EN02 Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทมนตร์
จะหาใครในโลกนี้ซวยเท่าผมได้ มีเเม่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ มีพ่อเป็นเรนเจอร์ในขบวนการห้าสี เเละทั้งคู่ก็คิดเองเออเองว่าอยากให้ผมสืบทอด...ได้เเต่หวังว่าความเป็นชายของผมจะไม่สั่นคลอนไปจนถึงตอนจบของเรื่อง!
[Chapter 5] : ใบประกาศของสาวน้อยเวทมนตร์
“ไม่เป็นไรนะ ดาร์เรน ฉันจะส่งเธอไปหาแม่เดี๋ยวนี้ล่ะ”
ปืนของคุดะพิงค์พร้อมจะปลิดชีวิตได้ทุกเมื่อ มันเป็นวินาทีที่ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่รอดแล้ว ผมกอดร่างอันไร้วิญญาณของแม่เอาไว้แน่น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนผมรู้สึกอยากจะอาเจียน ผมไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับชะตากรรมนี้…
“ดาร์เรน!!!”
ในวินาทีที่ผมกำลังถอดใจ ผมได้ยินเสียงตะโกนอันคุ้นเคย…เสียงของพ่อ ดาบเรียวยาวของพ่อพุ่งเข้ามาหาคุดะพิงค์ นั่นทำให้เธอต้องกระโดดหลบการโจมตีไปอีกทางหนึ่ง พ่อในชุดบอดี้สูทสีแดงเข้ามาบังผมเอาไว้ เพราะมีหมวกกันน็อคปิดหน้า ผมเลยไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อมีสีหน้ายังไงกันแน่
“เธอทำบ้าอะไรของเธอ!!” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมได้ยินพ่อตะคอก มือของพ่อสั่นไปหมด ใบหน้าหันตรงไปที่คุดะพิงค์ ซึ่งเธอดูจะไม่สะทกสะท้านเลย นอกจากไม่เสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแล้ว..เธอยังหัวเราะอีกด้วย
ผมคิดว่าเธอไม่ใช่คนแล้ว…คุดะพิงค์ที่ผมรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้
“เธอทำอะไรของเธอ พิงค์…เธอเอาปืนจ่อหัวลูกชายฉัน!!!”
“ลูกชายนายสมควรตาย พอๆกับเมียของนายนั่นแหละ”
“นี่เธอ!!!”
ปกติพ่อไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่ตอนนี้พ่อพุ่งเข้าไปหาอดีตเพื่อนร่วมขบวนการอย่างไม่ลังเล ภาพความทรงจำที่เคยมีร่วมกันนั้นถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในหัวสมองของผมตอนนี้นึกเรื่องที่มีความสุขไม่ออกสักเรื่อง ผมมีอารมณ์มากมายผสมปนเปกันมั่วไปหมด ทั้งเศร้าใจ ทั้งแค้น…ผมอยากให้ผู้หญิงคนนี้ตายไม่ว่าจะต้องใช้วินาทีไหนก็ตาม
“เรด!!” สมาชิกขบวนการผลไม้ของพ่อเริ่มทยอยวิ่งเข้ามา พวกเขาดูตกใจและสับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคุดะพิงค์เห็นอดีตเพื่อนร่วมขบวนการปรากฏตัวออกมาครบทีม เธอก็ตัดสินใจหนี…มันเป็นความคิดที่ฉลาดเพราะลำพังเธอเพียงคนเดียวนั้นคงไม่สามารถต่อกรกับเรนเจอร์อีกสี่คนได้
ในขณะที่พวกผู้ใหญ่วิ่งไล่จับผู้หญิงทรยศคนนั้น สิ่งที่ผมทำคือกอดศพของแม่…ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาอาบแก้มเป็นสายหยดลงบนใบหน้าอันซีดเซียวนั้น แม่ตายทั้งๆที่ดวงตายังเบิกค้าง ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น…
เธอทำไปทำไมกัน…ไม่มีใครสามารถให้คำตอบผมได้
เพราะวันนั้นคนทรยศได้หนีไปเสียแล้ว
+++++++++++
“….พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพทรงพอพระทัยเรียกพี่น้องของเราให้ออกจากโลกนี้กลับไปหาพระองค์แล้ว เราจะฝากร่างกายของเธอไว้ในดิน กายนั้นมาจากดิน ก็จะกลับเป็นดินดังเดิม”
แม้จะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ แต่งานศพของพวกเราก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป บรรยากาศในงานสลดหดหู่ตั้งแต่ที่โบสถ์ ซึ่งพ่อเป็นคนออกไปพูดรำลึกถึงแม่ ความดีที่แม่เคยทำ…แค่ได้ฟังผมก็รู้สึกทนไม่ได้ ผมทำใจไม่ได้จริงๆที่แม่จากไปแล้ว มันเหมือนแม่ยังอยู่ตรงนี้..ไม่ได้ไปไหน
งานศพล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงพิธีฝัง ผู้เข้ามาร่วมงานนั้นมีทั้งพวกเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยของแม่ พวกเขาเป็นคนปกติ…ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ สิ่งที่คนทั่วไปรับรู้คือ แม่ได้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมที่ห้างแห่งนั้น
ที่นี่เป็นสุสานของเมืองเต็มไปด้วยป้ายหินอ่อนสีขาวหลากรูปร่างเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่สีเขียวชอุ่มที่ถูกโอบล้อมด้วยรั้วเหล็กดัดสีดำ มีรูปปั้นปูนขาวของนางฟ้ากับเทวดาตั้งกระจายอยู่รอบๆคล้ายกำลังช่วยกันสวดส่งให้คนที่มานอนอยู่ในพื้นที่นี้ได้พักผ่อนอย่างสงบรวมถึงแม่ของผมด้วย
“….แต่เนื่องจากพระคริสตเจ้าได้กลับคืนพระชนมชีพเป็นคนแรกในบรรดาผู้ตาย และจะทรงปฏิรูปร่างกายอันต่ำต้อยของเราให้เหมือนพระวรกายอันรุ่งโรจน์ของพระองค์”
บาทหลวงยืนอยู่ข้างหลุมที่ถูกขุดเอาไว้จนลึก ใกล้ได้เวลากลบดินฝังแล้ว ผู้คนสวมชุดดำไว้ทุกข์มีดอกไม้อยู่ในมือเพื่อเตรียมโปรยลงในหลุม ผมพยายามหลอกตัวเองว่าที่นี่เป็นเพียงแค่สนามหญ้าธรรมดาไม่ใช่สุสาน…แต่ผมหลอกตัวเองได้ไม่นานจริงๆ เนื่องจากมีบอร์ดประดับดอกไม้ติดรูปของแม่สมัยยังมีชีวิตเอาไว้เต็มไปหมด
ผมไม่อยากมองรูปพวกนั้น ไม่อยากมองดอกไม้สีขาวที่ใช้ไว้อาลัย…สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำให้แม่ฟื้นขึ้นมาได้ ผมไม่มีโอกาสจะได้เอ่ยคำขอโทษต่อเรื่องแย่ๆที่ได้กระทำลงไป ตอนนี้หัวใจทั้งดวงคล้ายจมลงไปสู่ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
‘เดซี่ อลิซาเบธ ฟรอสต์
แด่ภรรยา แม่และเพื่อนผู้เป็นที่รักของพวกเรา
14 กุมภาพันธ์ 1976-21กรกฎาคม 2016’
ป้ายหลุมศพหินอ่อนตอกย้ำความจริงที่ผมต้องเชิญ ผมลองภาวนากับรูปปั้นเหล่าเทวดาในสุสานแห่งนี้…อธิฐานกับท้องฟ้าขอให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่นั่นก็เป็นเรื่องโง่เง่า ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆในโลกที่จะพาแม่กลับมาหาผม…
แม่…แม่….
แม่ครับ..
“โอเคนะ ดาร์เรน..” เมเดียหันมามองผมหลังจากเสร็จพิธี เพื่อนในห้องผมมางานนี้กันทุกคน…ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องมาร่วมก็ได้แท้ๆ พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น “โอเค…” ผมโกหก ข้างในผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไหวเลยสักนิดเดียว แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้โกหกออกไป
“ดาร์เรน…”
“หยุดพูดเหอะ” ผมมองหลุมศพของแม่ที่ถูกกลบเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงผู้คนในงานพูดคุยกันถึงความน่ากลัวของ ‘สัตว์ประหลาด’ กัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนปกติจะกลัว พวกสัตว์ประหลาดนั้นคือศัตรูของฮีโร่ทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่สาวน้อยเวทมนตร์หรือเรนเจอร์ พวกมันมีถิ่นกำเนิดหลากหลาย ไม่ว่าจะมาจากต่างดาวหรือต่างมิติ เหตุผลที่เข้ามาก่อความวุ่นวายก็ล้วนแตกต่างกันออกไปในแต่ละเผ่าพันธุ์ นั่นคือเหตุผลที่ต้องมีฮีโร่ประจำอยู่ตามเมืองต่างๆ
แต่พอนึกไปถึงสัตว์ประหลาดที่ผมเจอในห้างวันนั้น…มันต่างกับสัตว์ประหลาดทุกตัวที่ผมเคยเจอ
“พรุ่งนี้นายจะไปโรงเรียนใช่มั้ย…ดาร์เรน! เดี๋ยวสิ!!” เมเดียไม่ยอมหยุดพูดตามที่ผมขอร้องเลยสักนิด หมอนั่นดูตกใจที่อยู่ดีๆผมก็เดินหนีมันไปดื้อๆ ผมรู้ว่ามันไม่สมควรที่ปล่อยพ่อให้รับหน้าพวกแขกตามลำพัง แต่ผมมีเรื่องอื่นที่ต้องคิด
“นายจะไปไหนเนี่ย!”
“ไปหาที่สงบๆ…”
“โธ่…ดาร์เรน!!” เมเดียคว้าไหล่ของผมให้หยุดเดิน มันพยายามจะทำให้ผมหันมา…แต่ผมไม่ยอมหันไปมองหน้ามันหรอก น้ำตาของผมมันไหลลงมาอาบแก้มไปหมด มันไม่สามารถกลั้นได้อีกแล้ว ดังนั้นต่อให้ตายผมไม่มีทางให้เพื่อนเห็นผมในสภาพนี้ ผมไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าครู เพื่อนร่วมชั้น…หรือใครทั้งนั้น
“นาย…โอเคนะ?”
“หุบปาก!! แกพูดประโยคนี้วนไปวนมาสองสามรอบแล้วนะ สมองคิดอย่างอื่นไม่เป็นแล้วรึไงวะ!!!”
เมเดียยืนนิ่งอึ้ง…คงเพราะผมตวาด อารมณ์ของผมขึ้น มันเหมือนทุกอย่างที่ผมพยายามเก็บกดมันเอาไว้กำลังระเบิดออกมา ผมหันไปมองเมเดียด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา สารรูปน่าสมเพชที่ผมไม่อยากให้ใครเห็นที่สุด
“อะไรทำให้แกคิดว่าฉันโอเควะ? ฉันเกลียดบรรยากาศในงานนั่น เกลียดดอกไม้สีขาว เกลียดรถสีดำที่ใช้พาแม่มาที่นี่...ฉันไม่โอเค…ฉันไม่โอเคเว้ย!!! ต้องให้ฉันตะโกนสักสิบรอบมั้ย?...ฉัน…ไม่…โอ…เค….ฉันไม่โอเค!! ฉันไม่โอเค!! ฉันไม่โอเค!!!!” มันเป็นครั้งแรกที่ผมตะโกนดังขนาดนี้ เปล่งเสียงแบบไม่สนใจคนรอบข้าง เขื่อนที่คอยกั้นความคับข้องใจที่กดเอาไว้ตลอดงานศพของแม่ได้พังทลายลงมา
ความโกรธและเกลียดชังได้ย้อมหัวใจของผมจนดำมืด ผมรู้สึกอยากจะบีบคอเมเดียให้ตายด้วยซ้ำ..ทั้งๆที่มันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ผมก็รู้สึกโกรธ ผมรู้สึกอยากจะระบายความอัดอั้นนี้กับใครสักคน ปากของผมพ่นคำพูดเลวร้ายออกมาใส่เพื่อนไม่หยุด
“เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวเป็นยูนิคอร์นมุ้งมิ้งในสวนดอกไม้สักที มันน่ารังเกียจว่ะ…ทำตัวเหมือนกับเป็นแฟรี่เจ้าหญิงปัญญาอ่อน แกไม่มีหัวคิดเหรอ? แม่ฉันเพิ่งตาย…ฉันจะโอเคเหรอวะ? แกตอบฉันมาสิ…แกตอบฉันมาสิ!!!”
“ดะ ดาร์เรน…”
“เรียกชื่อฉันทำไม…แล้วนี่ยืนนิ่งทำไม ห๊า? ไปสิวะ…อย่ามายุ่งกับฉัน จะไปหาสวนดอกไม้ที่ไหนก็ไป!! ไปสิ…ไปสิ ไสหัวไปสิโว้ยยยยยยย!!!”
ผมเห็นน้ำตาเอ่อคลอดวงตาของเมเดีย..ก่อนจะไหลลงมาอาบแก้มเป็นสายเล็กๆ
สิ่งนั้นเรียกสติของผมกลับมา
“…เข้าใจแล้ว” เมเดียพูดเสียงเบา ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไปจากตรงนั้น มันเป็นวินาทีที่ผมตระหนักว่า…ผมกลายเป็นปีศาจร้ายไปเสียแล้ว ส่วนเล็กๆในใจของผมคัดค้านการกระทำของตัวเองก่อนหน้านี้ ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา ผมจึงคว้ามือของเมเดียเอาไว้ก่อนที่มันจะจากไป
“ขอโทษนะ…”
ไม่มีประโยคไหนที่ผมอยากจะพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมหลุบตาลงมองพื้นเพราะไม่สามารถทนมองหน้าเมเดียได้ ความโกรธก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความละอายใจ ผมหายใจแรงๆและพยายามปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้า แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ผมก็ทำตัวปกติไม่ได้เลย…ผมไม่สามารถกลั้นเสียงสะอื้นได้ ไหล่ก็สั่นไปหมดแล้ว
“ขอโทษนะ…เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ..ขะ..ขอโทษ…ขอโทษจริงๆ”
เมเดียเดินเข้ามาใกล้แล้วตบบ่าผมเบาๆ เมื่อผมเผลอเงยหน้าขึ้นมา…ภาพของเพื่อนตรงหน้ากลับไม่ชัดเจนเอาเสียเลย มันถูกบดบังด้วยน้ำตา “เราเข้าใจ…” เพื่อนของผมพูดด้วยเสียงนุ่ม เมเดียจูงมือผมเดินออกมาผ่านรั้วเหล็กดัดสีดำของสุสาน สุดท้ายพวกเราก็ทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งเล็กๆ เฝ้ามองผู้คนหรือรถที่ผ่านมาตามทาง…
“…อยู่ๆสาวน้อยเวทมนตร์คนนั้นก็กลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดไปด้วย พลังของแม่ใช้กับพวกมันไม่ได้ผล ฉันเองก็ไม่เข้าใจนักหรอก” ผมเปิดปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนอื่นฟังเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครถาม..ผมเลือกที่จะทำเพียงยืนนิ่งๆเท่านั้น
“แล้วก็คุดะพิงค์…” ทันทีที่ชื่อนี้ออกมาจากปาก ผมก็ไม่สามารถเล่าอะไรต่อได้
“เราเข้าใจ..” เมเดียส่ายศีรษะ “ดาร์เรนไม่ต้องฝืนหรอก ทุกอย่างมันหนักอึ้งไปหมด…เรารู้”
“อืม….”
สายตาของผมทอดมองรถที่กำลังแล่นอยู่บนถนน ผู้คนที่เดินขวักไขว่บนทางเท้า หลายคนมากันเป็นครอบครัว มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ก่อนหน้านี้ผมยังคุยเล่นกับแม่อยู่เลย มันทำใจได้ยากที่จะบอกว่าตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว…เรื่องเลวๆที่ผมเคยทำเอาไว้กับแม่กลายเป็นเหมือนกับหนามแหลม มันทิ่มแทงหัวใจของผมจนเป็นรูโหว่….ผมไม่เคยรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำไปมันเลวร้ายเลย จนวันที่แม่จากไปตลอดกาล
ผมเคยขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ให้แม่ยืนเรียกผมไปกินข้าวอยู่หน้าห้องทั้งคืน…ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองแย่สุดๆแล้วที่ต้องคอยมารับมือโรงเรียนสีชมพูเห่ยๆ แต่ผมไม่เคยคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง เฝ้ารอเวลาที่ผมจะกลับมาจากโรงเรียนเพื่อได้พูดคุยกับผม…ผมพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว
ผมเคยพูดไม่ดีกับแม่ เคยเหวี่ยง…เคยโกรธแม่ด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ทำไมเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้วะ…ดาร์เรน?
ทำไมวะ…ทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้แม่ไม่อยู่กับแกแล้ว?
ทำไมวะ…ทำไม…ทำไม…
แกรบ…แผ่นกระดาษบางๆถูกพัดปลิวมาติดรองเท้าของผม ภาพถ่ายที่ถูกพิมพ์เอาไว้บนกระดาษแผ่นนั้นดึงผมกลับมาจากภวังค์ เมื่อหยิบขึ้นมาดู ผมพบว่ามันเป็นแผ่นประกาศตามหาคนหาย และคนที่อยู่ในภาพเป็นเด็กผู้หญิง ผมสีน้ำตาลยาว ดวงตากลมโตอันแสนคุ้นเคยจ้องตรงมาที่ผม
ผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน..
“ดาร์เรน?” เมเดียหันมามองผมด้วยแววตาสงสัย
“เด็กผู้หญิงคนนี้…สาวน้อยเวทมนตร์ที่ฉันเจอในห้องน้ำ” ผมชี้ไปที่ภาพในใบประกาศ ผมจำใบหน้าของหล่อนได้ดี เด็กผู้หญิงที่ปูหนังมนุษย์บ้าๆนั่นไต่ออกมาจากลำคอของเธอ เจ้าปูที่เวทมนตร์ของสาวน้อยเวทมนตร์ทำอะไรมันไม่ได้เลย แล้วสุดท้าย..เด็กคนนี้ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาด
‘ประกาศคนหาย
คุณเคยเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้บ้างไหม?
ซูซาน เกรย์ (อายุ 15 ปี)
ซูซานมีผมสีน้ำตาล สวมเสื้อลูกไม้สีครีม กางเกงขายาวสีเทา เธอถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายบนถนนดาฮิล เส้นที่ 45 ในบรูคลิน นครนิวยอร์ก วันที่ 11 กรกฎาคม 2016 พวกเรามีรางวัล 115,000 ดอลลาร์สำหรับเบาะแสที่สามารถทำให้เราพบซูซานได้ ขอความกรุณาช่วยเผยแพร่โปสเตอร์นี้ เพื่อให้พวกเราหาเธอให้พบหนึ่งการเผยแพร่อาจสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้
หากมีเบาะแสกรุณาโทร (718) 871-6666 หรือ (800) 577-TIPS’
“ไม่ผิดแน่ๆ…ดูเธอสิ เมเดีย!” ผมใช้นิ้วจิ้มย้ำที่ภาพผู้หญิงคนนั้นหลายๆรอบ มันเป็นเธอไม่ผิดแน่…ผมไม่มีวันลืมใบหน้านั้นเลย เด็กคนนั้นหายตัวไปงั้นเหรอ? นี่มันอะไรกันแน่! “โอเค..นายจะบอกว่าสาวน้อยเวทมนตร์ที่นายเจอในห้าง..เป็นคนเดียวกับประกาศในรูป?” เมเดียถาม ขณะมองภาพสาวน้อยผมสีน้ำตาลชัดๆอีกครั้ง
“ใช่…”
“ดาร์เรน..ช่วงนี้มีข่าวสาวน้อยเวทมนตร์หายตัวไปในหลายพื้นที่ แถมถี่มาก…แม่ฉันยังบอกให้ฉันระวังตัวเอาไว้เลย”
“มันบอกอะไรเรามากกว่านั้น..ฉันจะไปบอกพ่อ” ผมส่ายหัว ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีเพื่อนสมองทึบแบบนี้ ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากม้านั่งทันที เรื่องนี้ผมควรจะบอกกับพ่อ ผมคิดว่าพ่อต้องเข้าใจแน่ๆ…มันอาจจะเกี่ยวข้องกับคุดะพิงค์ บางทีเราอาจจะลองโทรไปเบอร์นี้ดู คุยกับญาติของซูซาน เกรย์…เผื่อว่าพวกเขาจะให้ข้อมูลดีๆที่สามารถตอบเรื่องลึกลับในวันนั้นได้
“นั่นประกาศน้องสาวฉัน..” มือหนักๆของสักคนยื่นมาจากด้านหลังและบีบไหล่ผมแน่นเหมือนกับคีม ผมสะดุ้งและหันไปมอง สิ่งแรกที่เตะตาคือเส้นผมสีฟ้าล้อมกรอบใบหน้างดงามคุ้นตา โรเจอร์อยู่ในชุดสูทสีดำไว้ทุกข์ คงเพราะผมมัวแต่โฟกัสอย่างอื่นจึงไม่ทันสังเกตว่าเขามางานวันนี้ด้วย
“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ…”
“พ่อนายกำลังตามหานายอยู่..ดาร์เรน” โรเจอร์พูดเสียงราบเรียบ เขาทำตัวห่างเหินแบบนี้เสมอตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน หมอนั่นคว้าใบประกาศจากมือของผมและเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ “ฉันอุตส่าห์มาตาม ดังนั้นนายควรกลับไปหาพ่อได้แล้ว”
ผมไม่สนใจท่าทางหยิ่งๆของโรเจอร์…ผมสนใจอย่างอื่นมากกว่า
“นายบอกว่า..เด็กผู้หญิงในประกาศเป็นอะไรกับนายนะ?”
Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทมนตร์
ผู้แต่ง : Hestia
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | ครอบครัวสาวน้อยเวทมนตร์ | 25 ม.ค. 59 |
| 2 | การแปลงร่างของสาวน้อยเวทมนตร์ | 07 มี.ค. 59 |
| 3 | สาวน้อยเวทมนตร์ในห้องน้ำ | 14 มี.ค. 59 |
| 4 | สาวน้อยเวทมนตร์ผู้สิ้นหวัง | 21 มี.ค. 59 |
| 5 | ใบประกาศของสาวน้อยเวทมนตร์ | 28 มี.ค. 59 |



สวัสดีค่ะ
เขียนอารมณ์ได้ถึงดีนะ ผลักเรื่องให้เดินต่อได้ทรงพลังดีด้วย เรื่องมีความลึกเพิ่มขึ้นมาก คิดว่าถ้ามีต่อคงต้องคิดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์ เรนเจอร์ และสัตว์ประหลาดให้ลึกขึ้น แต่ก็คิดว่าคนเขียนคิดไว้อยู่แล้วละ :)
ลวิตร์