ่อานุภาพของมัน ซึมลึกลงไปในใจ จากตรงปากโพรงเข้ามา สิ่งเดียวที่ทำได้คือนั่งนิ่งแล้วฟัง เท่านั้นก็ทำได้ยากยิ่งแล้ว

 

คลื่นสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะค่อนข้างสม่ำเสมอ คาวินทร์สัปหงกอยู่ถัดจากพ่อที่อยู่ตรงปากโพรงด้วยเหนื่อยล้าขีดสุดตอนพ่อเข้ามาจับต้นแขนแล้วเขย่าเรียก

“ได้ยินเสียงอะไรไหม”

นักล่าหนุ่มตื่นพร้อมแล้วนิ่งฟัง เพ่งสมาธิให้กับสิ่งรอบตัวก่อนหันมองพ่อ

“ไม่ ถ้าหากท่านพ่อหมายถึงเสียงผิดปกติ”

พรานใหญ่ขยับกายขึ้นไปนอนราบตรงปากโพรง คาวินทร์ขยับตาม ท่าทีของพ่อเป็นคำตอบที่ดีพอจะทำให้แน่ใจถึงความไม่ชอบมาพากลที่เยื้องย่างเข้ามาใกล้

“พวกลิงทยอยไปแล้ว”พ่อผู้ชำนาญกว่าหลายเท่าเอ่ยเรียบ ๆ  ท่าทีของพ่อดูเคร่งเครียด บ่งบอกถึงความไม่วางใจกับเรื่องนี้

“พวกนี้ไว้ใจอะไรไม่ได้”

“พ่อรู้...คาวินทร์”พรานใหญ่เว้นระยะ  ไถลตัวกลับมาในโพรง “พวกมันกำลังจะเล่นงานเรา  มันกำลังเปลี่ยนแผน  พวกเราอยู่บนฝั่ง  อยู่ในถิ่นมัน และมันอยากเล่นสนุกกับเราก่อน”

คาวินทร์นั่งคิดตามคำพ่อและยืนยันกับตัวเองหนักแน่นว่าพวกกองโคประหลาดเจ้าเล่ห์จริงดังที่เขาเคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ และตอนนี้พวกมันกำลังถอนกำลังกลับ หากการถอยของมันครั้งนี้เป็นสัญญาณบอกว่าการโจมตีกำลังจะมาถึง พ่อคงกำลังคิดหาทางแก้สถานการณ์นี้  เมื่อจระเข้ยังวนเวียนอยู่ไม่ไกล การจะรับมือทัพวานรนี้เป็นเรื่องยากเอาการ อย่างน้อยก็เรื่องทางหนีทีไล่และเสบียงที่เจ้าจระเข้เฝ้าเอาไว้ไม่ให้พวกเขาแตะต้อง

ทุกคนเริ่มเหนื่อยกับการเล่นนี้ อยากจะวิ่งเข้าฟัดกับสัตว์พวกนี้เต็มทน อยากสัมผัสความรู้สึกเมื่อเอาดาบฟาดฟันลงบนตัวมันที่แผ่ซ่านทั่วร่างทันทีที่ดาบดื่มกินเลือดเถื่อนดิบของมันทั้งหลาย คาวินทร์เห็นพ่อขยับนิ้วเล็กน้อยเป็นจังหวะเคาะเพลงเก่าแก่ของหุบเขาบ้านเกิด นิ้วหยาบแกร่งของพ่อสัมผัสด้ามขวานประจำตระกูลในมือ เป็นอย่างนั้นเนิ่นนาน   พ่อกำลังเตรียมใจให้พร้อมจะรับการมาของสิ่งใดก็ตามที่หมายจะพาพวกเขาลงขุมนรก

 

ตอนใกล้รุ่งนั้นเอง ทุกคนถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงป่าแตก ขอนไม้ ก้อนหินลอยมาจากในป่า ประดังเข้ามายังปราการทรายที่ทุกคนหลบซ่อนตัว ไม่มีใครได้โงหัวขึ้นมา พวกมันโจมตีเป็นรอบ เหมือนพวกพลธนูในกองทัพที่สลับแถวเข้ามายิงวนเวียนกันเป็นกงล้อ อากาศหนาวจากทะเลคำรามเงียบงัน งับเขี้ยวลงบนตัวทั้งคนทั้งสัตว์ พวกกองโคล่าถอยเมื่ออากาศหนาวมาเยือน การโจมตีระลอกแรกจบลง ระลอกสองอาจมาอีกเมื่อลมทะเลเปลี่ยนทิศ ไม่มีใครรู้ได้จนรุ่งเช้าที่ความหนาวเหน็บจากไปอย่างเงียบ ๆ เช่นเดียวกับตอนที่มันมา

กาสไข้ขึ้นสูง นั่งตัวสั่นในโพรง ที่เหลือยังคงทนทานอยู่ได้แต่ก็หิวโหยและง่วงงุนเต็มทน ทุกคนเคร่งเครียด อยากหาหยูกยามารักษาเด็กหนุ่มแต่ก็จนปัญญาเหลือเกิน สี่คนที่ยังปกติดีนั่งมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มสว่าง แม้ทะเลจะยังหม่นและน่ากลัวด้วยไอเย็นที่ระเหยขึ้นจากผิวน้ำแล้วปกคลุมไปทั่ว แสงจากดวงตะวันบนฟ้าก็ฟาดฟันฝ่ามวลเมฆหนาลงมายังพื้นโลกจนได้ในที่สุด และทันทีที่แสงสว่างฉาบทาทั่วหนแห่ง มันพาความหวังมากับมันด้วย

ลังเสบียงลังที่สองลอยมาใกล้ชายฝั่ง ลังแรกเกยอยู่บนหาดให้คลื่นซัดเล่นล่อตา

“อย่าเพิ่งออกไปนะทุกคน”พรานใหญ่ห้าม ตนเองนั้นนั่งหลังพิงเนินทราย หันหน้าเข้าไปในโพรง สายตาดุของพรานใหญ่มองหน้าทุกคน เริ่มจากลูกชาย มันคือการย้ำเตือนคำสั่งในแบบของเขา

ลังเสบียงที่เท้งเต้งอยู่ใกล้ฝั่ง มันช่างล่อตาคนโซทุกคนเสียยิ่งกว่าเงินทอง ทุกคนขบเขี้ยวกรอด อยากจะออกไปเอาให้ได้ เว้นแต่ว่าพรานใหญ่ไม่เห็นด้วย

“กาสอาการไม่ดีนะนาย ยิ่งไม่มีอะไรตกถึงท้อง ไม่มีหยูกยา ไอ้หนูนี่จะยิ่งอาการแย่”รัทส่งสายตากังวลไปยังเด็กหนุ่ม

“ข้ารู้ดี”พรานใหญ่ยังรักษาท่าทีสงบ

“ทำอะไรสักอย่างเถิดนาย”พูดจบรัทก็สบถตามหลังขรมถมเถ ซึ่งทุกคนชินแล้ว

คาวินทร์ขยับเข้าไปหาลูกเรือเก่าแก่ของพ่อที่มักพูดไม่สนฟ้าสนดิน แม้จะเห็นด้วยกับรัท แต่เขาก็ตบบ่าลูกเรือรุ่นพี่เป็นการปรามให้เย็นลง  และรอฟังแผนของพ่อต่อไป  พ่อมีแผนบางอย่างแต่ไม่คายออกมา พ่อเป็นแบบนี้เสมอ มักจะบอกแผนเมื่อยามคับขันหรือเวลาที่คาดไม่ถึง

“เพราะตอนคับขันคือตอนที่พวกแกตื่นตัว”พ่อมักพูดแบบนี้เสมอ

เสียงทะเลสาดเข้าหาฝั่ง ซัดลังเสบียงขยับไปมาอยู่บนหาดก่อนไหลตามน้ำลงไปแล้วหวนมาใหม่พร้อมคลื่นอีกลูก

“ข้าอยากไปเอาลังไม้นั่น ข้าจะไปเอง”รัทไม่อาจทนต่อไปได้

เฒ่าดาฮัทจับไหล่สหายรุ่นน้องแล้วกดให้นั่งลง ส่ายหน้าเตือน รัทกระฟัดกระเฟียด หน้าบึ้งด้วยพยายามระงับความหงุดหงิด อย่างไรเสียจอมปากมากอย่างรัทก็ยังเชื่อมือคนพูดไม่ได้อย่างเฒ่าดาฮัทที่ช่ำชองกว่าตน  นอกจากคาวินทร์แล้ว เฒ่าดาฮัทคือคนที่เชื่อมือพรานใหญ่มากที่สุด อาจมากกว่าคนเป็นลูกชายเสียด้วยซ้ำเพราะร่วมล่าด้วยกันมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ และมีน้อยครั้งนักที่เฒ่าดาฮัทกับพรานใหญ่จะมีความเห็นสวนทางกัน

"มันเป็นแผนของไอ้เข้ยักษ์นั่น"คำพูดพรานใหญ่กังวานทั่วโพรงทราย สะกดทุกคนนิ่งงัน รอฟังคำอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ

"มันไปที่เรือ ลากเอากล่องมาปล่อยก่อนถึงหาด ทิ้งให้กล่องลอยมาถึงที่นี่ รอเราเข้าไปเอา"
"เหมือนตกปลา"รัทแทรก
"ใช่รัท เหมือนตกปลา และตอนนี้เราคือปลา
ที่มันตก"

ทุกคนมองลังเสบียงลอยล่อตา ไม่มีใครมองเห็นเจ้าจระเข้ยักษ์ แต่ทุกคนรู้ว่าความแค้นทำให้มันเฝ้ารออยู่ข้างนอกนั่น วนเวียนกินซากศพลูกเรือที่ลอยอืดมายังหาดประทังชีวิต มันอาจกำลังทำอย่างที่พรานใหญ่พูดก็ได้ ไม่มีใครเดาออก

รัทนั่งตัวสั่นอยู่ในโพรงทราย ทุกคนรู้ว่ารัทโมโห พรานใหญ่ก็รู้แต่ไม่แสดงอาการใดให้คนของตนรู้สึกขุ่นเคืองมากไปกว่าเดิม คาวินทร์เอามืออังซอกคอกาสที่นอนสั่น เด็กหนุ่มตัวร้อนดั่งไฟ เขาหันมองพ่อที่นั่งเอนหลังพิงผนังโพรงพร้อมกับหลับตานิ่ง กาสต้องการอาหารและยา ซึ่งลังพวกนั้นคือความหวัง แม้จะมองไม่เห็นว่าข้างในมันมีอะไร แต่มันก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ ฉายแสงอยู่

“ไม่ทนแล้วโว้ย!”รัทโพล่งทำลายความเงียบ

ไม่มีใครทันตั้งตัว คาวินทร์ถูกผลักชนผนังโพรงทราย พ่อของเขาพยายามคว้าขาของรัทเอาไว้แต่ไม่ทัน จอมปากมากที่บัดนนี้หน้ามืดตามัวกำลังอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่มีใครหยุดยั้งไว้ได้อีกแล้ว

“รัท!”คาวินทร์พรวดตามออกไป

“คาวินทร์”เสียงพ่อดังตารมหลัง “รับไป”

นักล่าหนุ่มหมุนตัวไปตามเสียง ป่าข้างหลังที่พวกกองโคตรึงอยู่แตกอู้ ทั้งก้อนหิน ทั้งขอนไม้ ไม้แหลม ปลิวว่อนมาจากชายป่า ดาบที่พ่อโยนมาให้ลอยนำสิ่งเหล่านั้นมา เขาคว้ามันติดมือ ยกขึ้นปัดไม้ท่อนหนึ่งที่เกือบจะโดนหัวก่อนหมุนตัวตามรัทไป

“รัท!

จอมปากมากลุยลงไปในน้ำ ก้อนหินก้อนหนึ่งหล่นลงมาบนทรายใกล้ตัวคาวินทร์  ท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่ลอยตามมากระแทกเข้าที่ไหล่ของเขาจนเสียหลักถลาไหลไปตามพื้นทราย พอลุกขึ้นได้ รัทก็เดินลงทะเลไปไกลแล้ว

“ได้แล้วโว้ย!”รัทลากลังไม้กลับมาที่ฝั่ง ในขณะที่คาวินทร์ยังพยายามหลบการทุ่มสิ่งของของพวกกองโคที่ทำให้เขาทำอะไรได้ไม่ถนัดเอาเสียเลย

“ลากออกมารัท ลากออกมา”คาวินทร์ดิ่งเข้าไปช่วย จอมปากมากลากลังมาถึงหาด น้ำข้างหลังหนุนสูง คาวินทร์ที่ยืนบนหาดใจหล่นไปอยู่ข้อเท้า แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น น้ำในทะเลลดฮวบก่อนคลื่นลูกใหญ่จะทะยานขึ้นสูงและตรงเข้ามา

“มาช่วยหน่อยซิโว้ย”

คาวินทร์เข้าไปถึงตอนรัทกำลังเริ่มโวยวาย ทั้งคู่ช่วยกันลากลังไม้มาบนหาด พรานใหญ่รอคุ้มกันอยู่แล้วตอนทั้งคู่ไปถึง ทั้งหิน ทั้งไม้แหลม พรานใหญ่ปัดป้องให้เป็นพัลวัน

“ไปเร็ว”พรานใหญ่ปราดเข้าไปขวางกลางระหว่างคนทั้งสองของตนกับคลื่นที่กำลังจะฟาดลงมายังพวกเขา ขวานในมือยอดพรานเตรียมพร้อมรับการมาของสัตว์ร้าย มันใกล้เข้ามา สักแห่งหนในคลื่นยักษ์สูงทะยานเยี่ยมฟ้านั่น

“ดาฮัทเอากาสหนีออกมา”คาวินทร์ตะโกนสั่งผู้เฒ่า

เฒ่าลิ้นขาดทำตามคำสั่ง ลากเอาคนป่วยออกจากโพรงอย่างทุลักทุเล ทุกคนวิ่งเข้าหากองโคที่กำลังล่าถอยเพราะการมาของคลื่นโดยมีพรานใหญ่ราวินทร์รั้งท้าย พวกลิงยักษ์บางส่วนยังคงตรึงไว้ตรงแนวป่า คาวินทร์กับรัทที่แบกลังไม้มาถึงกำลังพยายามหาทางตีฝ่าแนวนั้นเข้าไปในป่าแต่ถูกพวกกองโคล้อมไว้ค่อนข้างแน่นหนา พวกเขากำลังติดอยู่ตรงกลาง ไม่มีที่ยึด ไม่มีที่หลบภัยใดเลย

“วางลังนั่นลงแล้วหนี”พรานใหญ่สั่ง

เสียงคำรามของลิงยักษ์ถูกกลบด้วยเสียงคลื่น พวกมันปีนต้นไม้สูง มนุษย์ทั้งห้าออกวิ่ง คลื่นฟาดลงบนหาด น้ำจำนวนมากกำลังไหลบ่าไหล่หลังพวกเขามา ชายป่าอยู่ข้างหน้าทุกคนเพียงห้าหลาเท่านั้นในตอนนี้

“รีบไป!”พรานใหญ่ตะโกนเร่ง

ไม่มีใครหนีได้ทัน คลื่นลูกมหึมาพาพวกเขาหลุดลอยขึ้นจากพื้น กระแทกกับต้นไม้ พุ่มหนาม ตรงชายป่า  ทุกคนพยายามยึดทุกอย่างที่มองเห็น พวกลิงยักษ์หนีขึ้นสูง รอดพ้นจากภัยคลื่นยักษ์ มนุษย์ทั้งห้าบัดนี้กระจัดกระจายกันไป ต่างหาหนทางเอาชีวิตรอด คลื่นกำลังลดลงและมันกำลังถอยกลับคืนสู่ทะเลอย่างรวดเร็วอย่างตอนที่มันมา ตอนนี้เองที่ตัวการปรากฏตัว

 

ก้อนอึหมาของมันโผล่มาใกล้ตัวคาวินทร์ตอนที่น้ำทะเลกำลังลง แผงหลังใหญ่โตของมัน หางของมัน แหวกตัดผิวน้ำก่อนหายไป นักล่าหนุ่มว่ายน้ำหนีสุดชีวิต แต่น้ำทะเลที่กำลังลดและไหลกลับลงทะเลอย่างรวดเร็วพาเขาไปด้วย เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกน้ำพาออกมาที่ชายป่า แม้จะพยายามคว้ากิ่งไม้ที่โน้มต่ำลงมา แต่มันก็คลาดกันไปเพียงคืบ

“กาส!!

 คาวินทร์พยายามคว้าตัวเด็กหนุ่มที่ถูกน้ำพัดมาทางเขาแต่กระแสน้ำกระชากร่างนั้นห่างออกไป  น้ำพาเขากระแทกกับต้นมะพร้าวซึ่งยืนต้นอยู่เป็นแนวยาวก่อนลงไปที่หาด โลกหมุนคว้างตามเขาที่เสียการควบคุมตัวเองกลางกระแสน้ำ มารู้ตัวอีกทีเขาก็นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นทรายแล้ว

“กาส”เสียงของคาวินทร์แหบแห้ง ตาพร่าเพราะถูกน้ำและทรายเข้าตาของเขามองค้างไปที่ร่างแน่นิ่งนั้น เขาพยายามคลานไป แต่เรี่ยวแรงแทบไม่มีเหลือแล้ว

“ลุกขึ้นมากาส ลุกขึ้นมา”

เสียงเรียกของเขาต้องชะงักเมื่อแผ่นดินใต้ตัวของเขาสะเทือนน้อย ๆ มันเป็นการสะเทือนเป็นจังหวะก้าวของตัวที่มีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร และมันอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก

“คาวินทร์ ข้างหลังเจ้า”

เสียงเตือนของพ่อที่ไม่รู้ว่าตัวอยู่ไหนทำให้คาวินทร์ไหวตัวทันการ ดาบที่ไม่ได้หลุดออกจากฝักเลยถูกชักออกมาพร้อมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย จากที่นอนอยู่ เขาพุ่งเข้าไปขวางกลางระหว่างกาสกับไอ้เข้ยักษ์

“กาส หนีไป”

พื้นทรายใต้เท้านักล่าหนุ่มสะเทือน ทรายเปียกแฉะหนืดเท้าทำให้เขาพุ่งไปข้างหน้าช้ากว่าที่เคย มฤตยูกำลังเดินเข้ามา ขาที่แนบข้างลำตัวของมันเพิ่งจะเห็นได้ชัดก็ตอนนี้เองว่ายาวกว่าขาจระเข้ทั่วไป คาวินทร์ไม่สงสัยอีกแล้วว่าทำไมมันถึงเคลื่อนที่ได้เร็ว คาวินทร์วิ่งเข้าไปฉุดกาส เด็กหนุ่มแทบไม่มีแรงลุก ต้องลากถูลู่ถูกังกันพักใหญ่กว่ากาสจะช่วยตัวแองให้วิ่งหนีได้

“ทางนี้ เร็วเข้า”เสียงรัทดังมาจากบนยอดไม้

คาวินทร์ผลักกาสหัวซุนไป ตัวเองหันกลับเข้าปะทะกับจระเข้ที่ดิ่งเข้ามาหา มันแทบจะโถมใส่เขาสุดตัวประหนึ่งว่าอยู่ในน้ำ การโจมตีของมันพลาดไปเมื่อเขาฉากหลบออกมาทางด้านข้าง ดาบในมือฟันดิ่งลงบนคอของมัน คมดาบสัมผัสเกราะหนาบนหลังเจ้ายักษ์กระดอนกลับ หางมหึมาวาดวูบบดบังแสงตะวัน มันพยายามเอี้ยวตัวมางับเขา แต่กาสยังเป็นเหยื่อที่ล่าง่ายกว่า มันตะกายไปข้างหน้า ปลายหางของมันฟาดเขากระเด็นไปนอนจุกอยู่บนพื้นทราย หากไม่ยกดาบขึ้นกันเอาไว้ เขาอาจลุกขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว  และเริ่มตามล่าเขาอีกครั้ง

“รัท พากาสหนีไป”

คาวินทร์ได้ยินคำสั่งพ่อ พยายามยันกายลุกขึ้น  จระเข้ผีสาปตัวนั้นกำลังจะถึงตัวกาส เขารวบรวมกำลังลุกขึ้นตามมันไป กาสกำลังหนีตาย และเขาอยู่ห่างจากทั้งคู่เพียงห้าหลา เขาคือคนเดียวที่ช่วยเด็กหนุ่มได้

“กาสวิ่งไปหารัท ไป!”ถึงไม่บอกกาสก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่เขายังต้องเตือนให้กาสอย่ายอมแพ้ มีดบินสองเล่มจากในอกเสื้อของเขาหนีบอยู่ในซอกนิ้ว  เขาขว้างมีดออกไปพร้อมกับโจนออกทางด้านข้าง เป้าหมายที่ตั้งใจโจมตีคือดวงตาไร้เกราะหุ้มของมัน

มีดทั้งสองเล่มพลาดเป้า ปลิวหายไปหลังจากปะทะกับเกราะบนหลังของเจ้ายักษ์

“มาเร็วกาส” รัทปรี่เข้ามารับเด็กหนุ่ม ในที่สุดกาสก็เจอรัทจนได้ แต่โคตรไอ้เคี่ยมยังไม่ละความพยายาม ยันตัวเองพุ่งตามไปยังทั้งสอง คำรามดังลั่น ปากอ้ากว้างพร้อมงับคนทั้งคู่ให้แหลกเละคาเขี้ยว

คาวินทร์กวดเต็มฝีเท้า แต่เหมือนจะช้าไป ร่างของจระเข้ยากษ์บดบังรัทกับกาสหมดแล้ว

“รัท!

พอดีกับที่คาวินทร์ร้องเตือนเสียงหลง ชั่วขณะที่ความตายอ้าปากเพื่อจะงับทั้งคู่ รัทผลักกาสหลบออกไปทางหนึ่ง ตัวเองพุ่งสุดตัวไปอีกทางหนึ่ง แต่รัทยังอยู่ในระยะงับของจระเข้ยักษ์

“เข้ามาซิโว้ย”รัทที่กำลังล้มลุกคุกคลานหันกลับไปประจันกับความตาย จระเข้ยักษ์อ้าปากงับ รัทตั้งท่าจะฉากหนีซึ่งพอดีกับตอนที่มันสะบัดหัวเร่าแล้วเสียหลัก รัทรอดตายหวุดหวิด

“นาย!”จอมปากมากเหมือนเห็นเทพเจ้า

พรานใหญ่ที่มาแก้เอารัทออกมาได้ตรงเข้าใส่เจ้ายักษ์เลือดเย็น การแก้เอาตัวรัทออกมาจากเงามรณะ ไม่ว่าด้วยกลวิธีใด ส่งผลให้คาวินทร์ตามมาทัน ดาบคู่พร้อมแล้วที่จะบั่นผิวหนาของปีศาจแห่งท้องทะเล เจ้ายักษ์อาละวาด หางของมันวาดมาทางนักล่าหนุ่มที่โจนเข้าร่วมวงทีหลัง คาวินทร์เคยโดนมาหนหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้ ดาบในมือทั้งสองข้างไขว้เป็นกากบาทรับเอาหางที่ฟาดมา เขาใช้มันเป็นแรงส่งตัวเองลอยขึ้นไปอยู่บนหลังของมัน

“คาวินทร์”เสียงพ่อดังมาจากแถวตรงหน้าเจ้ายักษ์ เขาไม่ทันตอบ หลังที่มีแต่หนามและเกราะแข็งขยับไปมาแรงมากจนทรงตัวไม่ได้ ส่งผลให้เขาร่วงลงมาจากหลังของมัน ก่อนจะถึงพื้น ดาบในมือของคาวินทร์ปักลงกลางหลังของมัน ปลายดาบเสียบทะลุเกราะหนา แม้จะไม่ลึกมากมายแต่ก็ช่วยให้เหนี่ยวกลับขึ้นไปได้

“เกาะไว้คาวินทร์”เสียงรัทร้องเตือน

“คาวินทร์เหนี่ยวตัวขึ้นไปนอนเกาะหลังจระเข้ยักษ์ได้อย่างทุลักทุเล เป็นโชคดีของเขา ดาบที่ปักครูดมาตอนเขาร่วงนั้นบังเอิญลากปลายมาติดกับรอยแตกเล็ก ๆ บนเกราะของมันแล้วเสียบเข้าไป คาวินทร์โยกดาบ พยายามคว้านเนื้อของมัน มันเริ่มดิ้นพล่าน คาวินทร์รู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะบิดตัวควงสว่าน ท่าที่จระเข้ทุกตัวมีไว้เป็นไม้ตาย และก่อนมันจะทำอย่างนั้น นั่นคือเวลาที่เขาจะต้องพิฆาตมันลงให้ได้

“พ่อ จัดการเลย”

พ่อที่ไปถึงตัวรัทแล้วสั่งการบางอย่าง

“เกาะไว้คาวินทร์”รัทตะโกนบอก จากบนหลังจระเข้ยักษ์คู่แค้นตัวฉกาจ คาวินทร์ยึดดาบไว้สุดกำลัง เท้าทั้งสองข้างยันติดแน่นบนปุ่มหนามใหญ่ ๆ บนเกราะหลังของเจ้ายักษ์ มันเริ่มอ่อนแรง เขาเห็นพ่อยืนขวางหน้ามันพร้อมขวานประจำตระกูล พอคู่แค้นนับแต่รุ่นทวดชะงัก ขวานในมือพ่อสับลงบนก่อนอึหมาเหนือจมูกของมัน จระเข้ยักษ์ส่ายหัวจะงับตอบโต้แต่พลาดไปเมื่อพรานใหญ่ก้มตัวหลบได้หวุดหวิด ขวานในมือเสยปังขึ้นตรงใต้คางจนเจ้ายักษ์ผงะ คนที่กำลังได้ทีไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย ชิงพุ่งเข้ามาทางด้านข้างระหว่างคอกับขาหน้าข้างขวาของไอ้เข้ คาวินทร์ดึงดาบออกตอนนั้น พอดีกับพ่อสับขวานลงตรงซอกคอไอ้ยักษ์ทรหดแบบไม่ยั้ง เลือดสาดกระจาย เกราะที่แหลกเพราะโดนขวานปลิวว่อน

“ไอ้ผีสาป”รัทวิ่งเข้าไปช่วยพรานใหญ่อีกแรง มีดในมือแทงลงตรงเท้าหน้าขวาของยักษ์ใหญ่อย่างไม่นับ คาวินทร์ฉวยโอกาสตอนนี้กระโดดลงมาจากหลัง คว้าดาบอีกเล่มที่ตกแล้วตรงเข้าไปช่วยรัทอีกแรงจากทางด้านซ้าย ตอนนี้ผู้ล่ากำลังถูกผู้ถูกล่าที่เล็กกว่าต้อนให้จนมุม ซึ่งมันก็สู้อย่างหลังชนฝา

“จัดการมันเลย”รัทหัวเราะบ้าคลั่ง หางมหึมาที่มาพร้อมกับการพลิกตัวหนีฟาดรัทกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ นอนแน่นิ่ง  กาสกระเสือกกระสนเข้าไปหาเพื่อน อีกด้านคาวินทร์กำลังถอยไปหาเช่นกัน

“หลบไป”

เงาดำโผล่ขึ้นมาทาบทับทั้งสาม

คาวินทร์หันหน้าประจันกับเจ้าของเงาที่หลุดจากพ่อมาได้ ดาบคู่ในมือไม่อาจเทียบได้เลยเมื่อเทียบกับขนาดตัวของเจ้าตัวที่กำลังยันตัวด้วยขาหลังแล้วโถมเข้าใส่ กลิ่นซากเน่าคละคลุ้งจากปากที่อ้ากว้าง เหม็นจนแทบผงะ คาวินทร์ยันเท้ากับรากไม้ ดาบตั้งนิ่งเป็นหนามเม่น เจ้ายักษ์และเขาต่างหยัดยืนวัดดวง  การโจมตีปิดฉาก รวดเร็ว ฉับไว

 

เงาทะมึนของจระเข้ยักษ์สั่นวูบ แผ่นดินสะเทือนด้วยน้ำหนักตัวมหาศาลที่ล้มฟาดลงกับพื้นทรายอย่างแรง

“คาวินทร์ พาสองคนนั้นหนีไปก่อน”

“ไม่ ข้าไม่ไป”

“ไปซิ!

พ่อเหมือนเทวดาที่มาต่อชีวิตให้ การตามมาของพ่อสกัดจังหวะโจมตีของสัตว์ร้าย และเทวดาเดินดินในร่างพรานใหญ่ตอนนี้กำลังกระหน่ำสับเจ้ายักษ์ด้วยขวานในมือพร้อมกับวิ่งวนไปมา วิ่งไปสับไปไม่มียั้ง ทางนั้นที ทางนี้ที ซึ่งเป็นการต่อสู้กึ่งล่อกึ่งถอยของพ่อที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนัก ขวานประจำตระกูลที่ตามล่าจระเข้ตัวนี้มาถึงสามชั่วอายุคนกำลังละเลงเลือด ภารกิจที่มุ่งมาดจะจบให้ได้ตั้งแต่ไซย์แอมใกล้เสร็จแล้ว

“พาพวกนั้นไป”

คาวินทร์ไม่ฟังคำเตือน ถือดาบเข้าไปช่วย ปล่อยให้กาสกับรัทหนีล่วงหน้าไปก่อน เจ้ายักษ์หันมางับเขา นักล่าหนุ่มลอดใต้ขาของมัน หมุนตัวกลับมาฟันลงตรงผิวที่ไร้เกราะหนาตรงใต้ขาของมันก่อนเสือกเข้าไปใต้ท้องเหลือง ๆ ที่ไร้เกราะหนาเช่นกัน

จระเข้ยักษ์ดิ้นพล่าน มันพยายามเอี้ยวตัวมากำจัดเขาแต่ถูกดายที่ตั้งรออีกข้างแทงสวนกลับไป อีกด้านพรานใหญ่กำลังเงื้อขวานเตรียมสับลงกลางกะโหลกของมัน จระเข้ยักษ์ที่พยายามจะเอาดาบออกจากตัวมันเบนเป้าหมาย  สลัดคาวินทร์หลุดออกมาจากตัวมันพร้อมกับดาบ  ขวานของพ่อสับลงตรงลูกตาของมัน จระเข้ยักษ์ มันดิ้นเร่า งับเปะปะ พรานใหญ่เหวี่ยงขวานอีก

เขาพลาด จระเข้ยักษ์ดีดตัวสวน ปากกว้างของมันงับลงกลางลำตัวพรานใหญ่เต็มแรง

“พ่อ!

คาวินทร์ถือดาบพุ่งเข้าหาหัวของจระเข้ยักษ์ เสียบดาบตรงใต้ตาอีกดวงของมัน แทงซ้ำแล้วซ้ำอีกและตัดอีก จระเข้ยักษ์ปล่อยพ่อของเขากระเด็นออกจากปาก ร่างของพ่อลอยละลิ่วไปตกในพงหญ้า หางใหญ่โตของไอ้เข้ยักษ์กระแทกคาวินทร์ปลิวไปที่หาด มันคลานตามเข้ามา เลือดโซมร่าง นักล่าหนุ่มยันกายลุก รู้สึกร้าวไปทั้งตัว เขาฉากเปลี่ยนทิศ พยายามเดินถอยกลับไปที่ชายป่า

กาสกับรัทหายไปแล้ว ไม่มีวี่แววของสองคนนั้นเช่นเดียวกับเฒ่าดาฮัท คาวินทร์รวบรวมกำลัง พาตัวเองหนีกลับเข้าไปในป่า

“พ่อ”เสียงเรียกของเขาแหบแห้ง จระเข้ยักษ์กำลังตามหลังมา มันเริ่มช้าลงบ้างแล้ว แต่ยังมีเรี่ยวแรงทำลายทุกอย่างด้วยบ้าเลือด มันพยายามพาตัวเองกระเสือกเข้ามาในป่ารกและดงต้นมะพร้าว ต้นไม้ที่มันผ่านหักโค่น คาวินทร์เหนื่อยแทบขาดใจ เจ็บยอกไปทั้งตัว ทั้งยังจำไม่ได้ว่าพ่อร่วงไปแถวไหน เวลาของพ่อกำลังหดสั้นลง และเวลาการตัดสินใจของเขายิ่งสั้นกว่า เจ้าตัวร้ายกำลังอาละวาด มันพาตัวเองไปติดระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้น เสียงร้องกราดเกรี้ยวทำลายโสตของมันดังไม่หยุดขณะที่มันดึงตัวเองออกมา เวลาของคาวินทร์เหลือไม่มากแล้ว หากเขาไม่รีบตัดสินใจตอนที่ไอ้เข้ยักษืยังติดอยู่ ทุกอย่างอันไม่ทันเวลา

จระเข้ยักษ์ขยับตัวฉับพลัน จากตรงที่เขายืนอยู่ คาวินทร์ได้ยินเสียงครางเจ็บปวด พ่อของเขา คนเจ็บคนนั้นเป้นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากพ่อ ไม่ว่าจะจระเข้ตัวนั้นจะรับรู้การมีอยู่ของพ่อด้วยตา การเคลื่อนไหวหรือการดมกลิ่น แต่มันรู้ตำแหน่งพ่อแล้ว เจ้ายักษ์พยายามดึงหัวของมันออก นักล่าหนุ่มพุ่งไปตามเสียงประหนึ่งลูกศร ผ่านหน้าเจ้ายักษ์ที่กำลังดิ้นสุดตัว เสียงของพ่อดังมาจากในพงรกสักพงเยื้องไปทางด้านหลังของจระเข้ร้าย ต้นไม้ข้างหลังเขาไหวรุนแรงจนต้องหันกลับไปมอง   มัจจุราชหลุดออกมาจากพันธนาการแล้ว และมันกำลังติดหลังมาด้วยความเร็วซึ่งไม่ใช่ความเร็วของสัตว์ประเภทเดียวกับมันจะมีได้

คาวินทร์กระโดดข้ามต้นมะพร้าวล้ม เพียงเสี้ยวลมหายใจเข้าออก มันหักป่นเป็นชิ้นด้วยน้ำหนักตัวมหาศาลที่ทับลงไป รอบตัวสะเทือนปานจะแตกเป็นเสี่ยง เขาหนีตายไปหลบหลังขนไม้ก่อนกระโดดต่อไปหลบหลังโขดหินใหญ่ซึ่งไอ้เข้ร้ายชนพลิกเอาไว้ก่อนหน้านี้ มันชนกับก้อนหินนั้นอีกรอบด้วยความโมโห เขาฉวยโอกาสที่มันกำลังมึนเพราะการกระแทก ออกวิ่งสุดฝีเท้า

“พ่อ”

ร่างของพ่อแดงเถือกด้วยเลือด พอหิ้วปีกขึ้นมา ร่างอ่อนปวกเปียกของพ่อทรุดฮวบลงอีก ทางเดียวคือต้องพาพ่อขึ้นที่สูง เบื้องหน้าเขา พวกลิงยักษ์กองโคกำลังแตกหนี เสียงป่าแตกไล่มาข้างหลัง เขาแบกพ่อขึ้นหลัง ลากสังขารเข้าสู่พงรกก่อนที่เจ้าจระเข้นั่นจะหาเขากับพ่อพบ

มันไม่ตามมาแน่ถ้าไปไกลกว่านี้ คาวินทร์พาพ่อไต่เนินขึ้นไป เลือดจากปากแผลเปรอะเนื้อตัวเขา

 “ข้าจะไม่ทิ้งพ่อไว้” คาวินทร์แกะชุดเกราะเป็นรูโหว่ของพ่อทิ้ง ฉีกแขนเสื้อตัวเองพันห้ามเลือด แต่แผลของพ่อนั้นสาหัสเหลือเกิน ฟันซี่โตของจระเข้ยักษ์เจาะเกราะพ่อเป็นรู คมเขี้ยวทะลุผ่านผิวเข้าไปในเนื้อ หักกระดูกซี่โครงสี่ซี่  พ่อพรานใหญ่สำลักเลือด คาวินทร์ดึงพ่อขึ้นนั่ง มืออันเต็มไปด้วยเลือดแดงฉานของพ่อพยายามเหนี่ยวไหล่เขาเพื่อลุกขึ้น

“ทิ้งพ่อไว้ที่นี่”

แรงผลักของพ่อไม่แม้แต่จะทำให้เขาหยับเขยื้อน คาวินทร์หิ้วปีกพ่อขึ้นยืน พยุงบุกฝ่าขึ้นสูงมุ่งหน้าไปยังยอดเนินสูงที่จะพาข้ามไปอีกฟากของเกาะ ที่นั่นมีสถานีพักเรือเก่าของเรือสินค้า บนยอดเนินมีหอส่งสัญญาณ เขาอาจพบดาฮัท กาสและรัทที่นั่น ไปได้ไม่ไกลพ่อก็ทรุดฮวบลงอีก ทางสุดท้ายที่เหลือคือเขาต้องแบกพ่อขึ้นหลัง ทางสูงชันกำลังท้าทายเขา และชีวิตพ่อกำลังไต่เชือกข้ามหุบเหวความตาย เขาต้องแบกพ่อไปให้ถึงที่ที่ปลอดภัยพอ

พ่อไม่มีแม้แต่แรงพยุงตัวเอง สุดท้ายเลยพาเขาล้มลง นั่นเป็นอีกครั้งที่พ่อบอกให้เขาทิ้งพ่อไป

“ข่าจะไม่ทิ้งพ่อไว้เด็ดขาด”

ทางขึ้นยอดเนินสูงรกชัฏไม่อาจขัดขวางคาวินทร์ เขายังก้มหน้าก้มตาไต่ทางขึ้นไป หวังว่าตัวเองจะโชคดีพบรัทกับกาสระหว่างทาง รวมถึงเฒ่าดาฮัทด้วย  พ่อเงียบหายใจรวยริน พยายามกระซิบบอกบางอย่าง

“ข้าจะแบกพ่อไปให้ถึง”

คาวินทร์รัดขาพ่อให้แนบแน่นติดกาย กำลังที่มีเขาใช้มันป่ายปีนขึ้นไปไม่หยุดยั้ง

 

 

ทางขึ้นเขาลำบากยากแค้นถึงขีดสุด เลือดของพ่อไหลท่วมหลังของเขา ซึมมาตามรอยต่อชุดเกราะ ผ้าที่พันไว้ไม่พอเสียแล้วตอนนี้ เขาต้องหาทางห้ามเลือดพ่อให้ดีกว่านี้ ทั้งที่แบกร่างพ่อไว้บนหลัง คาวินทร์พาพ่อข้ามทางหินชัน ความกลัวสยายปีกกว้างข้างหลังเขา นักล่าหนุ่มจากไซย์แอมฮึดไปข้างหน้าต่อด้วยแรงแห่งความกลัว กลัวว่าพ่อจะสิ้นใจ กลัวจะไปไม่ถึงจุดหมาย

“ทนเอาหน่อยพ่อ ทนอีกนิด”คาวินทร์แทบล้มเมื่อไต่โขดหินขึ้นไปบนยอดเนิน แต่เพื่อจะพ้นภัยจากสัตว์ร้ายที่อยู่เต็มเกาะ ยอดเนินคือความหวังเดียว เขาจะตั้งหลัก อาศัยหอส่งสัญญาณไฟเก่าที่นั่นเป็นจุดพักรอคนอื่น ๆ

“กาสกับรัทก็คงไปที่หอนั่น” ยังมีดาฮัทเฒ่าอีกที่ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ผู้เฒ่าฝีมือฉกาจและแกร่ง คาดว่าน่าจะเอาตัวรอดแล้วมุ่งหน้าไปที่หอส่งสัญญาณเช่นกันถ้าหากรอดชีวิต

“ทิ้งพ่อไว้ที่นี่เถอะ”

คาวินทร์ไม่สนคำพ่อ มุพาไต่ทางขึ้นไป ภาวนาให้พวกกองโคที่หนีน้ำขึ้นมาไม่ไปออกันอยู่บนยอดเนินหรือออกมารุกรานเขาตอนนี้ ป่ากำลังบีบแคบเข้ามา เขารู้สึกอย่างนั้น มันบีบแคบเข้ามาเรื่อย ๆ หลอกหลอนและดุร้าย ชะตากรรมของเขากับพ่อเหมือนถูกโอบล้อมด้วยควันดำ เขาฝืนก้าวต่อ ขาร้าวแทบแตกเป็นเสี่ยง ร่างกายส่งเสียงประท้วง ฉีกกัดเขาจากภายในให้รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว

“ทิ้งพ่อไว้”เสียงคนที่ขี่หลังแหบพร่า

“ข้าไม่ทิ้งพ่อเด็ดขาด”

พ่อไอเอาเลือดออกมา จอมพรานแห่งลังกายังทรหดเสมอทั้งที่แผลจากคมเขี้ยวจระเข้ยักษ์ใหญ่พอจะสังหารเขาได้แต่แต่งับครั้งแรก ในเมื่อพ่อทนฝืนทรมานจนมาถึงที่นี่ได้ คาวินทร์หวังว่าพ่อจะทนต่ออีกสักนิดเพื่อจะได้พักในที่ที่ปลอดภัย

พ่อจะได้พักฟื้น บนเนินนั่นต้องกว้างขวางและปลอดภัยพอแน่  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครไปทำหอส่งสัญญาณไฟบนนั้น เขาจะใช้หอนั่นก่อไฟสัญญาณขึ้นใหม่ รอคนมาช่วย พ่อจะรอดไปได้เหมือนทุกครั้ง

“พ่อต้องอยู่ ข้าเหลือแค่พ่อคนเดียวเท่านั้นตอนนี้”

“อย่าให้พ่อเป็นตัวถ่วงลูก ทิ้งพ่อไว้”

“ไม่”คาวินทร์กัดฟันเดินต่อ  พ่อเงียบไม่พูดไม่จา เขาถีบตัวจากโขดหินขึ้นไปอีก ยอดเนินอยู่ไม่ไกลแล้ว ประตูจุดหมายส่องประกายจ้าอยู่เบื้องหน้าเขา

“จะถึงแล้วพ่อ”

คนเป็นลูกก้มหน้าเดินงุด ๆ  กำลังวังชาที่สะสมมาพุ่งถึงขีดสุดของขีดจำกัดร่างกาย ไม่ช้าถ้ายังฝืนต่อไป มันจะนำมาซึ่งการสิ้นสลายของพลังทั้งหมดในตัวเขา

“ระวังข้างหลัง”

เสียงกระซิบของพ่อดึงคาวินทร์ไว้ นักล่าหนุ่มฉากตัวจากพื้นดินที่เหยียบ พุ่งออกไปทางซ้ายมือตัวเอง เงาร่างหนึ่งทาบตรงตำแหน่งนั้นก่อนตัวการจะย่ำลงมา พื้นดินสะเทือนใต้เท้า คาวินทร์ชักดาบบนหลังออกมาสู้ไม่ได้ กองโคที่ซุ่มรอตัวนั้นทะยานเข้าหาเขาก่อนมันจะพลาดไปเพราะพ่อทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดของตัวเองไปข้างหลัง ทำให้เขาหงายหลังตามไปด้วย และหลบมือที่หมายคว้าคอหอยไปได้หวุดหวิด ร่างของพ่อฟาดลงพื้น เลือดเจิ่งนองเป็นทาง

“จัดการมัน อย่าห่วงพ่อ”

กองโคนับสิบบุกมาจากทุกด้าน พ่อพยายามคลานหาโขดหินที่พอจะใช้บังตัวเองจากอันตรายได้ สุดท้ายพ่อได้ไม้ล้มต้นหนึ่งเป็นที่หลบ คาวินทร์ชักดาบคู่ออกมา ลิงร้ายสองตัวด่าวดิ้น เลือดสาดกระจาย อีกหลายตัวที่ทะลึ่งเข้ามาถูกบั่นคอร่วงลงแน่นิ่งกับพื้น พวกที่เหลือเลยหยุดคุมเชิง นักล่าหนุ่มถอยไปหาพ่อ เก็บดาบเล่มหนึ่งใส่ฝักแล้วพยุงพ่อขึ้นหลัง  ที่นี่เขาเสียเปรียบพวกมันเพราะรอบตัวมีแต่ต้นไม้ เขาจะต้องไปต่อก่อนจะสายเกินไป

“ข้าจะพาพ่อไปที่เนิน”คาวินทร์ให้พ่อขี่หลัง มือข้างหนึ่งพยุงร่างพ่อไว้ อีกมือถือดาบปัดป้องพวกที่ขยับเข้ามา อย่างน้อยดาบเดียวก็ยังดีกว่าไม่มีเลยในเวลาคับขันขีดสุดนี้

“อีกไม่ไกลแล้ว”

พวกกองโคไล่หลังมาอย่างที่เรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอ ตีวงโอบล้อมรอบตัว คาวินทร์หันหน้าเข้าประจันกับมัน ฆ่าตัวหนึ่งก็หันหน้าวิ่งต่อ ทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนไม่มีกองโคตัวไหนผลีผลามเข้ามา

“จะถึงแล้วพ่อ”ดาบในมือคาวินทร์วาดขู่ลิงตัวหนึ่งที่ตั้งท่าจะโจนใส่ มันผงะถอย เขาก้าวผ่านโขดหินและพงหญ้าสูง อีกตัวหนึ่งโจนจากต้นไม้ลงมาดักหลังเขาไว้ ไม่ช้ามันก็จู่โจม

“เกาะดี ๆ นะพ่อ”

แขนของพ่อที่แทบไม่มีแรงแล้วเกาะแน่นขึ้น กระนั้นก็ยังไม่แน่นพอจะช่วยให้พ่อไม่ร่วงลงไปได้ คาวินทร์ตวัดดาบฟันกองโคตัวที่ปราดมาขวางหน้า พอมันร่วงลงกองก็กัดฟันวิ่งขึ้นเนิน ดาบในมือฉวยเอาชีวิตลิงยักษ์ที่หาญเข้ามาใกล้ ร่างใหญ่โตปกคลุมด้วยขนสีเทาพลิกหงาย ไถลลงไปตามเนิน แม้จะว่องไวและมีกำลังมากกว่า แต่เมื่อเจอคมดาบ พวกมันก็ชะงักไปหลายครั้งซึ่งเพียงพอจะทำให้คาวินทร์หนีพ้นออกจากวงล้อมไปได้

จากขั้นดินอันเกิดจากรากไม้ใหญ่ที่ไชชอนข้าวใต้ คาวินทร์ดีดตัวขึ้นไปยอดเนิน ซากปรักหักพังของหอสัญญาณเก่าอยู่ตรงนั้น ห่างออกไปไม่กี่หลา ทางรอดของเขาคือที่นั่น ที่เดียวที่พอจะทำให้ปักหลักสู้ได้ ที่ที่ความหวังเปล่งแสง

กองโคฝูงใหญ่รุมล้อมเข้ามามืดฟ้ามัวดิน ผืนป่าสั่นไหวด้วยการกรีฑาทัพเข้ามาของพวกมัน คาวินทร์ผ่าด่านลิงยักษ์สามตัวที่ขวางหน้าออกเป็นเสี่ยง กระโดดข้ามซากพวกมันเข้าไปใต้อาคารที่ก่อขึ้นด้วยอิฐแข็งแรง พ่อทิ้งร่างลงจากหลังของเขา จอมพรานแห่งเขาลังกาไม่มีแรงเหลือแล้ว กองโคทั้งฝูงกำลังดาหน้าเข้ามา คาวินทร์ลากพ่อเข้าไปข้างในสุด แต่ไม่ทันได้ดูแลพ่อได้ดีนักก็ต้องหันดาบคู่กลับไปประจัญบาน ด้วยดาบในมือสองข้าง พวกลิงยักษ์ตัวแล้วตัวเล่าก่ายทับกันอยู่ตรงปากทางเข้า เลือดละเลงทั่วผืนหญ้า พวกมันยังหมายจะรุมทึ้งเขา ตัวหนึ่งถือท่อนไม้ใหญ่มา มันเหวี่ยงท่อนไม้ใส่แต่คาวินทร์ก้มตัวหลบ ดาบขวาแทงสวนเข้าตรงท้องของมัน ดาบซ้ายตวัดฟันคออีกตัวที่เข้ามา พวกมันล้มลงก่อนลิงยักษ์ที่ลอบปีนขึ้นไปบนกำแพงสูงจะโจนข้ามหัวเขาไป คาวินทร์หมุนตัวตามไป ดาบทั้งสองเล่มฟันลงกลางหลังเจ้าลิงตัวนั้นก่อนมันจะลงถึงพื้น พวกกองโคกำลังพยายามเอาตัวพ่อ ทำให้เขาพะวง คาวินทร์ถอยข้ามซากตัวที่หลังเหวอะกลับไปยืนขวางไม่ให้พวกมันเข้าถึงตัวพ่อ

พวกลิงยืนขวางเต็มทางเข้าและบนขื่อคานที่เคยมีหลังคาเมื่อครั้งหอยังไม่ถูกทิ้งร้าง คาวินทร์ตั้งท่ารับ ดาบสองเล่มจรดชี้ไปข้างหน้า

“เข้ามา!

เสียงตะโกนของเขาเรียกพวกมันเข้ามาพร้อมกัน ด้วยกำลังที่มีเหลือ คาวินทร์พุ่งไปข้างหน้า กระโดดหมุนตัว กางดาบออกไปสุดแขน กงจักรดาบพาเขาไปอยู่กลางวงพวกลิงยักษ์ เลือดสาดกระเซ็นตามจังหวะดาบร่ายรำที่คลุมทั้งล่างบน รับและรุกในท่วงท่าเดียวกัน ไม่มีลิงตัวไหนรอดไปได้

พวกกองโคที่รวมตัวกันข้างนอกล่าถอย ท่ามกลางกองซากศพสูงพะเนิน นักล่าหนุ่มตัวแดงเถือกยืนถือดาบหายใจหอบ มองตามพวกมันหายไปจากสายตา

 

ลมเย็นพัดผ่านยอดเนิน  คาวินทร์เก็บดาบเมื่อแน่ใจว่าไม่มีลิงหรือตัวอะไรมาแผ้วพานอีก พ่ออยู่ข้างหลัง พิงร่างกับผนังหินเงียบ ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองตรงฐานจุดไฟสัญญาณที่อยู่อีกชั้นของอาคารหิน ซึ่งเขาจะจุดมันขึ้นด้วยซากลิงพวกนี้

“คาวินทร์”เสียงสั่นเครือของพ่อนั้นแทบไม่ได้ยิน นักล่าหนุ่มหันขวับ ดิ่งไปหาพ่อพรานที่ล้มลงนอนหงายอยู่บนพื้น พยุงให้ลุกขึ้นนั่ง

“ลูกพ่อ”พ่อจับมือเขา คาวินทร์มองตาพ่อ เห็นตัวเองในดวงตาดุดันที่ฉายแววสงบนิ่งเยือกเย็นเสมอคู่นั้น

“เจ้าต้องไปต่อ เจ้าต้องไปต่อ”

“ข้าจะไปต่อพร้อมกับพ่อ ไม่ว่าที่ไหน เราจะแก้แค้นไอ้เข้ยักษ์ผีสาปนั่นแล้วกลับบ้านด้วยกัน”

พ่อยิ้มให้ เอื้อมมือตบบ่าเขา ยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนใบหน้า

“เราจะไปด้วยกันเสมอ”

มือของพ่อคลายออกจากตัวเขา  จอมพรานแห่งไซย์แอมนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นการนิ่งเงียบเพื่อเดินทางสู่เส้นทางอันเป็นนิรันดร์

 



The Huntsman Way - วิถีนักล่า

ผู้แต่ง : หมอกเหนือ

ตอนที่ ชื่อตอน วันที่ลง
1 ปัจจุบัน 25 ม.ค. 59
2 นักล่า 07 มี.ค. 59
3 หนี 14 มี.ค. 59
4 ปีกที่ถูกตรึง 21 มี.ค. 59
5 ทาส 28 มี.ค. 59

Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

รู้สึกว่างานคุณดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน การเล่าเรื่องกระชับขึ้น เสียงก็มั่นคง คุณเป็นคนมีฝีมือค่ะ และคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก

ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น คือพูดเพราะรู้สึกอย่างนี้ คุณไม่ต้องทำตามก็ได้ คือเรารู้สึกว่าสามตอนแรกที่เป็นเปิดเรื่องในเมือง เริ่มล่า ไปจนย้อนความถึงพ่อตายนั้นยังจับคนอ่านติดสู้สองบทหลังที่เป็นทาสแล้วไม่ได้ เราจึงคิดว่าถ้าขึ้นด้วยอีเวนท์มาเป็นทาสเลย แล้วแฟลชแบ็คกลับไปที่ล่าจระเข้กับพ่อตาย เรื่องน่าจะมีอิมแพ็คแรงขึ้น (ส่วนบทนำให้กลับไปอยู่ที่ลำดับเวลาปรกติ) คือคนอ่านเปิดมาก็เฮ้ยทันที สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอจับติดแล้ว คนอ่านเห็นบุคลิกตัวเอกแล้ว คุณจะเล่าอะไรก็ได้ค่ะ

ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

สนุกสนาน เจ้มจ้น อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็กชั่น งานดีมากเลยครับ บทบรรยายใส่รายละเอียดมาเยอะดี ตัวสัตว์ประหลาดต่างๆ ก็ครีเอท น่ากลัวทุกตัว จนเฮียอ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยที่จะเอาชีวิตรอดเลยครับ (ฮา) เอาใจช่วยคุณพรานแล้วกันครับ สู้ๆ!

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 24

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.108.255
    • 31 มีนาคม 2559 / 10:56
    สวัสดีค่ะ

    รู้สึกว่างานคุณดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน การเล่าเรื่องกระชับขึ้น เสียงก็มั่นคง คุณเป็นคนมีฝีมือค่ะ และคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก

    ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น คือพูดเพราะรู้สึกอย่างนี้ คุณไม่ต้องทำตามก็ได้ คือเรารู้สึกว่าสามตอนแรกที่เป็นเปิดเรื่องในเมือง เริ่มล่า ไปจนย้อนความถึงพ่อตายนั้นยังจับคนอ่านติดสู้สองบทหลังที่เป็นทาสแล้วไม่ได้ เราจึงคิดว่าถ้าขึ้นด้วยอีเวนท์มาเป็นทาสเลย แล้วแฟลชแบ็คกลับไปที่ล่าจระเข้กับพ่อตาย เรื่องน่าจะมีอิมแพ็คแรงขึ้น (ส่วนบทนำให้กลับไปอยู่ที่ลำดับเวลาปรกติ) คือคนอ่านเปิดมาก็เฮ้ยทันที สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอจับติดแล้ว คนอ่านเห็นบุคลิกตัวเอกแล้ว คุณจะเล่าอะไรก็ได้ค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 23

    เนตรนภา แซ่หลี
    • Name : เนตรนภา แซ่หลี < My.iD > [IP] 171.6.246.213
    • 24 มีนาคม 2559 / 22:32
  • ความคิดเห็นที่ 22

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 203.147.8.118
    • 24 มีนาคม 2559 / 09:05
    สวัสดีค่ะ

    บทนี้สนุกจัง เห็นบุคลิกตัวละครชัดขึ้นด้วย รออ่านต่อนะคะ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 21

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 23 มีนาคม 2559 / 21:41
    เนื้อเรื่องใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆยิ่งอยากรู้เลยค่ะ
    ดูเป็นอีกมุมหนึ่งมากหลังจากอยู่กับการล่ามาตลอด
    ตอนนี้เหมือนได้ผ่อนคลายเลยล่ะ ดูเบา อ่านสบายกว่าก่อนหน้านะ
    แต่ถึงอย่างนั้นก็สาระเยอะมากจริงๆค่ะ 
  • ความคิดเห็นที่ 19

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.46.230
    • 17 มีนาคม 2559 / 09:11
    สวัสดีค่ะ

    ช่วงต้นของบททำได้ดีมากเลย :) เสียงนิ่ง มั่นคง การเล่าลำดับเรื่องก็ดี ช่วงท้ายที่เป็นฉากแอคชั่นออกจะยาวไปสักหน่อย แต่ยังทำได้ดีค่ะ  ฉากแอคชั่นถ้าใช้ประโยคสั้นและย่อหน้าสั้นลง จังหวะจะเร็วขึ้นและยิ่งตื่นเต้นขึ้นค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 18

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 61.90.91.91
    • 15 มีนาคม 2559 / 13:07
    เดี๋ยวไปอ่านของลูกฟูกบ้าง กะอ่านให้หมดรวดเดียวหลังทำของตัวเองตุนไว้แล้ว

    #เรื่องพิมพ์ตกแก้ผิดไว้ใจเรา
  • ความคิดเห็นที่ 17

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 14 มีนาคม 2559 / 22:34
    ระทึก... แล้วจบลงด้วยความสะเทือนใจที่สุด
    ตอนนี้จำตัวละครได้เยอะแล้ว เพราะตายไปหมด (ฮา)
    เหมือนตอนนี้จะยาวกว่าตอนอื่นหรือเปล่านะคะ แต่ก็เต็มมากกกก
    มีอารมณ์ไปตามตัวละครเลยในบางที
    ช่วงท้ายๆมีพิมพ์ตกบ้างนิดหน่อย เห็น ดาบเป็นดาย มาแวบๆ กับอะไรอีกอย่างมองไม่ทัน

    และตอนหน้าก็จะยังระทึกต่อไปเรื่อยๆสินะคะ ฮาา
  • ความคิดเห็นที่ 16

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 202.94.77.110
    • 12 มีนาคม 2559 / 09:50
    สนุกมากครับ ระทึกมาก พรานของเราซวยซ้ำซวยซ้อนดีจัง 555 ถึงตอนหน้าจะเหลือสักกี่คนกันน้อ ฉากแอคชั่นทำได้ดีถึงดีมากเลยครับ แต่อยากให้ท้าวความถึงที่มาที่ไปของแต่ละคนสักหน่อยน่าจะดีนะครับ คือแบบนี้มันมองภาพออกยากว่าแต่ละคนเก่งกาจกันมาขนาดไหน คนไหนพูดมาพูดมากมาตั้งแต่ไหน คนไหนมือใหม่ขี้กลัวอะไรประมาณนี้ เรียกว่าปมอดีตของตัวละครมีน้อยเกินไป ทำให้ลดความรู้สึกที่จะอินตามตัวละครลงไปนิดหน่อย แต่โดยรวมถือว่าสนุกมากเลยครับ
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.179.19
    • 10 มีนาคม 2559 / 09:32
    สวัสดีค่ะ 

    ก่อนอื่น ยินดีด้วยที่ผ่านมาถึงรอบนี้นะคะ :) 

    เรื่องในบทนี้กับบทที่แล้วเป็นการปูพื้นโลกกับตัวละคร แต่ละบทดูเหมือนจะเน้นแอคชั่น การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งทำได้ดีและสมจริงค่ะ

    อยากให้ใช้เวลากับการพัฒนาตัวละครอีกนิด เพราะปรกติคนอ่านจะเกาะตัวละครก่อนเกาะเรื่อง ถ้าคนอ่านเข้าใจบุคลิกของตัวละคร ก็จะอินกับเรื่องมากขึ้น 

    นอกจากนั้น ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะให้แต่ละทวีปคล้ายๆ ทวีปจริงในโลกขนาดไหน ถ้าไม่คล้ายมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคล้ายมาก อย่าลืมรายละเอียดบางอย่าง เช่นถ้าไซย์แอมเป็นไทย ก็จะไม่มีขนแกะค่ะ ดังนั้นเวลาแปรงฟันจะใช้ข่อยหรือเกลือแทน

    ถึงแม้ว่าจะเป็นจุดปลีกย่อย แต่จุดพวกนี้คือการอธิบายฉาก ผูกกับวัฒนธรรมของเรื่อง เป็นตัวทำให้คนอ่านเกิดความเข้าใจว่าโลกนี้เป็นอย่างไร จึงอยากให้ใส่ใจด้วยน่ะค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 14

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.179
    • 10 มีนาคม 2559 / 09:26
    บังไพร นี่ความรู้ใหม่ เพราะเปิดพจนานุกรมทุกเล่มก็มีแต่แปลเป็นคำกิริยา หากอันที่แทนบอกไม่เจอ

    ส่วนคุลีอันนี้ที่รู้ คำเต็มคือ องคุลี แปลว่า นิ้ว ถ้าคุลีเฉย ๆ นี่ก็หาไม่เจอเหมือนกันแฮะ
  • ความคิดเห็นที่ 13

    วัชรกาญจน์
    • Name : วัชรกาญจน์ < My.iD > [IP] 49.228.98.199
    • 9 มีนาคม 2559 / 20:08
    สำนวนไสตล์ เท่ๆ ดิบๆ กระชับไม่เวิ่นเว้อ และคมดีทีเดียวครับ

    เหมาะกับเนื้อหาดี 
  • ความคิดเห็นที่ 12

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 171.97.73.76
    • 9 มีนาคม 2559 / 14:05
    ชี้แจงพี่มิว

    โตงเตงอาจจะใช้ผิด อันนี้ได้อิทธิพลมาจากงานของพี่แหม่มวีรพรครับ 

    บังไพรคือฉากที่ใช้บังเวลานั่งซุ่มครับ เป็นคำนาม

    คุลีแปลว่านิ้ว

  • ความคิดเห็นที่ 11

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:36
    เออใช่ มีข้อสงสัยอีกอย่างนึง

    คำว่า "คุลี" แปลว่าอะไรครับ พี่หาในพจนานุกรมไม่เจอ?
  • ความคิดเห็นที่ 10

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:35
    ภาษายอดเยี่ยมมากครับ การบรรยายทำได้สละสลวย ถ่ายทอดแคแรคเตอร์ ฉากสถานที่ และอารมณ์ ออกมาให้เห็นภาพชัดเจน
    พล็อตเรื่องนักล่าสัตว์ประหลาดประมาณมอนฮันแบบนี้ยังไม่มีในเอ็นเธอร์ปีก่อน ๆ คาดว่าน่าจะสร้างความแปลกใหม่ได้ดีทีเดียว

    ทีนี้มาข้อติกันบ้าง
    การเลือกใช้คำสละสลวยมาบรรยาย มีข้อดีตรงที่สามารถทำให้นักอ่านเพลิดเพลินกับรูปประโยค แต่จำเป็นต้องใช้ได้ถูกต้องตามความหมาย
    เช่น
    พระอาทิตย์ห้อยโตงเตง คำว่า โตงเตง แปลว่า ผูกห้อยและแกว่งไปมา แต่เป็นไปไม่ได้ที่พระอาทิตย์บนฟ้าจะแกว่งไปมา ดังนั้นใช้คำโตงเตงมาขยายจึงไม่เหมาะสม
    หรือ
    ลมใต้ปีกกระพือพัดบังไพรปลิวว่อน  ประโยคนี้วางคำกิริยาติดกันถึง 4 คำ คือ กระพือ พัด บังไพร ปลิว ซึ่งตามหลักภาษาที่ถูกไม่ควรวางกิริยาติดกันเช่นนี้
    เป็นต้น

    ก่อนอัพลองตรวจทานอ่านดูและรีไรท์สักรอบสองรอบ จะช่วยลดความผิดพลาดลงครับ
    แวะมาเฆี่ยนแล้วเดินจากไป

    มิว
  • ความคิดเห็นที่ 9

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 119.76.149.221
    • 7 มีนาคม 2559 / 19:33
    ในสมุดที่เขียนเป็นคำว่า เป็นสิทธิ์ขาดอ่ะ แล้วน่าจะไปแก้ตอนพิมพ์ซึ่งก็ไม่ทันดู
  • ความคิดเห็นที่ 8

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 119.76.149.221
    • 7 มีนาคม 2559 / 19:31
    ลูกฟูก เราเขียนผิด ขอบคุณที่บอกครับ ตอนพิมพ์น่าจะรีบอ่ะ ลืมตรวจ
  • ความคิดเห็นที่ 7

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.204.219
    • 7 มีนาคม 2559 / 18:27
    นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรเลยค่ะ
    มันคือการกลั่นแกล้งตัวละครด้วยความรักที่หนักหน่วงมากกก

    ประกาศิต - น่าจะเขียนแบบนี้หรือเปล่าคะ? ไปจิ้มๆดู เหมือนไม่คุ้นกับ ประกาสิทธิ์

    ตอนแรกมองเรื่องพี่แทนเหมือนสั้นๆ พอขยายให้อ่านง่ายคือแทบร้อง
    อ่านไปอ่านมาอ่านจังเลยค่ะ และอินมากกกก

    ว่าแต่น้องแมวยังไม่มาสินะคะ 
  • ความคิดเห็นที่ 6

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 61.90.113.75
    • 7 มีนาคม 2559 / 11:43
    ขอบคุณทุกคนครับบ เดี๋ยวไปหาอ่านของคนอื่นบ้างหลังทำเสร็จ
  • ความคิดเห็นที่ 5

    Esta Em Maho
    • Name : Esta Em Maho < My.iD > [IP] 103.26.22.217
    • 5 มีนาคม 2559 / 08:27
    ฮันโด >< พ่อแมวเผ่าแคเทน 

    ชอบการออกแบบคาแรคเตอร์ของไรท์มากเลยค่ะ 
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป