EN10 Artisan
'เสื้อคลุมขนนก' ที่ทำให้บินได้ 'ชุดเกราะมังกรเหิน'ที่เผาไฟไม่ไหม้ 'ท่องวารี' รองเท้าที่ทำให้เดินบนผิวน้ำได้ คืองานของพวกเเขาเหล่า 'Artisan'
ชื่อของเธอคือ ‘คุณนายรัซเซล’
ตอนนี้ใช่ จากนี้ไปก็ใช่
หน้าที่ของช่างตัดเสื้อคืออะไร ? เธอไม่สน
แต่หน้าที่ของคุณนายรัซเซลคนนี้
คือ การปกป้องทุกคนในตระกูลรัซเซล !
ทันทีที่คุณนายรัซเซลกลับมาถึงอาณาจักรเอคราโทรก็ต้องพบกับความประหลาดใจ หลังจากการออกเดินทางเพื่อเก็บรวบรวมวัตถุดิบหายากตามอาณาจักรต่างๆ กว่าสามเดือน แล้วประตูทางเข้าเมืองกลับเต็มไปด้วยเหล่าก็อบลินที่กำลังส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายและเหล่าอัศวินที่กำลังห้ามปรามกีดขวางการสัญจรไปมาของผู้คนอยู่
ก็อบลินเหล่านั้นพากันยกโขยงมาไม่น้อยกว่าห้าสิบชีวิต มีทั้งป้าย ‘เอาชุดเอี๊ยมของพวกเราคืนมา’ ‘หยุดการกดขี่ก็อบลินเดี๋ยวนี้’ อีกทั้งยังมีป้ายเรียกร้องให้มีนโยบายคุ้มครองก็อบลินจากเหล่านักผจญภัยอย่างยุติธรรมอยู่ในมือคอยกดดันรุกไล่อัศวินที่รับหน้าที่ป้องกันเมืองอย่างไม่ยอมแพ้
‘กี๊กี๊ !’
พวกก็อบลินใช้ภาษาที่แตกต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง โดยปกติจะไม่ค่อยมีคนเข้าใจภาษาของพวกก็อบลินสักเท่าไรนัก แต่เพราะพวกมันมีสติปัญญาใกล้เคียงมนุษย์และอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน ก็อบลินบางตนจึงเริ่มเรียนรู้จนสามารถใช้ภาษาเดียวกันกับมนุษย์ได้ แต่บางตนก็ยังคงติดภาษาดั้งเดิมอย่างเช่น ‘ก็อบลินนีส’ อยู่
“กี๊ กี กี้ กี๊” คุณนายรัซเซลย่อตัวลงเพื่อสื่อสารกับก็อบลินตนหนึ่ง เธอไม่ได้มีพรสวรรค์ในการสื่อสารกับภูตหรืออสูรกายเช่นเดียวกับสามี หรือลูกชายคนเล็ก แต่สมัยยังไม่แต่งงาน เธอเคยเป็นนักแสดงมาก่อน การออกเดินทางไปยังสถานที่หลากหลายทำให้เธอมีทักษะการเรียนภาษาที่เรียกได้ว่าดีเลิศ ดังนั้นกับภาษาก็อบลินนีสที่มีคู่มือสอนภาษาขายอยู่ให้ว่อนในอาณาจักรเอคราโทรแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลยสักนิด
หลังฟังจบ คุณนายรัซเซลก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับก็อบลินตนนั้น ประโยคที่เธอพูดออกมาตรงกับภาษากลางของมนุษย์ว่า ‘ไม่ต้องห่วง ชั้นจะช่วยเธอเอง’
คุณนายรัซเซลวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นดังตุ้บ ก่อนหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมา ภายในนั้นมีผงแป้งสีเขียวที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับมรกต ฉับพลันเธอสาดผงนั้นขึ้นกลางอากาศ เมื่อผงแป้งนั้นโรยตัวลงมาสัมผัสคราบโคลนสกปรกบนเสื้อของเหล่าก็อบลิน เสื้อผ้าเหล่านั้นก็สะอาดทันตาเห็น
“สิ่งนี้คงช่วยแก้ปัญหาได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น หากใครอยากได้ก็ไปหาซื้อได้ที่สมาคมพ่อค้านะ บอกเขาว่า ‘ผงมอสมรกตแดนมายาสกัด’ ชั้นจะนำไปวางร้านวันพรุ่งนี้”
คุณนายรัซเซลกวาดสายตาไปโดยรอบ ทั้งนักผจญภัย อัศวิน และเหล่าก็อบลินจับจ้องเธออย่างไม่วางตา เธอยิ้มและโค้งคำนับให้กับ ‘ผู้ชม’ รอบๆ อย่างอ่อนหวาน ไม่มีกระโปรงพลิ้วจับจีบ มีเพียงเสื้อกล้ามสีน้ำตาลและกางเกงขาสั้นที่เหมาะแก่การเคลื่อนไหวเท่านั้น
“การแสดงจบลงแล้ว ไม่ทราบว่าจะมีใครบอกได้บ้างคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ? “
ก็อบลินตนหนึ่งมองซ้ายมองขวา ขยับเข้ามาใกล้ๆ คุณนายรัซเซล มันพยายามเขย่งเท้าขึ้นไปหา ฮึบ ฮึบ จนคุณนายรัซเซลต้องย่อลงอีกครั้ง เธอส่ายหัวแล้วยิ้ม เงี่ยหูฟัง
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบใจนะจ๊ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แม้ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มหวาน แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมาทำให้เหล่าก็อบลินต่างก็ผงะถอยหนีโดยไม่รู้ตัว ไม่ต่างจากมดที่รู้ว่าฝนกำลังจะตก หรือนกโดราโดร่าที่รับรู้ว่ากำลังจะเกิดแผ่นดินไหว
ทำไมถึงไม่มีใครบอกอะไรเธอสักคำกันนะ
ผ้าเช็ดตัวที่ไม่มีวันสกปรก ? ช่างตัดเสื้อของพระราชา ?
นีโก้ รัซเซล ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แม่อนุญาตให้ลูกไปทำงานกับคนผู้นั้น !
“เฮือก ! ” จู่ๆ นีโก้ก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบขึ้นมา เด็กหนุ่มหันไปเห็นเซบี้กำลังหันมามองอย่างตำหนิ ส่งเสียงฮึดฮัดเร่งให้เขารีบตามไป พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายในวันนี้
“ขอโทษนะ เซบี้” หมู่นี้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไรนัก หลังอ่านคำสั่งเสียของคุณทวดแล้วพบว่าสมุดหน้าสุดท้ายหายไปในใจก็รู้สึกระแวงท่านไอโอเนลอยู่บ้าง ว่าเขาเป็นคนฉีกกระดาษหน้านั้นเก็บไว้หรือไม่ เพราะอีกฝ่ายไม่เคยตอบคำถามที่นีโก้อยากรู้ที่สุดเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่แต่ละอย่างเกี่ยวข้องกับงานของเขาโดยตรงแท้ๆ
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังเดินเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีการนำมาออกร้านก่อนเอคราโทรแฟชันวีคที่จะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า จึงมีร้านค้ามากมายจากต่างเมืองมาออกร้านขายวัตถุดิบที่หาซื้อได้ยากที่จัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับช่างตัดเสื้อที่จะหาซื้อวัตถุดิบไปใช้สำหรับตัดเย็บชุดที่จะขึ้นแสดงบนเวทีเดินแบบในเอคราโทรแฟชันวีคเลยทีเดียว
‘เอคราโทรแฟชันวีค’ เป็นนิทรรศการจัดแสดงเสื้อผ้าที่จัดโดยอาศัยความร่วมมือระหว่าง สมาคมนักผจญภัย และสมาคมช่าง (Artisan) ภายในงานจะมีการแสดงเดินแบบของเหล่านักผจญภัยในผลงานของช่างตัดเสื้อเลื่องชื่อจากทั่วทุกสารทิศมาประชันโฉมกันบนเวที
แม้การชุมนุมของเหล่าก็อบลินจะทำให้การเตรียมงานติดขัดจนงานในครั้งนี้เกือบถูกล้มเลิกไปแล้ว แต่ด้วยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของสมาคมช่างที่ให้ความช่วยเหลือในการตัดเย็บเสื้อผ้าที่ซักออกง่ายมาให้พวกก็อบลินใช้แก้ขัดไปก่อน จึงช่วยทุเลาความโกรธเกรี้ยวของก็อบลินบางส่วนในตัวเมืองออกไปได้บ้าง
ร้านผ้าตระกูลดัชเชสเองก็จะมีการจัดแสดงผ้าไหมที่ทอโดยแชนนอนเช่นกัน แม้ว่าการแสดงออกของเธอจะดูเหมือนผู้หญิงหัวรุนแรงไปสักนิด แต่กับงานทอผ้าด้วยกี่พื้นเมืองเธอกลับทำได้อ่อนช้อยนุ่มนวลสมกับที่เป็นทายาทร้านผ้าเก่าแก่ของเอคราโทรเลยทีเดียว
แชนนอนเคยสอนงานทอพื้นเมืองให้นีโก้อยู่บ้าง นีโก้พบว่าตัวเองไม่ได้อ่อนด้อยเรื่องงานฝีมือเสียทีเดียว นอกจากการวัด การกะสัดส่วนแพทเทิร์นแล้ว เขาสามารถเรียนรู้งานเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ขอเพียงคนสอนมีความอดทนกับคนหัวช้าไม่เอาไหนอย่างเขาสักนิดก็พอ
งานของนีโก้ในวันนี้คือการหาซื้อของตามใบรายการที่แชนนอนมอบหมายมาให้ครบ แต่เพราะใจไม่ได้จดจ่อกับงานอย่างที่ควรจะเป็น เขาเกือบหยิบลูกตามังกรไฟที่มีคุณสมบัติในการเรืองแสงสลับกับลูกตาอินทรีย์ยักษ์มิลกิ้งที่ใช้สำหรับทำเลนส์แว่นเพิ่มระยะการมองเห็น
เขาเกือบหยิบขนจามับปี้ที่มีคุณสมบัติให้ความอบอุ่น สลับกับผ้าหนังปลาซิลิก้าที่มีคุณสมบัติเย็นสบาย อีกทั้งยังเกือบทิ้งสินค้าทั้งหมดไว้ที่ร้าน หากเซบี้ไม่ค่อยงับที่ขากางเกงเพื่อเตือนตลอดเวลาแล้วล่ะก็ คงไม่สามารถซื้อของทั้งหมดนี้ได้ครบแน่นอน
‘แง่งงง’ เซบี้คำราม อย่างรำคาญ ดูจากท่าทีของมันแล้วหากมันพูดได้ก็คงจะพูดว่า ‘เจ้าทึ่ม’ แน่ๆ เลย
ไม่รู้เพราะอะไร เวลาเขาคุยกับเซบี้แล้วถึงรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ แม้เซบี้จะไม่เคยสื่อสารทางจิตกับเขาเหมือนกับผู้เฒ่าแมงมุม หรือผีเสื้อไหมก็ตาม
เซบี้ไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะให้กำลังใจอะไรเขา มันไม่แม้แต่จะเข้ามาคลอเคลียหรือออดอ้อนสักนิด แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ก็มักจะมาเรียกสติเขาให้กลับมาในเวลาที่จำเป็นเสมอ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงรู้สึกสบายใจที่จะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้เซบี้ฟังโดยปราศจากความคลางแคลงใจ
อย่างน้อยๆ มันเป็นหมา มันคงไม่เอาเรื่องของเขาไปนินทากับเพื่อนหมาด้วยกันหรอกนะ
“โอ๊ย !”
“เดินระวังหน่อย หัดมองทางซะบ้างสิ”
เสียงที่ดังขึ้นจากบริเวณข้างเวทีทำให้นีโก้หยุดยืนมอง เขาเห็นเด็กหนุ่มผอมโซคนหนึ่งดูแล้วน่าจะอายุใกล้เคียงกับเขาล้มกองอยู่บนพื้นหลังจากปะทะกับชายรูปร่างบึกบึนในชุดเกราะหนังเข้าอย่างจัง
“ไม่เป็นไรนะ ?”
“ขอบคุณฮะ” เด็กหนุ่มผอมโซคนนั้นจับมือที่นีโก้ส่งมาให้แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยเก็บสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
หลังเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก นีโก้จึงเดินหันหลังกลับตั้งใจจะไปดูของอย่างอื่นต่อ แต่แขนเสื้อกลับถูกรั้งเอาไว้
“เอ่อ ขอโทษนะครับ สมาคมนักผจญภัยไปทางไหนครับ ?”
หลังจากการสอบถาม นีโก้จึงทราบว่า เด็กหนุ่มผอมโซคนนี้ชื่อ ‘จอร์จ’ เป็นนักดาบฝึกหัดที่เดินทางมาจากเขตอากาศหนาวเนเจอร์เนฟีเพื่อมาเดินแบบในเอคราโทรแฟชันวีค
“ผมดูไม่เหมือนนายแบบหรือนักผจญภัยเลยใช่ไหมครับ” เมื่อเห็นนีโก้นิ่งไปหลังจากแนะนำตัว จอร์จก็หัวเราะขำขันให้กับตัวเอง
นีโก้ไม่ตอบ เด็กหนุ่มยิ้มให้กับจอร์จเบาๆ เขาโกหกไม่ได้แต่แขนบอบบางของจอร์จดูแล้วไม่น่าจะยกดาบไหว แม้นีโก้จะเห็นคนที่มีพละกำลังเหนือรูปร่าง อย่างแชนนอนมาบ้าง แต่กับคนที่แค่ชนก็ปลิวนั้นดูจะยังห่างไกลกับคำว่านักดาบมากนัก
“อาจจะฟังดูเหมือนโอ้อวดนะ แต่พ่อของผมเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้านเรา ตั้งแต่เด็กผมมักจะมองพ่อต่อสู้กับพวกด้วงหิมะเนเจอร์เนฟี ปกป้องหมู่บ้านเราเสมอ ในเวลานั้นคุณพ่อเท่ห์อย่างบอกใครเลย ผมถึงอยากเป็นนักดาบเหมือนกับคุณพ่อยังไงล่ะ”
นีโก้ฟังจอร์จอย่างตั้งใจพร้อมๆ กับพาอีกฝ่ายไปส่งยังสมาคมนักผจญภัย ระหว่างนั้นนีโก้เหลือบไปเห็นเซบี้ทำเสียงจมูกฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ หากมันพูดได้มันคงบอกนีโก้ว่า ‘ ฮึ เสียเวลาอีกแล้ว’
“แต่รู้อะไรมั้ยครับ สุดท้ายถึงผมจะสอบผ่านการเป็นนักดาบขั้นต้นได้ แต่ก็ไม่มีคณะนักผจญภัยไหนรับผมร่วมเดินทางไปด้วยเลยสักคณะเดียว ก็มีแต่งานเดินแบบแฟชันนักผจญภัยนี่ล่ะ ที่ทำให้ผมได้เป็นนักดาบจริงๆ เวลาอยู่บนเวที”สิ่งที่สะท้อนในแววตาของจอร์จคือแสงระยิบระยับจากละอองภูตพิกซี่บนเวทีเดินแบบ
การได้ทำงานที่ตัวเองรักมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง …จอร์จอยากเป็นนักดาบแต่ไม่มีอะไรสักอย่างทั้งพละกำลังและเส้นสายในเอคราโทร สุดท้ายก็ยังพยายามที่จะไล่ตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อจนได้เป็นนายแบบนักผจญภัย
กับกระดาษแค่แผ่นเดียวทำไมเขาจะต้องระแวงท่านไอโอเนลขนาดนั้นด้วยล่ะ ? ในเมื่อคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับเรื่องนี้ก็คือท่านไอโอเนลแท้ๆ
สมุดบันทึกรวบรวมศาสตร์ที่เป็นประโยชน์มากมายไว้ก็จริง แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ของตาย
แต่ช่างตัดเสื้ออย่างเขาและท่านไอโอเนลคือสิ่งมีชีวิต กระดาษหน้าสุดท้ายที่หายไปทำไมเขาถึงจะเติมมันขึ้นมาใหม่ไม่ได้กันล่ะ ?
“อ๊ะ ถึงแล้วครับ”
พวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารใหญ่สูงสามชั้นหลังหนึ่ง มีป้ายไม้ที่เขียนด้วยตัวอักษรสีทองว่า [สมาคมนักผจญภัย] แขวนอยู่หน้าประตูทางเข้า ที่นี่ให้บรรยากาศคล้ายกับโรงแรมขนาดเล็ก นักผจญภัยจากต่างแดนที่เดินทางมาเข้าร่วมเอคราโทรแฟชันวีคทุกคนสามารถพักผ่อนที่นี่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับสมาคมช่างที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน
“ขอบคุณมากครับที่มาส่ง แถมยังฟังผมพร่ำเพ้ออีก ฮ่าๆ” จอร์จเกาหัวยุกยิกไม่รู้จะขอบคุณชาวเมืองผู้ใจดีเช่นนีโก้อย่างไรดี
นีโก้ส่ายหัว เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณจอร์จที่ทำให้นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มยิ้มแล้วพูดกับจอร์จอย่างเป็นมิตร “อย่าตัดใจจากความฝันเลยครับ”
“เอ๊ะ ?”
“คุณเองก็ต้องเป็นนักดาบให้ได้นะ”
นีโก้ไม่ได้พูดแค่กับจอร์จ เขาแค่ต้องการย้ำเตือนตัวเอง
ดาบและเข็มเย็บผ้า หากไม่ได้เอามาใช้ แต่เอาไว้โชว์เฉยๆ มันก็เป็นแค่แท่งโลหะเท่านั้น
“อ๊ะ ท่านนีโก้อยู่ที่นี่เอง” อัศวินในชุดเกราะสีเงินคนหนึ่งโบกมือให้นีโก้ หากจำไม่ผิดคนๆ นี้คือลูกน้องของท่านเซเนทที่มาแจ้งเรื่องการชุมนุมของพวกก็อบลินเมื่อวันก่อน
“เอ๊ะ มีอะไรงั้นเหรอครับ อ้ะ เซบี้” ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เซบี้ก็วิ่งจากไป แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของมันคงจะหาทางกลับร้านผ้าดัชเชสเองได้
“แย่แล้วครับ เกิดเรื่องที่ปราสาท !”
เกิดเรื่องขึ้นกับท่านไอโอเนลอย่างนั้นหรือ ! ? ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเรียกเขาแทนที่จะเป็นท่านเซเนทกันล่ะ ?
ตึก ตึก ตึก
ทันที่มาถึงปราสาทนีโก้ก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องนอนของท่านไอโอเนลอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มผลักประตูออกกระทบกับผนังดังโครมอย่างร้อนรน เขาพบท่านไอโอเนลนั่ง ‘ขด’อยู่มุมห้องพยายามเอามือบดบังร่างกายเต็มที่ และผู้หญิงคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่กลางห้อง
นีโก้เบิกตาโพลง การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนี้ทำให้เด็กหนุ่มทั้งรู้สึกดีใจและแปลกใจ
“คุณแม่ ! ?”
“ค่อยยังชั่ว ! เจ้ามาสักที”คนที่ตอบกลับกลายเป็นท่านไอโอเนล หากนีโก้ไม่ได้ตาฝาด อีกฝ่ายที่ปกติมักจะนั่งไขว่ห้าง เชิดคางอย่างหยิ่งทระนง เวลาอารมณ์ดีจะทำตัวเป็นพี่ชายใจดีผู้มากด้วยภูมิความรู้ กำลังแสดงทีท่าว่าจะโผเข้ากอดเขา ราวกับคนที่ขาดน้ำพบโอเอซิสในทะเลทราย
คุณนายรัซเซลแตกต่างจากนีโก้และพวกพี่สาว เธอไม่ใช่คนที่สืบเชื้อสายจากตระกูลรัซเซลโดยตรง แต่แต่งงานเข้ามา ดังนั้นภาพของท่านไอโอเนลที่เธอเห็นก็คง …นีโก้รีบเข้ามายืนขวางระหว่างแม่และท่านไอโอเนลเอาไว้
“เอ่อ… คุณแม่มาถึงที่นี่มีอะไรรึเปล่าครับ ? พึ่งเดินทางกลับมา น่าจะพักที่บ้านให้หายเหนื่อยแท้ๆ”นีโก้มองคุณแม่สลับกับท่านไอโอเนลอย่างเก้ๆ กังๆ ด้านหนึ่งคือเจ้านายอีกด้านหนึ่งก็แม่
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ นีโก้ ทำไมลูกมาทำงานที่ปราสาทถึงไม่ส่งจดหมายหรืออะไรก็ได้ให้แม่รับรู้สักคำ” คุณนายรัซเซลยืนเท้าสะเอวก่อนฉีกยิ้มที่ชวนให้ทุกคนในห้องรู้สึกอึดอัดออกมา
“อ่า … ก็เพราะคุณแม่บอกผมว่า ถ้าทำสิ่งที่เราชอบแล้วมันไม่ได้ผิดต่อใคร หรือทำร้ายใคร อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะไม่ใช่เหรอครับ”
ท่าทีของคุณแม่ของเขาในตอนนี้ทำให้เขานึกถึงคำพูดของพี่สาวขึ้นมา พี่สาวเคยบอกเขาว่า หลายครั้งเวลาคนเราพูดคำว่า ‘อะไรก็ได้’ ออกมามันมักไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ หรอก คุณแม่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดีเลยล่ะ
คุณนายรัซเซลแค่นเสียง หึ สั้นๆ ก่อนไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “ลูกไม่รู้อย่างนั้นหรือ ว่าผู้ชายคนนี้ เป็นคนทำให้ตระกูลรัซเซลต้องระเห็จออกไปอยู่นอกเอคราโทรถึงสามชั่วอายุคนเชียวนะ !” แม้คุณนายรัซเซลจะไม่ได้มีส่วนร่วมรู้เห็นต่อเหตุการณ์ แต่จากที่เคยฟังจากคุณนายรัซเซลรุ่นก่อนทำให้เธอมีอารมณ์ร่วมต่อเหตุการณ์พอสมควร
หลังจากถูกเนรเทศออกไปตระกูลรัซเซลต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เงินทองที่มี ก็ถูกวีลเฮล์ม รัซเซลก็เอาไปใช้กับการค้นคว้าวัตถุดิบเพื่อตัดชุดให้กับพระราชาที่ขับไล่ตนอย่างเอาเป็นเอาตายจนหมดสิ้น โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของครอบครัวสักนิด สุดท้ายก็ป่วยตายโดยไร้ผู้คนเหลียวแล !
เธอจะไม่ยอมให้ลูกชายที่น่ารักมีจุดจบเช่นเดียวกับวีลเฮล์ม รัซเซลเด็ดขาด !
“ผมรู้หมดแล้วล่ะ ”
ทั้งๆ ที่รู้แต่เด็กคนนี้ก็ยัง… แววตาของคุณนายรัซเซลฉายความรู้สึกที่หลากหลาย เช่นเดียวกับไอโอเนลที่รู้สึกแปลกใจไม่ต่างกัน
“ถึงท่านไอโอเนลจะไม่บอกอะไรผมซักอย่าง ทั้งๆ ที่จ้างวานผมแล้วแท้ๆ รายละเอียดงานที่ให้มาก็น้อยนิดมากๆ จนหลายครั้งก็ต้องงมเอาเอง แถมยังไม่ยอมสอนงาน เอาแต่โยนให้ท่านเซเนทและแชนนอนสอนอยู่เรื่อยอีกต่างหาก”
นีโก้เหลือบมองท่านไอโอเนลเล็กน้อย พบว่าอีกฝ่ายกำลังทรุดลงกับพื้น กุมหน้าอกราวกับรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดแหลมคมที่ทิ่มแทงเหมือนใบมีด
“แต่ผมเป็นช่างตัดเสื้อ ขอเพียงคนใส่บอกว่าต้องการอะไร อยากใส่เสื้อแบบไหนผมก็มีหน้าที่ตัดตามนั้น”
คุณนายรัซเซลนิ่งฟังลูกชายอย่างตั้งใจ
“และความต้องการของคนใส่ในครั้งนี้ ก็คือเสื้อผ้าที่ใส่แล้วจะทำให้สามารถออกนอกปราสาทและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข หน้าที่ของผมมีเท่านี้ครับ คุณแม่” แววตาของนีโก้ฉายความหนักแน่นมั่นคงออกมา
“หึ ก็ไม่ได้มีใครล่ามโซ่เขาไว้นี่” คุณนายรัซเซลหรี่ตามองไปทางไอโอเนลอย่างเหยียดหยาม พลางแสยะยิ้มที่มุมปาก
“แต่พวกเราจะปล่อยให้เขาออกไปเดินกลางเมือง โดยให้ชาวบ้านเห็นเขาเปลือยไม่ได้นะครับ คุณแม่ !”
“แล้วตอนนี้ แม่ไม่ได้มองเห็นเขาเปลือยอยู่งั้นเหรอ ?”
‘ท่านไอโอเนล’ ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจคนนั้นกำลังจิกทึ้งผมตัวเองอย่างหัวเสีย ระคนอับอาย
“ทหาร ! ใครก็ได้พาผู้หญิงคนนี้ไปเก็บที !” ดูเหมือนว่าท่านไอโอเนลจะหมดความอดทนแล้ว
“เอ๊ะๆ แบบนั้นจะดีเหรอ ทหารทุกคนจะเห็นท่านเปลือยหมดเลยนะ ?”คุณนายรัซเซลหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
“อึก”ท่านไอโอเนลกลับไปขดที่มุมห้องตามเดิม
“โธ่ ! คุณแม่ครับ หยุดไล่ต้อนท่านไอโอเนลสักทีเถอะ” ถึงจะไม่ค่อยได้ทำหน้าที่สักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรคนๆ นี้ก็เป็นถึงพระราชาของเอคราโทรเชียวนะ
“ขอข้าพูดอะไรสักนิดทีเถอะ” ไอโอเนลยกมือขึ้น เรียกร้องความสนใจเต็มที่หลังจากถูกลดรอนสิทธิในการพูดมาพักใหญ่
สายตาของสองแม่ลูกตระกูลรัซเซลหันกลับมาหยุดที่ไอโอเนล
“เรื่องเนรเทศน่ะ จำไม่เห็นได้เลยว่ามีเรื่องพรรค์นั้นด้วย ข้าแค่บอกวีลไปว่า อย่ามายุ่งกับข้า ข้าไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ออกไปให้พ้นเท่านั้นเอง”
หากเป็นคุณทวดคนนั้น นีโก้เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงเชียวล่ะ ที่จะทึกทักเอาเองว่าตัวเองถูก 'เนรเทศ'
“หลักฐานล่ะเพคะ ทุกคนที่จะเป็นพยานให้ท่านได้ ตายหมดแล้วนะ”คุณนายรัซเซลเหยียดยิ้มอย่างผู้มีชัย
“…” แต่ทางเราก็ไม่มี หลักฐานว่าคุณทวดถูกเนรเทศเช่นกัน มิเช่นนั้น ท่านคงไม่ได้เป็นตำนานเมือง เป็นบุรุษที่ได้รับการยกย่องจากเหล่าช่างตัดเสื้อในเอคราโทรหรอก แต่หากพูดออกไปแล้วล่ะก็… นีโก้หันไปเห็นคุณนายรัซเซลที่ยิ้มหวานแล้วเอียงคอสี่สิบห้าองศาแต่พองามมองมาที่เขา
…ไม่ล่ะ ไม่พูดดีกว่า
“ในเมื่อต่างไม่มีหลักฐานกันทั้งสองฝ่ายก็ช่วยไม่ได้ แต่ก่อนอื่นข้าอยากขอร้องท่าน...คุณนายรัซเซลช่วยหันหลังไปทีได้หรือไม่…”
“หืม ?” หญิงสาวมองไอโอเนลที่หลบอยู่ข้างหลังนีโก้ ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วฉีกยิ้มอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า “ยังมีอะไรที่หม่อมชั้นไม่ได้เห็นอีกเหรอเพคะ พระราชา ?”
“อึก …”
สำหรับไอโอเนลแล้ว ปฏิกิริยาของคนตระกูลรัซเซลต่อรูปร่างของเขามีอยู่สามประเภท
หนึ่ง ปฏิกิริยาแบบศิลปิน คือ วีลเฮล์มกับนีโก้ คือ มองเขาเหมือนงานศิลปะ เป็นหุ่นลองเสื้อตัวหนึ่ง
สอง ปฏิกิริยาแบบหญิงสาว ของนีน่าและนีเรีย คือเขินอายหรือไม่ก็หัวเราะคิกคักอย่างมีเลศนัย
และสาม คือปฏิกิริยาของคุณนายรัซเซล นั่นคือ สายตาของการ ‘ประเมิน’ ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับให้คะแนน สายตาแบบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ไอโอเนลรู้สึกอึดอัดใจเป็นที่สุด
“นีโก้… บอกแม่เจ้าให้สงบปากสงบคำหน่อย”ไอโอเนลกระแอม ดูเหมือนว่าเขาเองพยายามจะดึงมาดราชาของอาณาจักรกลับมาเต็มที่
โธ่…ท่านไอโอเนล ท่านก็รู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้ !
“ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ งั้นก็ตัดสินกันด้วยนี่แล้วกัน” ไอโอเนลหยิบกระดาษพับแผ่นหนึ่งออกมาส่งให้คุณนายรัซเซลและนีโก้
“เทียบเชิญเข้าร่วมงานเอคราโทรแฟชันวีค ?”
“ถูกต้อง ข้าจะส่งนีโก้ในฐานะตัวแทนช่างตัดเสื้อประจำราชวงศ์เอคราโทรเข้าร่วมการประลองที่จะขึ้นในเอคราโทรแฟชันวีค หากเขาแพ้ข้าจะตัดใจเรื่องช่างตัดเสื้อยอมจับเจ่าอยู่แต่ในปราสาทแบบนี้คนเดียวตลอดไป !”
ทุกปี ในงานเอคราโทรแฟชันวีค นอกจากจะมีการแสดงเดินแบบแฟชันนักผจญภัยบนเวทีแล้ว กิจกรรมที่เรียกความสนใจจากผู้ร่วมงานได้มากก็คือ ‘งานประลอง’
งานประลองนี้ไม่เหมือนงานประลองทั่วไป เพราะเป็นการแข่งขันที่ต้องอาศัยทั้งความร่วมมือจากช่างตัดเสื้อและนักผจญภัย นักผจญภัยจะต้องฝ่าด่านตามโจทย์ที่ได้รับ ในขณะที่ช่างตัดเสื้อจะต้องออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าให้รองรับกับกิจกรรมนั้นๆ โดยไม่ลืมเรื่องของความสวยงามอีกด้วย และหลังจากผ่านด่านทั้งหมดตามที่กำหนด ในการแข่งขันรอบสุดท้ายจะเป็นการต่อสู้ระหว่างนักผจญภัยโดยดึงความสามารถของชุดออกมาใช้ให้ถึงขีดสุด หมายความว่าทั้งนักผจญภัยและช่างตัดเสื้อจะต้องมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่ากัน
ส่วนของรางวัลสำหรับผู้ชนะก็คือ โอกาสในการแสดงผลงานการออกแบบชุด ‘ฟินาเล่’ ในงานครั้งถัดไป ถือเป็นเกียรติสูงสุดของช่างตัดเสื้อในอาณาจักรเอคราโทรเลยทีเดียว
“ก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ”
“ว่ามา”
“ข้าและลูกสาวอีกสองคน จะร่วมงานประลองนี้ด้วย”คุณนายรัซเซลกอดอก เชิดหน้าขึ้นดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ไอโอเนลเหลือบมองนีโก้ที่ชะงักอยู่กับที่ แข่งกับพี่สาวงั้นเหรอ ? แม้ว่าฝีมือของเด็กคนนี้จะก้าวหน้าขึ้นมาก สามารถทำงานถักทอได้เป็นชิ้นเป็นอัน สามารถเนาผ้า และสอยตะเข็บโดยไม่ติดขัด อีกทั้งฝีมือการวาดรูปและออกแบบก็เรียกได้ว่าเข้าขั้นพรสวรรค์ แต่หากต้องร่างแบบเหล่านั้นออกมาเป็นแพทเทิร์นสำหรับตัดเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้จริงแล้วล่ะก็ ความสามารถของนีโก้ยังไม่ต่างจากเด็กพึ่งหัดเดินด้วยซ้ำ
ที่จริงแล้วไอโอเนลคิดว่า สีสัน ความสนุกสนานและความกดดันจากการแข่งขันของเอคราโทรแฟชันวีคจะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจในการฝึกฝนให้กับนีโก้ได้รวดเร็วขึ้นเหมือนกัน
แต่เมื่อครอบครัวที่เป็นกำลังใจให้นีโก้เสมอมากำลังจะพลิกมาเป็นคู่แข่ง เด็กคนนี้จะทำอย่างไรกันนะ ? ไอโอเนลถอนหายใจอย่างเบาๆ ก่อนหันมายังทิศทางที่เด็กหนุ่มยืนอยู่
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ นีโก้ ?”
Artisan
ผู้แต่ง : All999
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ตระกูลรัซเซล | 06 ก.พ. 59 |
| 2 | แชนนอน ดัชเชสและหนอนไหมอิ๊กกี้ | 09 มี.ค. 59 |
| 3 | ช่างตัดเสื้อในตำนาน | 16 มี.ค. 59 |
| 4 | คำสาป | 23 มี.ค. 59 |
| 5 | เอคราโทรแฟชันวีค | 30 มี.ค. 59 |




สวัสดีค่ะ
สามย่อหน้า ตั้งแต่ที่ขึ้นต้นว่า กับกระดาษแผ่นเดียว... (ตรงที่นีโก้คิดว่าจะไม่ระแวงไอโอเนลละ) มันดูโผล่มาลุ่นๆ ไปหน่อยนึงนะ ถ้ามีเวลาลองเกลาให้เนียนขึ้นนิดนึง จะได้เป็นธรรมชาติขึ้น คิดว่าบทนี้น่าจะเร่งแต่งด้วย มีจุดไม่สมูทนิดๆ แต่เกลาก็หายแล้ว
คุณแม่เป็นเจ๊ขาโหดดี XD ว่าแต่คุณแม่แต่งเข้ามาใช่ไหม ทำไมรู้เรื่องบ้านรัซเซลเยอะจัง
หวังว่าจะได้อ่านต่อตอนที่ 6 นุ
ลวิตร์