
EN17 ภารกิจแจกรักของกามเทพพันธุ์พิลึก
คุณเชื่อเรื่องกามเทพไหม? แล้วถ้ากามเทพนั้นเป็นหนุ่มมาดร็อคสุดอินดี้แบกอาวุธสงคราม คุณยังจะเชื่อไหม? จงลืมทุกกามเทพที่คุณเคยรู้จัก เพราะนี่คือกามเทพพันธุ์พิลึกที่จะมาแจกรักให้กับพวกคุณ!
ตอน 5
บริการหลังการขายกับเหยื่อรายแรก
“งั้นไปกันเถอะ” เรนัสยืนบิดขี้เกียจก่อนจะหันมาเอ่ยชวนกริชญะ หลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจได้ว่าเป้าหมายแรกคือใคร
“อืม” กริชญะพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะสะกิดใจบางอย่างจึงรีบหันไปถามเรนัสทันที
“เดี๋ยวนะเรนัส แล้วเราจะไปกันยังไง? อย่าบอกนะว่า...”
“บินไปไง” และก็เป็นไปตามที่กริชญะคิดไว้ไม่มีผิด ทำให้เขาหวนไปคิดถึงฉากหวาดเสียวตอนมาที่สวนนี่ขึ้นมาจนพาลทำให้คลื่นไส้อยากคายของเก่าออกมาทันที
“มะ มีวิธีอื่นนอกจากบินไหมอ่ะ อย่างพวกเทเลพอร์ตอะไรงี้” กริชญะถามต่ออย่างเสียงอ่อยโดยหวังว่าอาจจะยังพอมีความหวังอยู่บ้างแม้จะริบหรี่ก็ตามที และเรนัสก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เมื่อคำตอบที่ออกมานั้นเล่นเอาเขาถึงกับหน้าหงายเลยทีเดียว
“กามเทพนะเฟ้ยไม่ใช่ผู้วิเศษจะได้มีความสามารถหลากหลายขนาดนั้น ท่าทางนายจะอ่านนิยายมากไปแล้วนะยะ ไม่สิหรือควรจะบอกว่าสมเป็นสกิลมโนของนักเขียนกันดีนะ” แต่ถึงได้คำตอบที่ทำลายความหวังจนไม่เหลือซากขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะคราวนี้มันเดิมพันด้วยชีวิตของเขาเลยนะ เกิดต้องไปบินผาดโผนแบบนั้นอีกมีหวังช็อกตายก่อนแน่ๆ
“แต่มันก็น่าจะมีทางอื่นมั่งสิ?”
“ยะนายเนี่ยเรื่องมากเหมือนกันนะ” เรนัสหลิ่วตามองอีกฝ่ายอย่างเอือมระอา
“ก็จะไม่ให้เรื่องมากได้ไงล่ะเฟ้ย! เรื่องเสี่ยงตายถึงชีวิตแบบนี้!” กริชญะที่เริ่มจนตรอกก็โวยวายออกมาทั้งน้ำตา จนเรนัสที่มองอยู่จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเห็นใจ หรือที่ถูกคือสงสารเสียมากกว่า
“เฮ้อ ช่วยไมได้แฮะ” เรนัสบ่นพึมพำอย่างตัดรำคาญ เพราะยังไงตอนนี้อีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นคู่หูของเขาแล้วด้วย
“ก็พอมีล่ะนะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่านี่เป็นกรณีพิเศษ ปกติฉันไม่ยอมให้ใครมานั่งลูกรักของฉันง่ายๆ หรอกนะ” พูดจบเรนัสก็คว้าเครื่องวัดอนุภาคคืนมาจากกริชญะแล้วจิ้มนิ้วไปที่หน้าจอสองสามทีจนละอองแสงก็พุ่งออกมาก่อตัวเป็นรูปร่างของบางสิ่งตรงหน้าพวกเขา
ซึ่งสิ่งที่ละอองแสงก่อนตัวขึ้นมานั้นทำให้กริชญะต้องอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะสิ่งที่ปรากฏออกมานั้นมันคือ...
“ฮาร์เล่ย์เดวิสันเหรอ!!!!!!”
และสิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือมอเตอร์ไซด์คันยักษ์ ‘ฮาร์เล่ย์ เดวิสัน ซีวีโอ เบรกเอ้าท์’ รุ่นปี 2014 (Harley Davidson FXSBSE Breakout CVO 2014) คันสีดำสกรีนลายเปลวเพลิงขัดเงาอย่างสวยงามที่ทุกองค์ประกอบทั้งตัวถัง โครงรถ เครื่องยนต์ คันบังคับสีเงินเงางาม กระทั่งล้อแม็กยันลวดลายของดอกยางรถก็ล้วนถูกออกแบบมาอย่างประณีต จนเรียกได้ว่าเอาใจใส่ทุกสัดส่วนจริงๆ จนทำให้กริชญะอดจะอ้าปากตาโตด้วยความทึ่งไม่ได้แถมที่น่าเจ็บใจคือมันดันเข้ากับเรนัสได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนเขาต้องรองถามออกไป
“นี่นายมีของแบบนี้ด้วยเหรอ!? เป็นกามเทพแบบไหนกันเนี่ย”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะเอาอะไรออกมามิทราบ?”
“ก็ไม่รู้ล่ะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ฮาร์เล่ย์แน่ๆ”
“มันก็แล้วแต่รสนิยมของกามเทพแต่ละตนอ่ะนะ หรือนายอยากให้ฉันพาไปเหมือนเดิมก็ได้นะ” เรนัสแกล้งหยอกกริชญะกลับไปเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกเรื่องมาก และมันก็ได้ผลอย่างดีเพราะเจ้าตัวรีบเข้าลูบไล้รถฮาร์เล่ย์อย่างทะนุถนอมทันที
“แหมๆ ฮาร์เล่ย์นี่ล่ะดีแล้วทั้งเท่ สวยงาม หรูหรา ดูดีมีระดับเหมากับกามเทพผู้มีสไตล์แบบนายที่สุดแล้ว” กริชญะรีบพูดยกยอทันที ก่อนอีกฝ่ายจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
“ว่าแต่ถ้านายมีมอไซด์อยู่แล้วทำไมไม่เอาออกมาแต่แรกฟ่ะ พาฉันบินหวาดเสียงไปมาทำไมเนี่ย!” กริชญะโวยกลับทันทีที่นึกขึ้นมาได้
“ง่ายๆ เลยนะ” แต่เรนัสกลับไม่สะทกสะท้านพลางชูนิ้วขึ้นมาทีละนิ้วประกอบคำพูดของตน
“อย่างแรก บอกไปแล้วนี่ว่าเป็นลูกรักทำไมฉันต้องเอาออกมาให้ใครซ้อนท้ายด้วยมิทราบ? นางฟ้าสวยๆ หรือก็ไม่ใช่ แถมยังเป็นตัวผู้แบบนายอีกยิ่งไม่มีทางซะล่ะ” กริชญะที่ฟังเหตุผลที่ดูไร้สาระแต่กลับฟังขึ้นชอบกลจนได้หัวเราะแห้งๆ กลับไป
“สอง เมื่อกี้ฉันรีบถึงได้บินแทนเพราะเร็วกว่า” ได้ยินดังนั้นกริชญะก็ยังอดที่จะบ่นในใจเหมือนเดิมไม่ได้ว่า ‘ปากบอกรีบๆ แต่ดันพาเขาบินยังกะรถไฟเหาะเนี่ยนะ’
“เดี๋ยวนะ ถ้านายหวงรถขนาดนี้แล้วทำไมตอนเจอกันทำไมนายถึงตกมาจากฟ้าไม่ใช่กำลังขับฮาร์เลย์อยู่ล่ะ?” กริชญะสะกิดใจยางเรื่องจึงรีบถามออกไป
“ก็ตอนนั้นฉันเพิ่งบินข้ามอ่าวไทยมา นายจะให้ฉันขี่ลูกรักฝ่าน้ำทะเลมาหรือไง นายโง่หรือบ้ากันเนี่ย?” กริชญะได้แต่หลับตาอย่างอดกลั้นที่โดนอีกฝ่ายหลอกด่าอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเรนัสทำให้เถียงอะไรไม่ได้
