EN01 The Huntsman Way - วิถีนักล่า

เมื่ออาชีพนักล่าสัตว์ร้ายเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเดิมพันสูง คาวินทร์บุตรแห่งราวินทร์ จากตระกูลนักล่าแห่งไซย์แอมรอดจากเหตุเรือแตก โชคชะตาพาเขาสู่เส้นทางใหม่ และการล่าคือหนทางเดียวที่จะพาเขากลับบ้าน

ผู้แต่ง

หมอกเหนือ

0%

ตอนที่ 4/5 : ปีกที่ถูกตรึง

ปีกที่ถูกตรึง

 

 

เสียงล้อเกวียนบดก้อนหินดังสะท้อนไกลไปในความมืดเวิ้งว้าง ถี่กระชั้นสลับกับทิ้งจังหวะให้ถอยไกลออกไป เป็นเช่นนั้นอยู่นานราวกับว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด

คาวินทร์เผยอเปลือกตาทีละน้อยและมันยากลำบากเหลือเกินเพราะมันร้อนผ่าว แสงสว่างจ้าจากบนฟ้าสาดลงมากระทบดวงตาทำให้รู้สึกแสบ นอกจากนั้นนหัวของเขายังปวดหนึบอีกด้วย

“แล้วเจ้าจะดีขึ้น”

คาวินทร์มองเห็นคนพูดเป็นเพียงเงาเลือนราง เขาไม่อาจทนสู้แสงตะวันได้ ทุกอย่างหนักอึ้งเกินกว่าจะครองสติให้ตื่นพร้อมแล้วลุกขึ้นมาพบกับโลกรอบตัว ทุกอย่างมืดลงอีก

 

เกวียนมุ่งหน้าไปตามทางขรุขระ ทุกคนที่อยู่ในเกวียนโยกไปโยกมา มือเท้าถูกล่ามด้วยโซ่เส้นโต ข้างหลังเกวียนที่ล้อมด้วยกรงไม้ มีคนอีกนับสิบเดินตามมา ทุกคนอ่อนระโหย ปากแห้งผาก เนื้อตัวมอมแมม มือเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ยาวซึ่งปลายด้านหนึ่งเกี่ยวติดกับเกวียน

“เมื่อเจ้าหายดีกว่านี้ เราทั้งคู่อาจจะถูกส่งลงไปเดินอยู่ข้างล่าง”

คาวินทร์ยันกายลุกขึ้นพิงลูกกรง มองออกไปยังภูมิประเทศแปลกตา ทั้งต้นสนสูงลิ่วที่ขึ้นดาษดื่น  อากาศค่อนข้างเย็นและภูเขาสูงที่อยู่รอบตัวตอนนี้บ่งชี้ชัดว่าเขาไม่ได้อยู่บนเกาะแฝดอีกแล้ว

“เจ้าอยู่แหลมวอลส์บนแผ่นดินยูโรกาแล้วคนไซย์แอม ถ้าเผื่อเจ้าอยากรู้”

คาวินทร์หันไปยังคนพูด ชายผิวสีน้ำตาลเข้ม ตาหรี่เล็ก หน้าแหลมเหมือนจิ้งจอก มองผาดเดียวก็รู้ว่ามาจากภูมิภาคเดียวกันกับเขา หากแต่ยังไม่รู้ว่ามาจากแคว้นไหน นักล่าหนุ่มหันมองคนอื่นและถูกสายตาชิงชังตอบกลับมา เขาหันกลับมาที่เดิม ในขบวนเดินทางนี้ มีเพียงเขากับชายที่นั่งตรงข้ามเขาเท่านั้นที่เป็นคนอาร์เซียเหนือ นอกนั้นเป็นคนผิวดำตาฟ้า คนผิวขาวซีดที่มีผมสีทองและดวงตาเขียว มีบ้างที่คล้ายจะมาจากอาร์เซียเช่นกันแต่ไม่ใช่จากทางเหนือ คนพวกนั้นเดินตามเกวียนมาอย่างสิ้นไร้ความหวัง เลื่อนลอยไร้วิญญาณ

“เรากำลังจะไปไหน”คอของเขาแห้งผาก เสียงพูดแหบปร่า

“ตลาดค้าทาส ที่ไหนสักแห่งในยูโรกา หรืออาจเป็นทุกที่ซึ่งข้าไม่แน่ใจนัก”ชายผู้นั้นพิงลูกกรง “เราสองคนเป็นทาสชั้นดี เลยไม่ได้ลงไปเดินข้างล่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรแน่นอนนักหรอก”

แม้แต่ทาสยังมีชั้นสูงต่ำ ด้วยมาจากดินแดนเสรี เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าคนที่ทำธุรกิจกับทาส คนรวยตามแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่มีทาสมากมายแบ่งแยกชนชั้นทาสด้วยอะไร ทำไมถึงต้องมีการแบ่งชนชั้นและย่ำยีกันถึงเพียงนี้ พอเห็นสภาพตัวเองและเพื่อนร่วมทางแล้วคาวินทร์ก็ได้แต่ถอนใจ

มนุษย์ช่างโหดร้าย ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่มีค่าหัว เป็นสัตว์ร้ายเถื่อนดิบไร้สำนึกในคราบเผ่าพันธุ์ที่เจริญแล้วทางความคิด

“มอนทักค์”ชายร่วมห้องขังยื่นมือมา คาวินทร์จับมือชายผู้นั้นพร้อมกับแนะนำตัวเอง

“เจ้าเป็นคนไซย์แอมรึ”

มอนทักค์ส่ายหน้า คาวินทร์สำรวจการแต่งตัวของชายที่นั่งตรงข้ามจนถี่ถ้วนเพราะไม่ได้สนใจสังเกตเลยก่อนหน้านี้   

“มาจากเบอร์มันโลว์ซินะ”คาวินทร์ถามลอย ๆ

มอนทักค์พยักหน้า “ใช่ ข้ามาจากเบอร์มันโลว เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”

“ข้าอยู่ทางเหนือของไซย์แอม แถบเขาลังกามีคนเบอร์มันโลวข้ามมาล่าสัตว์บ่อย นุ่งผ้าสีแปลก ๆ ทับกางเกงขาสั้น เคียนหัวด้วยผ้าสีต่าง ๆ คล้ายกับของเจ้า ข้าเลยเดาเอา”

“อย่างนี้นี่เอง”มอนทักค์เอามือสัมผัสผ้าเคียนหัวตัวเอง ลูบมันอย่างรักใคร่หวงแหน “ว่าแต่เจ้ามาอยู่เกาะแฝดได้อย่างไรกัน”

คาวินทร์เหยียดขาออกไปมากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อยืดเอ็นและกล้ามเนื้อ หลับตาลง ปล่อยให้ความวุ่นวายของขบวนค้าทาสเงียบหายไป

 

ร่างของพ่อสงบนิ่งอยู่ใต้กองหิน ตรงลานโล่งหน้าหอส่งสัญญาณไฟเก่าที่พ่อสละซึ่งลมหายใจสุดท้ายเพื่อเดินทางไปหาแม่ หลังจากใช้เวลาเกือบทั้งคืนไปกับการขุดหลุม หลุมฝังศพที่ไม่เหมาะกับความยิ่งใหญ่ของจอมพรานเช่นพ่อเอาเสียเลย เขาวางร่างพ่อลงด้วยมือสั่นระริกซึ่งเขายังมองเห็นได้ทุกครั้งที่หลับตา เขากลบปากหลุมทั้งน้ำตานองหน้า  รู้สึกว่าแขนขาตัวเองหนักกว่าก้อนหินที่หยิบวางทับพูนดินบนหลุมศพทีละก้อน ลมตะวันออกผ่านยอดเนิน แมกไม้โบกใบไหวกิ่งสวดส่งวิญญาณก่อนความเงียบจะโอบกอดรอบ ๆ เนิน  ที่เหลือเพียงเขาเพียงลำพัง

 ที่นั่น ตรงข้างหลุมศพ เขายืนสนทนากับพ่อในใจ หวังว่าจะได้ยินคำตอบอีกหลายอย่างที่พ่อไม่เคยตอบ จนดึกดื่นค่อนคืนเมื่อเขาทิ้งกายลงนอนข้างหลุมศพ ใครสักคนตีเขา ชีวิตมืดบอดไปชั่วขณะตั้งแต่ตอนนั้น

                “พวกเราถูกจับลงเรือ เจ้านอนไม่ได้สติตั้งแต่ก่อนนั้นแล้ว ทั้งยังซมเพราะพิษไข้ พวกนั้นเอายาบางอย่างกรอกปากเจ้าเพื่อจะให้หลับไป ที่เจ้ามึนหัวค้างอยู่ก็เพราะยานั่น”

คาวินทร์มองหน้าคนเบอร์มันโลว เจ้านั่นดูจะรู้ดีไปเสียหมด หากคุยกันดี ๆ เขาอาจได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีก

นักล่าหนุ่มมองไปรอบ ๆ “แล้วในขบวนนี้มีชาวไซย์แอมอีกไหมนอกจากข้า”

มอนทักค์ส่ายหน้า “ไม่มี”

“คนของข้าสามคนพลัดหลงกันบนเกาะแฝด ข้าต้องตามหาพวกเขา”

เจ้าคนเบอร์มันโลวหัวเราะ “จะตามอย่างไรเล่า เจ้าถูกตีตรวนแบบนี้ เห็นไหม ข้าเองก็เช่นกัน”มอนทักค์ยื่นแขนที่มีโซ่ล่ามให้ดู

“ถ้าพวกเขาถูกจับเหมือนข้า ข้าอยากรู้ข่าวพวกเขาจากเจ้าหรือจากพวกทาสคนอื่น  หากไม่มีข่าวใดเลย ข้าจะแหกออกไปแล้วตามหาพวกเขา”

เจ้าคนเบอร์มันโลวหัวเราะ มันทำให้คาวินทร์ฉุนกึก  ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิดที่มันดูไม่ทุกข์ร้อนกับชะตากรรมของตัวเองตอนนี้เอาเสียเลย

“แหกออกไปหรือพ่อคนเก่ง พูดมันง่ายอยู่หรอก”

