คุณเตย

[JLS14] Voiceless Love รักนี้ที่ไร้เสียง

เชื่อไหมคะ? ว่ารักของฉันไม่ต้องใช้เสียง

0%
VOTE
ตอนก่อนหน้า

ตอนที่ 4/7 :: CHAPTER 3 - พี่เลิกกินเนื้อคนมานานแล้ว

ตอนถัดไป


-3-

พี่เลิกกินเนื้อคนมานานแล้ว

 

        ไม่จริง

 

          ‘ไม่จริง..ใช่ไหม..?’

 

          ตึกตึกตึก!’

 

            คำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้วนเวียนอยู่ภายในหัว เรื่องเล่าไร้สาระที่ฉันเคยเชื่อว่ามันไม่จริง ทั้งๆที่ควรจะถามอีกฝ่ายว่า ทำอะไรอยู่? แต่ตอนนี้ฉันกลับวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต

 

ฉันหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า เลือดในกายพลันสูบฉีด เม็ดเหงื่อไหลผ่านใบหน้า หัวใจในอกด้านซ้ายเต้นระรัวโดยไม่สามารถควบคุม ถึงกระนั้นสองเท้าของฉันกลับไม่ยอมหยุดวิ่ง ไม่กล้าแม้จะหันกลับไปมอง ไม่กล้าที่จะสบตาคู่นั้น ความหวาดกลัวทำเอาร่างสั่นไปหมด  กลิ่นคาวเลือดชวนอาเจียนยังติดที่ปลายจมูก

 

เคยคิดเสมอว่าจะไม่เชื่อคำพูดหรือข่าวลืออะไรจนกว่าจะได้เห็นด้วยตัวเอง..ทว่าข่าวลือไร้สาระนั้นมันช่างตรงกับภาพที่ฉันมองเห็นจนน่าขนลุก

 

ภาพที่มองเห็นไม่เคยโกหก เว้นแต่เราเห็นมันทั้งหมดแล้วหรือไม่ต่างหาก

 

คำพูดปลอบใจที่ผุดขึ้นมาเพื่อพยายามบิดเบือนภาพที่ฉันเห็น แม้ไม่อยากเชื่อขนาดไหนก็ตาม แต่กลับลบภาพของพี่ออกัส ที่มีคราบเลือดเปรอะริมฝีปากออกไปไม่ได้เลย

 

……………………………..

 

            ฉันกลับมาถึงหอพักในเวลาประมาณห้าโมงเย็น พอเห็นหน้าฉัน คุณป้าเจ้าของหอพักก็ร้องทักทันทีว่า

 

            อ้าวหนู เกิดอะไรขึ้น? หน้าซีดเชียว

 

ฉันชะงักตกใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าหน้าของตัวเองขึ้นสีซีดจนคนอื่นมองออก ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธกับคำถามนั้น เพื่อไม่ให้คุณป้าต้องเป็นห่วงจนเกินเหตุ

 

            สายรุ้งเดี๋ยวสิลูก เป็นอะไรรึเปล่า?ดูท่าคุณป้าจะมองไม่เห็นที่ฉันส่ายหน้า เธอเลยร้องถามออกมาอีกรอบ แต่ฉันสาวเท้าเดินฉับๆขึ้นบันไดโดยไม่หันกลับมามอง แต่ฉันได้ยินเสียงแกบ่นดังตามมา

 

            “ฮัลโหล!! ตอบป้าหน่อยสิ ไม่พูดไม่จา

 

          ป้าลืมแหงว่าฉันพูดไม่ได้ T_T

 

          ปัง!

 

แกร๊ก

 

ฉันกระแทกประตูห้องปิดอย่างแรง พร้อมกดล็อกลูกบิดและลงกลอนซ้ำอีกครั้ง  ฉันหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยล้า  มือที่กำลังสั่นเลื่อนกดปุ่มสวิตช์เปิดไฟข้างประตู ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นห้อง ริมฝีปากแห้งผาก ฉันกลอกตามองไปรอบห้องอย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจ

 

ฉันวางกระเป๋าลงข้างๆตัว แล้วนั่งชันเข่าขยับมือกอดร่างของตัวเองแน่น พยายามตั้งสติเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง ภาพความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ก่อนหน้า มันกำลังไหลย้อนกลับมา

 

ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่? พี่ออกัสกำลังทำอะไรกับลูกหมาตัวนั้น แล้วทำไม..ทำไมตอนนั้นฉันถึงวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ทำไมฉันถึงไม่ถามเขาไปว่า ทำอะไรอยู่ถ้าเป็นแบบนั้น จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากอะไรแบบนี้

 

ไม่สิ

 

ความจริง..ฉันก็แค่กลัว.. ตอนนั้นฉันตกใจมาก ในสมองมันก็คิดอะไรไม่ออกเลย รู้ตัวอีกทีฉันก็วิ่งหนีออกมาแล้ว

ถ้ามันกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา..ฉันจะต้องทำยังไง? แล้วพี่เขาจะยังเหมือนเดิมกับฉันไหม?

 

เอ๊ะ?

 

คิ้วพลันเลิกขึ้นด้วยความฉงนในความคิดตัวเอง แล้วทำไมฉันต้องมาคิดมากเรื่องนี้ละ หรือฉันกำลังกลัวว่าความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไป ทำไมฉันต้องมาสนใจอะไรพี่ออกัสด้วย

 

คำถามมากมายที่ประดาเข้ามาในหัวทำเอาฉันเผลอกุมขมับ ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นภายในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยามนึกถึงรอยยิ้มของคนพูดมาก เพียงครู่เดียวฉันก็หยุดตัวสั่นในที่สุด

 

ฉันเงยหน้ามองหลอดไฟนีออนสีแสบตาในห้องไปพลาง นึกย้อนไปในตอนมัธยมต้น จะว่าไปฉันเองก็เคยโดนคนกุข่าวลือที่ว่าบ้านทำไสยศาสตร์ มีการทำพิธีอาคมทุกคืน เพราะแค่ฉันพกตุ๊กตามัมมี่เลอะสีแดงมาโรงเรียน ซึ่งเพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็ดูกลัวฉันไปเพราะข่าวลือนั้น..ทั้งๆที่ไม่ได้เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย คำตอบของความจริงทั้งหมด..ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเราเอง

 

เหรียญมีสองด้านเสมอ จงอย่าตัดสินอะไรจนกว่าคุณจะมองเห็นมันครบทั้งสองด้าน

 

ใจเย็นๆสายรุ้ง เรื่องแบบนั้น มันจะจริงได้ยังไง..’

 

อย่าคิดไปเองคนเดียวได้ไหม ยัยสายรุ้ง

 

ความคิดนึกตำหนิตัวเองผุดขึ้นมายามสำนึกได้ ฉันไม่ควรตัดสินอะไรไปเองโดยไม่ถามอีกฝ่ายแบบนี้ ฉันยันตัวกับพื้น ลุกขึ้นแล้วเดินลากกระเป๋าคู่ชีพไปวางไว้บนเตียง หอพักของฉันเป็นห้องโทนสีฟ้าที่เรียบง่าย มีเตียงเดี่ยว มีโต๊ะอ่านหนังสือ มีห้องน้ำและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็นเพียงแค่นั้น

 

พรุ่งนี้ค่อยไปถามพี่ออกัสตรงๆดีกว่า แล้วก็ขอโทษเรื่องที่วิ่งหนีออกมาด้วยฉันคิดดังนั้นก่อนจะหยิบรีโมตมากดเปิดแอร์ในห้อง

 

ไลน์ ~

 

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ เรียกความสนใจให้ฉันหันมอง ใจนึกสงสัยว่าใครส่งข้อความมาในเวลาแบบนี้ เอาตรงๆฉันไม่มีเพื่อนในไลน์ นอกจากมีพ่อแม่ก็มีดูดวงฟรี แต่ปกติไลน์ดูดวงไม่ส่งข้อความมาตอนเย็น ฉันคิดพลางสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ให้เปิดเข้าโปรแกรมแชท

 

 

ข้อความที่ถูกส่งมาจากใครบางคนทำเอาฉันเบิกตากว้าง มันไม่ใช่ไลน์ดูดวงหรือโฆษณาอะไรทั้งสิน ฉันไล่อ่านตัวอักษรอัลฟาเบททีล่ะตัวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

 

  A U G U S

 

ออกัส?

 

พี่ออกัส?

 

พลันภาพใบหน้าที่เปรอะคราบเลือดลอยเข้ามาในหัว หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ แม้มือจะสั่น แต่ฉันก็พยายามเลื่อนนิ้วกดอ่านข้อความที่ส่งมา  ในวินาทีนั้นเสียงหัวใจของฉันอาจจะดังกว่าเสียงเครื่องปรับอากาศเสียด้วยซ้ำ ข้อความที่ส่งมากลับทำให้ฉันขนลุกยิ่งกว่าเดิม

 

[ A U G U S ] :  น้องสายรุ้ง

                        สายรุ้งเห็นแล้วใช่ไหมครับ?

 

เห็น..

 

ฉันได้แต่ตอบคำถามนั้นภายในใจ สองมือและร่างกายของฉันมันสั่น สั่นเสียจนไม่สามารถขยับนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับได้ ฉันขบริมฝีปากแน่น ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามฉันแบบนี้

 

ทำไมถึงถาม..เหมือนกับว่าฉันไปเห็นความลับของเขาเข้า?

 

ไม่จริง..

 

ฉันยังคงไล่อ่านข้อความนั้น ความคิดในสมองที่ตีกันจนไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำพูด อีกทั้งหัวใจของฉันที่เต้นดังจนแทบจะกระเด็นออกมาจากอก ฉันสูดหายใจเข้าพยายามบอกให้ตัวเองตั้งสติ

 

ไลน์ ~

 

“!!” ฉันสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงแจ้งเตือน คงเพราะเห็นว่าฉันอ่านนานแล้วไม่ยอมตอบ อีกฝ่ายจึงส่งข้อความเข้ามาอีกครั้ง

 

[ A U G U S ] :   ไม่ตอบพี่แบบนี้

                        เห็นแล้วจริงๆสินะครับ?

 

ไม่รู้ทำไมพออ่านถึงประโยคนั้นนัยน์ตามันกลับร้อนผ่าวราวกับอยากจะร้องไห้ มันทั้งกลัวทั้งจุก ความรู้สึกหน่วงในอกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ฉันไล่สายตาอ่านข้อความที่ยังส่งมาเรื่อยๆ

 

[ A U G U S ] :   น้องกลัวพี่ไหม?

                        มันก็ต้องกลัวอยู่แล้ว..ใช่ไหมครับ

                        พี่ขอโทษนะ

                        แต่ว่าช่วยออกมาเจอพี่ตอนนี้ได้ไหม

 

อะไรนะ?