“แต่อย่างนี้ก็สบายเลยล่ะสิ อยากได้อะไรก็เสกออกมาได้ถึงจะไม่ใช่ผู้วิเศษแต่แค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว” แต่เรนัสที่ได้ยินกลับส่ายหน้าช้าๆ ด้วยแววตาที่ปริ่มน้ำตาจนกริชญะถึงกับชะงักไป
“ถ้ามันเสกออกมาได้ง่ายขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ” เรนัสพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้าขณะลูบรถของตนเองอย่างเบามือ
“รู้ไหมกว่าฉันจะได้ลูกรักคันนี้มาต้องลำบากขนาดไหน ต้องใช้ยอดแผลงศรที่อุตส่าห์สะสมเลือดตาแทบกระเด็นมากขนาดไหนกว่าจะแลกมาได้”
“แลกมา? เหมือนเอาคะแนนสะสมไปแลกของรางวัลอย่างนี้อ่ะเหรอ?” กริชญะถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่แล้ว จริงอยู่ที่กามเทพสามารถเสกของอะไรออกมาได้แต่ก็แค่ของที่จำเป็นเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ถ้าอยากได้ก็ต้องเอายอดแลปงศรไปแลกแทน ฉันถึงได้บอกไงว่ายอดแผลงศรน่ะมันมีความสำคัญมากนอกจากสะสมเพื่อคว้ารางวัลชนะเลิศแล้วมันยังเอาไว้แลกของต่างๆ ด้วย แถมพอแลกของยอดก็จะลดลงตามไปด้วย ไม่ใช่แลกเปล่าๆ หรอกนะ” แล้วเรนัสก็บ่นออกมายาวเหยียดทั้งน้ำตาอย่างอดกลั้นมานาน จนแม้แต่กริชญะเองยังเห็นใจเดินเข้าตบไหล่อย่างให้กำลังใจ
“สังคมกามเทพมันอยู่ยากจริงๆ แฮะ” กริชญะเองก็ทำได้เพียงพูดปลอบใจเท่านั้น แม้จะไม่รู้ว่าที่ตนพูดไปนั้นมันจะเรียกว่าปลอบได้ไหมก็เถอะ
“ยะ!!” แต่ท่าทางคำปลอบนั้นจะได้ผลเสียด้วย เพราะจู่ๆ เรนัสก็โผเข้ากอดอย่างสภาพน้ำตานองหน้าราวกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน จนกริชญะทำอะไรไม่ถูกก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาพลางปลอบให้หยุดร้องไห้ไปในตัว
“เอาล่ะอย่ามัวคุยกันอยู่เลยรีบไปกันเถอะ” แต่เหมือนเรนัสจะรู้สึกตัวแล้วว่าตนเองกำลังทำเรื่องน่าอายอย่างมิอาจให้อภัย จึงรีบเช็ดน้ำตาแล้วแล้วกลับมายืนออกเสียงเร่งด้วยท่าทางเหมือนปกติทันทีแม้ว่าจริงๆ แล้วกริชญะจะแอบเห็นหน้าขึ้นสีนิดๆ จากอีกฝ่ายก็ตาม
ซึ่งกริชญะเองก็เพียงแอบอดยิ้มขำเท่านั้นเพราะพอมาคิดดูอีกทีแล้วท่าทางของอีกฝ่ายเมื่อกี้ก็เหมือนเด็กน้อยที่เข้ามาให้พี่ชายปลอบเวลาร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น
เรนัสขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ของตนก่อนจะสตาร์ทรถจนเครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามเฉพาะของฮาร์เล่ย์ออกมา
“ขึ้นมายะเราจะไปกันแล้ว” เมื่อได้ยินแบบนั้นกริชญะก็กระโดดขึ้นไปซ้อนท้ายอย่างไม่รอช้า ก่อนจะถามหาบางสิ่งจากเรนัส
“แล้วหมวกกันน็อคล่ะ?”
“ยะนายไปกับฉันยังต้องกลัวอะไรอีก” กริชญะได้ยินดังนั้นก็คิดขึ้นมาได้ ถ้าขนาดไปกับกามเทพแล้วยังเกิดอุบัติเหตุได้ก็คงไม่มีพาหนะไหนปลอดภัยแล้ว แม้ว่ากามเทพนั้นจะคือเรนัสก็ตาม ก่อนเจ้าตัวจะนึกบางอย่างออกจึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
“แต่น้องๆ ไม่ควรเลียนแบบนะครับ ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและไม่ผิดกฏจราจรด้วยนะครับ”
“นายพูดกับใคร?” เรนัสหันมาถามเมื่อเห็นกริชญะพูดกับอากาศอยู่คนเดียว ก่อนเจ้าตัวรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“อ้อ เปล่าไม่มีอะไร เรารีบไปกันเถอะ” แต่กริชญะก็บบอกปัดแล้วเร่งให้อีกฝ่ายออกรถสักที
เรนัสส่ายหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะบิดคันเร่งจนเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ดังกระหึ่มจากขุมพลังกว่า 1800 ซีซี ส่งให้เจ้าม้าเหล็กตัวนี้พุ่งทะยานตัดสนามแล้วออกประตูสวนสาธารณะเข้าสู่ถนนหลักอย่างรวดเร็ว
เรนัสบังคับรถให้ลัดเลาะไปตามถนนหนทางผ่านตึกรามบ้านช่องมากมายอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ระหว่างทางเจ้าตัวก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสเพิ่มยอดให้กับตัวเองหนีไปไหนเพราะตลอดทางก็ดันมีคนมีรักแรกพบมากอย่างไม่น่าเชื่อ เรนัสเลยโชว์ลีลาผาดโผนทั้งปล่อยมือขับรถแล้วเล็งยิงปืนลูกซองเข้าใส่หญิงสาวที่ขับผ่านตรงทางม้าลาย ก่อนที่อีกรายเจ้าตัวจะลุกขึ้นแล้วเหยียบไปที่คันบังคับพร้อมกับเล็งปืนไรเฟิลเข้ามใส่ชายหนุ่มอีกคน เรียกได้ว่าไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวจริงๆ
“ว่าแต่ขับกลางถนนแถมยังโชว์ลีลาขนาดนี้จะไม่มีใครเห็นจนเกิดเรื่องเหรอ?” กริชญะที่นึกขึ้นได้ว่าทำไมเรนัสที่โชว์ลีลาขนาดนี้ถึงยังไม่มีตำรวจมาเชิญโรงพักอีกถามขึ้น
“นั่งมากับฉันไม่ต้องห่วงหรอก เพราะถึงนายจะมองเห็นฉันแต่ใช่ว่าคนอื่นจะมองเห็นนี่และตราบใดที่นายอยู่ใกล้ๆ ฉันก็ไม่มีใครมองเห็นนายเหมือนกัน นอกจากฉันจะจงใจแสดงตัวให้เห็นก็เป็นอีกเรื่อง” กริชญะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบเครื่องวัดอนุภาคสำรองที่เรนัสเอาให้เพราะจะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้
กริชญะเลื่อนดูรายชื่อของคนที่เรนัสแผลงศรใส่ซึ่งยาวเป็นหางว่าวจนลายตาไปหมด ซึ่งจากคู่มือสำหรับกามเทพมือใหม่ที่เขาอ่านมาบอกไว้ว่าแต่ละชื่อจะมีตัวเลขเปอร์เซ็นกำกับเอาไว้ไล่ตั้งแต่ 100% เป็นตัวสีเขียวไล่ลงมาจนถึง 70% ก็จะเปลี่ยนเป็นตัวสีเหลือง และจะเปลี่ยนสีแดงก็ต่อเมื่อตัวเลขลดลงมาถึง 10% โดยจะเรียกแบ่งกลุ่มเหล่านี้ว่า โซนสีเขียว โซนสีเหลือง และโซนสีแดง
ซึ่งตัวเลขพวกนี้แทนค่าโอกาสสมหวังในรักแรกพบของแต่ละคนว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากที่อ่านในคู่มือค่าพวกนี้จะมากหรือน้อยขึ้นกับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเรื่องระยะเวลา พฤติกรรมทุกอย่างของคนๆ นั้นล้วนส่งผลต่อโอกาสสมหวังทั้งสิ้น เช่น การปล่อยเวลาทิ้งไปเฉยๆ ไม่ยอมเข้าไปทำความรู้จักโอกาสสมหวังก็จะยิ่งน้อยลง หรือเข้าไปจีบด้วยวิธี งี่เง่าที่สาวไม่ปลื้มก็ทำให้โอกาสสมหวังยิ่งน้อยลงเช่นกัน จนกริชญะอดบ่นออกมาไม่ได้เมื่อได้รู้ข้อมูลพวกนี้
“ยังกับเกมจีบสาวเลยแฮะ”
“เกมมันก็เอามาจากชีวิตจริงนั้นแหละ” ซึ่งเรื่องนี้กริชญะก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเลื่อนลงไปดูรายชื่อในโซนสีแดงซึ่งพบอยู่หลายรายเหมือนกัน แถมแต่ละคนก็อยู่ระดับน่าเป็นห่วงทั้งนั้น
ส่วนสาเหตุที่เขาเลือกมาช่วยคนที่อยู่ในโซนสีแดงมากกว่าไปช่วยโซนสีเขียวที่น่าจะช่วยให้สมหวังได้ง่ายกว่าก็เพราะถ้าหากทำให้คนที่มีโอกาสสมหวังน้อยจนแทบไม่มีโอกาสให้สมหวังได้ ก็จะยิ่งได้คะแนนคูณพิเศษมากกว่าปกติหลายเท่านั้นเอง ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ความรักใดยิ่งมีอุปสรรค เมื่อได้สมหวังมันยิ่งทรงคุณค่าเท่านั้น’
และคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็เห็นจะเป็นชายร่างท้วมนั้นเอง เพราะตอนนี้ตัวเลขได้ลดลงมาเหลือแค่ 5% แล้ว ในขณะที่คนอื่นถึงจะน่าห่วงไม่แพ้กันแต่ก็ยังไม่น้อยขนาดนี้
“โอกาสสมหวังจะลดลงเร็วหรือช้าก็ขึ้นกับเจ้าตัวด้วยล่ะนะ ถ้าถอดใจยอมแพ้ไปก่อนก็จะยิ่งลดลงเร็วแบบนี้ล่ะ” เรนัสหันมาบอกขณะบิดคันเร่งให้เร็วขึ้น เพื่อรีบมุ่งหน้าไปหาเป้าหมายของตนทันที และไม่ต้องแปลกใจไปว่าทำไมเรนัสถึงตรงดิ่งไปราวกับรู้อยู่แล้วว่าต้องไปที่ไหน นั้นก็เพราะเครื่องวัดอนุภาคที่เรียกว่าอเนกประสงค์สุดๆ นั้นเอง นอกจากทำหน้าที่คำนวณปริมาณอนุภาครักแรกแสดงโอกาสสมหวังแล้วมันยังมีข้อมูลเกี่ยวคนๆ นั้นอีกด้วย ไม่ว่าชื่อ ที่อยู่หรือกระทั่งข้อมูลส่วนตัว
ในที่สุดฮาร์เล่ย์คันงามก็แล่นมาจอดอยู่ข้างอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในแถบชานเมือง ซึ่งเป็นตึกสูง 5 ชั้นสภาพไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่าที่เหมาะสำหรับคนทำงานมาอาศัยอยู่ ที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายเป็นทรงสี่แหล่มผืนผ้ามีทางเดินตัดผ่านหน้าห้องตลอดแนวซึ่งมีรั้วกั้นสูงกว่าเอว มีประตูหน้าต่างของแต่ละห้องเรียงรายในระยะที่เท่ากันตลอดทั้งชั้นและตัวตึกเป็นสีครีมสบายตา แถมที่น่าสนใจคือทำเลที่ตั้งที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะอยู่ชานเมืองแต่อยู่ใกล้กับถนนสายหลักทำให้มีการคมนาคมที่สะดวกและยังอากาศดีอีกด้วย
“แล้วไอ้อ้วนนั้นอยู่ห้องไหนอ่ะ” เรนัสถามออกมาอย่างไม่รีรอเมื่อรถจอดสนิท
“ช่วยเกรงใจลูกค้าสักนิดก็ดีนะ อยู่ชั้น 4 ห้องที่3 นับจากซ้าย” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่กริชญะเองก็เหมือนจะเข้าขากับเรนัสมากขึ้นจนเริ่มชินกับศัพท์ที่พวกกามเทพใช้กันมั่งแล้ว
“อืม” เรนัสเพียงคลางในลำคอแทนคำตอบพลางเงยหน้ามองหาตำแหน่งของห้องนั้น
“แล้วเราจะเอาไงต่อดี?” กริชญะหันถามไปเรนัสอย่างขอความเห็น
“ก็ไปแอบดูสิ”
“แอบดู?” และพูดยังไม่ทันขาดคำ เรนัสก็คว้าคอเสื้อด้านหลังของกริชญะแล้วกางปีกพร้อมกับออกแรงลากเขากระโดดสูงขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกข้างๆ กันที่ถึงจะไม่สูงเท่าแต่ก็เพียงพอต่อการแอบดูครั้งนี้
“ไอ้บ้า! อย่าเล่นแบบนี้อีกนะหัวใจเกือบวายตาย!”
“อย่าป๊อดนักเลยน่า เอานี่” พูดจบเรนัสก็โยนกล้องส่องทางไกลแบบสองตามาให้ ในขณะที่ตัวเองกำลังถือกล้องอีกตัวขึ้นแนบตาส่องไปทางอพาร์ทเม้นท์ฝั่งตรงข้ามอย่างคล่องแคล่ว
“คล่องเหมือนกันนะเนี่ย” แล้วกริชญะก็ได้ถือโอกาสแซวอีกฝ่ายสักนิดก่อนจะทำตาม
ทั้งคู่ส่องหาห้องเป้าหมายทันที และเหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเขาเพราะห้องที่ตามหานั้นไม่ได้ปิดผ้าม่านทำให้มองเห็นภายในได้อย่างชัดเจนแถมตอนนี้ยังเป็นช่วงบ่ายนิดๆ อีกด้วยทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องความแสงสว่างอีกด้วย
ซึ่งห้องนี้เป็นห้องเดี่ยวสี่เหลี่ยมขนาดกว้างพอสมควร โดยมีห้องน้ำในตัวและมีการแบ่งสัดส่วนระหว่างเตียงนอนและโต๊ะทำงานไว้พอเหมาะ
แต่ทันทีที่เห็นสภาพภายในห้องนั้นกลับทำให้ทั้งสองถึงกับผงะ เพราะภายในห้องนั้นคำว่าเละเทะยังไม่อาจนำมานิยามได้ มันทั้งรก สกปรก ข้าวของระเกะระกะไปทั่วไม่ว่าจะถ้วยเปล่าของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถ้วยจานที่ใช้แล้วกองสุมไว้ไม่ยอมล้างหรือกระทั่งกล่องข้าวจากร้านสะดวกซื้อกับขวดน้ำมากมายที่กองสุมตามจุดต่างๆ ทั้งห้อง
ขนาดทั้งสองที่เพียงแค่เห็นจากที่ไกลๆ ยังไม่อาจทำใจรับสภาพห้องนั้นได้ จนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันใช่ห้องที่พวกเขาตามหาไหม เพราะมันจะมีใครอาศัยอยู่ในห้องเก็บขยะแบบนี้ด้วยเหรอ ก่อนที่พวกเขาจะส่องจนไปพบกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้อง
และแล้วพวกเขาก็ได้พบกับเป้าหมายที่ตามหา...ชายร่างท้วมในชุดเสื้อกล้ามกางเกงบ๊อกเซอร์กำลังนั่งจมอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่พอๆ กับตัวเองอยู่หน้าโต๊ะตัวนั้น
ซึ่งชายร่างยักษ์กำลังนั่งจ้องจอมอนิเตอร์ที่มีขนาดกว่าสามสิบนิ้วและบนจอก็กำลังแสดงภาพวาดลายเส้นแบบการ์ตูนของหญิงสาวคนหนึ่งอยู่
“ทะ ทำไมไอ้อ้วนนี่มันถึงได้ซกมกได้ขนาดนี้เนี่ย” เรนัสเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะมีคนซกมกได้ขนาดนี้อยู่ในโลกด้วย
“ถึงฉันจะพอมีเพื่อนที่เป็นแบบนี้บ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้สักคน ต้องยอมยกนิ้วให้เลยแฮะ ว่าแต่หมอนั้นเป็นใครล่ะเนี่ย” เมื่อกริชญะถามขึ้นทั้งสองจึงพร้อมใจกันละสายตาออกมาจากห้องที่โคตรสกปรกนั้นหันกลับมานั่งในดาดฟ้าแล้วหยิบเครื่องวัดอนุภาคขึ้นมาดูข้อมูลของชายคนนั้นทันที
ชื่อ : นายสมบูรณ์ แซ่อุดม (ตี๋)
อายุ : 28 ปี
อาชีพ : ฟรีแลนซ์ รับวาดภาพอิสระ
รายละเอียดอื่นๆ : ชื่นชอบการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจ
“ว้าว โปรไฟล์สุดยอดเลยแฮะ” กริชญะพูดขึ้นอย่างประชดประชันเมื่อได้เห็นข้อมูลดังกล่าว
“สุดยอดในด้านไหนล่ะนั้น” เรนัสพูดต่ออย่างหมดแรง “อย่างนี้ก็พอเดาได้แล้วล่ะว่าทำไมโอกาสสมหวังมันถึงได้น้อยขนาดนี้”
“นายก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ง่ายๆ สิ อะไรมันก็ไม่แน่นอนนะไม่แน่หมอนี่มันอาจจะมีอะไรดีในตัวก็ได้” กริชญะพยายามพูดให้กำลังใจ แม้ว่ามันอาจจะไม่ค่อยมีหวังเท่าไหร่แล้วก็ตาม
“เราไปดุข้อมูลฝ่ายหญิงกันก่อนเถอะ ไม่แน่อาจจะพอมีหนทางอะไรก็ได้” ว่าแล้วกริชญะก็รีบเลื่อนไปหาข้อมูลของหญิงสาวที่ทำให้เจ้าหนุ่มร่างยักษ์คนนี้ตกหลุมรักได้
และทันทีที่ทั้งสองเห็นภาพกับข้อมูลของหญิงสาวพวกเขาก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมขึ้นมาดื้อๆ แต่ละคนต่างกุมขมับไม่ก็เอามือก่ายหน้าผากคิดหนัก
“บ้าเอ้ย แล้วแบบนี้จะยังมีหวังไหมเนี่ย” กริชญะเอ่ยอย่างสิ้นหวัง
“ที่บอกว่า ‘หมาวัดกะดอกฟ้า’ หรือ ‘หมาเห่าเครื่องบิน’ นี่คือแบบนี้เองสินะ” เรนัสเองก็เอ่ยออกมาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย
ซึ่งการที่ทั้งสองหมดอาลัยตายอยากขนาดนี้ก็ไม่แปลก เพราะข้อมูลของหญิงสาวคนนี้ที่นอกจากรูปร่างหน้าตาจะสวยอย่างกับนางแบบแล้ว โปรไฟล์ของเธอนั้นก็ไม่ธรรมดาอีกด้วย
ชื่อ : รัตนา อรุณแสง (พลอย)
อายุ : 25 ปี
อาชีพ : แอร์โฮสเตส
รายละเอียดอื่นๆ : เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ หลักสูตรนานาชาติ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วสอบเข้าเป็นแอร์โอสเตสด้วยคะแนนสูงสุดของสายการบินชื่อดังของเมืองไทย และกำลังมีสายการบินอันดับต้นๆ ของโลกมาทาบทามให้ไปทำงานด้วยในขณะนี้
เมื่อเห็นข้อมูลนี้พวกเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโอกาสสมหวังของชายร่างท้วมนั้นถึงได้ต่ำเตี้ยเรียบดินจนเรียกว่าสิ้นหวังได้ขนาดนี้ จนทั้งสองอดจะร้องตะโกนออกมาอย่างหมดหนทางไม่ได้ว่า...
“แล้วจะช่วยมันยังไงล่ะเนี่ยยยย!!!!!!”
<><><>
ภารกิจแจกรักของกามเทพพันธุ์พิลึก
ผู้แต่ง : เทียนหลง
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | กามเทพไม่มีจริงหรอก! | 14 ก.พ. 59 |
| 2 | กามเทพแบบนี้ก็มีด้วย? | 08 มี.ค. 59 |
| 3 | นี่เหรอการแผลงศรแห่งศตวรรษที่ 21 | 16 มี.ค. 59 |
| 4 | สังคมกามเทพนั้นอยู่ยากขึ้นทุกวัน | 23 มี.ค. 59 |
| 5 | บริการหลังการขายกับเหยื่อรายแรก | 30 มี.ค. 59 |





บทนี้อธิบายเกี่ยวกับระบบของนิยายเรื่องนี้ โผล่มาในจังหวะที่เหมาะสมแล้วคับ
คอมเมนท์ครั้งสุดท้ายนี้ อยากจะฝากในจุดที่ละเอียดอ่อนที่สุด
นั่นคือสำนวนการเขียนคับ
(ปล. พยายามโพสต์คอมเมนท์เกือบชั่วโมงแล้ว แต่ไม่ผ่าน คงเพราะยาวไป T T
พยายามตัดแล้วตัดอีกก็ยังไม่ผ่านครับ เพราะงั้นคงต้องตัดทิ้งไปเยอะ
อย่างไร ถ้ามีโอกาสจะส่งเวอร์ชั่นเต็มให้ทางหลังไมค์นะครับ)
ข้อดีของสำนวนการเขียนเรื่องนี้คืออารมณ์ขันนะคับ
แต่จุดบกพร่องคืออ่านแล้วให้ความรู้สึกเยิ่นเย้อ
แต่จะว่าไป ถ้าบก.แก้สำนวนนักเขียนคนไหนด้วย 'ความรู้สึก'
สุดท้ายงานทุกงานก็จะกลายเป็นสำนวนบก.คนนั้นไปหมดจริงมั้ยครับ
ดังนั้นจะยกหลักการมาให้ดูประกอบนะครับ ว่าเรื่องนี้สำนวนบกพร่องตรงไหนบ้าง:
[ใช้คำซ้ำ/ ใช้ประโยคซ้อนประโยคโดยไม่จำเป็น]
- กริชญะที่ฟังเหตุผลที่ดูไร้สาระแต่กลับฟังขึ้นชอบกลจนได้หัวเราะแห้งๆกลับไป
- ลองตัดคำซ้ำ(ที่)ออกไปนะครับ และพอลองแตกประโยคให้เป็นประโยคเดี่ยว จะเห็นว่าอ่านง่ายขึ้น
- แก้เป็น: เหตุผลนี้ดูไร้สาระ แต่กลับฟังขึ้นชอบกล กริชญะได้แต่หัวเราะแห้งๆกลับไป
[ใช้คำซ้ำ(คำว่า 'ทำไม')]
- ถ้านายหวงรถขนาดนี้แล้วทำไมตอนเจอกันทำไมนายถึงตกมาจากฟ้า
[จัดย่อหน้าไม่ถูกต้อง ทำให้สับสนว่าใครเป็นผู้พูด]
- "ก็ตอนนั้นฉันเพิ่งบินข้ามอ่าวไทยมา นายจะให้ฉันขี่ลูกรักฝ่าน้ำทะเลมาหรือไง นายโง่หรือบ้ากันเนี่ย?" กริชญะได้แต่หลับตาอย่างอดกลั้นที่โดนอีกฝ่ายหลอกด่าอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเรนัสทำให้เถียงอะไรไม่ได้ --->ตรงนี้คำพูดเรนัส แต่พอพูดจบดันเอากริชญะตามหลัง ทำให้เข้าใจว่ากริชญะเป็นคนพูด
- แก้โดยการจัดย่อหน้าใหม่:
"ก็ตอนนั้นฉันเพิ่งบินข้ามอ่าวไทยมา นายจะให้ฉันขี่ลูกรักฝ่าน้ำทะเลมาหรือไง นายโง่หรือบ้านกันเนี่ย?"
กริชญะได้แต่หลับตาอย่างอดกลั้นที่โดนอีกฝ่ายหลอกด่าอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเรนัสทำให้เถียงอะไรไม่ได้ "แต่อย่างนี้ก็สบายเลยล่ะสิ อยากได้อะไรก็เสกออกมาได้ถึงจะไม่ใช่ผู้วิเศษแต่แค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว" กริชญะพูดต่อ
แต่เรนัสที่ได้ยินกลับส่ายหน้าช้าๆ...
[ใช้คำผิดความหมาย]
- แก้เป็น: ครางในลำคอ
ปล.ต้องขออภัยนะครับ หากคอมเมนท์ละเอียดไป แต่หวังจากใจเลยว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวนักเขียนเองไม่มากก็น้อย > <
ดาวิษ ชาญชัยวานิช