“ก็ยังดีกว่าถูกขังเป็นทาส”

มอนทักค์ยื่นหน้ามาหา แสยะยิ้มอวดฟันดำ “คิดให้ดีคนไซย์แอม ที่นี่ไม่ใช่อาร์เซียที่เจ้าคุ้นเคย”

คาวินทร์มองไปรอบ ๆ เพิ่งฉุกคิดขึ้นได้เพราะคำพูดนั้น คำพูดของมอนทักค์สะกิดใจเขา ที่นี่คือต่างบ้านต่างเมือง ต่างทวีป เป็นดินแดนที่เขาไม่รู้จัก แม้จะพูดและฟังภาษาชาวยูโรกาออกพอควรเพราะได้เรียนจากพวกนักบวชต่างชาติ แต่เขาไม่รู้จักภูมิประเทศหรือวัฒนธรรมของชาวยูโรกาเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าไปทำอะไรที่เกาะแฝดรึ”บทสนทนาถูกเปิดขึ้นอีกโดยมอนทักค์หลังจากทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง

คาวินทร์เลิกคิ้วพลางถอนใจเฮือก หลับตาลง

“ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง”

 

 

เป็นเวลาห้าวันที่ขบวนค้าทาสเดินทางจากแหลมวอลส์ไปยังแคว้นบริต แคว้นซึ่งทรงอิทธิพลและเจริญรุ่งเรืองที่สุดแคว้นหนึ่งของยูโรกา บริตเป็นแคว้นที่อยู่บนเกาะกว้างใหญ่ รายล้อมด้วยปราการแน่นหนาและท้องทะเล  ที่นั่น ทุกคนจะถูกขายในตลาดค้าทาสเมืองลองโดว์ ชะตากรรมที่ทุกคนมีร่วมกันตอนนี้จะจบสิ้นลงในไม่ช้า

ลุยส์ซ่าหรือที่ทุกคนเรียกว่านายตามคำสั่งของเขา สั่งทุกคนแวะพักตรงชายป่าก่อนถึงจุดตรวจคนเข้าแคว้น พวกทาสที่เดินเท้ามาถูกจับมัดรวมกันที่ใต้ต้นไม้ มียามเฝ้าแน่นหนา ทั้งขบวนจะต้องรอจนกว่าจะมีจดหมายจากข้างในมาเรียกให้เข้าซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าใด ซึ่งมันทำให้ลุยส์ซ่าหงุดหงิด

เจ้าของขบวนค้าทาสชื่อลุยส์ซ่านี้เป็นชายร่างเล็กผอม หน้าย่นยับและมีริ้วรอยการกรำงานหนัก มีผมสีแดงที่เห็นเด่นชัด ชอบสอดส่ายสายตาเจ้าเล่ห์ไปมา ทั้งคาวินทร์และมอนทักค์ที่อยู่ในกรงขังมักนั่งมองลุยส์ซ่าเดินไปเดินมา สั่งการไปพลางบ่นไปพลาง พวกเขาเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ  เช่นเดียวกับทุกคนที่เบื่อหน่ายการวางอำนาจมากจนน่ารำคาญ แถมยังจุกจิกของลุยส์ซ่า  มีหลายครั้งลุยส์ซ่าจะแวะมาที่กรงของพวกเขา ลากไม้เท้าตามซี่กรงพร้อมรอยยิ้มหยามเหยียดก่อนเดินจากไป

“ยิ่งความเจริญตะกายไปยังจุดสูงสุดมากเท่าใด โลกเจริญนั้นยิ่งไร้มนุษยธรรม”มอนทักค์เอ่ยพลางแค่นหัวเราะ หลังละสายตาจากลุยส์ซ่าที่เดินเฉียดมา คนเบอร์มันโลวหันมามองคาวินทร์ที่นั่งเงียบอยู่ “ที่ไซย์แอมมีการค้าทาสไหม”

“มีทุกที่นั่นแหละ ไม่ว่าแคว้น ไหนในโลกก็มีทาสกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าทาสถูกแปรเปลี่ยนไปในรูปแบบใด”

“ก็จริงของเจ้า คาวินทร์”

แสงจากคบปักดินส่องวูบวาบ นักล่าหนุ่มทอดสายตาออกไปยังความมืดนอกเขตแสงไฟ นึกย้อนไปถึงตอนที่อยู่บ้าน ตอนที่ออกล่าสัตว์กับพ่อ พาเด็กวัยรุ่นแถวบ้านไปดูขวากดัก นึกถึงงานฉลองหลังล้มสัตว์ร้ายลงได้  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มคิดถึงตัวเองยามไม่ได้เป็นนักล่าอีกแล้ว โซ่ตรวนที่มือที่เท้าตอนนี้จะอยู่กับเขาอีกนานเท่าใด เขาจะได้กลับบ้านไปเป็นนักล่าอีกหรือไม่ ทุกอย่างอัดแน่นในความคิดและหัวที่กำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยง

“เจ้าถูกจับมาได้อย่างไรกันมอนทักค์”

สหายทาสชาวเบอร์มันโลวหัวเราะแค่นเสียงเช่นเคย คาวินทร์ละสายตาจากทุกสิ่ง หันไปมองคนที่ตัวเองเพิ่งยิงคำถามใส่

“เจ้าไม่เล่าทั้งที่ข้าถาม แต่กลับอยากรู้เรื่องของข้า น่าขำดีนี่”

คาวินทร์ยักไหล่นิดหนึ่ง “ถ้าเจ้าเล่ามา ข้าจะเล่าของข้า”

มอนทักค์เลียริมฝีปากแห้งผาก เงยหน้ามองฟ้าไปครู่หนึ่ง

“ข้าหนีทหารมาตอนถูกเจ้าพวกนี้จับตัว ข้าเป็นทหารเรือของกองเรือที่ ๒ แห่งเบอร์มันโลว”

คาวินทร์ค่อนข้างแปลกใจที่ได้รู้คำตอบ เพราะท่าทีของของมอนทักค์ไม่มีเค้าเหมือนคนเป็นทหารแม้แต่น้อยเลย

“ยศอะไรรึมอนทักค์”

“รองผู้บังคับการกองเรือ”

คาวินทร์แทบไม่เชื่อที่ได้ยิน “อย่างเจ้านี่นะรองผู้บังคับการกองเรือ”

“เออ ใช่แล้ว จะตกใจไปทำไม”แววตาของมอนทักค์ฉายแววเศร้าลึกชั่วครู่

“แล้วหนีมาทำไม”

“เรื่องมันยาว”อดีตรองผู้บังคับการพยายามตัดบท

“ข้ามีเวลาฟังจนถึงเช้าเลย ก่อนเราจะถูกเอาไปขายข้ามีเวลาอีกถม”

“ดูเจ้าไม่ได้ยินดียินร้ายกับการถูกเอาไปขายเหมือนวันก่อน ๆ เลยนะคาวินทร์”

นักล่าหนุ่มเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม  “ตอนนี้ถึงรู้สึกอะไรกับมัน เราก็ยังถูกจับเอาไปขายอยู่ดี อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นไทได้”

“ไอ้น้องชาย การจะเป็นไทคงไม่ยากนัก โดยเฉพาะทาสค่าตัวแพงอย่างเรา”มอนทักค์กอดอก “ข้าจะบอกให้ฟัง ค่าตัวทาสแต่ละคนถูกวัดตามรูปร่างและประวัติของแต่ละคนที่พวกพ่อค้าเค้นถาม ผู้ชายวัยไม่เกินห้าสิบส่วนใหญ่จะราคาดีกว่าผู้หญิงเพราะพวกนี้ทำงานหนักได้ เว้นเสียแต่ว่าหญิงทาสนางนั้นจะหน้าตางามกว่าคนอื่น ๆ นี่ก็จะราคาแพงลิบ พวกราคาสูงพวกนี้จะมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นด้วย เช่นอยู่สะดวกสบายกว่า ได้รับการประคบประหงมจากนายทาสหากทำงานได้ดีหรือเป็นที่ถูกใจของผู้คน เพราะราคาจะสูงตามไปด้วยเมือมีการประมูลในตลาดค้าทาส”

“อย่างเราคือค่าตัวแพงสุดซินะ”

มอนทักค์พยักหน้า “ใช่ เพราะเราคือพวกที่จะถูกส่งไปเป็นนักสู้ในสังเวียน”

 

ในคืนอันหนาวเหน็บ มอนทักค์ใช้เวลาก่อนนอนเล่าเรื่องของตัวเองให้คาวินทร์ฟัง เริ่มตั้งแต่ตอนยังเป็นรองผู้บังคับการกองเรือจวบจนถูกจับมาเป็นทาส  ถ่ายทอดการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และปวงชนที่ตัวเองยึดมั่น ซึ่งขัดกับหน้าที่ของทหาร

 สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในเบอร์มันโลวขณะที่รองผู้บังคับการกองเรือมอนทักค์อยู่กลางทะเล  ลูกเมียของเขาที่อยู่ฝ่ายประชาชนถูกจับตัวเช่นเดียวกับฝ่ายประชาชนอีกจำนวนมาก ด้วยความรักของคนเป็นสามีและพ่อนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง รองผู้บังคับการตัดสินใจละทิ้งหน้าที่และเกียรติยศทุกอย่าง ขโมยเรือบดจากเรือรบตัวเองพร้อมอาวุธ หนีจากกองทัพเพื่อกลับบ้าน

“เรือของข้าถูกปืนใหญ่ยิง สะเก็ดระเบิดทำให้เรือคว่ำ ข้าว่ายน้ำหนีสุดชีวิต โชคดีที่มีเศษไม้จากเรือให้เกาะพักจนน้ำคลื่นพามาถึงเกาะนอกเขตปกครองของเบอร์มันโลวได้ แต่พอถึงตอนนั้นทุกอย่างสายเกินไปแล้ว  สงครามรุนแรงจนถึงขีดสุด ในขณะที่ข้าไม่อาจกลับบ้านได้”

คาวินทร์รู้ข่าวเรื่องสงครามในเบอร์มันโลวอยู่บ้างเหมือนกันจากพวกพ่อค้าที่ผ่านเขาลังกา อีกทั้งยังมีชาวเบอร์มันโลวจำนวนมากหนีข้ามพรมแดนมายังไซย์แอมหลังทหารจับประชาชนมาขังและฆ่าทิ้งจำนวนมาก

“ลูกเมียข้าถูกยิงเป้า ส่วนข้าหนีตายเพราะมีค่าหัว กองทัพออกประกาศจับข้าพร้อมให้รางวัลนำจับข้าไม่ว่าเป็นหรือตาย ซึ่งมันสูงพอ ๆ กับค่าหัวของหัวหน้ากองทัพประชาชนเลยเชียว”พูดจบมอนทักค์ก็หัวเราะ ทั้งเจ็บแค้นและขมขื่น

คาวินทร์วางมือลงบนบ่าสหายจากแคว้นเพื่อนบ้าน “ข้าเสียใจด้วย”

“ข้าไม่มีอะไรให้กลับไปหาอีกแล้วพ่อหนุ่ม ข้าไม่เหลืออะไรที่นั่น”

“มีซิ มันมี”

มอนทักค์มองหน้าคาวินทร์ด้วยใคร่รู้ “มีอะไรรึ”

"เกียรติของบุรุษและเกียรติของครอบครัว อย่าให้ผู้ใดย่ำยีได้ เจ้าต้องกู้มันคืนมา"
อดีตรองผู้บังคับการกองเรือหัวเราะเยาะ "ใครมันพูดคำพูดดูดีนั่นรึคาวินทร์"
"พ่อของข้าเอง"

คาวินทร์มองไปยังคบเพลิงตรงลาน หวังลึก ๆ  ว่าจะมองเห็นใบหน้าพ่อผู้ล่วงลับในเปลวไฟช่วงโชตินั้น แต่มันไม่มีอะไร มีแต่ความเงียบที่คลานคืบมาโอบกอดพวกเขาทีละน้อย

“เจ้าเคืองข้ารึคาวินทร์”มอนทักค์เอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบกันไปนาน

คาวินทร์สะดุ้ง ละสายตาจากคบไฟ หันไปหาคนถามที่รออยู่

“อะไรนะ”

“ข้าถามว่าเจ้าเคืองข้ารึ เห็นเงียบไปนาน”

นักล่าหนุ่มขยี้ตา “เปล่า ข้าเปล่า ข้าแค่คิดถึงพ่อ”

“เจ้าจะได้กลับไปหาเขาคาวินทร์”

คาวินทร์ยักไหล่

“เจ้ายังไม่ได้เล่าเรื่องของเจ้า”มอนทักค์ทวง

คาวินทร์มองไปยังกลุ่มทาสที่นอนก่ายกองกันอยู่ ผิวสีน้ำตาลเข้มและดำเมื่อมของคนพวกนั้นกลืนกับความมืด  ยุงตัวเป้งกำลังยกฝูงมาวนเวียนรอบตัวทุกคน ตอมไต่และดูดกินเลือดอย่างสนุกสนาน อากาศเย็นผลักพวกทาสที่นอนกองกันให้ขดตัวหากันมากขึ้นเพื่อแบ่งปันไออุ่นแก่กัน เขากับมอนทักค์ยังโชคดีที่มีพื้นไม้กับฟางเก่า ๆ  ช่วยให้ไม่เย็นกายมากนัก

“ข้าเป็นนักล่าสัตว์ร้าย มาล่าจระเข้ยักษ์”

มอนทักค์เบิ่งตากว้าง “ฮ่า อย่าบอกนะว่าจระเข้ยักษ์ที่ฆ่าคนมาเกือบร้อยคนตัวนั้น”

“ใช่ ไอ้จระเข้นั่นล่ะที่เราไปล่า”

“ได้ตัวมันไหม”

แทนคำตอบ คาวินทร์ส่ายหน้าและไม่พูดอะไร ภาพจระเข้ตัวนั้น ภาพตอนอยู่ในปากของมัน ภาพคนที่ถูกมันเอาชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ทุกภาพไหลมาเหมือนจะไม่มีวันหยุด และภาพของพ่อที่ถูกงับจนจมเขี้ยว ชัดเจนยิ่งกว่าภาพใด ๆ

“พวกนี้ตาแหลมจริง ๆ ที่โยนเจ้ามาใส่ในกรงนี่  ที่แท้ก็เป็นนักล่านี่เอง หวังว่าเจ้าจะเอาตัวรอดไปได้หลังจากวันนี้นะ”

“เจ้าด้วยมอนทักค์”

สองทาสราคาแพงนั่งพิงกรงขัง ลูกสมุนของลุยส์ซ่าคนหนึ่งกำลังเดินมาพร้อมแส้ แต่ไม่ทันได้ยินเสียงสนทนาสุดท้ายของทั้งคู่ที่เงียบหายไปพร้อมความสงัดของยามดึก

 

ในแคว้นบริต การค้าทาสยังเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในบางที่ แม้จะมีคนต่อต้าน แต่การสร้างสิ่งต่าง ๆ ต้องการแรงงาน ทาสเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสิ่งเหล่านี้เพราะไร้ค่าจ้างและทำงานจนตายได้โดยที่พวกเจ้าของทาสไม่รู้สึกผิด ทาสจำนวนมากถูกใช้งานจนตาย ถูกกดขี่จากอำนาจผู้มั่งมี แม้จะมีการต่อต้านแต่กษัตริย์แห่งแคว้นบริตก็ปราบปรามได้หมดด้วยกำลังทหาร การใช้แรงงานทาสหลากหลายวิธีเลยยังมีอยู่ทั่วไป

  ขบวนทาสของลุยส์ซ่าล่วงผ่านจุดตรวจการณ์ที่สี่เข้ามาถึงเมืองลองโดว์ เมืองหลวงของแคว้นบริตได้ในที่สุด หลังใช้เวลาเดินทางนานถึงสามวัน  จากถนนที่สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าเขียวและทุ่งดอกไม้สีเหลืองแซมฟ้า สามารถมองเห็นกำแพงเมืองสูงทะมึนและอาคารบ้านเรือนทรงสูงที่ก่อสร้างด้วยหินและอิฐ เห็นหอคอยและพระราชวังใหญ่โตบนเนินเขาสูง ในกำแพงนั้นคือศูนย์กลางความเจริญทั้งหมดของแคว้น

ตอนนี้ขบวนพ่อค้าทาสจากทั่วทุกสารทิศกำลังมุ่งหน้าไปยังตลาดค้าทาสซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก ที่นั่นทุกคนจะถูกจับล่ามและโดยจับมายืนเรียงกันก่อนถูกประมูลเยี่ยงสัตว์  คาวินทร์กับมอนทักค์ต่างเคยเห็นตลาดค้าทาสมาแล้วที่เมืองบ้านเกิด พอขบวนยิ่งเข้าใกล้ตลาดค้าทาสมากขึ้นเท่าใด พวกเขาทั้งคู่เริ่มรู้สึกตึงเครียด  คนหนึ่งเป็นนักล่า อีกคนเป็นทหาร และทั้งคู่เป็นอิสรชนที่ต่างต่อต้านระบบทาส

“ทำตัวดี ๆ ล่ะ  พวกแกมีราคาสูง ถ้าเกิดวันนี้ข้าขายพวกเจ้าไม่ได้ เตรียมตัวเจอดีได้เลย”ลุยส์ซ่าถ่มถุยเสมหะ  เหน็บแส้ไว้กับรักแร้แล้วเดินจากไป

ไม่นานหลังจากนั้น คาวินทร์กับมอนทักค์ถูกจับไปรวมกับทาสชายร่างกำยำอีกสิบคน ในจำนวนนั้นมีเพียงเขาทั้งคู่ที่เป็นคนอาร์เซีย นอกนั้นเป็นคนจากตะวันออกตัวดำหรือพวกยูโรกาผมทองและถักเปีย พวกนี้ตัวใหญ่เหมือนยักษ์ บางคนเป็นทาสนักสู้จากที่อื่นที่ลุยส์ซ่าได้มาแล้วเอามาขายต่อ

“พวกเราต้องขึ้นสังเวียนจริง ๆ รึ”คาวินทร์มองทาสคนอื่น ๆ ที่ล้วนแต่รูปร่างสูงใหญ่ทะมัดทะแมง

“เป็นนักสู้ อย่างพวกเราต้องเป็นนักสู้ พวกราคาแพงที่ทำงานก็ได้และส่งลงสนามได้ด้วย ทำเงินให้เจ้าของทาสได้ ยิ่งมีฝีมือมากยิ่งราคาแพงมาก”มอนทักค์ตอบโดยไม่มองคนถาม

“เจ้าดูรู้ดีนะ”

มอนทักค์แค่นยิ้มอย่างเคย คาวินทร์ไม่ทันถามอะไรเพิ่มเติมอีก ประตูทางเข้าตลาดค้าทาสเปิดกว้างออกแล้ว และผู้คนกำลังหลั่งไหลเข้ามา การค้าแถบนั้นคึกคักขึ้นทันตาเห็น และเขตค้าขายของลุยส์ซ่าก็เต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งล้วนแต่เป็นพวกมั่งมี แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี มีเกราะอ่อน เกราะไหล่สีทองสลักลายงดงาม

“ข้าไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย”มอนทักค์เปรยขณะมองไปที่ขบวนผู้ซื้อที่เข้ามาออกันเต็มลานประมูล

“พวกที่มีชุดเกราะ สะพายดาบทั้งหลายนั่นคงเป็นพวกที่มาหานักสู้”คาวินทร์ตั้งข้อสังเกตเมื่อคนใส่เกราะเดินผ่านมา “ข้าไม่อยากทำงานให้คนพวกนี้ ข้าจะกวนโมโหพวกมันทุกคน”

ทาสหลายคนถูกลากตัวจากไป  ถูกพรากลูกพรากแม่ ภรรยาถูกพรากจากสามี พวกพ่อค้าและลูกสมุนยืนมองทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไร้ความรู้สึกใด ๆ  ความเป็นมนุษย์ไม่มีในที่แห่งนี้ มีแต่ความเถื่อนถ่อยเจ้าเล่ห์ดาษดื่นอยู่ทั่วทุกย่างก้าว

“เจ้าคนนี้ราคาเท่าไหร่ลุยส์ซ่า”ปลายด้ามแส้เชยคางมอนทักค์ขึ้นจากการมองพื้น

“ท่านดาร์รีส ทาสคนนี้เป็นถึงอดีตทหารเรือ หนีทหารมาถูกข้าจับได้ ราคาจะสูงสักหน่อยเพราะเป็นทหารมียศเสียด้วย”ลุยส์ซ่าลูบมือไปมาขณะเดินตามชายชื่อดาร์รีสอย่างประจบประแจง

ท่านดาร์รีสของลุยส์ซ่าเป็นชายรูปร่างสูง ผมยาวสีทอง หน้าตาเกลี้ยงเกลาหล่อเหลา สวมเกราะสีแดงขลิบทองคำ ดวงตาดุดันและคิ้วที่เข้มเสริมให้ดูน่าเกรงขาม คาวินทร์ไม่ชอบแววตาหมิ่นแคลนและเย็นชานั้นสักเท่าใดนัก พอเจ้าคนสูงศักดิ์นั่นมองมาที่เขา เขาก็หลบสายตาเสียให้พ้น ๆ

“เจ้าเสนอราคามาซิลุยส์ซ่า”

“เจ้าคนเบอร์มันโลวนี่ข้าให้แปดร้อยเหรียญทอง ท่านเอาไปเป็นหัวหน้าทาสได้สบาย ๆ ข้าคิดว่าท่านคงเอาไปใช้ประโยชน์ได้อีกมาก”

คนชื่อดาร์รีสนิ่งคิดก่อนหันไปถามความเห็นกับชายอีกคนที่มาด้วย ดูเหมือนมอนทักค์จะได้เจ้านายเสียแล้ว  และตอนนี้ถึงตาของเขาบ้าง

“ข้ารับรองว่าท่านจะถูกใจคนพวกนี้”ลุยส์ซ่ายังคงทำการขายต่อ เดินนำดาร์รีสมาหยุดตรงหน้าทาสคนสุดท้าย “นี่ก็นักสู้ ข้าได้มาจากเกาะแฝด ข้าไปเจอตัวบนหอส่งสัญญาณไฟเก่า รอบตัวมีแต่กองโคตัวใหญ่ตายเต็มไปหมด”

ผู้ซื้อร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าคาวินทร์ด้วยท่าทีสนใจอย่างที่สุด

“เจ้าล่าสัตว์เป็นรึ”

คาวินทร์นิ่งเงียบ

“ตอบซิวะไอ้โง่”ลุยส์ซ่าตีเขาด้วยแส้

“ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับไปล่าอีกครั้ง ตอบมาว่าล่าสัตว์เป็นไหม”

“ไม่”คำตอบมาพร้อมกับหน้าตายด้านของคาวินทร์

ลุยส์ซ่าหวดแส้ใส่เขาอีก ครั้งนี้หนังของเขาไหม้เป็นรอยและเลือดไหลซิบ

“ช่างเถอะลุยส์ซ่า ถ้ามันอยากโกหกก็ปล่อยมันไป ข้าจะเอาคนเบอร์มันโลวกับไอ้มืดตัวยักษ์ที่ยืนติดกันนี่ ราคาพันสาม”

“ไม่ได้หรอกท่านดาร์รีส ข้าต้องไปเอาไอ้มืดนี่ถึงตะวันออกเชียวนา อย่างน้อยก็ให้ค่าเหนื่อยยากที่ไปเอาตัวมันมาบ้างเถิด นี่ท่านได้มันไป เอาใช้สู้ ใช้ล่าสัตว์สบาย ๆ เลยนา ข้าให้พันหก”

“พันสี่ห้าสิบ”

“อย่าเหนียวนักเลยน่าท่าน ท่านเป็นถึงทายาทตระกูลนักล่าอันดับหนึ่งของแคว้นเชียวนา แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”

“เราค้าขายกันมาหลายปีแล้วลุยส์ซ่า อย่าขี้เหนียวกับข้าซิ”ดาร์รีสชี้นิ้วไปที่หน้าพ่อค้าทาสตัวดี “ครั้งก่อนเจ้าขายคนไซเพนให้ข้า เจ้านั่นก็ดันเป็นไข้ตายก่อนออกป่า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย”

ลุยส์ซ่าอึกอัก มองมอนทักค์กับคนผิวดำพลางขบเคี้ยวฟันอย่างเสียดาย “ก็ได้ เห็นเป็นท่าน ข้าถึงขายราคานี้ให้”

ดาร์รีสสั่งคนมาลากทาสใหม่ของตนก่อนเหนี่ยวปุ่มอานขึ้นนั่งบนหลังม้า

“ไปได้”สั่งเสร็จทายาทตระกูลนักล่าก็ขี่ม้านำออกไป

“ขอให้โชคดีสหายข้า”อดีตรองผู้บังคับการกองเรือแห่งเบอร์มันโลววางมือลงบนบ่านักล่าจากไซย์แอม คาวินทร์วางมือลงบนบ่ามอนทักค์เช่นกัน

“ขอให้โชคดีสหาย”

ลุยส์ซ่าลากตัวคาวินทร์ออกจากแถว ในขณะที่มอนทักค์เดินตามหลังคนของดาร์รีสออกจากตลาดค้าทาสไปไม่หันกลับมาอีก

 

“แกมันน่านัก”ลุยส์ซ่ากระชากเสื้อคาวินทร์เข้าไปหา ก่อนผลักออกแล้วหวดด้วยแส้ “ถ้าไม่ใช่วันค้าขาย ข้าจะเฆี่ยนให้ตัวลาย จะได้รู้จักฐานะตัวเอง”พ่อค้าทาสตัวดีผลักคาวินทร์กลับเข้าแถว “ที่นี่ข้าใหญ่ อย่าคิดมาเล่นตลกกับข้า”

            คาวินทร์ยักไหล่ ข้างหลังลุยส์ซ่า หญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดเกราะอ่อนสีทองหยุดยืนมองมาทางเขา คาวินทร์หลบตาเป็นประกายสีเทาหวานเยิ้มที่ชายใดเห็นก็ต้องละลายคู่นั้นเพราะแววตาของนางแฝงพลังอำนาจที่ไม่อาจหยั่งได้ มันน่าพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก

“ลุยส์ซ่า”หญิงสาวสะกิดไหล่พ่อค้าทาสตัวแสบ

“ท่านหญิงอามีเลีย”ลุยส์ซ่าประกบมือเข้าหากัน ถูไปมาอย่างประจบประแจง อาการเดียวกันกับที่ทำกับชายชื่อดาร์รีสไม่มีผิดเพี้ยน

“ข้าเอาคนนี้”หญิงสาวชี้ทาสผมทองที่ยืนปลายแถวอีกด้าน “ท่านเห็นด้วยกับข้าไหมคารัค”

ชายชื่อคารัคเป็นคนหนุ่มร่างสูง สวมเกราะหนา ท่าทางขรึม คิ้วคมเหยียดตรงกับผมยาวสลวยเป็นสีทองสว่าง ชายหนุ่มสำรวจทาสที่อามีเลียชี้ให้ดูอย่างถี่ถ้วนอยู่นานก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ

“ข้าเอาคนนี้กับคนอาร์เซียที่เจ้ากระชากคอเมื่อครู่นี้”

“ท่านแน่ใจหรือท่านหญิงอามีเลีย เมื่อก่อนหน้านี้ท่านดาร์รีสก็หวังจะได้ตัวมัน แต่มันไม่ไป”

“เขาอาจไปกับข้า”หญิงสาวหันมามองคาวินทร์ที่ยืนนิ่งอยู่

ท่านหญิงเดินย้อนกลับมาพร้อมองครักษ์ร่างสูงที่เป็นดั่งเงาตามตัว สายตาของนางทะลวงลึกเข้ามาในตัวนักล่าหนุ่มจากแดนไกล ก่อนใบหน้างามของนางจะมีรอยยิ้มหวานปรากฏ คาวินทร์ไม่หลงสายตานั้น ไม่หลงรอยยิ้มนั้น เขารู้ดีว่าถ้าเผลอไผลหลงไป เขาอาจเป็นทาสของนางไปตลอดชีวิต

“ข้าไม่ทำงานให้ผู้หญิง”คาวินทร์รีบชิงตัดบท

“ไอ้ทาสเลว แกไม่มีสิทธิพูด แกคือสินค้าของข้า”ลุยส์ซ่าเดือดดาล

คาวินทร์หันเข้าเผชิญหน้ากับลุยส์ซ่า “ข้าไม่ใช่สินค้า เจ้าจับข้ามา”

แส้ในมือลุยส์ซ่าสะบัดรวดเร็ว ปลายแส้บาดแก้มขวาคาวินทร์ เลือดไหลซิบ “แกเป็นของข้าแล้วตอนนี้”

คาวินทร์ถลึงตา ชั่วแวบนั้นความกลัวแล่นปลาบเข้าไปยังทุกส่วนของพ่อค้าทาส ลุยส์ซ่าถอยกรูดไปปะทะกับองครักษ์ของอามีเลีย

“ท่านคารัค”พ่อค้าทาสอ้ำอึ้ง

“เอามันไปเลยท่านหญิง มันเป็นนักล่า มันจะเป็นประโยชน์กับท่านมาก สองคนนี้ข้าให้ท่านพันเหรียญทอง ข้าไม่อยากเก็บไว้แล้ว”

“ข้าให้ตัวข้าเองสองพัน หากท่านไม่เอาข้าจะขอไปกับท่านผู้นั้น”คาวินทร์ผายมือไปทางชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมคนของตนอีกสามคน

“อย่างเจ้าหรือค่าตัวสองพันเหรียญทอง”หญิงสาวหัวเราะเยาะ

“สองพัน หนึ่งพันค่าตัวของข้า อีกหนึ่งพันค่าจ้างของข้า ถ้าหากท่านจ่ายราคานี้ ข้าจะช่วยท่านล่าทุกอย่างจนกว่าจะใช้หนี้ครบ แล้วข้าจะขอเป็นไทเหมือนเดิม”

การต่อรองค่าตัวด้วยภาษายูโรกาที่ค่อนข้างฉะฉานผิดจากทาสอาร์เซียทั่วไปของคาวินทร์ทำให้อามีเลีย มองนักล่าหนุ่มอย่างสนใจมากขึ้น หญิงสาวซ่อนท่าทีที่จะแสดงให้เห็นชัดว่านางสนใจเขาด้วยการส่งสายตาหยามเหยียดกลบเกลื่อนความรู้สึก

“แพงเกินไปสำหรับคนที่ข้าไม่เคยเห็นฝีมือ แถมยังเป็นคนต่างทวีป”

“อันที่จริงข้าไม่เคยทำงานภายใต้คำสั่งผู้หญิง” คาวินทร์ส่งสายตาไปทางคารัคแวบหนึ่งก่อนหันกลับมาทางอามีเลีย “จนกว่าจะได้เห็นท่านล่า คนอาร์เซียต้องเห็นฝีมือกันก่อนจึงจะทำงานด้วย นั่นถือเป็นสิ่งที่นักล่าชาวเรายึดมั่นถือมั่น ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำได้ “ข้ายอมเสนอตัวทำกับท่านนี้ ข้าลดตัวลงมามากแล้ว”

อามีเลียเหมือนเลือดขึ้นหน้า นางพยายามระงับอารมณ์โกรธไว้สุดตัวเพื่อไม่ให้เสียมาดหญิงแกร่ง“เจ้านี่ปากดีจริง”

“ถ้าไม่เอา ข้าจะไปกับเขา”คาวินทร์หันไปทางชายชรา “ท่านเสนอราคาค่าตัวมาเถิด ข้าจะไปกับท่าน ข้าทำงานหนักได้ ล่าสัตว์เป็น”

“ข้าให้หกร้อยสำรับคนอาร์เซียปากดีนี่”ชายชราเสนอ

“ถ้าท่านไม่เอา ท่านอาจขายข้าถูกกว่านี้นะลุยส์ซ่า”

ลุยส์ซ่ามองอามีเลียสลับกับชายชรา

“เจ็ดร้อยนี่สูงมากแล้วสำหรับทาสอาร์เซียนี่”

“ราคามันยืนพื้นที่แปดร้อยนะท่านดัชคลิน”

“ข้าให้ได้แค่นี้ ไม่เอาก็ไม่เอา”ชายชราชื่อดัชคลินยืนกราน

ลุยส์ซ่าตอบตกลง รับเงินจากชายชราอย่างเสียไม่ได้

“เอาตัวมันไป”ดัชคลินสั่งคนของตนมาลากเอาตัวคาวินทร์ออกจากแถว

นักล่าหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่พลาดการได้ตัวเขา รับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองใจที่ถูกหยามเอาหน้าตาเฉย“แล้วเราจะได้พบกันอีกท่านหญิง”คาวินทร์ขยิบตาให้นางก่อนถูกลากตัวจากมา

 

จากตลาดค้าทาส คาวินทร์ถูกล่ามติดกับท้ายเกวียน ผู้เฒ่าดัชคลินสั่งให้ขบวนเกวียนรีบเดินทางให้เร็วที่สุด ส่งผลให้ทาสห้าคนที่ถูกล่ามต้องเร่งฝีเท้ากันจนขาแทบทรุดเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกลากไปกับพื้น  ขบวนเกวียนมุ่งหน้าไปตามทางเลี่ยงเมือง ทิ้งเมืองหลวงลองโดว์ไว้ข้างหลัง เป้าหมายของขบวนคือเมืองท่าเรือเมอร์ไซด์ ซึ่งต้องใช้เวลาสามวันจึงจะเดินทางมาถึง

ขบวนเกวียนของดัชคลินพาทาสเดินผ่านตัวเมืองที่มีคลองมากมายหลายสายตัดผ่านกันไปมา บ้านเรือนเมืองเมอร์ไซด์และชีวิตทุกคนเกี่ยวข้องกับแม่น้ำ บ้านก่อจากหินสีหม่น ดูคล้ายว่าบ้านนั้นเปียกชุ่มน้ำตลอดเวลา  ในคลองทุกคลองที่ตัดไปมามากมายแข่งกับถนนมีเรือบ้านจอดเทียบท่าทำเป็นชุมชน มีคนหาปลาตามลำน้ำที่ผ่าไปยังใจกลางความเจริญของเมือง          ขบวนของเฒ่าดัชคลินพาทุกคนออกไปนอกเมือง มุ่งหน้าสู่ริมทะเล ที่นั่นเป็นที่ตั้งของสถานที่ใหม่ที่นักล่าหนุ่มจากอาร์เซียกำลังจะถูกจับไปขัง

“แกเป็นนักสู้ แต่นักสู้ก็ต้องทำงานเมื่ออยู่กับข้า”ชายชราทิ้งท้ายกับคาวินทร์ก่อนจะให้คนของตนเอาทาสทุกคนแยกไปยังโรงนอน

พวกทาสเดินผ่านท่าเรือและแพปลาตามหลังชายหัวโล้นรูปร่างสูง เจ้านี่ดูเหมือนจะเป็นสมุนมือซ้ายของผู้เฒ่า ถนนพาทาสทุกคนห่างออกมาจากบริเวณคฤหาสน์ผู้เฒ่าดัชคลิน หลังจากแยกมาแล้ว ทาสถูกแยกกันอีกครั้งเมื่อพ้นเขตแพปลา  มีเพียงคาวินทร์คนเดียวที่เดินมาทางนี้กับเจ้าหัวโล้น  พวกนั้นแยกไปอีกที่โดยมีสมุนของผู้เฒ่าอีกคนพาไป

“จนกว่าจะมีประกาศเปิดสังเวียน แกต้องทำงานตามคำสั่ง”ชายหัวล้านผลักคาวินทร์เข้าไปในสถานที่ซึ่งดูคล้ายกับโรงนา “เข้าไป แกนอนที่นี่  นอนตรงซอกไหนก็เลือกเอา”คนคุมปลดโซ่ข้อเท้าของเขา

คาวินทร์รู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือโรงนอนของพวกทาส เขาถูกคนที่เฝ้าหน้าโรงนอนลากเข้าไปข้างใน  มีคนนับสิบรอคอยเขาอยู่ในนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนยูโรกา มีบ้างที่เป็นคนตะวันออกผิวดำ ทุกคนดูบึกบึนและทรหด  หากเอาตัวเขาไปเทียบกับคนพวกนั้น เขาไม่ต่างจากหนูตัวเล็ก ๆ ที่ยืนเทียบกับเสือ

คนคุมประตูโรงนอนผลักเขาเข้าไปข้างใน ประตูปิดดังสั่นตามหลัง โซ่ถูกคล้องจากข้างนอก บัดนี้ดวงตาทุกคู่ที่มองมาล้วนแล้วแต่อยากจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ

 

ทาสที่อยู่ข้างในล้อมรอบตัวคาวินทร์ก่อนตีวงแคบเข้ามา คาวินทร์รู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

“ซัดมันให้หมอบ”คนที่อยู่หลังสุดสั่ง

การรับน้องเริ่มขึ้น คาวินทร์ยิงหมัดขวาเข้าใส่คนแรก เจ้านั่นฉากหลบแล้วเหวี่ยงขาใส่เขา นักล่าผู้เป็นทาสหน้าใหม่สอดแขนเข้าไปใต้ขาแล้วงัดเจ้านั่นหงายหลังฟาดพื้น คนที่สองที่สามพุ่งเข้าใส่อีก หมัดขวาของคาวินทร์ซัดคนที่มาก่อนคว่ำไป อีกคนถูกเตะตัวงอ ตอนนั้นเองที่หมัดของใครสักคนกระแทกเข้าตรงแก้มขวา แรงหมัดส่งร่างเขาถอยไปชนกับลังใส่ของ พวกที่เหลือดาหน้ากันเข้ามา สงครามหมัดอันวุ่นวายปะทุขึ้น

“ลากตัวมันมาให้ได้”

คาวินทร์เหนี่ยวลังใส่ของที่ตั้งเป็นชั้นสูงให้ล้มใส่พวกที่ตามมา วงล้อมแตกเป็นเสี่ยง นักล่าหนุ่มทุ่มลังใส่คนที่ขยับเข้ามา แต่ต้านได้ไม่นานก็มีคนมาถึงตัว มันโถมใส่เขาเต็มตัว คาวินทร์ใช้ความเร็วที่เหนือกว่าคว้าขอมือของเจ้านั้นแล้วทิ้งตัวลง ร่างของอีกฝ่ายลอยข้ามตัวเขาไปตกกลางกองลัง

“เอาตัวมันมา”

คาวินทร์กระโดดย่ำไหล่เจ้าคนที่ตามมา ส่งตัวเองขึ้นไปยังกองลังไม้เปล่าอีกกอง  ยังมีขื่อที่เห็นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเหมาะพอจะใช้หนีได้ แต่เขาต้องปีนไปให้สูงกว่านี้

“ไอ้พวกกระจอก แค่นี้ก็จับมันไม่ได้”

คาวินทร์หันขวับไปยังคนพูด ชายผิวสีน้ำตาลแดงรูปร่างบึกบึน แต่ยังเตี้ยกว่าคนยืนประกบข้างสองคน  คนหนึ่งผิวดำ คนหนึ่งผิวขาว  เจ้าคนผิวแดงชี้ที่เขาพร้อมส่งสายตาโกรธไล่หลังมา

“อย่าให้หนีไปได้”

นักล่าหนุ่มกระโดดจากกองลัง คว้าวงกบหน้าต่าง หลังพยายามยกเท้ายันมันเพื่อส่งตัวเองขึ้นไปบนขื่อโรงนอนอยู่อึดใจ ในที่สุดเขาก็ขึ้นมาถึงจนได้

“เดี๋ยวมันก็ต้องลงมา”ใครสักคนข้างล่างพูดอย่างหัวเสีย

ฟ้ากำลังมืด พวกทาสหน้าเก่าของแพปลาแยกย้ายกันไปจับจองที่ของตัวเอง คาวินทร์อยู่บนขื่อมองลงไปยังคนพวกนั้นที่จับกลุ่มนั่งคุยกันบ้าง เล่นพนันกันบ้าง มีอยู่สองสามคนนั่งเฝ้าอยู่ตรงกองลังที่เขาใช้ปีนขึ้นมา เยาะเย้ยถากถางให้โมโห ยั่วให้ลงไปหาพวกมัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโรงนอน ล้วนตกอยู่ใต้คำสั่งและการควบคุมของคนผิวแดงที่นอนอยู่บนแคร่อันเดียวตรงมุมใกล้ประตู

พวกทาสที่นี่มีการแบ่งระดับชั้นตามฝีมือ คนที่อยู่เหนือสุดคงเป็นเจ้าหัวโจกผิวแดงไม่มีผิดพลาด สมุนซ้ายขวาคงเป็นรอง คาวินทร์พินิจดูพวกนั้นทีละคน เขาจะไม่ประมาทใคร ๆ ในนี้ ในเมื่อเจ้าคนผิวแดงที่เหมือนจะตัวเล็กกว่าคนอื่น ๆ เป็นตัวหัวโจกได้ทั้งที่พวกข้างล่างก็ไม่ได้ธรรมดาสักคน ในนี้จะต้องมีพวกฝีมือฉกาจอยู่อีก แม้จะไม่ได้เท่าเจ้าหัวโจกนั่น ระหว่างที่มองไปรอบ ๆ เขาเองก็ได้แต่สงสัยในตัวเจ้าผิวแดงนั่นอยู่ครามครัน

การคุมเชิงยาวนานไปจนดึก พวกที่ทนไม่ไหวเริ่มนอนเอาแรง คาวินทร์ที่เหนื่อยเต็มทีถอดเสื้อออก ลิวมันเป็นเกลียวต่างเชือกแล้วมัดเอวตัวเองกับขื่อก่อนเอนหลังพิงตั้งหลังคา

 

อากาศเย็นเล็ดลอดมาทางช่องลมที่อยู่เหนือบานหน้าต่างโรงนอน พวกทาสไม่มีผ้าผวยห่มนอนกอดตัวเองหนาวสั่น พวกที่สนิทกันหน่อยก็ยืมไออุ่นจากเพื่อนฝูง คาวินทร์ซึ่งนอนเดียวดายบนขื่อหนาวสั่นจนทนไม่ไหว เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลับไปนานเท่าใด แต่ตื่นมาเพราะอากาศที่หนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาแก้มัดตัวเองแล้วเอาเสื้อมาสวม

เขาจะต้องออกไปข้างนอกโรงนอน หาทางหนีออกจากที่นี่ หาเงินให้มากพอจะเดินทางไปเกาะแฝดพร้อมกับอุปกรณ์ล่าจระเข้ยักษ์ หลังจากนั้นเขาจะขุดร่างพ่อไปฝังในแผ่นดินไซย์แอม

“ไอ้หนู...”เสียงกระซิบกระซาบแว่วมาจากในความมืดใกล้ตัวเขา มันใกล้จนน่ากลัว เสียงกระซิบตบท้ายด้วยการเป่าลมออกจากปาก เขาหันมองไปรอบ ๆ มองข้างล่างเพื่อดูว่าใครตื่นอยู่แต่ไม่พบเจ้าของเสียง

“ใครกัน”เขาถามตัวเองหลังจากแน่ใจว่าไม่เห็นคนพูด

ไม่มีสัญญาณการขยับเขยื้อนเลยในโรงนอน ไม่มีสิ่งใดผิดสังเกตนอกจากเสียงนั้น บางอย่างซุ่มอยู่ประหนึ่งภูตผี คาวินทร์สลัดมันทิ้งแล้วปีนไปตามขื่อ ข้างหน้าเขามีรอยรั่วของไม้กระดานสองแผ่น ตรงนั้นอาจจะพองัดออกไปได้

 

คาวินทร์หย่อนก้นนั่งลงกับขื่ออีกครั้งหลังจากปีนมาถึงหน้าจั่ว หลังจากมองดูพวกที่หลับข้างล่างแล้วไม่เห็นใครตื่น เขาค่อย ๆ ออกแรงผลักมันเพื่อหยั่งความแข็งแรง เพียงสองสามครั้งก็พอรู้ว่ามันเก่าใกล้พังเต็มทีและงัดได้ไม่ยากเย็นนัก สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือไม้ที่แข็งพอจะงัดกับตำแหน่งที่เป็นรูกว้างพอ   แล้วเขาก็พบช่องที่มีปลวกแทะเป็นรอยทิ้งไว้

คาวินทร์ค่อย ๆ แกะช่องนั้นให้กว้างพอสำหรับล้วงแขนออกไปข้างนอก เขาจำได้ว่าข้างนอกเป็นหลังคาแป้นเกล็ดเก่า ๆ เขาอาจหาเศษแป้นเกล็ดแตก ๆ หรือแป้นเกล็ดที่หลุดจากที่มาใช้งัดมุมอื่น ๆ ต่อได้

“พยายามเข้าไอ้หนู”เสียงประหลาดดังมาจากข้างหลัง

คาวินทร์ไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ในความเงียบเสียงลมอาจทำให้เกิดอุปาทานไปเอง เขายังงัดต่อไป แป้นเกล็ดที่ได้มาแม้จะหลุดเพราะเวลาที่ผ่านมานาน แต่เนื้อไม้ยังแข็งแรงดี จากมุมที่เขางัดเป็นช่อง คาวินทร์ค่อย ๆ สอดแป้นเกล็ดเข้าในรอยต่อระหว่างหน้าจั่วกับจันทันแล้วงัดไปเรื่อย ๆ  ตะปูที่ตอกเอาไว้ห่าง ๆ เริ่มหลุด จนสุดท้ายเขาก็งัดหน้าจั่วออกมาได้ทั้งแผ่น

“สำเร็จแล้ว หนีไปเลย”

คาวินทร์ยกหน้าจั่วออก โผล่หน้าออกไปข้างนอก ลมเย็นตีเข้ามาที่โรงนอน เขารีบยกหน้าจั่วปิดไว้จากด้านนอก พอแน่ใจว่ามันจะไม่ตกก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาโรงนอน จากตรงนั้น เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างรอบตัว แป้นเกล็ดส่งเสียงแอด ๆ เมื่อเขายืนขึ้นมองไปรอบ ๆ ฟ้ายามใกล้รุ่งสางช่วยให้เขามองเห็นอาคารบ้านเรือนที่ล้วนดับไฟมืดสนิท เมืองยังหลับใหล อย่างน้อยก็อีกพักใหญ่ ๆ

“ปีนลงไปเลยไอหนู ปีนแล้วหนีไปเลยซิ เดี๋ยวพวกทาสนั่นก็ตื่นกันแล้ว”

“เจ้าเป็นใคร พูดอยู่ข้างหลังข้านานจนข้ารำคาญแล้วนะ ผีรึ”เขารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว ว่องไวและเงียบเชียบ ทางด้านหลัง อาจเป็นอุปาทาน ภูตผี และเพื่อให้แน่ใจ นักล่าหนุ่มท่องคาถาขจัดภัย แม้จะอยู่ต่างแดนแต่เขาก็ยังหวังว่ามันจะได้ผลเหมือนที่เคยเป็นมา จากนั้นก็หันขวับไป

แต่มันไม่มีใครอยู่เลยสักคน ไม่มีแม้แต่เงา เลยหันกลับไปสำรวจเมืองที่อยู่ข้างหน้าต่อ

“ใครบอกว่าข้าอยู่ตรงนั้นกันเล่า ไอ้เจ้าโง่”

คาวินทร์หันไปตามเสียง ค่อนข้างแน่ใจว่าได้ยินจากข้างหลัง แต่มันไม่มี ซึ่งมันทำให้ยิ่งสงสัย

“ข้าอยู่ตรงนี้”

บางอย่างสัมผัสหลังเท้าของเขา มันนุ่มเหมือนลมพัดผ่านผิวเพียงชั่วครู่

“อย่ามองสูงซิ เจ้ามองสูงทุกอย่างไม่ได้หรอก”

คาวินทร์แทบผงะเมื่อเมื่อมองลงไปที่เท้าแล้วเห็นคนพูดนั่งนิ่งเงียบเป็นเงาดำ หางวาดไปมาก่อนพาดลงแถว ๆ เท้าของเขา ดวงตาวาวมองตาเขาเหมือนจะสะกดด้วยมนตร์ เจ้าของตาคู่นั้นหรี่ตาลงเหมือนง่วงนอน

“ภูตแมว”นักล่าหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงปลายเท้า

“อะไร เจ้าเรียกใครภูตแมว”

“ก็เจ้าอย่างไรเล่า”

                นี่คือภูตแมว ที่ไซย์แอมเจ้าพวกนี้อาศัยอยู่ในป่าลึก หาตัวยากและไม่พูดกับมนุษย์ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยพบมันแบบประชิดเช่นนี้มาก่อนในชีวิต

 

“พวกเราคือเผ่าแคเทน แมวนักล่า”เจ้าแมวเหยียดกายบิดขี้เกียจ ครางครืดคราดในคอ “ไม่ใช่ภูตแมวอย่างที่เจ้าเรียก”

แม้จะยังเกร็งที่ได้คุยกับแมว แต่คาวินทร์ก็ไม่แสดงอาการใดที่จะทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองรู้สึกเช่นนั้น เพราะเกรงว่าจะถูกเจ้าแมวหัวเราะเยาะเอาได้

“ข้าชื่อชาลี เป็นแมวนักล่าประจำแพปลา หากให้พูดกันตามจริง ข้าก็เป็นเจ้านายเจ้าด้วย”

คาวินทร์รู้สึกเหมือนมีก้อนบางจุกอยู่ที่คอเมื่อได้ยินคำพูดเจ้าแมว เพราะตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นทาสของแมวและโดนช่วงใช้ตามคำสั่ง

“ข้าไม่เหมือนเจ้านายคนอื่นหรอกน่า ไม่ต้องกลัวไป”เจ้าแมวเหมือนได้ยินเสียงในใจเขา มันหยิบขวดเล็ก ๆ จากเข็มขัดของมันออกมาเปิดจุกก๊อก กบิ่รเครื่องดื่มผลไม้บ่มกรุ่นจางในอากาศอยู่ครู่หนึ่งก่อนหายไป มันยื่นขวดให้เขาแต่เขาปฏิเสธ มันเลยกระดกพรวด ๆ แล้วเรออกมาเป็นกลิ่นผลไม้ผสมปลาทะเล

“สดชื่อ”เจ้าแมวแพปลาทำตาเยิ้ม หันมองมาทางคนที่นั่งใกล้ ๆ “เจ้ามาจากไหนรึ เล่าให้ข้าฟังหน่อยซิเจ้าทาส

“ทำไมถึงอยากรู้”

เจ้าแมวแพปลากระดกเครื่องดื่มในขวดอีก จากนั้นยกขาหลังของมันเกาคางขยิก ๆ  ทำหน้าพอใจสบายคางอยู่สักพักก็ส่งสายตาวาวมาทางทาสมนุษย์อย่างพินิจพิเคราะห์

“ข้าเห็นฝีมือเจ้าเมื่อตอนเย็น ไม่ธรรมดาเลยสำหรับคนต่างชาติตัวเล็กอย่างเจ้า”

คาวินทร์มองกลับที่แมวแพปลา “เจ้าก็ตัวเล็กนี่”

“เรามันคนละสายพันธุ์กันโว้ยไอ้เจ้ามนุษย์”แมวแพปลาขู่ฟ่อเมื่อถูกย้อนเอา

คาวินทร์ทำเฉย ปล่อยให้เจ้าแมวบ่นงึมงำเมี้ยวม้าวลำพังโดยไม่กลัวจะโดนสั่งไปลงโทษแม้แต่น้อย เขากำลังเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ภูมิประเทศรอบตัว พยายามจำสถานที่ทั้งหลายรอบเออร์ติงตันและจุดสังเกตต่าง ๆ เพื่อใช้สำหรับการวาดแผนที่ใช้หนีออกไป

“ไม่หนีไปเลยล่ะ”

คาวินทร์หันมองเจ้าแมว มันพูดเหมือนรู้ใจเขาซึ่งดูจะไม่ค่อยเข้าท่านัก

“อันที่จริงนายใหญ่ดัชคลินก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะพ่อหนุ่ม เพียงเจ้าทำงานและต่อสู้เป็น นำชัยชนะและเงินทองกลับมาให้นาย เจ้าก็ได้อยู่อย่างสุขสบายแล้ว”

คาวินทร์ขมวดคิ้วมองเจ้าแมว “แล้วทำไมเจ้าคนไซเพนนั่นยังอยู่ในโรงนอนรวมนั่นล่ะ”

“เจ้านั่นมันยังสู้ไม่ครบ ก็แค่นั้น”

“หะแรกก็นึกว่าจะได้ทำงานอย่างเดียวเสียอีก นี่ข้าต้องสู้ด้วยรึ”

เจ้าแมวส่ายหน้า “ผิดแล้ว ๆ เจ้ามาที่นี่ด้วยค่าตัวแพง เจ้านายย่อมหวังให้เจ้าทำงานคุ้มค่าตัวเจ้า”

“ข้าไม่ชอบฆ่าคนเสียด้วยซิเจ้านาย”คาวินทร์มองขอบฟ้าที่แสงแรกของวันใหม่กำลังมาก่อนย้อนกลับมาที่ตัวเอง มองหาทางลงจากหลังคา

“ไม่ชอบฆ่าก็ต้องฆ่า”เจ้าแมวกระดกเจ้าสิ่งที่อยู่ในขวดจนถึงหยดสุดท้าย เลียปากแผลบแล้วเรอกลิ่นผลไม้ผสมปลาทะเลออกมาอีก “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากหนี แต่เจ้ามีฝีมือและพูดยูโรกาได้ดีพอสมควร ข้าแนะนำให้เจ้าลงสังเวียนรบร่วมกับคนที่อยู่ในโรงนอนนั่นเสียก่อน ถ้าทำได้ดี ทุกคนในนั้นจะอยู่ฝ่ายเจ้า”

คาวินทร์ยักไหล่ “ไอ้คนพวกนั้นแทบจะฉีกทึ้งข้าให้แหลก จะมาทำตามข้าทำไมกัน”

“ก็กำราบมันซิ ปราบเจ้าคนไซเพนนั่น ปราบได้ก็ได้ครองฝูง”

“เจ้าเป็นแมว เจ้าคงรู้เรื่องครองฝูงดีซินะ”

“ข้าเป็นแคเทน แมวนักล่าที่มีเกียรติโว้ย ไม่ใช่แมวที่เจ้าเห็นจับหนู ไอ้เจ้ามนุษย์โง่”

“ขอโทษที”คาวินทร์หัวเราะแค่น ๆ กระตุกยิ้มตรงมุมปาก

“กำราบฝูงก็ครองฝูงได้ แค่นี้เอง”

“ข้าจะไปกำราบอย่างไรเล่า มันมีลูกสมุนเป็นโขยง”

เจ้าแมวแพปลาหัวเราะ “ลืมไป เจ้าเป็นคนต่างชาติมาใหม่ ไม่รู้อะไร นี่แน่ะเจ้าทาส ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารู้ไว้เป็นวิทยาทาน”เจ้าแมวเดินเอียง ๆ ไปมา สองขาปัดเหมือนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ “ที่นี่มีกฎของทาสอยู่ กฎที่พวกเจ้านายไม่ยุ่ง”

“กฎอะไร”

“ประลองในสังเวียนไงเจ้าโง่ ใครที่ลงสังเวียน จะไม่มีเจ้านายมายุ่มย่ามได้จนกว่าจะได้รับผลตัดสินจากคนดู”

“ก็ไม่เลวนี่”

เจ้าแมวยิ้ม ตาของมันหรี่มองมาอย่างมีเลศนัย

“ถ้าเจ้าได้ลงสังเวียนสู้เมื่อไหร่ ข้าจะพาไปหาคนที่จะพาเจ้าออกไปจากที่นี่พร้อมเงินตั้งตัว”

นี่น่าจะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจยิ่งสำหรับนักล่าหนุ่ม และเขาตอบตกลงโดยไม่ปริปาก ได้แต่เพียงพยักหน้าเท่านั้น

The Huntsman Way - วิถีนักล่า

ผู้แต่ง : หมอกเหนือ

ตอนที่ ชื่อตอน วันที่ลง
1 ปัจจุบัน 25 ม.ค. 59
2 นักล่า 07 มี.ค. 59
3 หนี 14 มี.ค. 59
4 ปีกที่ถูกตรึง 21 มี.ค. 59
5 ทาส 28 มี.ค. 59

Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

รู้สึกว่างานคุณดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน การเล่าเรื่องกระชับขึ้น เสียงก็มั่นคง คุณเป็นคนมีฝีมือค่ะ และคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก

ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น คือพูดเพราะรู้สึกอย่างนี้ คุณไม่ต้องทำตามก็ได้ คือเรารู้สึกว่าสามตอนแรกที่เป็นเปิดเรื่องในเมือง เริ่มล่า ไปจนย้อนความถึงพ่อตายนั้นยังจับคนอ่านติดสู้สองบทหลังที่เป็นทาสแล้วไม่ได้ เราจึงคิดว่าถ้าขึ้นด้วยอีเวนท์มาเป็นทาสเลย แล้วแฟลชแบ็คกลับไปที่ล่าจระเข้กับพ่อตาย เรื่องน่าจะมีอิมแพ็คแรงขึ้น (ส่วนบทนำให้กลับไปอยู่ที่ลำดับเวลาปรกติ) คือคนอ่านเปิดมาก็เฮ้ยทันที สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอจับติดแล้ว คนอ่านเห็นบุคลิกตัวเอกแล้ว คุณจะเล่าอะไรก็ได้ค่ะ

ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

สนุกสนาน เจ้มจ้น อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็กชั่น งานดีมากเลยครับ บทบรรยายใส่รายละเอียดมาเยอะดี ตัวสัตว์ประหลาดต่างๆ ก็ครีเอท น่ากลัวทุกตัว จนเฮียอ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยที่จะเอาชีวิตรอดเลยครับ (ฮา) เอาใจช่วยคุณพรานแล้วกันครับ สู้ๆ!

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 24

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.108.255
    • 31 มีนาคม 2559 / 10:56
    สวัสดีค่ะ

    รู้สึกว่างานคุณดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน การเล่าเรื่องกระชับขึ้น เสียงก็มั่นคง คุณเป็นคนมีฝีมือค่ะ และคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก

    ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น คือพูดเพราะรู้สึกอย่างนี้ คุณไม่ต้องทำตามก็ได้ คือเรารู้สึกว่าสามตอนแรกที่เป็นเปิดเรื่องในเมือง เริ่มล่า ไปจนย้อนความถึงพ่อตายนั้นยังจับคนอ่านติดสู้สองบทหลังที่เป็นทาสแล้วไม่ได้ เราจึงคิดว่าถ้าขึ้นด้วยอีเวนท์มาเป็นทาสเลย แล้วแฟลชแบ็คกลับไปที่ล่าจระเข้กับพ่อตาย เรื่องน่าจะมีอิมแพ็คแรงขึ้น (ส่วนบทนำให้กลับไปอยู่ที่ลำดับเวลาปรกติ) คือคนอ่านเปิดมาก็เฮ้ยทันที สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอจับติดแล้ว คนอ่านเห็นบุคลิกตัวเอกแล้ว คุณจะเล่าอะไรก็ได้ค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 23

    เนตรนภา แซ่หลี
    • Name : เนตรนภา แซ่หลี < My.iD > [IP] 171.6.246.213
    • 24 มีนาคม 2559 / 22:32
  • ความคิดเห็นที่ 22

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 203.147.8.118
    • 24 มีนาคม 2559 / 09:05
    สวัสดีค่ะ

    บทนี้สนุกจัง เห็นบุคลิกตัวละครชัดขึ้นด้วย รออ่านต่อนะคะ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 21

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 23 มีนาคม 2559 / 21:41
    เนื้อเรื่องใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆยิ่งอยากรู้เลยค่ะ
    ดูเป็นอีกมุมหนึ่งมากหลังจากอยู่กับการล่ามาตลอด
    ตอนนี้เหมือนได้ผ่อนคลายเลยล่ะ ดูเบา อ่านสบายกว่าก่อนหน้านะ
    แต่ถึงอย่างนั้นก็สาระเยอะมากจริงๆค่ะ 
  • ความคิดเห็นที่ 19

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.46.230
    • 17 มีนาคม 2559 / 09:11
    สวัสดีค่ะ

    ช่วงต้นของบททำได้ดีมากเลย :) เสียงนิ่ง มั่นคง การเล่าลำดับเรื่องก็ดี ช่วงท้ายที่เป็นฉากแอคชั่นออกจะยาวไปสักหน่อย แต่ยังทำได้ดีค่ะ  ฉากแอคชั่นถ้าใช้ประโยคสั้นและย่อหน้าสั้นลง จังหวะจะเร็วขึ้นและยิ่งตื่นเต้นขึ้นค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 18

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 61.90.91.91
    • 15 มีนาคม 2559 / 13:07
    เดี๋ยวไปอ่านของลูกฟูกบ้าง กะอ่านให้หมดรวดเดียวหลังทำของตัวเองตุนไว้แล้ว

    #เรื่องพิมพ์ตกแก้ผิดไว้ใจเรา
  • ความคิดเห็นที่ 17

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 14 มีนาคม 2559 / 22:34
    ระทึก... แล้วจบลงด้วยความสะเทือนใจที่สุด
    ตอนนี้จำตัวละครได้เยอะแล้ว เพราะตายไปหมด (ฮา)
    เหมือนตอนนี้จะยาวกว่าตอนอื่นหรือเปล่านะคะ แต่ก็เต็มมากกกก
    มีอารมณ์ไปตามตัวละครเลยในบางที
    ช่วงท้ายๆมีพิมพ์ตกบ้างนิดหน่อย เห็น ดาบเป็นดาย มาแวบๆ กับอะไรอีกอย่างมองไม่ทัน

    และตอนหน้าก็จะยังระทึกต่อไปเรื่อยๆสินะคะ ฮาา
  • ความคิดเห็นที่ 16

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 202.94.77.110
    • 12 มีนาคม 2559 / 09:50
    สนุกมากครับ ระทึกมาก พรานของเราซวยซ้ำซวยซ้อนดีจัง 555 ถึงตอนหน้าจะเหลือสักกี่คนกันน้อ ฉากแอคชั่นทำได้ดีถึงดีมากเลยครับ แต่อยากให้ท้าวความถึงที่มาที่ไปของแต่ละคนสักหน่อยน่าจะดีนะครับ คือแบบนี้มันมองภาพออกยากว่าแต่ละคนเก่งกาจกันมาขนาดไหน คนไหนพูดมาพูดมากมาตั้งแต่ไหน คนไหนมือใหม่ขี้กลัวอะไรประมาณนี้ เรียกว่าปมอดีตของตัวละครมีน้อยเกินไป ทำให้ลดความรู้สึกที่จะอินตามตัวละครลงไปนิดหน่อย แต่โดยรวมถือว่าสนุกมากเลยครับ
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.179.19
    • 10 มีนาคม 2559 / 09:32
    สวัสดีค่ะ 

    ก่อนอื่น ยินดีด้วยที่ผ่านมาถึงรอบนี้นะคะ :) 

    เรื่องในบทนี้กับบทที่แล้วเป็นการปูพื้นโลกกับตัวละคร แต่ละบทดูเหมือนจะเน้นแอคชั่น การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งทำได้ดีและสมจริงค่ะ

    อยากให้ใช้เวลากับการพัฒนาตัวละครอีกนิด เพราะปรกติคนอ่านจะเกาะตัวละครก่อนเกาะเรื่อง ถ้าคนอ่านเข้าใจบุคลิกของตัวละคร ก็จะอินกับเรื่องมากขึ้น 

    นอกจากนั้น ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะให้แต่ละทวีปคล้ายๆ ทวีปจริงในโลกขนาดไหน ถ้าไม่คล้ายมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคล้ายมาก อย่าลืมรายละเอียดบางอย่าง เช่นถ้าไซย์แอมเป็นไทย ก็จะไม่มีขนแกะค่ะ ดังนั้นเวลาแปรงฟันจะใช้ข่อยหรือเกลือแทน

    ถึงแม้ว่าจะเป็นจุดปลีกย่อย แต่จุดพวกนี้คือการอธิบายฉาก ผูกกับวัฒนธรรมของเรื่อง เป็นตัวทำให้คนอ่านเกิดความเข้าใจว่าโลกนี้เป็นอย่างไร จึงอยากให้ใส่ใจด้วยน่ะค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 14

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.179
    • 10 มีนาคม 2559 / 09:26
    บังไพร นี่ความรู้ใหม่ เพราะเปิดพจนานุกรมทุกเล่มก็มีแต่แปลเป็นคำกิริยา หากอันที่แทนบอกไม่เจอ

    ส่วนคุลีอันนี้ที่รู้ คำเต็มคือ องคุลี แปลว่า นิ้ว ถ้าคุลีเฉย ๆ นี่ก็หาไม่เจอเหมือนกันแฮะ
  • ความคิดเห็นที่ 13

    วัชรกาญจน์
    • Name : วัชรกาญจน์ < My.iD > [IP] 49.228.98.199
    • 9 มีนาคม 2559 / 20:08
    สำนวนไสตล์ เท่ๆ ดิบๆ กระชับไม่เวิ่นเว้อ และคมดีทีเดียวครับ

    เหมาะกับเนื้อหาดี 
  • ความคิดเห็นที่ 12

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 171.97.73.76
    • 9 มีนาคม 2559 / 14:05
    ชี้แจงพี่มิว

    โตงเตงอาจจะใช้ผิด อันนี้ได้อิทธิพลมาจากงานของพี่แหม่มวีรพรครับ 

    บังไพรคือฉากที่ใช้บังเวลานั่งซุ่มครับ เป็นคำนาม

    คุลีแปลว่านิ้ว

  • ความคิดเห็นที่ 11

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:36
    เออใช่ มีข้อสงสัยอีกอย่างนึง

    คำว่า "คุลี" แปลว่าอะไรครับ พี่หาในพจนานุกรมไม่เจอ?
  • ความคิดเห็นที่ 10

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:35
    ภาษายอดเยี่ยมมากครับ การบรรยายทำได้สละสลวย ถ่ายทอดแคแรคเตอร์ ฉากสถานที่ และอารมณ์ ออกมาให้เห็นภาพชัดเจน
    พล็อตเรื่องนักล่าสัตว์ประหลาดประมาณมอนฮันแบบนี้ยังไม่มีในเอ็นเธอร์ปีก่อน ๆ คาดว่าน่าจะสร้างความแปลกใหม่ได้ดีทีเดียว

    ทีนี้มาข้อติกันบ้าง
    การเลือกใช้คำสละสลวยมาบรรยาย มีข้อดีตรงที่สามารถทำให้นักอ่านเพลิดเพลินกับรูปประโยค แต่จำเป็นต้องใช้ได้ถูกต้องตามความหมาย
    เช่น
    พระอาทิตย์ห้อยโตงเตง คำว่า โตงเตง แปลว่า ผูกห้อยและแกว่งไปมา แต่เป็นไปไม่ได้ที่พระอาทิตย์บนฟ้าจะแกว่งไปมา ดังนั้นใช้คำโตงเตงมาขยายจึงไม่เหมาะสม
    หรือ
    ลมใต้ปีกกระพือพัดบังไพรปลิวว่อน  ประโยคนี้วางคำกิริยาติดกันถึง 4 คำ คือ กระพือ พัด บังไพร ปลิว ซึ่งตามหลักภาษาที่ถูกไม่ควรวางกิริยาติดกันเช่นนี้
    เป็นต้น

    ก่อนอัพลองตรวจทานอ่านดูและรีไรท์สักรอบสองรอบ จะช่วยลดความผิดพลาดลงครับ
    แวะมาเฆี่ยนแล้วเดินจากไป

    มิว
  • ความคิดเห็นที่ 9

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 119.76.149.221
    • 7 มีนาคม 2559 / 19:33
    ในสมุดที่เขียนเป็นคำว่า เป็นสิทธิ์ขาดอ่ะ แล้วน่าจะไปแก้ตอนพิมพ์ซึ่งก็ไม่ทันดู
  • ความคิดเห็นที่ 8

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 119.76.149.221
    • 7 มีนาคม 2559 / 19:31
    ลูกฟูก เราเขียนผิด ขอบคุณที่บอกครับ ตอนพิมพ์น่าจะรีบอ่ะ ลืมตรวจ
  • ความคิดเห็นที่ 7

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.204.219
    • 7 มีนาคม 2559 / 18:27
    นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรเลยค่ะ
    มันคือการกลั่นแกล้งตัวละครด้วยความรักที่หนักหน่วงมากกก

    ประกาศิต - น่าจะเขียนแบบนี้หรือเปล่าคะ? ไปจิ้มๆดู เหมือนไม่คุ้นกับ ประกาสิทธิ์

    ตอนแรกมองเรื่องพี่แทนเหมือนสั้นๆ พอขยายให้อ่านง่ายคือแทบร้อง
    อ่านไปอ่านมาอ่านจังเลยค่ะ และอินมากกกก

    ว่าแต่น้องแมวยังไม่มาสินะคะ 
  • ความคิดเห็นที่ 6

    หมอกเหนือ
    • Name : หมอกเหนือ < My.iD > [IP] 61.90.113.75
    • 7 มีนาคม 2559 / 11:43
    ขอบคุณทุกคนครับบ เดี๋ยวไปหาอ่านของคนอื่นบ้างหลังทำเสร็จ
  • ความคิดเห็นที่ 5

    Esta Em Maho
    • Name : Esta Em Maho < My.iD > [IP] 103.26.22.217
    • 5 มีนาคม 2559 / 08:27
    ฮันโด >< พ่อแมวเผ่าแคเทน 

    ชอบการออกแบบคาแรคเตอร์ของไรท์มากเลยค่ะ 
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป