EN02 Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทมนตร์
จะหาใครในโลกนี้ซวยเท่าผมได้ มีเเม่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ มีพ่อเป็นเรนเจอร์ในขบวนการห้าสี เเละทั้งคู่ก็คิดเองเออเองว่าอยากให้ผมสืบทอด...ได้เเต่หวังว่าความเป็นชายของผมจะไม่สั่นคลอนไปจนถึงตอนจบของเรื่อง!
[Chapter 3] :สาวน้อยเวทมนตร์ในห้องน้ำ
“เรียนสนุกมั้ยลูก?”
คำถามนี้น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตของผู้ปกครองทุกคน พ่อแม่ของผมก็ด้วย ถามผมได้ทุกเย็นที่เจอหน้ากัน ส่วนผมน่ะเหรอ? ตอบอะไรไม่ได้นอกคำว่า “ก็ดีนะ” น่ะสิ! ผมไม่อยากเล่าหรอกว่าผมเจออะไรบ้าง ตั้งแต่เพื่อนหนุ่มเพี้ยนๆชอบทำตัวเป็นหมีโคอาล่าเกาะต้นยูคาลิปตัสแบบเมเดีย เพื่อนสาวนิสัยแปลกๆชอบเขียนฟิคชายรักชายแบบฮาช่า หรือแม้กระทั่งอดีตรักแรกสวยแต่เปลือกแบบโรเจอร์(อ้อ! ลืมบอกไป ชุดสาวน้อยเวทมนตร์ฟูฟ่องงี่เง่านั่น ผมคืนโรเจอร์ไปแล้วนะ…เอาไปเลย!!)
ชีวิตที่โรงเรียนของผมมีสีสัน…จนมากไปนิด
“แล้ววิชาสัตว์เวทมนตร์เป็นไงบ้าง ดาร์เรน?”
“ไข่ของกลุ่มผมไม่ยอมฟักสักทีน่ะ แม่”
วันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดที่ผมควรได้พักผ่อนอยู่บ้านหลังจากรบราฆ่าฟันกับพวกบ้าที่โรงเรียนมาร่วมอาทิตย์ แต่แม่กลับลากผมออกมาซื้อของในเมือง ทั้งๆที่ตัวเองบ่นปวดท้องและเป็นไมเกรนมาตั้งแต่เช้า ตรงจุดนี้ผมไม่เข้าใจแม่จริงๆ ป่วยก็ป่วย…จะลากลูกชายออกมาเที่ยวทำไมอีก
แม่ไม่ยอมหยุดพูด ด้วยความที่วันนี้ผมโดนลากออกมาข้างนอกทั้งวัน ทำให้แม่ยิงคำถามใส่ผมรัวๆมากกว่าช่วงตอนเย็นหลังเลิกเรียนเสียอีก ไม่เข้าใจว่าจะสงสัยอะไรนักหนา…การมาซื้อของกับแม่นั้นเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่ออันดับต้นๆของผม แม่ลากผมเข้าห้างสรรพสินค้า ตามประสาผู้หญิงคือ…เธอสามารถกวาดสายตามองหาร้านที่ติดป้ายว่า ‘Sale’ ได้แม้ว่าคำนั้นจะเล็กหรือตั้งตัวเอียงจนแทบอ่านไม่ออกก็ตาม
สิ่งที่ผมทำเวลาออกมาซื้อของกับแม่คือ ช่วยถือข้าวของที่งอกเพิ่มขึ้นมาตลอดเวลา
“ตายจริง..เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย ลูกหิวแล้วรึยัง?” แม่ก้มมองนาฬิกาข้อมือ
“ผมอยากกินสปาเก็ตตี้” ผมไม่รอช้าที่จะเรียกร้องในทันที แม่ยิ้มออกมา มือโอบไหล่ผมที่ถือข้าวของพะรุงพะรังไปหมดเพื่อเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้า พวกเราเดินผ่านบรรดาร้านค้าภายในห้องที่ตกแต่งดิสเพลย์ในตู้กระจกอย่างสวยงามเพื่อแข่งกันเรียกลูกค้าเข้าร้าน เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ วันใช้เงินแห่งชาติ ผู้คนเลยแน่นขนัดไปเสียทุกชั้น
คนส่วนมากที่นี่เป็นคนธรรมดาที่อยู่ในสังคมธรรมดา ไม่ได้เป็นฮีโร่ ไม่ต้องปราบปรามเหล่าร้าย เมื่อบ้านเมืองเกิดเหตุร้ายขึ้น สิ่งที่คนพวกนี้ทำก็คือการวิ่งหนี รอคอยฮีโร่สักคนมาช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขา รวมไปถึงคอยตามกรี๊ดฮีโร่ในดวงใจผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์หรือในหนังสือพิมพ์ ไม่ต้องมารับรู้ความปัญญาอ่อนในชุมชนลับของพวกสาวน้อยเวทมนตร์แบบที่ผมกำลังประสบอยู่ตอนนี้ ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ล่ะที่ผมใฝ่ฝัน…
กิน นอน ทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง คุณไม่คิดว่ามันดีงามบ้างเหรอ?
ส่วนพ่อผมไม่ได้มากับพวกเราด้วย เห็นว่ามีมนุษย์แมลงคู่ปรับขบวนการผลไม้ของพ่อปรากฏตัวที่ไหนไม่รู้ พ่อเลยรีบลงไปที่โรงจอดหุ่นยนต์ซึ่งตั้งอยู่ใต้บ้านของพวกเราแล้วขับหุ่นยนต์สีแดงซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของแอปเปิลออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว
ผมกับแม่เลือกร้านสปาเก็ตตี้สไตล์อิตาเลียน มันเป็นร้านที่ตกแต่งแนวคันทรี เครื่องเรือนทำจากไม้ทั้งหมด ผ้าปูโต๊ะลายสก็อตสีแดง ทั่วทั้งร้านเปิดไฟสีเหลืองนวลสบายตา ยิ่งเปิดเพลงโฟล์คอมตะอย่าง ‘Hotel California’ ของวงอีเกิลส์ ร้านนี้ยิ่งถูกใจผมมากกว่าเดิม ดีกว่าโรงอาหารสีชมพูที่โรงเรียนตั้งเยอะ
“แม่..เป็นอะไรรึเปล่า?” ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นแม่นั่งกระสับกระส่าย หลังจากที่บริกรมารับออเดอร์พวกเราแล้ว แม่ยิ่งดูทำตัวแปลกๆมากกว่าเดิม “แม่โอเค…” แม่เสยผมหน้าม้าขึ้น วันนี้แม่มัดผมสีชมพูเป็นหางม้าทำให้รู้สึกดูวัยรุ่นกว่าทุกวัน แต่แม้เจ้าตัวจะบอกแบบนั้น ในสายตาของคนเป็นลูก..ผมว่าแม่ไม่โอเคนะ ต้องมีอะไรแน่ๆ
“ไมเกรนกำเริบเหรอ?”
“ดาร์เรน…แม่ขอไปห้องน้ำแป้ปนะ” อยู่ดีๆแม่ก็ลุกพรวดขึ้นจนผมตกใจ สีหน้าดูกระอักกระอ่วนแปลกๆ ต้องมีอะไรแหงๆ ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร แม่ก็ก้าวฉับๆออกไปจากร้านทิ้งผมให้นั่งทำหน้างงรออาหารกลางวันมาเสิร์ฟอยู่คนเดียว
อะไรของแม่น่ะ?...หรือว่าปวดท้องจะอ้วก?
ช่างเถอะ เดี๋ยวแม่ก็กลับมา
ผมนั่งรออยู่สักพักจนกระทั่งบริกรนำสปาเก็ตตี้มาเสิร์ฟ แม่ก็ยังไม่กลับมา…นี่ผมเริ่มสงสัยแล้วนะ แม่ไปไหนของแม่เนี่ย? จนในที่สุดผมต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาแม่ ก็พบว่าแม่ส่งข้อความเข้ามาทาง Line พอดี พร้อมอีโมติค่อนร้องไห้..
‘Mom says: …ลูกช่วยอะไรแม่หน่อยสิT^T’
‘Darren says: อะไรอ่ะแม่? =_=;?’
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองเขม่นตาขวายิกๆ จนกระทั่งแม่พิมพ์ข้อความมาหาผมรัวๆ
‘Mom says: ดาร์เรน!..ลูกช่วยไปซื้อผ้าอนามัยแล้วเอามาให้แม่ที่ห้องน้ำหน่อย!!’
ผมอ้าปากค้าง จริงๆผมควรเดาได้ตั้งแต่เห็นอีโมติค่อนร้องไห้นั่นแล้ว!โอเค…ซื้อผ้าอะไรนั่น แต่เดี๋ยวนะ? แล้วมันซื้อที่ไหนฟะ!! ผมกำลังจะพิมพ์ถามแม่แต่ข้อความแชทเด้งขึ้นมาไม่หยุด ท่าทางแม่จะร้อนลนเอามากๆเลยนะเนี่ย
‘Mon says: เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆT^T!!!!’
‘Darren says: แม่…คือ…ซื้อที่ไหนอ่ะ?’
ผมอ่านชื่อร้านค้าที่แม่ให้มาอย่างรวดเร็ว บอกเลยว่าผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน..ให้ตายเถอะ ท่าทางแม่จะรีบมากๆด้วย ทางแก้ง่ายๆคือพิมพ์ชื่อร้านใน Google ตามด้วยชื่อของห้างสรรพสินค้า แล้วพิกัดร้านมันจะออกมา(ไม่ต้องไปถามยามให้เสียเวลา นี่สิ! วิธีการแก้ปัญหาของเด็กยุคใหม่) หลังจากบอกพี่บริกรเรียบร้อย ผมก็ทะยานออกจากร้านด้วยความเร็วแสง ร้านอยู่ชั้นสามสินะ? ลิฟท์คงจะช้า…ใช้บันไดดีกว่า
รอก่อนนะ แม่!!
ใช้เวลาวิ่งมาที่ร้านไม่ถึงสองนาที ผมเชื่อว่าความเร็วระดับนี้คงช้ากว่าฮีโร่ชุดแดงๆที่มีสายฟ้าอยู่บนหัวแค่นิดเดียวเท่านั้น!(อะไรนะ?...ไม่จริงเหรอ ขอผมเข้าข้างตัวเองบ้างเถอะน่า!) แต่ผมดันมาชะงักตอนที่เข้ามาในร้านแล้วนี่สิ ร้านทั้งร้านตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตา มีทั้งเวชภัณฑ์และเครื่องประทินโฉมมากมายขายโดยจัดเอาไว้เป็นหมวดๆ ลูกค้าที่เดินในร้านก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ผมไม่รู้ว่าควรไปทางไหนต่อ…
แล้วไอ้ผ้าอะไรนั่นของแม่…มันอยู่ตรงไหนวะ?
“เอ่อ…ขอโทษนะครับ” ถ้าหาเองคงทำให้เสียเวลามาก…ผมเลยพยายามทำตัวมั่นหน้าสะกิดพี่พนักงานใกล้ๆแทน เธอเป็นผู้หญิงอายุราวๆสามสิบต้นๆ ผมรวบเป็นมวยที่ด้านหลังและแต่งหน้าสวยงามที่คอมีป้ายแสดงสถานะพนักงานของร้านห้อยเอาไว้
“มีอะไรเหรอคะ?” พนักงานคนนั้นยิ้มอย่างใจดีให้ผม
“ช่วยหยิบผ้าอนามัยให้ผมหน่อยได้มั้ย..” ผมกลืนน้ำลาย ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อเห็นรอยยิ้มคลี่บนริมฝีปากของพี่พนักงานก่อนที่เธอจะเริ่มหัวเราะ “ซื้อไปใช้เองหรือเปล่าคะ?” คำถามนี้ทำเอาผมติดสตั้นไปหลายวินาที ถึงจะรู้ว่าเจ้าตัวแกล้งผมก็เถอะ!
“ไม่!! มะ…ไม่ใช่ครับ!”
“พี่ล้อเล่นจ้ะ จะเอาแบบมีปีก ไม่มีปีกหรือแบบสอดดีจ๊ะ?”
“หะ…” ผมรู้สึกหัวหมุน อะไรคือมีปีก? ไม่มีปีก? แบบสอด? ผมไม่เข้าใจหรอก!! มันต่างกันยังไง?...แล้วแม่ต้องการแบบไหน? ให้ตายสิ จะพิมพ์ถามตอนนี้เลยดีมั้ยนะ ถ้าผมซื้อไปผิดแล้วเกิดแม่ใช้ไม่ได้ ผมไม่ต้องกลับมาซื้อใหม่อีกรอบเรอะ!?
เอาไงดี…
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ พี่คงต้องแนะนำผมแล้วล่ะ” หลังจากใช้หัวสมองที่มีอยู่น้อยนิดตริตรอง ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด(และเร็วว่าแชทถามแม่อีกรอบแน่นอน) พี่พนักงานส่งรอยยิ้มเอ็นดูมาให้ผมก่อนจะเดินไปหยิบห่อพลาสติกสีชมพูสดมาให้ มันจะเป็นแบบไหนผมไม่รู้…แต่เอาเป็นว่าผมเอาแบบนี้แล้วกัน!!
หลังจากที่ได้สินค้าแล้ว ผมก็วิ่งไปที่ห้องน้ำผู้หญิงตามพิกัดที่แม่ให้ไว้ทันที
“แม่!! ผมมาแล้วววว!!!”
ทันทีที่เห็นป้ายห้องน้ำหญิง ผมก็สไลด์ตัวเข้าไปทันที พวกผู้หญิงตั้งแต่เด็กยันแก่ซึ่งอัดแน่นกันอยู่ในห้องน้ำหันมามองผมเหมือนสิ่งแปลกปลอม พร้อมทั้งส่งเสียงซุบซิบกันยกใหญ่ แต่ตอนนี้แม่ต้องการผม…มันคงไม่ใช่เวลามาอาย!
“แม่..ผมมาแล้ว แม่อยู่ห้องไหนเนี่ย?” ผมตะโกนถาม มองห้องน้ำที่ปิดประตูล็อคแน่นสนิททุกห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับของแม่เลย “แม่!!...แม่ครับ เฮ้!!” ผมส่งเสียงอีกครั้งและอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงของคนที่ผมรอคอย ผมเริ่มสับสนไปหมด แม่ของผมหายไปไหน?
“คุณคะ..นี่มันห้องน้ำหญิงนะ” หลังจากสิ้นเสียงสาวสักคนในห้อง ผมก็ถูกเนรเทศออกมาจากห้องน้ำ ผมเริ่มลนลานของจริงแล้ว แม่ผมหายไปไหน? หรือผมมาผิดที่? เมื่ออ่านข้อความในไลน์ซ้ำอีกครั้ง ผมก็พบว่ามันมาถูกที่แล้วนี่…ยกเว้นว่าแม่จะให้พิกัดมาผิด
‘Darren says: แม่..ผมซื้อของมาให้แล้ว แม่อยู่ไหนกันแน่เนี่ย?’
ผมลองทักแม่ไปและรอประมาณเกือบนาที ทุกอย่างยังเงียบ แม่ไม่ตอบแชทผมเลย ผมเลยเลือกที่จะไม่รอแล้วโทรศัพท์ไปหาแม่แทน เสียงรอสายเป็นเพลง ‘Love of my life’ ของวงควีน วงโปรดของแม่ดังอยู่นาน จนผมเริ่มเบื่อเสียงของเฟรดดี เมอร์คูรีแล้ว ผมอยากฟังเสียงแม่ผมมากกว่า!
โทรไปครั้งแรกไม่ติด ผมไม่ยอมแพ้...กดโทรไปอีกหลายๆครั้ง
“[ขออภัยค่ะ เลขหมายดังกล่าวไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้….]”
“เฮ้ย!!!” อารมณ์ผมตอนนี้แทบจะเขวี้ยงมือถือทิ้ง แม่หายไปไหน? ทำไมไม่รับโทรศัพท์? นี่ปิดเครื่องเหรอ? ในหัวอัดแน่นไปความเป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนมากเป็นเรื่องร้าย แย่ที่สุดคือแม่อาจจะถูกคนร้ายลักพาตัวไป ไม่ก็เป็นลมสลบคาห้องน้ำไปแล้ว
“แม่!!! แม่..โอ๊ย!!”
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยร้อนลนขนาดนี้เลย ผมวิ่งเข้าห้องน้ำหญิงทุกห้องเท่าที่ผมจะหาเจอ ตะโกนหาแม่ ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน..ที่สำคัญแม่ไม่มีทางหายตัวไปตอนที่ฝากผมซื้อของสำคัญหรอก สภาพแม่แบบนั้น…แม่จะไปไหนมาไหนได้ยังไง? ผมกดมือถือโทรหาพ่อ ปรากฏว่าพ่อไม่รับสาย อาจจะกำลังติดภารกิจสำคัญอยู่
แต่ตอนนี้แม่หายไปนะ!!
ผมหอบหลังจากวิ่งพล่านไปทั่วห้าง ห้องน้ำชั้น 7 เป็นสถานที่สุดท้ายซึ่งผมยังไม่ได้เช็ค มันเป็นชั้นของโรงภาพยนตร์ แสงไฟออกแนวสีม่วงให้ความรู้สึกลึกลับพร้อมกับโปสเตอร์ภาพยนตร์ติดเอาไว้มากมาย ด้านซ้ายมีเก้าอี้จัดเอาไว้สำหรับผู้ที่รอเวลาชมภาพยนตร์ คงเพราะช่วงนี้ยังไม่มีหนังดังๆเข้าฉาย คนเลยค่อนข้างเบาบาง ผมไม่รอช้า วิ่งไปที่ห้องน้ำหญิงทันที
“แม่อยู่นี่รึเปล่า?” ผมทำเหมือนทุกครั้งคือเปิดประตูเข้าไปและส่งเสียงเรียกหาแม่ ถ้าที่นี่ไม่มี..ผมคงต้องไปพึ่งประชาสัมพันธ์ให้ประกาศหาแล้ว ห้องน้ำของชั้นนี้ดีไซน์ได้หรูหรากว่าชั้นอื่นๆ สังเกตได้จากอ่างล้างมือที่เป็นลวดลายของหินอ่อน กระจกบานใหญ่ติดกรอบดำให้ความรู้สึกเรียบหรู อากาศในห้องน้ำค่อนข้างเย็น…ผมรู้สึกว่ามันเย็นจนเกินไป เย็นมากจนผมหายใจออกมาเป็นไอ
แถมยังได้กลิ่นอะไรแปลกๆด้วย…กลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้
อะไรกันเนี่ย?
“…หนูขอโทษ”
ผมได้ยินเสียงเล็กๆดังมาจากในห้องน้ำสักห้อง เพราะรู้สึกถึง ‘ความไม่ปกติ’ ในน้ำเสียงผมเลยเลือกที่จะเดินเข้าไป ทั้งห้องน้ำไม่มีใครนอกจากผมกับสาวน้อยคนนี้ มันให้ความรู้สึกวังเวงอย่างบอกไม่ถูก เธอเริ่มพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ซ้ำไปซ้ำมาจนน่าสงสัย และเมื่อผมผลักบานประตูออกไป ผมก็พบกับเจ้าของเสียงนั้น
เธอเป็นเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับผม ผมสีน้ำตาลอ่อนรวบเป็นหางม้าต่ำผูกไว้ด้วยโบว์ใหญ่ๆสีขาว ร่างอันบอบบางสวมชุดกระโปรงบานทรงระฆังสีขาวบริสุทธิ์แซมด้วยลูกไม้และริบบิ้นกับรองเท้าบู๊ทยาวสีเดียวกัน มันเป็นชุดที่คนปกติไม่ใส่ออกมาเดินข้างนอกแน่ๆ ยกเว้นจะมีงานคอสเพลย์…
“สาวน้อยเวทมนตร์เหรอ..” ผมพึมพำเสียงเบา มันเป็นการคาดการณ์ของผมเองคนเดียว เด็กสาวคนนั้นค่อยๆหันหน้ามาหาผม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนคล้ายกับรากต้นไม้ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอเบิกกว้าง ลูกตาขาวถูกย้อมด้วยสีแดงจากเส้นเลือดฝอยที่แตกออก ริมฝีปากซีดเผือกของเธอเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ผมผงะกับภาพที่เห็น เท้าของผมก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์...ผมรู้สึกได้
เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้?
“เอ่อ…เธอโอเคนะ?” ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามโง่ๆ แต่ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนายังไง ร่างของเด็กสาวตรงหน้าผมสั่น คล้ายมีมือที่มองไม่เห็นกำลังเขย่าเธออย่างรุนแรง “หนูเจ็บ…เจ็บจังเลย…ขอโทษค่ะ…ขอโทษค่ะ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว” เธอพูดซ้ำๆพร้อมกับสะอื้น สภาพอันน่าเวทนาของเธอทำให้ผมตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้
“แค่กๆๆๆๆๆ! โขลกกก!!” ผมรู้สึกว่าร่างเล็กๆตรงหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เส้นเลือดบนผิวของเธอปูดโปนขึ้นมา เธอคว้าคอเสื้อผม มือของเธอสั่นและอาเจียนออกมาเลอะเสื้อผมเต็มไปหมด กลิ่นเหม็นเปรี้ยวทำให้ผมนิ่วหน้า แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมารังเกียจ เด็กคนนี้ต้องการความช่วยเหลือ
“โว้ว…เธอโอเคนะ” ผมถามขณะประคองร่างที่เริ่มอ่อนปวกเปียกเอาไว้
เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์แน่ๆ ผมมั่นใจ…ผมได้กลิ่นไอเวทมนตร์คละคลุ้งจากร่างของเธอ
เพียงแต่มันมี ‘กลิ่นแปลกๆ’ ปะปนอยู่ด้วย กลิ่นคล้ายกำมะถันแต่ชวนเวียนหัวกว่ามาก ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นอะไร ผมประคองเด็กสาวคนนี้ไปที่โถส้วมเพื่อให้เธออาเจียนให้สะดวกขึ้น มือของผมลูบหลังเธอเบาๆ ในใจผมเป็นห่วงแม่จะแย่แล้วแต่ก็ไม่สามารถทิ้งเด็กคนนี้เอาไว้ตามลำพังได้ บางทีถ้าเธออาเจียนเสร็จ ผมอาจวิ่งไปตามยาม..
“อึ่ก..โขลก!!!” เธออาเจียนมากกว่าเดิม ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ วัตถุเรียวยาวยื่นออกมาจากช่องปากของเด็กสาวคนนี้ เมื่อผมหรี่ตาลงและเพ่งมองดีๆ ปรากฏว่ามันเป็นนิ้วมือคน ผมอุทานออกมาไม่เป็นภาษา ตอนที่มือขาวซีดเปรอะด้วยเลือดตะกายออกมาจากปากเล็กๆของสาวน้อยที่น่าสงสาร
ด้วยความที่มีพ่อเป็นเรนเจอร์และแม่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ นี่ไม่ใช่สัตว์ประหลาดตัวแรกที่ผมเจอ เพียงแต่ผมไม่เคยเจอตัวไหนน่าสยดสยองขนาดนี้มาก่อน ผมล้วงกระเป๋าพยายามหาอะไรก็ตามที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นเข็มกลัดแปลงร่าง คัตเตอร์ อะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่ผมพบคือ..ความว่างเปล่า!!
วันนี้ผมไม่ได้พกอะไรมาเลยนอกจากกระเป๋าเงิน!
เด็กสาวนิรนามกรีดร้องเสียงแหลม ตัวประหลาดที่อยู่ในคอของเธอตะกายออกมาสู่โลกภายนอกสำเร็จแล้ว มันมีรูปร่างคล้ายปูตัวใหญ่สูงถึงหัวเข่าที่ถูกหุ้มด้วยหนังของมนุษย์ ขาทั้งสิบนั้นเป็นมือของมนุษย์เช่นกัน…มือที่ผมเห็นนั่นแหละ ลูกตาทั้งสองกลอกไปมาจับจ้องมาที่ผม นี่มันอะไร…ปูหนังคนงั้นเหรอ!? เกิดมาผมไม่เคยเห็นอะไรน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้มาก่อน!!!
“โอ้…พระเจ้าช่วย” ผมคิดคำอุทานที่ดีกว่านี้ไม่ออกจริงๆ
ผมเพิ่งสังเกตว่าเจ้าปูกลายพันธุ์ตัวนี้มีปากด้วย มันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันซี่แหลมเรียงเป็นแถวๆคล้ายฟันปลาฉลาม ขาที่มีสภาพเป็นมือนั้นไต่เข้ามาหาผม สัญชาตญาณบอกให้ผมวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำโดยเร็วที่สุด แต่เจ้าปูยักษ์กลับเร็วกว่า..เร็วกว่ามากๆ
มันกระโจนเข้ามาและใช้ฟันซี่แหลมนั่นกัดเข้าที่ลำคอของผมเต็มแรง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!?”
Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทมนตร์
ผู้แต่ง : Hestia
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ครอบครัวสาวน้อยเวทมนตร์ | 25 ม.ค. 59 |
| 2 | การแปลงร่างของสาวน้อยเวทมนตร์ | 07 มี.ค. 59 |
| 3 | สาวน้อยเวทมนตร์ในห้องน้ำ | 14 มี.ค. 59 |
| 4 | สาวน้อยเวทมนตร์ผู้สิ้นหวัง | 21 มี.ค. 59 |
| 5 | ใบประกาศของสาวน้อยเวทมนตร์ | 28 มี.ค. 59 |



สวัสดีค่ะ
เขียนอารมณ์ได้ถึงดีนะ ผลักเรื่องให้เดินต่อได้ทรงพลังดีด้วย เรื่องมีความลึกเพิ่มขึ้นมาก คิดว่าถ้ามีต่อคงต้องคิดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์ เรนเจอร์ และสัตว์ประหลาดให้ลึกขึ้น แต่ก็คิดว่าคนเขียนคิดไว้อยู่แล้วละ :)
ลวิตร์