EN18 MASCOT รายงานการฝึกงานภาคฤดูร้อน: ?มาสคอตฟรีแลนซ์เต็มเวลา?

กฎเหล็กของมาสคอตสามข้อ: ห้ามคุย, ห้ามถอด, ห้ามงอแง คุณเคยสงสัยไหมว่าเบื้องหลังหัวการ์ตูนสุดน่ารักเหล่านั้น เขาคือใครกันแน่ คำตอบน่ะหรือ...ผีที่มีชีวิตยังไงล่ะ

ผู้แต่ง

Patra Fujiyama

0%

ตอนที่ 1/5 : บทที่ 0: ทำไม + บทที่ 1: กฎเหล็กของมาสคอตสามประการ




บทที่ 0: “ทำไม”

ว่ากันว่าโลกก็เปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะไม่มีหัวใจ ไม่มีสมองเหมือนบรรดาสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ ไม่มีคลอโรฟิลด์ไว้สังเคราะห์แสงเหมือนพืชต่างๆ ไม่มีผนังเซลล์ที่ทำมาจากเปปทิโดไกลแคนเหมือนพวกแบคทีเรีย แต่มันก็มีไกอา หรือ สายพลังงานลึกลับที่ทำหน้าที่เสมือนโลหิตที่คอยรักษาสมดุลให้ดาวเคราะห์ดวงนี้คงอยู่ต่อไปได้ ทว่าถ้าโลกเกิด ป่วยไกอาก็จะทำหน้าที่เสมือนเม็ดเลือดขาวของสัตว์ที่คอยกำจัดสิ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมภายในร่างกายเสียสมดุล

หลังจากอดทนกับมลพิษ สงคราม ความอดอยาก โรคระบาดตั้งแต่ยุคสมัยเมโสโปเตเมียเรื่อยมา สุดท้ายโลกก็ถึงกับจุดที่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป... สงครามโลกครั้งที่สอง

หลังสงครามจบลงได้ไม่ถึงหกเดือน พลังไกอาหรือเส้นแสงสีขาวดำจำนวนมหาศาลก็ล้นทะลึกขึ้นจากผืนดิน พวกมันวิ่งไปทั่วโลก หมายจะชะล้างสิ่งที่โลกเห็นเป็น โรคร้าย...มนุษย์

มนุษย์ที่ถูกแสงแห่งไกอาสัมผัสส่วนใหญ่ล้วนเสียชีวิตภายในสามเดือน ทว่าร่างกายของมนุษย์บางกลุ่มเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านพลังเหล่านั้น พวกเขาสามารถรับเส้นแสงเข้าสู่ร่างกายแล้วดึงมันออกมาใช้เป็นของตัวเอง พวกเขาถูกเรียกว่า โอไรออน

โอไรออนถูกใช้เป็นอาวุธสงครามในรุ่นต่อๆมา สุดท้าย เมื่อเห็นพลังไกอาส่วนหนึ่งเริ่มผุดขึ้นจากผืนดินอีกครั้ง พันธสัญญา “Novae Terrae” หรือพันธสัญญาโลกใหม่ก็ถูกร่างขึ้นเพื่อป้องกันการเสียสมดุลของโลก นี่นำไปสู่การรวมตัวของประเทศในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้เพื่อต่อสู้กับปัญหาประชากรที่ลดลงและปัญหาขาดแคลนทรัพยากร ประเทศใหม่นี้มีชื่อว่า แพนเอเชีย

ว่ากันว่ามนุษย์มักจะกลัวในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ เพราะพลังเหนือธรรมชาติที่อาจกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ โอไรออนทุกคนถูกฝังชิพควบคุมความประพฤติในสมองส่วนลิมบิกและสมองส่วนหน้าที่มีหน้าที่รับรู้อารมณ์ การเรียนรู้ การปรับตัว ความทรงจำ ระบบจะนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลแล้วคาดเดาว่าโอไรออนคนนั้นจะประพฤติตัวอย่างไรต่อไป หลังจากระบบนี้ถูกใช้งาน จำนวนอาชญากรโอไรออนลดฮวบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้น โอไรออนก็ถูกจำกัดสิทธิ มีสนามเด็กเล่น โรงเรียน โรงพยาบาลและระบบขนส่งสาธารณะสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะเพื่อลดความเสี่ยงของมนุษย์ที่อาจจะโดนทำร้าย

เมื่อจบการศึกษา โอไรออนส่วนใหญ่ถูกบรรจุเข้าในกองกำลังรักษาดินแดนโดยอัตโนมัติ พวกเขาแทบจะไม่มีสิทธิได้ประกอบอาชีพอื่นๆ ทว่าแทนที่จะคัดค้าน พวกเขากลับยินยอมกับข้อตกลงนี้โดยดี...

“โอไรออนก็เหมือนสุนัขล่าเนื้อ พวกเขาทำตามคำสั่งของเจ้านายได้อย่างดีเยี่ยม แต่กลับไม่เคยสงสัยในจุดมุ่งหมายของคำสั่งเหล่านั้น ทำไมพวกเขาต้องอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า ทำไมพวกเขาต้องคอยเดินตาม พวกเขาจะเดินนำไม่ได้หรือ ทำไม ทำไม ทำไม

 

          “ทำไมกัน”

            เงาของแผ่นหลังสูงทาบประทับลงบนร่างของเด็กหนุ่มท่ามกลางซากปรักหักพัง อุณหภูมิติดลบของโอซาก้าในเดือนมกราคมทำให้ลมหายใจร้อนๆกลับกลายเป็นไอสีขาวขุ่น มันถูกพ่นออกมาในจังหวะที่รวดเร็วแต่อ่อนแอตามจังหวะหัวใจของเจ้าของ ถึงแม้ว่าผิวของเขาจะขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ มือในถุงมือสีดำเปรอะฝุ่นก็ยังพยายามเอื้อมไปข้างหน้า หมายจะยื้อไม่ให้อดีตเพื่อนสนิทเดินจากไป

            “เคย์!” เขาพยายามเค้นเสียงผ่านริมฝีปากอันสั่นเทาออกมาก่อนที่ความเจ็บปวดจากกระดูกซี่โครงที่หักไม่เหลือชิ้นดีจะหยุดรั้งเขาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เริ่มพร่ามัวจากการขาดเลือดสะท้อนภาพใบหน้าด้านข้างของคนคุ้นเคย

            เขายังจำใบหน้านั่นได้ดี... ใบหน้าของคนทรยศ

          ราวกับช่วงเวลาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ หยดน้ำที่เกิดจากเกล็ดหิมะละลายวิ่งไปตามเรือนผมสีดำสนิทระต้นคอ ดวงตาสีทับทิมสะท้อนภาพ “ผลงาน” ของตัวเองอย่างไร้ความรู้สึก ผิวขาวดุจรูปสลักเปรอะไปด้วยเลือด... เลือดของเขา เลือดของมานาบุ เลือดของอลิซ... เลือดของเพื่อนทุกคน

            “ลาก่อน ธันวา” เสียงเย็นๆที่ถึงแม้จะคุ้นชินแค่ไหน ทว่าความหมายของมันกลับทำให้ไขสันหลังเย็นวาบ

           

 

 

บทที่ 1 กฎเหล็กของมาสคอตสามประการ

 

รายงานการฝึกงานภาคฤดูร้อน

 

“มาสคอตฟรีแลนซ์เต็มเวลา”

Becoming a Freelance Mascot”

โดย

 

นางสาวมะลิ สุนทรบุระ รหัส LOE02357

โรงเรียนฝึกโอไรออน สาขาโอกินาวา

ประจำปีการศึกษา A.G. 2016

----------------------------------------------------------------

กิตติกรรมประกาศ

(Acknowledgement)

            การที่ข้าพเจ้าได้มาฝึกงาน ณ บางกอก (ไม่ระบุสถานที่แน่ชัด) ตั้งแต่วันที่ 1 เดือน กรกฎาคม A.G. 2016 ถึงวันที่ 31 เดือน สิงหาคม A.G. 2016 นั้น ข้าพเจ้าได้รับคำแนะนำ ความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่มีค่าที่สามารถนำไปใช้ได้ในการเป็นโอไรออนปกป้องดินแดนในอนาคต การฝึกงานภาคฤดูร้อนนี้สำเร็จลงได้ด้วยดีจากความร่วมมือและสนับสนุนจากหลายฝ่ายดังนี้

1.        คุณ ธันวา (ไม่สามารถระบุนามสกุล) ตำแหน่ง ฟรีแลนซ์มาสคอตมืออาชีพ

2.        คุณ มานาบุ โนดะ                      ตำแหน่ง หัวหน้าโอไรออนทีมบางกอก

และ ผู้ปกครองและลูกค้าทุกท่านที่คอยสนับสนุน มอบกำลังใจระหว่างการปฏิบัติงาน และเหล่าผู้ก่อการร้ายที่ช่วยมอบประสบการณ์ในการปฏิบัติงานจริงให้แก่ข้าพเจ้าก่อนที่จะก้าวไปสู่สังคมการทำงานหลังจากจบการศึกษา ข้าพเจ้าจึงขอบคุณ ไว้ ณ ที่นี้

 

 

                                                                                                มะลิ สุนทรบุระ

                                                                                ผู้จัดทำรายงาน

            “เอาล่ะ ก่อนที่เธอจะเริ่มฝึกงานกับฉัน เรามีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อน”

            เด็กสาวผิวแทนในเสื้อแขนกุดสีแดงวางกระป๋องน้ำอัดลมลงบนพื้นแกรนิตขัดมันที่ตนนั่งอยู่ ดวงตากลมโตสะท้อนภาพ “ผู้สอนงาน”ของเธอ

            ใช่แล้ว เมื่อจบปีสิบสอง นักเรียนโอไรออนฝึกหัดทุกคนจะถูกส่งไปฝึกงานฤดูร้อนกับหน่วยรักษาดินแดนทั่วเอเชียหรือหน่วยงานที่ต้องการเจ้าหน้าที่โอไรออน หากใครไม่ผ่านการฝึกงานก็จะถือว่าสอบตกทั้งปีและต้องซ้ำชั้น

            มะลิ สุนทรบุระ เป็นโอไรออนที่พลังน้อย แถมสมองเล็กๆก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องการท่องจำบรรดาสูตรทฤษฎีฟิสิกส์ประยุกต์อีกด้วย ผลสอบของเธอทำให้ครูประจำชั้นลุ้นตัวโก่งเสมอว่าเธอจะผ่านไปยังชั้นปีต่อไปได้หรือไม่ และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่มีศูนย์ปฏิบัติการโอไรออนซักที่ยอมรับเธอเข้าฝึกงาน...

            “กฎเหล็กของมาสคอตมีทั้งหมดสามข้อ” ชายเบื้องหน้า ไม่สิ “กระต่ายปุกปุย” เบื้องหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขัดกับหัวโตๆ ฟันเหยินๆและชุดกระโปรงแสนหวาน มะลิถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยพลางนึกย้อนไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว

 

 

            “กองกำลังรักษาดินแดนมอบหมายตำแหน่งตามระดับพลังโอไรออนและผลสอบข้อเขียน พวกเราไม่สามารถให้โอไรออนที่พลังน้อยเข้าร่วมหน่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้ เพราะมันจะเป็นภัยทั้งต่อตัวคุณเองและสมาชิกคนอื่นๆ” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีฟ้า เนกไทสีน้ำเงินเข้มอธิบายขณะเดินนำผ่านประตูกระจกอัตโนมัติ ก่อนที่ลมเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศภายในจะปะทะหน้าของพวกเขาอย่างจัง เหนือประตูมีป้ายไฟแอลอีดีปรากฏเป็นชื่อห้างหรูกลางกรุงแห่งนี้

            ห้างสรรพสินค้า NOVA AVENUE

            เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว มะลิได้รับจดหมายตอบรับเข้าฝึกงานกับหน่วยรักษาดินแดนสาขาบางกอก หนึ่งในหน่วยปฏิบัติการโอไรออนที่แข็งแกร่งที่สุดในแพนเอเชีย มะลิแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอรีบโทรข้ามเขตการปกครองจากโอกินาวาไปยังบางกอกเพื่อเช็คว่าพวกเขาส่งอีเมล์มาผิดรึเปล่า เมื่อพบว่านี่ไม่ใช่ความผิดพลาด เด็กสาวก็เก็บกระเป๋าออกเดินทางมายังบางกอกทันที

            ทว่าเมื่อมาถึง เธอก็พบว่าแท้จริงแล้ว โอไรออนทีมบางกอกเป็นแค่คนกลางคอยประสานงานเท่านั้น ชายเบื้องหน้าเธอ คุณมานาบุ โนดะ หัวหน้ากองกำลังรักษาดินแดนสาขาบางกอกออกมาต้อนรับเธอพร้อมเผยว่าเขาจะฝากฝังเธอไว้กับรุ่นพี่ของเขา

            มานาบุ เป็นชายวัยยี่สิบสี่ปีมีหน้าตาแสนธรรมดา ความสูงระดับมาตรฐานชายเอเชีย การแต่งตัวฉบับพนักงานบริษัทบวกกับแว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีดำนั่นแล้ว ไม่ว่าใครมาเห็นก็คงจะเดาว่าเขาเป็นพนักงานแผนกบัญชีในบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแน่นอน ยกเว้นเสียว่าพวกเขาจะเห็นรอยสัก WKN00121

            โอไรออนทุกคนจะมีรอยสักที่คอเพื่อบ่งบอกสถานที่เกิดและรหัสประจำตัว แต่WKNงั้นหรือ...

            ที่ไหนกันนะ ถ้าเป็นเมืองใหญ่อย่างโตเกียวก็ TKY สิงคโปร์ก็ SIG แต่เธอกลับไม่เคยเห็นโค้ดWKN มาก่อน

            “WKN ย่อมาจากวักกะไนน่ะ เป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดของฮอกไกโดติดกับชายแดนรัซเซีย” มานาบุที่เห็นเด็กสาวจ้องคอขาวเนียนของตนมานานเอ่ยขึ้น เขาเอียงศีรษะมองโอไรออนฝึกหัดแล้วขยับแว่นเล็กน้อย

            “มาจากเลยใช่ไหมเรา” เด็กสาวเบิกตาด้วยความแปลกใจ เขาเป็นหนึ่งในน้อยคนที่รู้ว่าโค้ด LOE ย่อมาจากเลย

            “ฉันเป็นคนเชียงคานค่ะ”

            “วิเศษไปเลย งั้นคุณน่าจะเข้ากับรุ่นพี่ได้ดี เขาเป็นคนตรังน่ะ ตรังกับเลยใกล้ๆกันใช่มั้ย เห็นออกเสียงหนึ่งพยางค์เหมือนกัน” เอ่อ... ไม่เลยค่ะ มะลิเริ่มสงสัยว่าแว่นตาบนจมูกโด่งๆนั่นมีไว้เพื่ออ่านหนังสือวิชาการหรืออ่านมังงะกันแน่

            “รู้ไหม รุ่นพี่น่ะ ไม่เคยรับใครเข้าฝึกงานมาก่อนเลยนะ แต่เพราะปีนี้โรงเรียนคุณอยากทำสถิติไม่มีเด็กซ้ำชั้น ผู้อำนวยการเลยขอร้องให้ผมที่เป็นศิษย์เก่ารับเด็กไปหนึ่งคน พอดีหน่วยผมไม่มีที่ว่างเลยต้องไปขอร้องพี่เขา หมดของเซ่นไหว้ไปเยอะเลยแหละ ไม่ว่าจะหมูย่างตรัง ผลไม้ห้าอย่าง ขนมชั้น กล้วยบวดชี ฟักทอง” มานาบุไล่ลิสต์ “อ้อ แล้วก็น้ำแดงด้วย”

เอ่อ...รุ่นพี่ของคุณเป็นเจ้าที่เหรอคะ

“นี่ผมเกือบจะเอาผ้าสามสีไปพันพี่เขาล่ะนะ ฮะๆ” หนุ่มแว่นที่ดูเหมือนจะรู้ตัวหัวเราะเบาๆขณะโบกมือปฏิเสธอมยิ้มจากมาสคอตยีราฟ เพราะวันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติ เหล่าผู้ปกครองจึงจูงมือลูกเล็กเด็กแดงออกมาจับจ่ายซื้อของและดูการแสดงที่ห้างจัดขึ้น หุ่นมาสคอตหน้าตาน่ารักจำนวนมากเดินหิ้วตะกร้าแจกอมยิ้มไปทั่วให้ความรู้สึกอบอุ่นสดใสต่างจากความรู้สึกโอ่อ่าของห้างแห่งนี้ยามไร้เทศกาล

            “รุ่นพี่ของคุณมานาบุเป็นโอไรออนประจำเขตเหรอคะถึงมาประจำในห้างแบบนี้” ยิ่งเดินลึกเข้าไปในห้างมากเท่าไหร่ หัวใจเล็กๆของเด็กสาวก็ยิ่งเต้นเร็วมากขึ้น...ความฝันของการเป็นโอไรออนรักษาดินแดนได้ใกล้เข้ามาอีกก้าวนึงแล้ว

            รุ่นพี่ของหัวหน้าทีมรักษาดินแดนอย่างนั้นหรือ...จะเก่งแค่ไหนกันนะ จะเท่ขนาดไหนกันนะ!

“อ๋อ ไม่หรอก..เขาไม่ได้เป็นโอไรออนด้วยซ้ำ เขาน่ะ... อ๊ะ! นั่นไง เขาอยู่นั่น!” มานาบุชี้ไปยังใจกลางกลุ่มเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกลางงานเทศกาลวันเด็ก มะลิมองตามปลายนิ้วตาค้าง...

เห็นสิ เห็นชัดเลย     

ก็เล่นหัวโต ตัวพองขนาดนั้น ใครมองไม่เห็นก็บ้าแล้ว!

“พี่กระต่ายลูซี่ อุ้มหนูหน่อย!

“ไม่ได้นะ พี่กระต่ายลูซี่ต้องกอดเค้าก่อนนะ!

“พี่กระต่าย!

เธอต้องมาฝึกงานกับกระต่ายลูซี่อย่างนั้นหรือ!?       

“เอ่อ แต่กระต่ายลูซี่เป็นแค่ตัวการ์ตูนนะคะ” เด็กสาวถามงงๆ มานาบุส่ายหน้าแล้วชี้ไปยังมาสคอตตัวเดิม

คนที่อยู่ใต้ชุดมาสคอตนั่นต่างหากล่ะ ที่จะสอนงานคุณ ตามมาสิ เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก” มะลิเดินตามหัวหน้าทีมบางกอกด้วยความลังเล เอาล่ะ ตอนนี้เธอมีสองทฤษฎีเกี่ยวกับสถานการณ์เบื้องหน้า...

1.        เขาอาจจะเป็นโอไรออนยอดฝีมือที่ปลอมตัวเป็นมาสคอตเพื่อปกป้องลูกชายประธานาธิบดี

2.        หนุ่มฮอกไกโดอย่างมานาบุอาจจะทนความร้อนของบางกอกไม่ไหวจนเสียสติไปแล้ว!

 

 

            ทำไมโอไรออนอย่างเธอต้องมาฝึกงานกับตัวละครมาสคอตด้วย!

          เพื่อนเธอคนอื่นๆล้วนได้ไปฝึกงานในหน่วยโอไรออนที่กระจายไปทั่วประเทศ พวกเขาล้วนได้ออกลาดตระเวน ได้ทำภารกิจ แล้วดูเธอสิ! เธอโดนส่งมาฝึกงานกับมาสคอตตัวหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังรักษาดินแดนเลยด้วยซ้ำ

            “เฮ้ ฟังอยู่รึเปล่า มาลี”

            “มะลิ! ฉันชื่อมะลิ!

            “เออ นั่นแหละ กฎเหล็กของมาสคอตมีทั้งหมดสามข้อหลัก” กระต่ายตัวเดิมยกนิ้วชี้ขึ้นมาข้างหน้าตัวเอง

            “ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” มะลิขัดขึ้น

            “อ๋อ ฉันไม่มีเงินเดือนให้หรอกนะ ถ้าอยากได้ล่ะก็ ลองไปถามไอ้แว่นโอตาคุนั่นไป หมอนั่นเป็นคนส่งเธอมาไม่ใช่เหรอ” มะลิชะงักไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่เธออยากจะถาม แต่การไม่ได้เงินเดือนเลยก็ทำให้เธอตกใจใช่ย่อย

            “ฉันจะถามว่า คุณเป็นหน่วยย่อยของโอไรออนสังกัดบางกอกใช่มั้ย ปกติคุณออกลาดตระเวนกี่โมง” มะลิพยายามมองโลกในแง่ดี ใช่! บางทีเขาอาจจะเป็นโอไรออนสอดแนมที่ทำตัวปะปนกับประชาชนทั่วไปก็ได้

            “เอ๋ ไม่ใช่นะ เขาไม่ได้บอกเธอเหรอว่าฉันน่ะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ทำงานเป็นมาสคอตฟรีแลนซ์ พลังวิเศษอะไรพวกนั้นน่ะ ไม่มีหรอก งานที่เธอจะทำกับฉันก็มีแค่นี่” เขาชี้ไปที่หัวกระต่ายโตๆของตัวเอง “เท่านั้นแหละ”

            ว่ายังไงนะ เธอโดนส่งมาฝึกงานกับคนธรรมดา! ล้อกันเล่นใช่ไหม!?

            “แต่คุณมาซาบุบอกว่าคุณเป็นรุ่นพี่ของเขานี่ มนุษย์ธรรมดาจะมาเรียนที่โรงเรียนฝึกโอไรออนได้ยังไง”

            “โอกินาวาเหรอ...” กระต่ายลูซี่ทวนชื่อที่ตั้งโรงเรียนของตนแล้วเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาของเด็กสาวเต็มไปด้วยความหวัง

            ตามสูตรการ์ตูนญี่ปุ่นที่เธอเคยอ่าน พระเอกที่ดูกระจอกๆมักจะแฝงไปด้วยพละกำลังมหาศาล กระต่ายลูซี่อาจจะเป็นโอไรออนยอดพลังที่เบื่อการทำงานเดิมๆเลยลาออกมาเป็นมาสคอตก็ได้ ตอนนี้เขาคงกำลังระลึกความหลังในวันที่เขาต่อสู้ไปพร้อมๆกับผองเพื่อน มีมิตรภาพอันแสนงดงาม ได้พบเห็นความตายของลูกทีม และวันที่เขาตัดสินใจละทิ้งทุกอย่างจนกลายเป็นมาสคอตโง่ๆตัวนี้

 “นี่เป็นฤดูมะระของโอกินาวารึยังนะ” ประโยคต่อมาทำให้เด็กสาวอยากโขกหัวใส่เสาหินแกรนิตทันที

อะไรของเขาเนี่ย ผิดสูตรการ์ตูนญี่ปุ่นชัดๆ

“ที่เมื่อกี้คุณเงียบไปนี่คือคิดเรื่องมะระญี่ปุ่นอยู่เหรอ”

“ถ้าพูดถึงโอกินาวาก็ต้องนึกถึงมะระสิ จะให้นึกถึงลูกมะคำดีควายรึไง เออ แล้วร้านอารากากิที่ทำผัดมะระอร่อยๆหน้าโรงเรียนยังอยู่มั้ยนะ” เขายกมือขึ้นทำท่าครุ่นคิดก่อนจะเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน “แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สรุปแล้วเธอชื่ออะไรกันแน่นะ พิกุลใช่มั้ย”

            “ทำไมไม่เรียกฉันว่าดอกหน้าวัวไปเลยล่ะ”

            “อ้าว ชื่อหน้าวัวเหรอ ขอโทษทีๆ จะพยายามจำนะ หน้าวัว” เด็กสาวอยากดึงหูกระต่ายจนขาดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

            “ฉันประชด!” มะลิกลอกตา เธอโยนกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงลงถังขยะใกล้ๆ รองเท้ากีฬาสีดำออกเดินจากห้องหลังเวทีงานวันเด็กไปโดยไม่เหลียวหลัง

            “เดี๋ยวสิ เธอจะไปไหนน่ะ” กระต่ายลูซี่ตะโกนไล่หลัง

            “ไปทำเรื่องขอเรียนซ้ำชั้น อย่างน้อยมันก็น่าจะดีกว่าต้องมาใส่ชุดโง่ๆ ทำงานฟรีๆไปอีกสองเดือน” สาวเจ้าหันมาค้อนกระต่ายยักษ์ที่กำลังกระโดดสองขาท่ากระต่ายตามเธอมา ตอนนี้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธ

            โรงเรียนฝึกเห็นเธอเป็นอะไร? ทำไมพวกเขาถึงอนุมัติให้เธอมาฝึกงานฤดูร้อนมั่วซั่วๆแบบนี้

            ใช่ เธอหัวไม่ดี พลังน้อย แต่เธอก็อยากจะใช้พลังที่มีปกป้องประเทศ ปกป้องเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่มาเต้นแร้งเต้นกาให้เด็กๆดู

            ปัง!

            กรี๊ด

            ไม่ทันที่เด็กสาวจะก้าวขาเดินต่อ เสียงปืนก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจากเหล่านักช้อปในห้าง กระต่ายลูซี่เองก็ได้ยินเสียงนั้น เขาหันไปทางต้นเสียงสวนทางกับฝูงชนจำนวนมากที่วิ่งไปยังทางออก ทว่ายังไม่ทันที่มือของพวกเขาจะสัมผัสประตูกระจกใส เหล่ามาสคอตที่เดินแจกอมยิ้มไปทั่วห้างก็ชักปืนพกที่ถูกซุกไว้ก้นตะกร้าอมยิ้มออกมา พวกมันกันทางเข้าออกของห้างพร้อมกับขู่ให้เหล่าคนหนีตายกลับเข้าไปรวมตัวในลานกิจกรรมกลางห้าง

            “หมอบลงกับพื้น! ถ้าไม่อยากตายก็หมอบลงซะ!” เหล่าตุ๊กตามาสคอตตะโกนเสียงกร้าวขัดกับใบหน้าจิ้มลิ้มแลดูใจดี ปืนพกหลายกระบอกถูกชูขึ้นฟ้าเป็นเชิงขู่ เกิดความโกลาหดขึ้นครั้งใหญ่ เหล่าผู้ปกครองพยายามจูงมือพาลูกตัวเองหนีแต่ก็ถูกเหล่ามาสคอตสกัดเอาไว้เสียก่อน

            “มาสคอต...เป็นผู้ก่อการร้าย” มะลิพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตา

            “พวกแกต้องการอะไร!” หนึ่งในผู้ปกครองเหล่านั้นตะโกนถามขึ้นทั้งๆที่ยังโอบร่างลูกชายวัยแปดขวบแน่น “พวกเราแค่ต้องการเศษเงินเล็กน้อยจากนายกของพวกแกเท่านั้นเอง” น้ำเสียงน่าขยะแขยงถูกเปล่งออกมาจากหัวมาสคอตเป็ดเหลืองดั๊กกี้ดั๊กส์ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ “แค่สามสิบล้านดอลเท่านั้นเอง”

            “โอไรออน โอไรออนอยู่ไหนกัน! ใครก็ได้เรียกโอไรออนที!” เหล่าผู้ใหญ่นับสองร้อยกว่าคนที่เริ่มรู้ตัวว่าพวกเขากลายเป็นตัวประกันส่งเสียงระงมคละกับเสียงร้องไห้ของเด็กๆ

            ปัง!

            “หุบปาก! เรียกไปมันก็ไม่มาหรอก พวกเราวางระเบิดไว้ทุกทางเข้าออกของห้างแล้ว!” เขม่าควันสดๆร้อนๆจากปลายปืนตอกย้ำความกลัวให้เหล่าตัวประกันมากกว่าเดิม หัวใจของมะลิที่แอบเฝ้ามองจากตรอกเล็กๆนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะเคยสอนวิธีการช่วยเหลือตัวประกัน แต่เพราะเธอหัวไม่ดี สิ่งเดียวที่เธอจำได้คือหัวล้านๆของครูผู้ฝึกสอนที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายจนแสบตา

            คิดสิ มะลิ คิดสิ!

            “หัวหน้าครับ ครบเวลาครึ่งชั่วโมงตามที่ตกลงกันแล้ว แต่พวกมันยังไม่ยอมให้คำตอบเลยครับ!” ลูกน้องในชุดมาสคอตหมีรายงานการเจรจาเงินประกันตัว มาสคอตเป็ดเหลืองหายใจฟืดฟาดอย่างไม่สบอารมณ์ มือหนาจิกหัวหนึ่งในตัวประกันขึ้นมา

            คุณแม่ยังสาวกรี๊ดตกใจ ก่อนจะยกมือสั่นเทาทั้งสองขึ้นประกบไหว้อ้อนวอนขอชีวิตพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ลูกสาวผมตัวเล็กกอดขาของเธอแน่น

            “ดูเอาไว้ซะ นี่คือผลของการปกครองอย่างขี้ขลาดของแก!” มันจ่อปืนไปยังกล้องมือถือที่กำลังถ่ายวีดิโอเอาไว้ก่อนจะหันมาจ่อที่ศีรษะของหญิงสาว ภาพเบื้องหน้าทำให้มะลิมือสั่น ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว หัวใจเต้นเร็วเกินร้อยยี่สิบครั้งต่อนาที      

            ไม่ได้แล้วเธอต้องทำอะไรสักอย่าง!

มะลิพุ่งออกจากตรอกไป ทว่าแขนเรียวกลับโดนมือหนานุ่มของใครบางคนรั้งไว้

            “อย่าทำอะไรโง่ๆ เธอเป็นแค่นักเรียนนะ” มะลิสะบัดแขนจากมือของกระต่ายลูซี่ที่วิ่งตามมาอย่างไม่แยแส

โอเค การที่ไอ้บ้าชุดเป็ดนี้สามารถมีเจตนา “จงใจฆ่า” มนุษย์โดยไม่ถูกระบบควบคุมความประพฤติรั้งเอาไว้แสดงว่าพวกมันไม่ใช่โอไรออน เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่เธอควรจะกลัวคือปืนของพวกมัน

            คงจะไม่ยากมาก...มั้ง

            “หยุดนะ!!!” ผู้ก่อการร้ายนับสิบรายหยุดแล้วหันมามองผู้มาใหม่เป็นตาเดียว... เด็กสาวกางฝ่ามือไปข้างหน้า

“อะไรของมันวะ” ไม่ทันที่หัวหน้ากลุ่มจะพูดจบ เขาก็รู้สึกถึงผืนดินข้างใต้ที่เริ่มขยับออกห่างราวกับเกิดแผ่นดินไหว รากไม้ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นจากรอยแยกเหล่านั้น มันสะบัดใส่เหล่ามาสคอตจนกระเด็นตัวลอยราวกับเป็นแค่แมลงวันตัวเล็กๆ มะลิกำมือ หนึ่งในรากไม้เหล่านั้นพุ่งไปยังหัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่ตอนนี้ถอยหนีจนร่างชิดกับเสาแกรนิตขอบลานอเนกประสงค์ ทว่าเมื่อปลายแหลมของรากอยู่ห่างจากตาของมาสคอตไม่ถึงสิบมิลลิเมตร มันก็หยุดนิ่ง

            ไม่นะ! จะหยุดตอนนี้ไม่ได้นะ

            มะลิย้ำกับตัวเอง เธอเริ่มหอบหายใจแรง รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ใช่แล้ว เธอมีพลังน้อยอย่างเหลือเชื่อ นี่ทำให้เธอสอบตกวิชาปฏิบัติเสมอ ความรู้สึกหนักอึ้งเริ่มไล่ขึ้นมาจากปลายเท้า มายังขา ต้นขา ลำตัวและแขน สุดท้ายร่างบางก็ค่อยๆทรุดลงราวกับมีคนดึงขาเธอจากพื้นดิน...

            บ้าจริง!

            รากไม้เหล่านั้นค่อยๆสลายกลายเป็นแสงสีขาว ส่วนเจ้าของพลังก็นอนหอบบนพื้นราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนเสร็จ

            พลังเธอหมดแล้ว!

            เวรล่ะสิ

            เมื่อเห็นว่าโอไรออนเบื้องหน้าทำอะไรตนไม่ได้ เหล่าผู้ก่อการร้ายที่ถูกซัดกระเด็นเมื่อครู่ก็มุ่งหน้ามายังร่างบางหมายจะแก้แค้นให้สาสม

            “โอไรออนหน้าโง่ ตัวคนเดียวแต่คิดจะสู้กับคนนับสิบ เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ว่ะ” สิ้นเสียง เท้าใหญ่ๆก็เตะเข้าที่ท้องน้อยของเธออย่างจัง ความรู้สึกเจ็บแล่นพล่านไปทั่วร่าง แต่เธอกลับไม่มีแม้แต่แรงที่จะงอตัวจากความเจ็บปวด หัวหน้ากลุ่มเตะเข้าที่ใบหน้าของเธออีกครั้งจนศีรษะหันไปกระแทกพื้นอีกฝั่ง เขาเหยียบเข้าที่ไหล่องเธอราวกับต้องการจะบดขยี้ให้แหลก ปืนพกสีเงินยวงถูกจ่อเข้าที่ศีรษะของเด็กสาว

            “วันนี้เป็นวันดีชะมัด ได้ฆ่าโอไรออนซะด้วย” หัวหน้าผู้ก่อการร้ายหัวเราะอย่างพึงพอใจ มะลิรู้สึกได้ถึงรสชาติขมๆในปาก แอ่งน้ำสีแดงเล็กๆก่อตัวขึ้นจากเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาจากแผลบนศีรษะและปากของเธอ หางตาของเด็กสาวเหลือบไปเห็นเหล่าผู้ก่อการร้ายในชุดมาสคอตเปื้อนเลือดกำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากราวกับอยู่ในงานสังสรรค์ ทว่าเธอกลับเห็นเงาดำๆข้างหลังมาสคอตเป็ด...หัวโตๆ หูตั้งสองข้างสีขาว ฟันเหยินสองซี่... มือนุ่มปุกปุยสะกิดไหล่มาสคอตเป็ดน้อยที่กำลังจะจบชีวิตเด็กสาวเบื้องหน้า

            “จะสะกิดทำไมวะ ขอข้าจัดการนังโอไรออนนี่ก่อน แต่มือนั่นก็ยังสะกิดไม่เลิก เมื่อความอดทนขาดผึง เขาก็หันไปหาต้นเหตุความรำคาญ

            พลั่ก!

            หัวมาสคอตเป็ดสีเหลืองแจ๋นถูกหมัดแน่นๆของกระต่ายขาวชกเข้าเต็มๆจนมันกระเด็นหลุดออก ร่างบึกบึนโดนแรงหมัดซัดไปชนลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อเหล่าเด็กน้อยพบว่าเบื้องหลังตัวการ์ตูนสุดโปรดคือชายฉกรรจ์หนวดเครารุงรัง หน้าตาดุร้าย พวกเขาก็ส่งเสียงร้องไห้จ้า

            “แกเป็นใคร! กลุ่มของพวกเราไม่มีมาสคอตกระต่ายนี่!” หนึ่งในผู้ก่อการร้ายตะโกนขึ้นอย่างฉงนขณะเล็งปืนใส่ชายผู้มาใหม่ที่กำลังยืนหักข้อมือดังกร๊อบแกร๊บพร้อมกับสะบัดข้อเท้าราวกับกำลังเตรียมตัววิ่งมาราธอน

            “ให้ตายสิ ถ้าจะก่อการร้ายก็ช่วยใส่ชุดอื่นไม่ได้เหรอวะ เล่นใส่ชุดมาสคอตแบบนี้ ชื่อเสียงอาชีพของฉันก็แปดเปื้อนหมดพอดี” มะลิที่ตอนนี้เจ็บจนชาได้แต่มองสิ่งที่เห็นตาค้าง...

            ตาย ตายแน่ๆ

            มนุษย์ธรรมดา ไร้อาวุธ อย่างกระต่ายนั่นต้องถูกฆ่าตายแน่ๆ

            “จะยืนรออะไรวะ! ยิงมันสิ!” หัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่ลุกขึ้นมาด้วยท่าทีโซเซตะโกนจนน้ำลายแตกฝอย

            แกร๊ก แกร๊ก

            “อ้าว เฮ้ย! ปืนหายไปไหนวะ!” เมื่อจะเหนี่ยวไก พวกเขาก็พบว่าปืนพกถูกแทนที่ด้วยอมยิ้มสีรุ้ง

            “อ๋อ เศษเหล็กพวกนี้น่ะเหรอ” เป้าหมายของพวกเขาโบกโครงปืนที่เพิ่งถอดจากกระบอกสุดท้ายเสร็จไปมา ที่ปลายเท้าของเขามีส่วนประกอบของปืนจำนวนนับสิบกองเป็นพะเนิน เหล่าผู้ก่อการร้ายมองเขาตาแทบถลน

            มันขโมยปืนของพวกเขาไปตั้งแต่ตอนไหน แล้วมันถอดส่วนประกอบปืนสิบกว่ากระบอกเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน!?

            “รู้อะไรมั้ย มาสคอตน่ะ ควรจะแจกอมยิ้มและดอกไม้” กระต่ายลูซี่ที่ยังคงถืออมยิ้มไว้ในมืออีกข้างกล่าวเสียงต่ำ “พวกเรามีหน้าที่มอบความสุขให้แก่เด็กๆ เพราะฉะนั้น การที่แกมาทำเรื่องอุบาทว์แบบนี้ ฉันรับไม่ได้จริงๆว่ะ!

            สิ้นเสียง อมยิ้มสีเหลืองก็ถูกโยนขึ้นฟ้า เหล่าผู้ก่อการร้ายมองตามอมยิ้มด้วยความมึนงง กระต่ายยักษ์ฉวยโอกาสนี้กระโดดเหยียบหน้าหนึ่งในมาสคอตเหล่านั้นจนหัวกระแทกพื้น ขาขาวๆยกขึ้นเตะก้านคอหนึ่งในผู้ก่อการร้ายจนหัวมาสคอตหมาลายจุดหลุดกระเด็น เหล่าผู้ก่อการร้ายที่เหลือต่างหยิบมีดพกที่ซ่อนไว้ขึ้นมา

            “พวกแกนี่วอนหาเรื่องจริงๆเลยนะ” เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเหล่าตัวประกันที่ตอนนี้ขยับตัวออกห่างจากวงหมาหมู่ตรงกลาง

            “ผู้ปกครองทุกคนครับ กรุณาปิดตาคุณหนูๆให้ดีเพราะฉากต่อไปนี้...” เขาเว้นวรรค “อาจจะไม่น่าดูซักเท่าไหร่”

            ราวกับเป็นคำสั่ง พ่อแม่ทุกคนยกมือขึ้นปิดตาลูกแน่นยิ่งกว่ากาวตาช้าง...และแล้ว ”ภาพไม่น่าดู” ก็เริ่มขึ้น ในเวลาไม่กี่นาที ร่างนับสิบล้มไปนอนโอดครวญบนพื้นตามๆกัน ปุยนุ่นจากหัวมาสคอตที่โดนซัดกระจุยลอยฟุ้งเต็มอากาศคละคลุ้งกับกลิ่นเลือด ตอนนี้เหลือแค่มวยคู่สุดท้าย...มาสคอตเป็ดหัวหน้าขบวนการและกระต่ายสีขาว

            “กะ...แกเป็นโอไรออนปลอมตัวมาเรอะ” มาสคอตเป็ดถอยหลังไปช้าๆ ถึงแม้ว่ากระต่ายลูซี่จะยิ้มหวานเหมือนเคยแต่เลือดที่เลอะไปทั่วชุดนั้นกลับทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาเชื่อว่าใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากนั่นไม่ได้ยิ้มอยู่แน่ๆ

            “โอไรออนอะไรกัน ถ้าฉันเป็นโอไรออนล่ะก็ ป่านนี้ไอ้ระบบควบคุมนั่นคงสั่งให้ฉันหยุดแล้วล่ะ” กระต่ายลูซี่เดินเข้าใกล้เหยื่อคนสุดท้ายอย่างเชื่องช้า “เพราะระบบนั่น...มีกฎห้ามฆ่าคนใช่มั้ยล่ะ”

            “เฮ้อ ลำดวน ฟังฉันให้ดีๆนะ กฎเหล็กของมาสคอตมีอยู่ทั้งหมดสามข้อ” กระต่ายหน้าหวานชูนิ้วขึ้นสามนิ้วให้กับเด็กสาวที่ตอนนี้ยังนอนหมอบอยู่กับพื้น แล้วหันไปมองเหยื่อที่ตอนนี้ตัวสั่นเทายิ่งกว่าลูกเจี๊ยบเกิดใหม่“แล้วไอ้บ้านี้ก็แหกกฎทุกอย่างจนเละเทะ”

            “ข้อที่หนึ่ง ห้ามไม่ให้คนเห็นหน้าจริงของเรา” กำปั้นหลวมๆซัดเข้าที่ใบหน้าของหัวหน้าขบวนการเต็มๆ

            “ข้อที่สอง ห้ามพูดเมื่อใส่ชุดมาสคอต พวกเราต้องสื่อสารด้วยมือเท่านั้น” ว่าแล้วมือขาวเปื้อนเลือดก็หยิบอมยิ้มนับสิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยัดใส่ปากของผู้ก่อการร้ายทันที

            อะ...อั่ก!

            “กฎข้อสุดท้าย ข้อนี้สำคัญมาก ฟังให้ดีนะ อัญชัญ” เขากระชากคอเสื้อมาสคอตเป็ดจนร่างลอยขึ้นจากพื้น

            “กฎข้อสุดท้าย มาสคอตต้องอดทน เพื่อความสุขของเด็กๆ” เขาเว้นวรรค “แต่ไอ้บ้านี่กลับมอบฝันร้ายที่จะติดตาไปตลอดชีวิตให้กับพวกเขา”

            “ยะ...อย่า” อมยิ้มร่วงจากปากของผู้แหกกฎ ริมฝีปากหนาสั่นเทาเมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากใต้หัวมาสคอตเบื้องหน้า “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว!

            “ฉันให้อภัยแกไม่ได้จริงๆว่ะ” น้ำเสียงเย็นๆถูกเปล่งออกมา มือหนาปุกปุยบีบคอผู้แหกกฎแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างบึกบึนดิ้นพล่านราวกับปลาขาดน้ำ

            “หยุดเถอะ” มะลิพยายามเค้นเสียงทั้งหมดที่มีออกมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะเบาเกินที่จะเรียกสติเขากลับคืนมา หัวหน้าผู้ก่อการร้ายเริ่มดิ้นขัดขืนน้อยลง ใบหน้าของเขาซีดเผือกไร้เลือด

            “กระต่ายลูซี่ ผมขอสั่งให้คุณหยุด!เสียงอันคุ้นเคยถูกเปล่งออกจากลำโพงรอบห้าง ปลายทางเดินที่ทอดตัวออกจากลานอเนกประสงค์ปรากฏเหล่าชายหญิงในเสื้อเกราะกันกระสุนสีน้ำเงินที่มีตัวอักษร ORION สกรีนเอาไว้

            ทีมรักษาดินแดน...

            เสียงนั่นทำให้กระต่ายขาวละมือจากคอของผู้ก่อการร้ายเบื้องหน้า

            “ชอบมาตอนงานเลี้ยงเลิกนะ แกเนี่ย” มาสคอตฟรีแลนซ์บ่น

            “พอดีต้องรอให้ทีมกู้ระเบิดเคลียร์พื้นที่น่ะครับ” มานาบุที่เพิ่งเข้ามาพร้อมกับโอไรออนในทีมยิ้มแหยๆ      “โกหก แกคงจะดูอนิเมค้างอยู่ล่ะสิเลยไม่คิดขยับตัวทำอะไร” ธันวาคาดคั้น รุ่นน้องแดนปลาดิบเผยรอยยิ้มเหมือนเด็กน้อยที่ถูกจับได้ว่าแอบทานขนมหลังแปรงฟัน พอรู้ว่าธันวาอยู่ในห้าง เขาก็ไม่บุกเข้าไปแต่กลับเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกล้องวงจรปิดขณะที่จอทีวีข้างๆฉายอนิเม น้องหมีของผม...ไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก!

            “คนที่มีเสป็คผู้หญิงแปลกๆอย่างพี่ธันวาน่าจะชอบอนิเมเรื่องที่ผมดูอยู่นะ” หนุ่มแว่นแหย่เล่น

“ฉันชอบมนุษย์ว่ะ” ธันวาส่ายหัวเบาๆแล้วเดินออกจากห้างไปท่ามกลางสายตาของเหล่าสมาชิกโอไรออน

            “มาสคอตนั่นเป็นโอไรออนรึเปล่าครับ” เหล่าลูกน้องถามขึ้น

            “ไม่หรอก เขาไม่ใช่อะไรทั้งนั้น” มานาบุขยับแว่น ดวงตาสีน้ำตาลแดงมองแผ่นหลังของกระต่ายยักษ์

ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่โอไรออน ธันวาไม่ใช่อะไรทั้งนั้น

 

 

ภายนอกห้าง มะลิถูกหน่วยพยาบาลจับนอนบนเปลเข็น อาการของเธอไม่ถึงกับสาหัส เพียงแค่หัวแตก เยื่อบุผนังปากถลอก ใบหน้าและลำตัวช้ำ กับหัวไหล่เคลื่อนเท่านั้น ระหว่างจะถูกลำเลียงขึ้นรถ เธอก็เห็นกระต่ายในชุดกระโปรงสีชมพูเดินออกมาจากห้าง เด็กสาวพยายามลุกขึ้นทันที

“กระต่ายลูซี่!” คนถูกเรียกเดินมา มือหนาผลักร่างบางที่พยายามลุกขึ้นนั่งลงนอนราบกับเตียงฉับพลัน

“อย่าทำอะไรโง่ๆอีกล่ะ” แทนที่จะไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ เขากลับเอ็ดเธอทันที มะลิชะงักไป น้ำเสียงนั่นไม่ได้ฟังดูเนิบๆเฉื่อยๆเหมือนก่อนหน้านี้ มันดูเคร่งเครียดเหมือนพี่ชายห่วงน้องสาว กระต่ายร่างยักษ์ทำท่าเหมือนจะกล่าวอะไรต่อแต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจไป เขาหันหลังยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลา

“โชคดีกับการซ้ำชั้นนะ มาลี”

            “เดี๋ยวก่อน...” มือเล็กคว้าเข้าที่ข้อมือหนานุ่ม ร่างสูงโปร่งเบื้องหน้าชะงักไป

            “ฉันจะฝึกงานกับคุณจนกว่าคุณจะจำชื่อฉันได้

 -จบบทที่ 1-

 



MASCOT รายงานการฝึกงานภาคฤดูร้อน: ?มาสคอตฟรีแลนซ์เต็มเวลา?

ผู้แต่ง : Patra Fujiyama


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

เก็บเรื่องสำนวนไว้เมนท์ในครั้งสุดท้าย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สุด(ไม่แน่กรรมการอาจจะคิดไปเอง XD )

เป็นคนที่ภาษาสวยนะครับ ลื่นไหล และมีสัมผัส
ไดอะล็อกมีพลัง

ถึงบอกไงครับว่าเขียนไปเรื่อยๆนะ : )

ดาวิษ ชาญชัยวานิช

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

อ่า โครงเรื่องค่อนข้างใหญ่นะครับ ดีเทลเยอะ ตัวละครเยอะกว่า แถมดูจะสารพัดสัญชาติเลย เฮียอ่านแล้วแอบงงว่าตกลงตอนนี้เฮียอยู่ที่ไหน ไทย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เมกา... แล้วก็มีการเล่าอดีตสลับปัจจุบันจนเฮียมึนช่วงเวลาด้วย (แต่ตรงนี้อาจเป็นปัญหาที่เฮียเองก็ได้นะ 555) ชอบตัวละครธันวาและความยึดมั่นในการเป็นมาสคอตของพี่แกนะครับ ขอให้พี่ธันวาจงเป็นมาสคอตที่เทพต่อไป (มะลิยังจำเป็นอยู่มั้ย หืม?) เอาใจช่วยอยู่นะครับ

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 3 1 2 3
  • ความคิดเห็นที่ 48

    วรพจน์ พิบูลย์ลาภอุดม
    • Name : วรพจน์ พิบูลย์ลาภอุดม [IP] 49.229.59.93
    • 3 เมษายน 2559 / 22:24
    ชอบมากๆเลยครับ อ่านแล้วสนุกเพลินดีครับ
  • ความคิดเห็นที่ 47

    จิว
    • Name : จิว [IP] 64.233.173.160
    • 3 เมษายน 2559 / 19:38
    Interested
  • ความคิดเห็นที่ 46

    วัลลภา สังฆโสภณ
    • Name : วัลลภา สังฆโสภณ [IP] 182.232.60.172
    • 3 เมษายน 2559 / 19:34
    ร้อยเรียงได้อรรถรสดีมากค่ะ
  • ความคิดเห็นที่ 45

    วรพจน์
    • Name : วรพจน์ [IP] 182.232.24.221
    • 1 เมษายน 2559 / 21:19
    อ่าวแล้วสนุกเพลิดเพลินดีครับ
  • ความคิดเห็นที่ 44

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.241.73
    • 31 มีนาคม 2559 / 05:26
    เก็บเรื่องสำนวนไว้เมนท์ในครั้งสุดท้าย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สุด(ไม่แน่กรรมการอาจจะคิดไปเอง XD )

    เป็นคนที่ภาษาสวยนะครับ ลื่นไหล และมีสัมผัส
    ไดอะล็อกมีพลัง

    ถึงบอกไงครับว่าเขียนไปเรื่อยๆนะ : )

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 43

    Briss
    • Name : Briss < My.iD > [IP] 182.148.26.38
    • 30 มีนาคม 2559 / 23:00
    เป็นตอนจบที่อิ่มที่สุดเลยล่ะ...
    เป็นการปิดพาร์ทนี้เพื่อนำไปสู่พาร์ทต่อไปได้อย่างดีเยี่ยมเลย
    หลายๆอย่างที่สอนให้เรียนรู้ และตัวละครที่พัฒนาการไปตามสถานการณ์ที่บีบคั้น
    แม้จะแต่งออกมายากแต่แพทสื่อออกมาได้ดีมากจริงๆ

    สุดท้ายแล้ว... มะลิยังคงจืดจาง แต่เป็นความจืดจางที่น่ารอดูต่อไปว่าหลังจากนี้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นอย่างไร

    ดีใจที่ได้มาพบกันนะ :)
  • ความคิดเห็นที่ 42

    สมใจ
    • Name : สมใจ [IP] 171.96.167.216
    • 30 มีนาคม 2559 / 22:54
    อยากอ่านต่อ จะอ่านได้ที่ไหน
  • ความคิดเห็นที่ 41

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.184.106
    • 30 มีนาคม 2559 / 18:04
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    เนื้อเรื่องหนักกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน โดยเฉพาะการบรรยายทำได้ยอดเยี่ยมไปเลย ปีนี้คนบรรยายเก่งๆ เยอะแฮะ พล็อตของเรื่องนี้เองก็เจ๋งไม่น้อย รายละเอียดต่างๆ ก็เก็บรายละเอียดได้ดีมากเลยครับไม่หาข้อมูลมาอย่างหนักเขียนรายละเอียดต่างๆ อย่างพวกสถานที่แบบในเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ เห็นได้ถึงความสามารถ ความละเอียดอ่อนและความมุ่งมั่นอย่างแรงเลยครับ การสลับการเล่าเรื่องกับในความคิดพี่ว่าพี่เข้าใจนะ และไม่คิดว่าทำความเข้าใจยากด้วย อาจจะเป็นเพราะชอบอ่านหนังสือแนวๆ แบบนี้อยู่บ่อยๆ ละมั้งครับ อย่างพวกนิยายแปลก็มีให้เห็นเยอะเลยไม่คิดว่าแปลกหรือสับสนอะไร ^ ^" หลงรักเรื่องนี้เข้าซะแล้วสิ ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 40

    จิว
    • Name : จิว [IP] 64.233.173.160
    • 28 มีนาคม 2559 / 22:08
    น่าติดตาม
  • ความคิดเห็นที่ 39

    สมใจ
    • Name : สมใจ [IP] 110.168.231.247
    • 28 มีนาคม 2559 / 01:38
    รออ่านอีกบทนะ กำลังมันส์ สู้ๆ
  • ความคิดเห็นที่ 38

    SleepyDevil
    • Name : SleepyDevil < My.iD > [IP] 49.49.121.65
    • 25 มีนาคม 2559 / 18:06
    สวัสดีครับคุณแพท ป๊อกตามมาอ่านตอนสี่นะ รู้ละว่าชอบอะไรอีกอย่างของนิยายเรื่องนี้ ชอบบทบรรยาย มันดูเหมาะสมดี จะตัดซีนไปมาผมก็ชอบนะ ถึงบางคนจะบอกว่ามันดูเหมือนหนังหรืออนิเมชั่นอะไรก็แล้วแต่เถอะ ถ้ามองในฐานะคนอ่าน นิยายพออ่านมันก็จะมีภาพมีเสียงในหัวแล้วมันก็ไม่ต่างจากดูหนังหรือการ์ตูนสักนิด มันก็แค่ตัดฉากสุดท้ายตอนจบมันก็เชื่อมต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันเอง ถ้าให้เขียนจาก1- 10ก็เขียนได้ แต่ถามคนอ่านสนุกมั้ย อันนี้แล้วแต่คน แต่สำหรับคนเขียนคงไม่สนุกที่จะเขียนแน่ๆ  สำหรับผมชอบแบบเกมเปิดแผ่นป้ายตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อยแบบนี้มากกว่า สู้ๆนะ ปล.มีนิดนึงบทนี้ตรง 'ข้างมันๆ' ไม่รู้ว่าคำผิดหรือเปล่า แต่ผมไม่เข้าใจคำนี้เลยชะงักนิดนึง
  • ความคิดเห็นที่ 37

    หอยทากกินบะหมี่
    • Name : หอยทากกินบะหมี่ < My.iD > [IP] 183.88.87.98
    • 24 มีนาคม 2559 / 18:30
    แวะมาอ่านตอนใหม่จ้า

    ตอนนี้มีปมใหม่โผล่มาอีกแล้ว ทำให้รู้เลยว่าพล็อตนิยายเรื่องนี้ใหญ่มาก
    มีการตัดไปตัดมาถึงเหตุการณ์ในแต่ละตัวละครเยอะมากทำให้สับสนอยู่บ้าง
    แต่ฉากที่เปิดปมของธันวาทำออกมาได้ดี
    อ่านแล้วเซอร์ไพรส์และสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องยิ่งขึ้น

    ตอนนี้ให้ฟีลเหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นยุคใหม่ที่มีการใส่คติธรรมลงมาในเนื้อหา
    มีการตีแผ่สังคมออกมาให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่คีรินทร์ทำก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
    หรือการนอนรอความตายอย่างโดดเดี่ยวของมะลิก็ไม่ใช่สิ่งที่โอไรออนสมควรได้รับ

    พล็อตใหญ่ เล่นใหญ่คือเสน่ห์ของเรื่องนี้
    แต่เพราะ 'ใหญ่' ก็เลย 'หนัก' ด้วย

    ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรสนิยมความชอบของแต่ละคน
    ส่วนการตัดสินก็ขึ้นอยู่กับกรรมการแต่ละท่าน

    เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

  • ความคิดเห็นที่ 36

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.246.110
    • 24 มีนาคม 2559 / 01:40
    โครงเรื่องมันใหญ่นะคับ
    ตัวละครก็เยอะ ประเด็นก็เยอะ
    จึงเป็นการยากที่จะหาจุดโฟกัสของเรื่อง
    ไม่รุ้จะโฟกัสที่มาสคอตต์ โอไรออน การต่อต้านระบบ มะลิ หรือตรงไหนดี
    อ่านแยกเป็นส่วนๆจะรุ้สึกสนุกได้ ด้วยความที่คนเขียนคิดมาดี
    แต่พออ่านรวมๆแล้ว มันยังขาด Unity ไปครับ

    แต่อย่างว่า...
    หนังสือดังๆหลายเล่มก้อตัวละครเยอะ ประเด็นเยอะ แต่ดังได้ สร้างเป็นซีรีส์
    หนังสือบางเล่มโดนสำนักพิมพ์มากมายปฏิเสธตั้งหลายครั้ง แต่พอได้ตีพิมพ์ละกลับดังไปทั่วโลก
    คนเป็นนักเขียน เขียนเพื่อความสะใจของเราเอง
    ถ้ามีใครมาร่วมสนุกไปกับเราด้วย อันนั้นถือเป็นโบนัสครับ

    เพราะงั้นก็เขียนต่อไปอย่างที่ทำมานี่แหละครับ ดีแล้ว
    อ่านแล้วรุ้สึกได้ถึงความสนุกในการเขียนครับ
    นี่แหละคือสิ่งสำคัญของการเขียน XD

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 35

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 24 มีนาคม 2559 / 00:45
    อ่านตอนนี้แล้วคือโลกนี้ยิ่งใหญ่มาก และวุ่นวายมากด้วย 
    ว่ากันที่คำผิดละกัน

    อ้อมกอดของพ่อที่ถูกอ้าออก >> คิดว่าอ้อมกอดของพ่อที่อ้าออก ก็ตรงตัวแล้ว ไม่น่าจะต้องถูกอ้านะ?
    เรียลลิตี้ >> ไปเซิร์ซมาว่าเป็น ล.ลิงนะ
    เลิ่กคิ้ว >> อันนี้อาจจะรีบ เข้าใจได้