 

นัยน์ตาของฉันเบิกกว้าง ภายในอกเต้นระรัวขึ้นไปอีกระดับ

 

[ A U G U S ] :  ที่อาคารAS ตอนนี้

                        พี่จะบอกทุกอย่างจริงๆ

                        อย่ากลัวพี่เลยนะครับ

                        ขอร้อง

 

ฉันไล่อ่านข้อความที่ส่งมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ตอบอะไรกลับไป สิ้นคำสุดท้ายที่ส่งมาคู่สนทนาก็เงียบหายไป คำอ้อนวอนที่ส่งผ่านตัวอักษร  มันทำให้ฉันอดนึกไม่ได้ว่าตอนกำลังพิมพ์ พี่ออกัสกำลังทำสีหน้าแบบไหน ถ้ากำลังเศร้าฉันก็อยากจะบอกเลยว่าคนๆนั้นไม่เหมาะกับใบหน้าเศร้าเลยสักนิด

 

เอายังไงดี?

 

“…”

 

สองมือขยับกำโทรศัพท์มือถือแน่น ความกลัวถาโถมเข้ามาในจิตใจ.. แต่ความสงสัยพร้อมคำถามมากมายที่ฉันต้องการถามให้แน่ชัด  คำตอบของคำถามเหล่านั้นมันอยู่ที่พี่ออกัส

 

ถ้าไป..แม้ว่าจะความจริงเป็นยังไงก็ตาม แต่อย่างน้อยฉันก็จะได้รู้

 

แต่ถ้าไม่ไป..ฉันก็ไม่ได้รับรู้แม้กระทั่งความจริง

 

ยืนชั่งใจอยู่หลายนาที ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง เสื้อยืดกางเกงวอร์มขาสั้นที่สามารถขยับได้คล่องแคล่วกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เสียเวลาจึงทำทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด สองมือกดปิดแอร์ปิดไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้อง

 

ว่าแต่พี่เขามีไลน์ฉันได้ยังไง?

 

ขณะก้าวลงบันไดหอพัก ฉันก็อดนึกสงสัยไม่ได้ เพราะค่อนข้างมั่นใจพอควร ว่าไม่เคยให้ช่องทางติดต่อทางไลน์กับใครแน่ๆ นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีไลน์ฉันตอนไหน จึงหยุดความคิดทั้งหมดลง และตั้งสติเพื่อเดินตรงไปยังสถานที่นัดหมาย

 

…………………………….

 

 

ใช้เวลาเพียง 15 นาทีฉันก็เดินมาถึงที่หมาย สองมือดันเปิดประตูกระจกแล้วเดินเข้ามาภายในอาคาร ก่อนจะพบกับบรรยากาศเงียบเหงาไร้ผู้คน อาคารASเป็นอาคารที่มีไว้เรียนวิชาเฉพาะเพราะฉะนั้นในช่วงเวลาเย็นจึงไม่ค่อยมีใครอยู่เสียเท่าไร ฉันหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบร่างของคนที่นัดหมาย

 

            พอก้มมองนาฬิกาข้อมือปรากฏเวลาเกือบๆ 6 โมงเย็น ไฟที่ไม่ได้เปิดและบรรยากาศยามเย็นที่ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าทำให้ภายในอาคารค่อนข้างมืด บรรยากาศรอบกายชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก

 

ความเงียบที่เกิดขึ้น เงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจของฉันชัดเจน ฉันเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองแสงสีส้มที่เริ่มลับหายไปจากสายตา นี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่มอบให้ฉันเตรียมใจให้พร้อมกับสิ่งที่ต้องเผชิญ แม้อะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ต้องยอมรับมัน คนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้..แต่มันก็อดคิดไม่ได้.. ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริง..ฉันจะทำยังไงดี?

 

 “น้องสายรุ้ง

 

“!!”

 

ตึกตักตึกตัก

 

เสียงแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบ ความคิดทั้งหมดพลันหยุดลงพร้อมหัวใจที่เต้นระรัว เสียงเรียกชื่อที่คุ้นเคย เรียกให้ฉันหันมองอย่างตื่นตระหนก เบื้องหน้าของฉันพบร่างคนที่นัดพบกำลังเข้ามาภายในอาคาร และเดินตรงมาหาฉัน

 

ใบหน้าหล่อเหลาขยับยิ้มบางเมื่อมองเห็นฉัน ชุดนักศึกษาชายที่เปรอะสีแดงเล็กน้อยบริเวณแขนเสื้อและเนคไท พี่ออกัสขยับสองมือล้วงกระเป๋าเดินมาหยุดตรงหน้า

 

ฉันเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่ออกัสกำลังคลี่ยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใสเหมือนทุกที มันเป็นยิ้มที่แฝงเลศนัย

 

ไม่เข้าใจ

 

ผู้ชายคนนี้ทำเรื่องให้ฉันสับสนได้ทุกครั้ง เสียงหัวใจของฉันยังคงเต้นดัง ลุ้นระทึกไปกับคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย มนุษย์เรายามไม่สามารถรับรู้ความจริง ทุกสิ่งล้วนดูน่ากลัว ในตอนนี้ที่ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะทำอะไรกำลังคิดอะไรอยู่ ความรู้สึกอึดอัดในอกตอนนี้ คงเป็นความกลัวสินะ..

 

พี่ออกัสเงียบอยู่นานหลายนาที ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาที่จ้องมองมาโดยไม่กะพริบ ทำเอาต้องหลบตาหนี คล้ายกับว่าเขากำลังสนุกที่ได้เฝ้าดูปฏิกิริยาท่าทางของฉัน

 

กลัวพี่เหรอครับ?

 

“…”

 

คำถามจี้ใจดำที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยของอีกฝ่าย ทำเอาฉันชะงัก  แต่ก็ไม่สามารถส่ายหน้าปฏิเสธได้เพราะมันคือความจริง..

 

ว้า..พี่เสียใจนะเนี่ย ฮะฮะ..เอาเถอะ..ยังไงน้องก็เห็นแล้วใช่ไหมครับ?ประโยคแรกเหมือนพี่ออกัสพยายามจะเอ่ยอย่างติดตลก แต่ประโยคต่อมาน้ำเสียงของพี่เขากลับนิ่ง จนรู้สึกหนาวบริเวณสันหลัง

 

ในเมื่อเห็นแล้ว ตอนนี้คงกำลังสงสัยใช่ไหม ว่ามันคืออะไร?

 

ใช่..ฉันสงสัย..

 

ฉันนึกตอบแต่ตัวจริงฉันก็ยังคงนิ่ง รอฟังความจริงจากปากของคนตรงหน้า ทุกวินาทีที่ริมฝีปากนั้นขยับเอ่ยฉันก็ได้แต่ภาวนาอยู่ภายในใจ

 

ขออย่าให้สิ่งที่ฉันกลัวเป็นจริง

 

ขอให้พี่ออกัสหัวเราะพูดว่าล้อเล่น

 

โกหกไปก็คงจะเหนื่อย งั้นพี่ก็จะบอก..”

 

ขอให้มันไม่จริง..

 

ใช่ พี่เป็นปอบ

 



          นัยน์ตาของฉันเบิกกว้างอย่างตกตะลึง  คำตอบนั้นที่ราวกับค้อนทุบโลกทั้งใบของฉันให้แตกสลาย ฉันได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ภายในหัวที่ตอนแรกเป็นสีหม่นตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีขาวโพลน ไม่มีเสียงใดสามารถลอดเข้าโสตประสาทของฉันได้อีก คำตอบของพี่ออกัสคือความจริงที่ตอกหน้าฉันเข้าอย่างแรง

 

            อ้าวเชื่อพี่ด้วยเหรอ? นึกว่าจะโดนพิมพ์ด่ากลับว่าบ้าบอซะอีก ฮ่าฮ่าเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอที่ไม่ชวนให้ขำสักนิดเอ่ยออกมา ฉันอยากจะหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ตอบอีกฝ่าย แต่ร่างกายมันไม่ยอมขยับเลย

 

            ฉันกลัว.. 

 

          ยามความกลัวเข้าครอบครองจิตใจ ทุกสิ่งที่จินตนาการย่อมไปในทางเลวร้ายทั้งสิน ความคิดแง่ลบผุดขึ้นมาเต็มไปหมด คิดแม้กระทั่งว่าฉันอาจจะถูก..

 

พี่ไม่กินน้องหรอกครับ ตระกูลพี่เลิกกินเนื้อมนุษย์มานานแล้ว

 

คำพูดที่ราวกับอ่านใจของฉันออก ทำเอาร่างขนลุกวาบ น้ำเสียงนั้นเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มเย็น  ฉันรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิความร้อนบนใบหน้ากำลังค่อยๆลดลง ริมฝีปากเริ่มสั่น คำปลอบโยนของพี่ออกัสไม่ได้ช่วยให้ความกลัวของฉันลดลงแม้แต่นิดเดียว มิหนำซ้ำมันยังเพิ่มมากขึ้น

 

ฉันต้องทำยังไงต่อ?

 

เอาแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่ร่างกายมันกลับไม่ยอมขยับแม้แต่นิดเดียว พี่ออกัสคลี่ยิ้มมองท่าทางของฉัน เขาเริ่มขยับเดินวนรอบตัวฉัน

 

“…” ฉันไม่ได้ขยับหนีแต่ก็ยังคงจ้องร่างที่เดินวนรอบตัวอย่างหวาดระแวง

 

ถ้าจะเล่าหมดมันก็คงยาว เอาเป็นว่า..”  ท่าทางของเขาต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง รอยยิ้มที่เคยสดใสตอนนี้ฉันกลับมองว่ามันน่าหวาดหวั่น พี่ออกัสเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

 

ตระกูลพี่มันมีสายเลือดของผีนี่อยู่ แล้วพี่ก็ดันได้เชื้อมา..แล้วพี่ก็ต้องกินเนื้อดิบทุกเดือนเพื่อคุมไม่ให้มันออกมาอาละวาด..สั้นๆง่ายๆแค่นี้แหละครับ ทุกพยางค์ที่ได้ยินทำเอาร่างชาไปหมด ฉันเผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนสั่นไปทั้งแขน ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่แสนจะไม่สมเหตุสมผล..แต่ฉัน..

 

ตลกดีไหมล่ะครับ? พวกพระเอกนิยายเดี๋ยวนี้ก็มีแต่แวมไพร์ มนุษย์หมาป่าเท่ๆนี่เนอะ ปอบนี่คงพิสดารไปใช่ไหม? อีกฝ่ายหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเริ่มพูดพึมพำกับตัวเอง

 

อ่า..อย่ากลัวพี่แบบนั้นสิครับแม้จะโดนพูดแบบนั้นใส่แต่ร่างกายของฉันมันก็ยังคงสั่นไม่ยอมหยุด พี่ออกัสหรี่ตามองท่าทางไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ก่อนจะขยับเดินเข้ามาใกล้ฉัน

 

ไม่นะ..

 

ฉันพยายามรวบรวมสติทั้งหมดแล้วขยับถอยหนีออกมา ทว่าความกลัวทำเอาความนึกคิดติดขัดไปหมด

 

“!!”

 

ถอยจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนัง เจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ยังคงก้าวเข้ามา หัวใจของฉันเต้นแรง ฉันกำลังตัดสินใจจะวิ่งหนีออกมาให้รู้แล้วรู้รอด  พริบตานั้นใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ

 

จะหนีไปไหนเหรอครับ?

 

ร่างที่เข้าคุกคามไม่ให้ฉันหนีไปไหน นัยน์ตาของฉันเริ่มร้อนผ่าว ความรู้สึกหวาดกลัวอัดแน่นอยู่ในอก แต่ไม่สามารถหลีกหนีไปไหนได้

 

ไม่ต้องกลัวสิครับ พ่อแม่พี่บอกว่าเนื้อมนุษย์มันเหม็นเน่าจะตายไป พี่ไม่อยากกินหรอกเขาดูน่ากลัวมากเมื่อยิ้มแบบนั้น ฉันพยายามจะขยับกายหนีอีกครั้ง คราวนี้กลับมีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านหางตา

 

ตึง!

 

นัยน์ตาพลันเบิกกว้างอย่างตกตะลึง หัวใจของฉันแทบหยุดเต้นเมื่อพี่ออกัสกระแทกฝ่ามือมาข้างศีรษะ เขาปิดกั้นเส้นทางหนีของฉันจนหมด

 

แต่ว่า..” น้ำเสียงของอีกฝ่ายเหยียบเย็นลงจนรู้สึกได้ชัด เขาก้มกระซิบข้างหูของฉัน โสตประสาทมันไม่ยอมรับฟัง ในหัวของฉันมีแต่คำว่ากลัวและอยากจะหนีไปให้พ้นๆจากความอึดอัดนี้

 

ถ้าเป็นน้องสายรุ้ง..”

 

ตอนนี้ฉันหวาดกลัวจนฟังคนตรงหน้าไม่รู้เรื่องอีกแล้ว นัยน์ตาร้อนผ่าวที่เริ่มมีน้ำตาใสๆเอ่อล้นค่อยๆไหลริน คำพูดของพี่ออกัสประโยคถัดมาทำเอาฉันหมดสิ้นเรี่ยวแรง

 

พี่ก็อยากจะลองกินเนื้อคนดูสักครั้ง

 

ฉันทรุดร่างลงกับพื้นแทบในทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ความหวาดกลัวแทงทะลุขั้วหัวใจจนไม่สามารถขยับได้ ก้อนเนื้อในอกราวกับหยุดเต้นไปหลายวินาที ฉันหอบหายใจริมฝีปากแห้งาก เหงื่อใสไหลท่วมกาย ทุกอย่างมันสับสนไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก

 

ฉันกำลังจะถูกฆ่างั้นเหรอ?

 

ยิ่งคิดน้ำตามันยิ่งไหลอาบแก้ม พี่ออกัสกระตุกยิ้มเย็นพร้อมย่อตัวลงตรงหน้าฉัน สายตาที่จ้องมาราวกับเพชฌฆาตที่เตรียมตะครุบเหยื่อ ริมฝีปากที่ขยับเข้ามาใกล้ลำคอของฉันเรื่อยๆ เมื่อไม่หนทางหนีพ้น ฉันได้แต่กรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง

 

ช่วยด้วย

 

ช่วยด้วย

 

ช่วยฉันด้วย !

 

พี่ล้อเล่นครับ :P ”

 

“…”

 

ห๊ะ?

 

ว่าอะไรนะ?

 

ฉันเบิกตาค้างตะลึงไปเกือบนาที อารมณ์ความหวาดกลัวพลันชะงักกึก น้ำตายังคงอาบแก้มใส เมื่อเงยหน้ามาก็เจอพี่ออกัสกำลังคลี่ยิ้มชอบใจ นั้นยิ่งทำให้ฉันงงขั้นสุด ตอนนี้ในหัวมีแต่เครื่องหมายคำถาม ตะกี้ผู้ชายคนนี้พูดอะไร? ล้อเล่นอะไร? เดี๋ยว? แล้วล้อเล่น? ล้อเล่นตั้งแต่ตอนไหน?

 

ฉันงงไปหมดแล้ว แต่ดูท่าคนตรงหน้าจะชอบใจมากที่เห็นฉันงงเป็นไก่ตาแตก

 

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! หน้าน้องโคตรจี้เลยอ่ะ พี่ขอโทษๆ ฮ่าฮ่าฮ่าเขาระเบิดหัวเราะจนแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ บางทีฉันก็คิดว่าคำว่า ขำเกือบตาย คงเหมาะกับพี่ออกัสตอนนี้ที่สุด เมื่อหัวเราะจนพอใจอีกฝ่ายก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

 

พี่โกหกครับ พี่ไม่ได้เป็นปอบหรอก

 

ห๊ะ?

 

ฉันอ้าปากค้าง

 

อุ๊บ!! ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้วนะ จะให้พี่ขำตายรึไง ฮ่าฮ่าฮ่า!!” ขำตบมือหัวเราะพรวดพร้อมกระโดดไปมา ท่าทางถูกใจมากที่แกล้งฉันสำเร็จ ฉันได้แต่นั่งอึ้งก่อนจะคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น

 

นี่เขาแกล้งฉัน..?

 

อีกแล้วเหรอ?

 

ฉันพอเข้าใจแต่ก็ยังงงในหลายๆเรื่อง แล้วข่าวลือ? แล้วศพหมาตัวนั้น? ฉันพยายามดึงสติตัวเองแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความอย่างมึนๆ พร้อมยื่นให้พี่ออกัส

 

ลูกหมาตัวเมื่อเย็นคืออะไร

 

พี่ออกัสก้มมาอ่านข้อความของฉัน เขาทำท่านึกแวบหนึ่งก่อนจะตอบ

 

ถ้าหมาตัวนั้น พอดีมันถูกรถชนไง ทางตรงนั้นมันรกมากมีแม่หมาชอบไปคลอดลูกไว้ แล้วก็มีคนขับรถชนลูกหมาในนั้นบ่อยๆ พี่ได้ยินเสียงเลยเข้าไปช่วย แต่เลือดมันออกเยอะมาก พอมันดิ้นเลือดก็กระเด็นเลอะเสื้อเลอะหน้าไปหมด คำอธิบายของพี่ออกัสทำให้ฉันร้องออในใจทันที ก่อนจะพลิกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความต่อ

 

แล้วเรื่องข่าวลือที่พี่กินหมา?

 

พอพี่เขาเห็นข้อความของฉันเขาก็ก้มหน้าหัวเราะพรวด

 

ฮะฮะ ความจริงมันเป็นแค่ข่าวลือที่สร้างขึ้นไว้แกล้งพวกเด็กปีหนึ่งน่ะ วันงานกีฬาสีก็จะเฉลยเอง แต่ครั้งแรกมีคนเชื่อว่าพี่เป็นปอบจริงๆนะ

 

เมื่อได้รับฟังฉันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

 

หึหึ พี่แสดงเนียนใช่ไหมล่ะ? หนุ่มอักษรสาขานิเทศไม่ได้มีไว้แค่ชื่อนะพี่เขาพูดอวดอย่างภูมิใจ บรรยากาศที่สดใสกลับมาเหมือนพี่ออกัสคนเดิมทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก คล้ายกับโยนก้อนหินยักษ์ที่วางทับหัวใจออกไปได้สำเร็จ ตะกี้ฉันกลัวจนนึกว่าจะช็อกตายไปจริงๆเสียแล้ว

 

พี่ขอโทษน้า ว่าแต่น้องไม่โกรธพี่ใช่ไหม?

 

ฉันเงยหน้ามองพี่เขาก่อนจะคลี่ยิ้มบาง พอเห็นฉันยิ้ม พี่ออกัสก็ยิ้มกลับมาให้ แม้พี่เขาทำฉันกลับแทบตายแต่เมื่อมันไม่เป็นความจริงฉันก็โล่งอก ฉันพยักหน้าเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบนิตยสารที่อยู่ใกล้ขึ้นมา..

 

ผัวะ!!!

 

แล้วฟาดหัวพี่ออกัสเข้าไปเต็มแรง

 

 ไม่โกรธบ้านพี่สิ!!

 

…………………………………………

 

 

            พอเอานิตยสารฟาดหัวพี่ออกัสไปที ฉันก็วิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งมึนไปคนเดียว หลังจากตอนนั้นฉันก็หลบหน้าพี่ออกัสมาตลอดสามวันเต็มเลยค่ะ พี่เขาไลน์มาก็ไม่ตอบ ฉันวิ่งหนีทุกครั้งที่เห็นพี่เขา บอกตรงๆว่าฉันโกรธมาก ใครไม่โกรธก็บ้าแล้วสิ โดนแกล้งให้กลัวแทบตายขนาดนั้นแล้วใครมันจะไม่ยกโทษให้ง่ายๆ ถ้าฉันช็อกตายไปจริงๆใครมันจะรับผิดชอบ? เดิมทีฉันก็ไม่ชอบที่พี่เขาเข้าหาอยู่แล้ว ยิ่งพี่เขายังเล่นบ้าๆแบบนี้อีก ทำให้ฉันไม่อยากเจอพี่เขาเลยสักนิด

 

            วันนี้ฉันมีคาบเรียนตอนเช้าและกำลังจะเดินไปอาคารเรียน ฉันหันมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจาก..

 

            น้องสายรุ้ง!”

 

          เฮ้ย

 

            ฉันอุทานในใจพร้อมเบิกตากว้าง เมื่อเสียงคนที่ไม่อยากเจอดังมาจากด้านหลัง พี่ออกัสกำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางนี้แล้ว.. ฉันขยับกระเป๋าให้แน่นเตรียมสาวเท้าออกวิ่งหนีให้ไวที่สุด แต่ดูท่าวันนี้ส้นสูงที่ใส่มาจะทำพิษฉันเข้าเสียแล้ว

 

หมับ

 

ฉันชะงักเมื่อโดนคว้าแขนเอาไว้ หันมองด้านหลังเห็นพี่ออกัสที่จับแขนของฉันไว้กำลังหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า

 

น้องสายรุ้ง อย่าหลบหน้าพี่แบบนี้สิ พี่ขอโทษนะครับน้ำเสียงอ้อนวอนของเขาไม่ได้ทำให้ฉันใจอ่อน ฉันสะบัดหน้าเมินคำพูดของอีกฝ่าย

 

พี่จะไม่แกล้งแบบนั้นอีกแล้ว อย่าโกรธพี่เลยนะ นะครับพี่เขาตีหน้าหมาหงอยเอ่ยขอโทษออกมาเรื่อยๆ ฉันรู้ว่าพี่เขาสำนึกผิด แต่ฉันก็ไม่หายโกรธอยู่ดี

 

ตอบพี่บ้างสิครับ มองพี่ด้วยสายตาเย็นชาก็ได้ เราหนีพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบเลยอ่ะพี่ออกัสเริ่มงอแงเสียงดังจนคนรอบข้างหันมอง ฉันไม่ชอบการเป็นจุดสนใจแบบนี้เลยจริงๆ  พออยู่ใกล้คนๆนี้โลกที่สงบสุขของฉันก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มันเริ่มจากอะไรกันนะ?

 

เริ่มจากผู้ชายชื่อออกัสได้มารู้จักกับฉันงั้นเหรอ?

 

ฉันถอนหายใจพลางดึงมือของคนตรงหน้าออก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความ

 

ทำไมรุ่นพี่ต้องมายุ่งกับฉันเหรอคะ?

 

พี่ออกัสก้มอ่านคำถามของฉันก่อนจะนิ่งไป มันเป็นคำถามที่ตรงแต่ฉันก็สงสัยมันมากที่สุด ตั้งแต่วันแรก มันคือสิ่งที่ฉันอยากรู้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงชอบมายุ่งกับฉัน เข้าหาคนที่พูดไม่ได้ ทำไมถึงชอบมาแกล้งคนแบบฉันให้หัวหมุน

 

เอ่อ..” พี่ออกัสขยับมือเกาแก้มเล็กน้อยท่าทางลังเลใจอะไรบางอย่าง ส่วนฉันก็กอดอกยืนรอฟังคำตอบนั้น

 

พี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ..แต่ว่า..” พี่เขาเว้นช่วงคำพูดไปเล็กน้อย

 

“?”

 

อาจจะเพราะน้องสายรุ้งเป็นคนเดียวที่ทำให้พี่รู้สึกสนุกได้ โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดอะไร..ล่ะมั้ง..” 

 

คำตอบนั้นทำเอาฉันตะลึงจนต้องเบิกตากว้าง ภายในสมองพยายามประมวลผลทำความเข้าใจกับคำตอบนั้น

 

“..” พี่ออกัสก้มหน้าพร้อมเม้มริมฝีปากแน่นคล้ายอยากจะพูดอะไรต่อ

 

มนุษย์เรามีบางคำในใจที่ไม่สามารถกลั้นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ ตะกอนความรู้สึกที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่เข้าใจ ไม่สามารถเรียบเรียงมันออกมาได้อย่างสวยหรู ฉันเองก็อึ้งไปหลายวิก่อนจะตั้งสติได้ คิดใช้โอกาสนั้นวิ่งหนีพี่เขาออกมาให้ไวที่สุด

 

น้องสาย..อ้าว! ไปไหนแล้วอะ!?” ได้ยินเสียงพี่ออกัสโวยวายดังไล่หลังมาแต่ฉันไม่ได้หันไปมอง ตอนนี้ขอหนีให้พ้นก่อน ในขณะที่วิ่งนั้นเองก็ความสงสัยก็พลันก่อตัวขึ้น ฉันไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายสักเท่าไรแต่ว่า..

 

ทำไมหน้าของฉันถึงร้อนขนาดนี้กันนะ?

 

 

AUGUS PART

 

เฮ้ออ..”

 

ผมถอนหายใจอย่างอ่อนล้า เมื่อเดินมากลับมาหาเพื่อนที่ร้านกาแฟ วันนี้ปฏิบัติการง้อน้องสายรุ้งของผมก็ไม่สำเร็จอีกแล้วครับ ท่าทางน้องเขาจะโกรธผมมากเลย (T_T)

 

อ้าวกลับมาแล้วเหรอไอ้ออกัส?

 

เมื่อเห็นผมเดินมาเพื่อนสนิทหัวเกรียนก็ร้องทักพร้อมยกโกโก้ในมือขึ้นดื่ม ผมเหนื่อยจนไม่อยากตอบคำถามมัน ได้แต่เลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงเงียบๆ ชัชมองท่าทีของผมแล้วเอ่ยถามอีกรอบ

 

“’ง้อไม่สำเร็จอีกแล้วเหรอ?คำถามมันทำเอาผมอยากคว้าแก้วโกโก้โยนทิ้ง ชัชมันไม่ได้ถามอะไรผิดหรอกครับ แต่ตอนนี้ผมหงุดหงิดที่ง้อน้องสายรุ้งไม่สำเร็จไง ผมจะพาล! L

 

ฉันทำหน้างี้ คงสำเร็จมั้ง

 

อ้าว กวนซะงั้น เพื่อนเขาถามดีๆชัชเบ้ปากตอบกลับเมื่อเห็นผมทำท่าหงุดหงิดใส่

 

ก็มัน..ฮือ..น้องเขาวิ่งหนีฉันอีกแล้วอ่ะพูดแล้วก็อยากจะร้องไห้ครับ

 

นายก็ไลน์ไปง้อสิ อุตส่าห์คิดแผนแกล้งยืมมือถือน้องเขามาโทรหาฉัน เพื่อให้ได้เบอร์กับไลน์น้องสายรุ้งมาไม่ใช่รึไง?” ผมครางในลำคอตอนนี้รู้สึกเหมือนเด็กที่แม่ไม่ยอมซื้อของเล่นให้เลยครับ ก็อย่างที่ชัชมันพูดแหละครับ ความจริงตอนนั้นโทรศัพท์ผมไม่ได้แบตหมดหรอก ผมอยากได้ไลน์กับเบอร์น้องเขานี่นา ถ้าขอตรงๆสายรุ้งต้องไม่ให้ผมแน่ๆ ผมก็เลยคิดแผนการนี้ขึ้นมา


 "เขาไม่อ่านไลน์ฉันเลยอ่ะ ฮือ" ผมอยากจะร้องไห้

ก็สมควรแล้ว นายดันไปแกล้งน้องเขาขนาดนั้น ถ้าน้องเขาช็อกตายจะทำยังไง? แล้วที่สำคัญน้องเขาเป็นผู้หญิงนะ ทำไมนายไปแกล้งเขาขนาดนั้น หา?เมื่อโดนความตรงของชัชแทงหัวใจ ผมนี่ก้มหน้าสำนึกผิดแทบไม่ทัน ก็จริงอย่างที่ชัชพูด ผมแกล้งน้องเขาแรงเกินไป..

 

ฉันผิดไปแล้วเถียงไม่ออกจริงๆครับเพราะจริงของมัน และผมผิดเต็มๆด้วย

 

แล้วทำไมนายต้องแกล้งน้องเขาขนาดนั้น? เป็นฉันนี่ แกล้งอำแค่เป็นปอบก็ว่าตกใจพอแล้วนะผมก้มหน้าคิดแวบหนึ่งก่อนจะตอบกลับ

 

            “เอาจริงๆฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนะผมตอบตามความจริง..

 

            “ไม่เข้าใจอะไรของนาย?” ชัชเลิกคิ้วถาม หน้ามันตอนนี้โคตรเหมือนนักเลงที่พยายามจะแย่งอมยิ้มเด็กเลยครับ  น่ากลัวสุดชีวิต ผมเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดสิ่งที่ใจนึกออกไป

 

            ตอนแรกฉันก็ว่าจะแกล้งนิดหน่อย แต่พอแกล้งแล้วมันหยุดไม่ได้

 

ห๊ะ?

 

ไม่รู้อ่ะ ยิ่งน้องเขากลัวฉันยิ่งอยากแกล้ง ยิ่งน้องเขากลัวฉันยิ่งรู้สึกว่า น่ารักจังเลย แล้วมันก็หยุดแกล้งไม่ได้ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปเรื่อยๆ

 

“…” แล้วทำไมชัชมันมองผมแปลกๆ

 

ตัวสั่นเหมือนลูกนกเลยนะ น้ำตาก็คลอเบ้า ดูน่าแกล้งเป็นบ้า..”

 

พอเลยพอ!!”

 

 ผมกำลังบรรยายอาการของน้องสายรุ้งอย่างเพลิดเพลิน อยู่ๆชัชมันก็ร้องขัดขึ้นมาเสียงดังลั่น

 

ทำไมอ่ะ?ผมถาม

 

นายโคตรน่ากลัวชัชมองมาด้วยสายตาหวาดๆก่อนจะชี้หน้าผม อยู่ๆมันผีเข้าอะไรเนี่ย มาบอกว่าผมน่ากลัว  ผมก็งงสิครับ

 

น่ากลัว?

 

อะไรน่ากลัว?

 

 

            ไอ้ออกัส นายมันโรคจิต! นายห้ามเข้าใกล้น้องสายรุ้งอีกนะ ฉันจะพิทักษ์น้องเขาจากนายเอง ออกไป๊!!”

           

พูดบ้าอะไรของมันเนี่ย? -_-

 

 

TBC.

Talk to me Talk to me >w<

สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ เตยมาแล้วว รอบนี้ลงซะวันสุดท้ายเลยค่ะ 55555
ขอบคุณทุกโหวตทุกคอมเม้น ขอบคุณพี่เจ้าหญิงด้วยนะคะ 

ว่าแต่เป็นไงงง มีใครถูกหลอกเหมือนสายรุ้งบ้าง หึหึ
พี่ออกัสสายS แล้วค่ะ #ชิบหายแล้วสายรุ้ง เรื่องของยัยสายรุ้งเดินมาถึงตอนสี่แล้ว
เหลืออีกแค่สามตอนที่จะเดินไปพร้อมกัน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
ใครเมตตารบกวนกดโหวต ใครอยากติอยากเมาท์คอมเม้นได้เลยค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ : ) 


 

 

4 ความคิดเห็น

  • 1
  1. #1 (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 21:59:56
     ฮือ เรานี่ล่ะค่ะที่โดนหลอก นึกว่าจะเป็นเรื่องแนวแฟนตาซีไปแล้ว รออ่านตอนต่อไปนะคะ!
    #1
  2. #2 Kyoha (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 23:18:57
    ซอรี่นะน้องเตยแต่...

    ...

    เอาห้านาทีแห่งความซีเรียสของพี่คืนมา Orz....

    โหยยย นี่นั่งลุ้นจนจะตกเก้าอี้อยู่แล้ววววว

    อิพี่ออกัส จงโดนสวรรค์ลงทัณฑ์ซ้าาาา

    พี่ชัชสู้ๆ ปกป้องสายรุ้งให้ได้!!! 
    #2
  3. #3 (จากตอนที่ 4)
    2017-02-04 11:39:50
    โอ้โหววว คิดว่าสายรุ้งจะโดนกินไส้ทะลักแล้ว5555
    นี่อ่านแล้วนึกว่าตัวเองเป็นสายรุ้งที่จะโดนพี่ออกัสกินจริงๆ สรุป..ลั่นนน555
    พี่ก็หยอกน้องแรงไป๊ สงสารสายรุ้งเลย /กระซิกๆ

    รอตอนต่อไปน้าาา
    #3
  4. #4 Blue_umbrella (จากตอนที่ 4)
    2017-02-04 23:22:49
    ชอบบบบ ฮ่าๆๆๆๆ ผลิกล็อกเฉยยย ฮาพี่ออกัสสส ทำไมชอบแกล้งสายรุ้งงี้~ ไม่เห็นรึไงว่าสายรุ้งไม่ชอบๆ มาแกล้งฉันแทนซะ #อ่าว 55555+ สู้ๆ น้าเตยยย เป็นกำลังใจให้ๆ ไฟตตตตตต >0<
    #4
  • 1

แสดงความคิดเห็น