    เป็นจุล
    จุล เล็กหรือน้อย มักใช้นำหน้าคำสมาส เช่น จุลกฐิน จุลศักราช
    จุณ ของที่ละเอียด ของที่ป่น เช่น แหลกเป็นจุณ
    >> อ่านจากเรื่องและความหมายแล้วน่าจะใช้ จุณ ตัวนี้มากกว่าแฮะ

    เชี่ยวกราด >> อันนี้ไม่แน่ใจก็เลยไปค้นมา กราด มีความหมายเยอะแต่ดูไม่เข้าเค้า ไปเจอมากรากน่าจะใช่
    กราก [กฺราก] ก. ตรงเข้าไปโดยเร็ว เช่น กรากเข้าไป. ว. รวดเร็ว
    เช่น น้ำไหลเชี่ยวกราก

    ปั้มหัวใจ >> ปั๊มหัวใจ

    ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ตอนนี้ก็เก็บทุกอย่างทุกรสดีเหมือนเดิม
    เลือดสาดน้อยกว่าตอนที่แล้วนิดนึงมั้ง? อารมณ์ความรุนแรงมันเบาลงเพราะไปมีเรื่องชีวิตของมะลิด้วย
    ชอบคาแรคเตอร์นาง เป็นตัวละครที่มองโลกในแง่ดีสุดใจจริงๆ
    เออ แล้วก็จะมีบางจุดที่แพทใช้ "มัน" แทนสิ่งของ ซึ่งก็ใช้ได้แหละ แต่บ่อยๆก็งงๆ อย่างช่วงบรรยายประตูแรกๆ จะมีตรงข้ามมัน อะไรทำนองนี้ คิดว่าละเป็น ตรงข้ามกัน อาจจะดูรื่นมากกว่า เหมือนเคยจำได้คร่าวๆว่ามันจะไม่ค่อยเหมาะในการบรรยายอะไรทำนองนี้สักเท่าไรน่ะ

    อื่นๆตอนนี้นึกไม่ออก แต่รู้สึกเห็นโลกชัดเพิ่มมากขึ้นดี และรอลุ้นตอนต่อไปเหมือนเดิม สู้ๆนะ :)
  • ความคิดเห็นที่ 34

    Amélie
    • Name : Amélie < My.iD > [IP] 58.11.114.185
    • 20 มีนาคม 2559 / 21:36
    ก่อนจะตอบคอมเม้นต์ อยากเลยว่าขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบและแสดงความคิดเห็นทั้งทางคอมเม้นต์และแมสเสจมากๆ
    เราดีใจมากๆเลยค่ะ ที่สามารถทำตัวละครที่คนทั้งรักทั้งเกลียดได้ในเวลาเดียวกัน ตอนที่เห็นคนอ่านบางคนบอกว่าเชียร์คีรินทร์ให้ปฎิวัติระบบ ในขณะที่คนอ่านบางกลุ่มกลับชอบมะลิเพราะมองโลกในแง่ดีถึงแม้จะคิดในกรอบและเห็นด้วยในความคิดของเธอว่าถ้าระบบถูกทำลาย พื้นฐานสังคมก็จะถูกทำลายไปด้วย
    คุณหอยทากกินบะหมี่: ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่อุตส่าห์เสียเวลาอ่านและวิเคราะห์ลึกขนาดนี้ ดีใจจริงๆที่มีคนเข้าใจถึงหลายๆที่เราจะสื่อ ขอบคุณมากๆค่ะ
    คุณ Rinovel:  มะลิจำเป็นแน่นอนค่ะ ที่หลายๆคนรุ้สึกเธอจืดจ่างไปนิดเพราะว่าเราจงใจให้เธอสะท้อนตัวเด็กวัยรุ่นในสังคมน่ะค่ะ และต้องการเขียนให้เธอมีนิสัยมองโลกในแง่ดีด้วย ถ้าอ่านต่อไปเรื่อยๆ หวังว่าคุณจะเห็นพัฒนาการของเธอเองค่ะ
    คุณ Yue Yu: ใช่เลยค่ะ เราพลาดเรื่องชื่อเรื่องและคำโปรยมาก ถ้าแข่งจบคงจะรีบเปลี่ยนชื่อเรื่องและคำโปรยเป้นอย่างแรกเลย อ้อ แล้วก็หวังว่าเรื่องนี้จะ "เหนือคาด" มากกว่าผิดหวังนะคะ ^^
  • ความคิดเห็นที่ 33

    Yue Yu
    • Name : Yue Yu < My.iD > [IP] 182.232.46.16
    • 20 มีนาคม 2559 / 14:24
    จะบอกว่าผิดหวังหรือเกินคาดดี? ถ้าอ่านตามชื่อเรื่องแล้วรู้สึกว่ามันน่าจะโดดเด่นได้มากกว่านี้ นี่เนื้อเรื่องไปคนละความหมายกับชื่อเรื่องเลย แต่อันนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกค่ะ ดำเนินเรื่องแบบนี้ก็โดดเด่นพอแล้วค่ะ ตั้งใจเขียนเข้านะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • ความคิดเห็นที่ 32

    Rinovel
    • Name : Rinovel < My.iD > [IP] 49.48.219.119
    • 19 มีนาคม 2559 / 22:16
    สนุกดีค่ะ แต่ชื่อเรื่องกับเนื้อหานี่ไปคนละทางเลยแฮะ เรื่องนี้เหมือนออกแนวเสียดสีสังคม ให้อารมณ์ดิสโทเปียนิดๆ โครงเรื่องน่าจะใหญ่ ตัวละครก็เยอะแล้วก็หลายสัญชาติมาก555
    สรุปว่าฉากหลังตอนนี้คือประเทศไทยใช่ไหมคะ #เยอะจนเบลอ
    สำนวนกะมุกเราโอเคนะ หยุดอ่านไม่ได้น่าติดตามดี แต่ค่อนข้างจะสลับมุมมองบ่อยไปหน่อย เลยยังมองภาพรวมไม่ชัดว่าสรุปจะโฟกัสตรงไหนกันแน่ แล้วใครเป็นตัวเอก (ตัวดำเนินเรื่อง) ของเรื่องนี้ มะลิเอ๋ย เธอยังจำเป็นอยู่มั้ย55555

    แต่โดยรวมสนุกดีค่ะ แปลกใหม่น่าติดตามดี ขำตรงมุกที่ธันวาเรียกชื่อมะลิผิดๆ อะ พิกุล ลำดวน อัญชัญ คืออะไร 555555
  • ความคิดเห็นที่ 31

    หอยทากกินบะหมี่
    • Name : หอยทากกินบะหมี่ < My.iD > [IP] 14.207.92.225
    • 19 มีนาคม 2559 / 17:12
    สวัสดีจ้า หอยทากเองนะคะ พยายามจะแปะคอมเมนท์นิยายเรื่องให้ตั้งแต่บ่ายที่ทำงานจนเลิกงานแล้วก็ยังไม่สามารถแปะให้ได้ ระบบบอกยาวไปไม่ให้เมนท์ ๕๕๕๕๕ #หัวเราะทั้งน้ำตา

    หอยทากเลยตัดสินใจส่งเป็นลิงค์ให่เลยค่ะ!

    คอมเมนท์มาสคอต >> คลิก << 

    สู้ๆค่ะ รอตอนต่อไปอยู่น้า!
  • ความคิดเห็นที่ 29

    Amélie
    • Name : Amélie < My.iD > [IP] 61.90.25.152
    • 19 มีนาคม 2559 / 02:12
    คุณสมใจ: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอยู่ตลอดนะคะ ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าคนอ่านจะชอบการบรรยายสถานที่แบบนี้ไหม ดีใจที่ชอบนะคะ
    Enter Books Editor Team: พี่อ่านแล้วสนุก เราก็ดีใจค่ะ
    คุณ สมายลี่สมาย:  ขอบคุณที่สนุกไปกับมาสคอตมากความลับแล้วเด็กฝึกงานหัวขี้เลื่อยนะคะ แล้วมาดูการแสดงของพวกเราอีกนะคะ
    คุณ SleepyDevil: ขอบคุณที่ติดตามเสมอมานะคะ คอมเม้นต์ของทุกคนมีความหมายกับเรามาก ขอบคุณจากใจจริงค่ะ
Page 1 of 3 1 2 3

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป