Banilla Honie

[JLS16] Rock! Scissor! Paper! เกมรักกั๊กหัวใจยัยตัวดี

สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง... แต่ฉันไม่ได้มีสี่ขา แล้วฉันก็ไม่ใช่นักปราชญ์ แล้วทำไมฉันถึงพลาดท่าให้ไอ้หมอนั่นล่ะ!?!

0%
VOTE
ตอนก่อนหน้า

ตอนที่ 4/7 :: Partners in crime : ผู้สมรู้ร่วมคิด

ตอนถัดไป

4

Partners in crime: ผู้สมรู้ร่วมคิด

 

ตุ๊บๆๆๆ

เสียงดริปปิง (Dripping) ดังไปทั่วสนาม สลับกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นลามิเนต ร่างสูงโปร่งที่คุ้นตาเพิ่งจะแย่งบอลจากอีกฝ่ายมาได้ ตอนนี้เขาครองบอลอยู่กลางวงล้อม เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถฝ่ากำแพงมนุษย์ที่ล้อมหน้าล้อมหลัง เขาจึงตะโกนบอกผู้เล่นทีมเดียวกันที่อยู่นอกวง

เอสรับ!

เฟี้ยววว....

บอลกลมกลิ้งสีส้มถูกพาส (Pass) จากเอเธนส์ไปยังผู้เล่นที่อยู่ในเขตแดนของฝั่งตรงข้าม และเขาก็รับมันได้พอดี ท่ามกลางความกดดันทุกชีวิตที่ติดตามการแข่งบาสฯ ภายในโรงยิมแห่งนี้ เอสเลี้ยงลูกบุกขึ้นหน้าอย่างคล่องแคล่ว

เฮ้ย! บล็อกเร็ว!” หนึ่งในทีมคู่แข่งตะโกนก้อนอย่างเดือดดาล กำแพงมนุษย์เมื่อครู่เฮโลไปปิดล้อมเขา

ทว่า...สายไปแล้ว

ฟุบ!

ปรี๊ดดดดดดดดด-----!

ด้วยลีลาการครอสโอเวอร์ (Crossover) ที่หนักแน่น แพรวพราว และเหนือชั้น เอสสามารถ แหกอุปสรรค์ที่ขวางทางและส่งบอลลงห่วงฝั่งตรงข้ามไปในที่สุด ปิดควอเตอร์ที่สามอย่างสวยงามด้วยสกอร์ 75 : 73 อย่างทันท่วงที

“กรี๊ดดดดดดด!!!

“เอเธนส์เท่ที่สุดเลยค่า!!

=______=

ฉันนั่งบื้อชิดขอบสนามด้วยความเบื่อระดับสิบ เอเธนส์กับสมาชิกทีม ‘หมีป่าผู้ร่าเริงกำลังร่าเริงกับชัยชนะครั้งใหม่สมชื่อ พวกเขาเอากำปั้นชนกันด้วยสีหน้าชื่นมื่น ใช่ซิ ชนะอีกแค่แมตช์เดียวพวกเขาก็จะได้เป็นตัวแทนโรงเรียนแล้วนี่ ต่างจากฉันซึ่งเหมือนกระบองเพชรใกล้ตายเข้าไปทุกที...

“ฉันเล่นเป็นไงบ้าง” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อกลับมาถึงที่พักนักกีฬาพลางแบมือใหญ่มาอย่างสื่อความหมาย ฉันกลอกตามองบนครั้งหนึ่ง แล้วจึงส่งผ้าขนหนูกับน้ำดื่มที่เตรียมไว้ให้เขาอย่างรู้งาน

“ดี เยี่ยม เจ๋งสุดๆ” ฉันตอบเสียงยางคาง “โดยเฉพาะจังหวะที่นายส่งลูกให้เอส ฉันว่ามันเจ๋งดี”

เอเธนส์คลี่ยิ้มพอใจกับฟีดแบ็คที่ได้รับ  ส่วนฉันก็แอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเขาทำได้ดีมากจริงๆ การจ่ายบอลของเอเธนส์เข้าขั้นสุดยอด การชู้ตแม่นยำ การรุกก็เฉียบขาด คนในวงการบาสฯ ของเซนต์ไมเคิลก็พากันยกย่องว่าเป็น The Best Point Guard in Town เลยล่ะ

“ดีใจที่เธอชอบนะ แต่ว่า...น้ำหมดแล้วล่ะเขาบอกพลางแกว่งขวดน้ำที่ว่างเปล่าไปมา

เฮ้อ...

 ตามหน้าที่คือฉันต้องลุกไปซื้อน้ำขวดใหม่ให้เขา ดีว่ามีเครื่องกดน้ำอัตโนมัติอยู่ใกล้ๆ เลยไม่ต้องเดินไปไกลถึงโรงอาหาร วันเวลาผ่านไปเหมือนกดปุ่ม Fast skip ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉันรับหน้าที่ เจเนอรัลด์เบ๊มาได้ครบอาทิตย์แล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่น่าหงุดหงิดใจ ไม่มีสั่งให้กินของประหลาด ไม่มีสั่งให้ไปแกล้งอาจารย์คนไหน ไม่มีสั่งให้ไปตะโกนบอกสีกางเกงในกับใคร

ไม่มีเลยยยย!

ตาบ้าเอเธนส์คิดอะไรอยู่กันแน่ ฉันไม่เข้าใจ เขาอุตส่าห์ดวลเป่ายิ้งฉุบชนะฉันนะ น่าจะใช้อำนาจที่มีทำอะไรที่มันแบบ...กดขี่ ข่มเหง และรังแกอีกฝ่ายอย่างที่ฉันชอบทำสิถึงจะถูก ไม่ใช่มาแบบ...กินข้าวเช้าด้วยกัน คอยหิ้วกระเป๋า นั่งเฝ้าตอนซ้อมบาสฯ หาน้ำหาผ้าให้ หรือส่งไลน์ราตรีสวัสดิ์ ซึ่งอันหลังสุดนี่เป็นอะไรที่ประสาทแดกมากๆ ฉันจะคลั่งตาย!

ฉันคือไปเปอร์ (อดีต) มือวางอันดับหนึ่งผู้ไร้ซึ่งคุณธรรม (ตามแคปชั่นในไลฟ์) นะเว้ย จะมาสั่งให้ทำอะไรตะมุตะมิอย่างที่ว่ามานั่นมันไม่ถูกไม่ควร แง้งงงง!

แกร๊ก!

ฉันหยอดเหรียญซึ่งเป็นเงินที่เอเธนส์ให้ไว้แล้วกดเลือกน้ำแร่ ขวดน้ำอ้วนๆ หล่นตุ๊บลงมาที่ช่องรับสินค้า ฉันก้มลงหยิบมันขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางนี้

“ไปเปอร์...” เสียงหวานเรียกด้วยรอยยิ้ม เธอคือเจ้าหญิงตัวจริงเสียงจริงของเซนต์ไมเคิล    

“ว่าไงมิลิน มีอะไรรึเปล่า”

             นิ้วเรียวชี้มาที่ขวดน้ำในมือฉัน “นั่นของพี่เอเธนส์ใช่มั้ย”

“ก็ใช่...เมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าไงนะ” ฉันนิ่วหน้าถาม รู้สึกเหมือนได้ยินอะไรแสลงหู

“อ๋อ...พี่เอเธนส์น่ะ”

ทำไมมิลินต้องเรียกหมอนั่นว่าพี่ด้วยวะ เราอยู่ชั้นเดียวกันไม่ใช่เหรอ แต่ก่อนจะได้ซักไซ้ ร่างบางตรงหน้าก็ท้วงขึ้นเสียก่อน

“สรุปว่าขวดน้ำนั่นของพี่เอเธนส์ใช่มั้ยจ๊ะ” ฉันพยักหน้าอย่างงงๆ ขวดน้ำของหมอนั่นแล้วไง “ส่งมาสิ เดี๋ยวฉันเอาไปให้พี่เขาเอง”

ฮะ?

“เถอะน่า ฉันรู้หรอกว่าเธอเบื่อ เอามาให้ฉัน แล้วเธอจะได้กลับบ้านไปเล่นเกมไง”

อย่างนี้นี่เอง...

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาเสนอตัวช่วยฉัน เหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกแฟนคลับนะว่าอยากเข้าไปป้วนเปี้ยนใกล้ๆ คนที่ชอบ จริงๆ ฉันก็อยากกอบกู้เอกราชด้วยการโยนก้อนหินที่สลักคำว่าเจเนอรัลด์เบ๊ให้พวก ‘เบ๊วอนนาบีซะ แล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติอย่างสบายใจ แต่คำสอนของป๊าที่ว่า คนเราทำอะไรแล้วก็ต้องรับผลที่ตามมา ไม่อย่างนั้นจะถูกตราหน้าว่าไร้ความรับผิดชอบ ก็ทำให้ฉันต้องปฏิเสธความหวังดี (?) ของพวกเขาไปอย่างช่วยไม่ได้

ภีรณีไม่ควรจุติในตระกูลฮวงที่รักศักดิ์ศรียิ่งชีพเลยจริงๆ ค่ะ U_U

“ข้อเสนอของเธอเข้าท่าดีนะ แต่โทษที ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” เท่านั้นแหละ เจ้าหญิงแห่งเซนต์ไมเคิลออกอาการหน้าหงิกขึ้นมาทันที

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“ก็นี่มันหน้าที่ฉัน” คนแพ้ก็มีศักดิ์ศรีของคนแพ้อ่ะนะ “ถ้าเธออยากทำหน้าที่นี้ เอ่อ...ฉันหมายถึงเป็นเบ๊น่ะ เธอคงต้องไปท้าหมอนั่นดวลเป่ายิ้งฉุบเองแล้วล่ะ” ฉันตอบเสียงเรียบ ไม่ได้ใส่อารมณ์หรืออะไรเลยนะสาบานได้ (._.) แล้วทำไมมิลินต้องมองฉันเหมือนอยากจะหักคอฉันจิ้มน้ำพริกอย่างนั้นล่ะ น่ากลัวเกินไปแล้วนะผู้หญิงเนี่ย

“แล้วเธอจะได้รู้ว่าคนได้อยู่ข้างเขาไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว!” พูดจบเธอก็กระฟัดกระเฟียดหนีไป ทิ้งฉันให้เกาหัวแกร๊กๆ ด้วยความพิศวง
คนที่ได้อยู่เคียงข้างเขาไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวงั้นเหรอ...แม่นี่คิดว่าการเบ๊เป็นอยู่ใต้อาณัติอีตาเอเธนส์มันโรแมนติกนักเรอะ ฮ่ออออ หล่อนดูละครมากไปแล้วโว้ยย!

               

แล้วมิลินก็ไปท้าอีตาขี้เก็กดวลเป่ายิ้งฉุบจริงๆ

ทันทีที่ร่างสูงเพรียวราวกับนางแบบปรากฏตัว สมรภูมิที่ร้อนระอุก็พลันเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้ในพริบตา ฉันเห็นมิลินเดินไปพูดอะไรสักอย่างกับเอเธนส์ด้วยรอยยิ้มหวานหยดชนิดที่ว่าฆ่ายกครัวมดทั้งรั้งได้ แต่สุดท้ายก็ต้องเดินคอตกกลับไปไม่ต่างจากคนก่อนๆ

สาเหตุน่ะเดาไม่ได้ยากหรอก แต่เหตุผลนี่สิ…

“ทำไมนายถึงไม่รับคำท้าของมิลินล่ะ” หลังจากชั่งใจอยู่นาน ฉันก็เปิดปากถาม มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องปฏิเสธคนสวยๆ อย่างนั้น เป็นคนอื่นยังพอว่า (มีคนมาขอดวลกับเขาเยอะเลยล่ะ) แต่นั่นมิลินเชียวนะ! เธอน่ารักจะตาย ผู้ชายส่วนใหญ่ก็หมายปองเธอกันทั้งนั้น ถึงจะแอบร้ายใส่ฉันบ้าง แต่ตำแหน่งเจ้าหญิงคงไม่ได้จับสลากได้มาหรอกน่ะ

“ก็ไม่ทำไมนะ” ร่างสูงอย่างไม่ใส่ใจ เขารับน้ำดื่มขวดใหม่ที่ฉัยยื่นให้ไปดื่มก่อนจะพูดต่อ “แค่ไม่มีเหตุผลต้องดวลกับเด็กคนนั้นก็เท่านั้น”

จากนั้นเอเธนส์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ คำถามคือถ้าเขาปฏิเสธมิลินเพราะไม่มีเหตุต้องดวลเป่ายิ้งฉุบด้วยแล้ว...ทำไมเอเธนส์ถึงรับคำท้าดวลของฉันอ่ะ?

เอาตรงๆ คือฉันเป็นเหมือนเชื้อโรคที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้แต่ก็ไม่มีใครกล้ากำจัด ทุกคนในวงการเป่ายิ้งฉุบหวาดกลัวฉันเหมือนผีกลัวพระ แม่นาคกลัวใบหนาด  ไม่มีใครเสียสติรับคำท้าดวลของฉันหรอก นอกเสียจากคนๆ นั้นหมดสิ้นแล้วซึ่งความหวังในชีวิต ถึงขนาดไม่อยากแบกหน้ามาโรงเรียนอีกต่อไป มาคิดดูแล้ว...การที่เอเธนส์รับคำท้าดวลของฉันมันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ต่อให้ชอลลี่นึกสนุกลุกมาแต่งชุดรด.ไปจ่ายตลาดก็ยังไม่น่าประหลาดใจเท่านี้

ถ้าเอเธนส์ปฏิเสธคำท้าดวลของมิลินเพราะไม่มีเหตุผลต้องดวลกับเธอ งั้น...การที่เขารับคำท้าดวลของฉันก็...

“แสดงว่านายมีเหตุผลในการดวลกับฉันงั้นสิ”

“...!” คำถามของฉันทำให้เอเธนส์ซึ่งกำลังก้มผูกเชือกรองเท้าอยู่ถึงกับชะงักกึก แต่แค่พริบตาเขาก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ

ฉันว่าฉันตาไม่ฝาด...เมื่อกี้เขาสะดุ้งสินะ

มันต้องมีอะไรแน่ๆ

“ว่าไง ทำไมนายถึงรับคำท้าดวลของฉันอ่ะ” เมื่อเห็นว่าเอเธนส์แกล้งทำเป็นผูกเชือกร้องเท้าต่อไป ฉันก็ถามขึ้นอีกครั้งพลางหรี่ตามองอย่างจับผิด ส่งกระแสงจิตกดดัน จนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้

“ไปเปอร์...” เอเธนส์ครางระหว่างยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ริมฝีปากขมุบขมิบเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ฉันเอียงคอรอฟังอย่างคาดหวัง “เธอนี่หน้าเหมือนหมาปั๊กเลยนะ (‘ ‘)

ไอ้...#%^&I*&)(_@!!@!#$*

 

Athens’s Story#1

เสียงคำรามสลับกับสารพัดคำด่าของไปเปอร์ดังไล่มาตามหลังทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ ทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ หมาปั๊กน่ารักออกนะผมว่า

“บรีฟด้วยครับอะตอมกวักมือเรียก ผมจึงเดินเข้าไปสมทบกับสมาชิกทีมหมีป่าผู้ร่าเริงอีกสี่ชีวิต พวกเราล้อมวงกันเข้ามาเพื่อฟังผมซึ่งถูกโยนให้เป็นกัปตันทีมบรีฟแผนการเล่นในควอเตอร์ที่สี่ แมตช์นี้จะเป็นตัวตัดสินว่าทีมไหนจะได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งกับแอลลินตัน...โรงเรียนเก่าของผมเอง

จากมุมมองของคนนอกซึ่งเคยชินกับระบบคัดตัวนักกีฬารายคน ผมว่าเซนต์ไมเคิลเป็นโรงเรียนที่เถื่อนพอตัวนะ พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาคัดเลือกจากคนเป็นร้อย แต่ปล่อยให้นักเรียนฟอร์มทีมขึ้นมาแข่งกันเอง ใครชนะก็ได้ไปต่อ และตอนนี้พวกเรามาไกลมาเกินครึ่งทางแล้ว เป้าหมายที่ พวกเขาจะได้บดขยี้ทีมแอลลินตัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือทีมเก่าของผมอยู่ใกล้แค่เอื้อม

แต่ของผมนี่สิ...ท่าจะยังอีกไกล

“เมื่อกี้พี่ทำอะไรไปเปอร์ ทำไมมันถึงได้โวยวายขนาดนั้นตัวการที่ทำให้ผมต้องมาร่วมสังฆกรรมแข่งบาสฯ ภายในเดินมาคุยด้วยสีหน้าระรื่นหลังเสร็จจากบรีฟ ตลกว่ะ หน้าเหมือนหมาปั๊กปวดขี้”

“ไปเหอะผมขำ แต่ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามด้วยการลากคนพูดมากลงสนามไปพร้อมกับคนอื่นๆ ควอเตอร์สุดท้ายจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ผมอดไม่ได้ที่จะมองไปยังข้างสนาม ไปเปอร์นั่งหน้าบูดอยู่ตรงนั้น สองมือกอดอก สายตามองตรงมา แล้วเมื่อเราสบตากันเธอก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ผมชูกำปั้นให้เธอเป็นเชิงว่า สู้!แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็น...

ಠ)

กำลังใจเต็มร้อยเลยฮะ

เอาเถอะ อย่างน้อยยัยตัวแสบนั่นก็ไม่ได้เอาแต่ก้มหน้าเล่น หนูมงอย่างเมื่อก่อนแล้ว เดาว่าเธอคงไม่อยากถูกผมยึดโทรศัพท์อีกเป็นรอบที่สอง ข้อนี้เองที่บอกให้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนหัวช้าอย่างที่ใครว่า เธอมีไหวพริบ และเมื่อกี้ผมก็พลาด...

 

 ‘แสดงว่านายมีเหตุผลในการดวลกับฉันงั้นสิ’

 

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคลือบแววสงสัยของไปเปอร์บอกผมว่าคำถามมากมายกำลังจะตามมาในไม่ช้า และถ้าผมไม่ตอบ คนต่อไปที่เธอจะบุกไปหาก็คงจะเป็น...

“เฮ้...ผมหันไปเรียกไมค์ซึ่งประจำตำแหน่ง SG (Shooting Guard) คู่กับผมซึ่งเป็น PG (Point Guard) ด้วยเหตุผลบางอย่าง เราจึงเข้ากันได้ดีทั้งในสนามและนอกสนาม ไมค์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงว่า อะไรผมจึงขยับไปใกล้ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ยินในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดอย่างชัดเจน มีอีกอย่างที่ฉันต้องบอกนาย”

แม้จะไม่ได้บอกรายละเอียดแต่ไมค์ก็เข้าใจ เขามองไปที่ข้างสนามแวบนึงก่อน แล้วจึงหันกลับมาที่ผมเป็นเชิงรอฟัง ผมจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงกึ่งบอกเล่ากึ่งข่มขู่

“ไม่ว่าไปเปอร์จะถามอะไร...อย่าตอบ”

“...”

“ไม่อย่างนั้นก็เลิกฝันถึงทีมเก่าฉันได้เลย”

“...”

คนฟังนิ่งไปสักพักก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยยิ้มทะเล้นตามสไตล์ คร้าบๆ ผมเข้าใจแล้ว จะรูดซิบปากให้สนิทเลย”

หมอนี่ทำตัวดีขึ้นมากหลังจากผมขู่ว่าจะออกจากทีมถ้าเขายังจงใจแกล้งแหย่ไปเปอร์อย่างคราวก่อน มันคงไม่ดีแน่ถ้า เรื่องทั้งหมดถึงหูยัยตัวแสบเข้า โดยเฉพาะตอนนี้ที่ผมยังสนุกกับสิ่งที่เป็นอยู่

ใช่แล้วครับ...ผมมีความลับที่บอกเธอไม่ได้

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้

ไมค์กับไมค์ยื่นกำปั้นมาชนกันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย จากนั้นอีกฝ่ายก็กลั้วหัวเราะด้วยนัยน์ตาส่อแววล้อเลียน ชักสงสารยัยแสบนั่นขึ้นมาแล้วว่ะ ต้องมาเจอกับคนเจ้าเล่ห์อย่างพี่ ไม่เรียกซวยก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”

ขอบวกให้ไปเปอร์อีกหนึ่งเสียง หมอนี่เป็น ผู้สมรู้ร่วมคิดที่น่ารำคาญจริงๆ นั่นล่ะ

 

หลายวันต่อมา...

ทันทีที่ผู้อำนวยการประกาศกำหนดการแข่งทักษะอย่างเป็นทางการ เซนต์ไมเคิลก็เข้าสู่เทศกาลฝึกซ้อมอย่างเต็มรูปแบบ จากบทที่สองทุกคนคงรู้แล้วใช่มั้ยล่ะคะว่าโรงเรียนฉันน่ะชอบ‘เล่นใหญ่ขนาดไหน (ใครจำไม่ได้ก็กลับไปอ่านใหม่นะ -_-) ความครึกครื้นมีชีวิตชีวาแผ่ไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเหล่านักฟุตบอลกำลังวัดแข้งกันที่สนาม เหล่าเชียร์ลีดเดอร์เพิ่งจะวิ่งผ่านหน้าห้องพวกเราไปเป็นแถว เสียงวงดุริยางค์บรรเลงเพลงลอยมาตามลม แม้กระทั่ง...

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่! แบบนั้นมันใช้ไม่ได้! นี่พวกหล่อนได้ฟังฉันพูดบ้างหรือเปล่าห๊า!!” ความเกรี้ยวกราดของชอลลี่ที่ทบทวีขึ้นทุกวันก็นับเป็นส่วนหนึ่งของความครื้นเครงด้วย “เออ! ก็ใช่ไง ฉันว่าฉันพูดไปหมดแล้วนะ ทำไมพวกหล่อนเข้าใจอะไรยากจังฮะ! ยอมแพ้ไปเลยดีมะ ไม่ต้องขงต้องแข็งมันแล้ว!!

 “ใจเย็นค่ะซิส” ฉันกระซิบพลางหยิบกระดาษขึ้นมาพัดยัยตุ๊ดน้อยที่โมโหโกรธาเป็นภูเขาไฟใกล้ปะทุให้เย็นลง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นะ (._.)

“เละ! เละเทะที่สุด! พวกหล่อนรออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันจะไปดูให้เห็นกับตาเอง แค่นี้นะ!” แล้วนางก็ตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย

“เอ่อ...ซิสคะ ไม่ทราบว่า After you ของเรานี่...อะไรยังไงดีคะ” ฉันเลียบๆ เคียงๆ ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นว่านางยังเดือดอยู่ (กลัวโดนเหวี่ยงง่ะ) อันที่จริงฉันเพียรถามนางมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบสักที

อะไรยังไงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ยังไม่ใช่วันนี้จ้ะ!” ยัยตุ๊ดน้อยกลอยใจตอบขณะรีบโกยเข้าของใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อน เวลาส่วนใหญ่ของนางถูกใช้ไปกับกิจกรรมโรงเรียนจนไม่ว่างไปทำอย่างอื่น ช่วงนี้พวกเราก็ไม่ค่อยได้เม้าท์มอยกันเท่าไหร่ด้วย ฉันไปประชุมก่อนนะแก โทษทีที่ไม่ค่อยได้เล่นด้วย รักแกนะ บาย~”

“บ๊ายบาย”

เพื่อให้ชอลลี่ได้ทุ่มเทกับสิ่งที่รักอย่างเต็มที่ ถึงจะรู้สึกเหงานิดหน่อยแต่ฉันก็จะอดทน ฮือ T^T

ไลน์~

 

Mr. Athens: รอหน้าห้องนะ

 

เอาล่ะ รีบทำธุระแล้วกลับบ้านดีกว่า

ฉันคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายบ่า แล้ว (จำใจ) เดินไปสมทบกับอีตาเอเธนส์ที่ยิ้มหล่ออยู่หน้าห้อง โดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนแถวนั้นจับตาดูทุกฝีก้าว ข่าวมิลินถูกเอเธนส์ปฏิเสธคำท้าดวลแพร่ไวเหมือนไฟลามทุ่ง ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ

รู้น่าว่าไม่พอใจ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อมันไม่ได้อยู่ในการควบคุมของฉัน อยากจะโกรธก็ไปโกรธอีตาเอเธนส์สิเฟ้ย!

จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรเอเธนส์ถึงยอมดวลเป่ายิ้งฉุบกับฉัน ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้น ยังมีหลายอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ โจ๊กหมูเด้งใส่ตับเยอะๆ นั่นก็ใช่ ไหนจะมิลินที่เรียกเขาอย่างไพเราะเพราะพริ้งว่าพี่อีก อันที่จริงฉันก็แอบๆ ไปถามอีตาไมค์มาแล้วเพราะเห็นว่าพวกเขาสนิทกัน...

 

เธอพอจะมีสัก...สองร้อยมั้ย

 

นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วยังต้องเสียแรงทุบคนอีกแน่ะ

ยังไงก็เถอะ สัญชาตญาณติ่งมาเวลล์ (Marvel) บอกฉันว่าไอ้หมอนี่ต้องมีความลับอย่างอื่นซ่อนอยู่แน่ๆ แค่ยังจับไม่ได้ ไล่ไม่ทันก็เท่านั้น เชื่อเจนสิคะ เจนสัมผัสได้...

“อ่ะ” มือใหญ่ของชายผู้เต็มไปด้วยปริศนายื่นมาตรงหน้า

ตอนนี้พวกเรามาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว กำลังจะข้ามสี่แยกไปอีกฝั่งซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเครื่องเขียน อีตาเอเธนส์งอแงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะว่าอยากจะไป แต่ติดที่ฉันต้องเรียนเสริมไง เลยต้องมาวันนี้แทน (บอกแล้วว่าโง่)

อ้อ! ฉันลืมบอก ตอนนี้ทีมหมีป่าผู้ร่าเริงได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งบาสฯ กับแอลลินตันแล้วนะ พวกเขาก็เลยตกลงกันว่าจะพักเหนื่อยก่อน แล้วค่อยกลับมาซ้อมใหม่ในวันจันทร์หน้า เพราะงั้นอีตาเอเธนส์ถึงลากฉันมาเดินเตร็ดเตร่แบบนี้ได้ ต่างจากฉันที่อยากกลับบ้านไวๆ ไม่รู้สิ...มันแปลกๆ เหมือนลืมอะไรสักอย่างแต่ก็คิดไม่ออกอ่ะ อืม... (ครุ่นคิด)

“อ่ะ” พอเห็นว่าฉันไม่ตอบสนอง เอเธนส์ก็ส่งมือมาอีกครั้ง

“อะไรของนายเนี่ย” ฉันมุ่นคิ้วไม่เข้าใจ แล้วแบมือมานี่จะเอาอะไร ฉันไม่มีจะให้หรอกนะนอกจากห้าสิบบาทสุดท้ายในกระเป๋า

ในตอนนั้นเองสัญญาณไฟสำหรับข้ามถนนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ไฟเขียวแล้วนะ (‘ ‘)

“ก็ไปสิ” ฉันก้าวเท้าไปข้างหน้า แต่ว่าคนข้างๆ ไม่เข้าใจ เอเธนส์รั้งฉันไว้ด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาก็แบอยู่อย่างเดิม

“เธอไม่คิดเหรอว่าข้ามถนนตรงนี้มันอันตรายน่ะ”

ฮะ?

“คนไทยฝ่าไฟแดงกันบ่อยจะตาย ต่อให้มีสัญญาณไฟจราจรก็เถอะ” ...อย่าบอกนะว่า

“คือนายกลัวรถฝ่าไฟแดงมาชนว่างั้น”

“ก็...ไม่รู้สิ ^___^

ฉันเบะปากให้กับคำตอบที่ไม่ได้เรื่อง กลัวก็บอกสิว่ากลัว ไม่ก็กลัวก็บอกไม่กลัว แค่นี้ ยากตรงไหน ทำไมต้องพูดอะไรให้เข้าใจยาก คิดว่าฉันฉลาดมากนักเหรอ? แล้วไหนจะรอยยิ้มบ้าบอนั่นอีก โอเค ฉันเริ่มชินกับความขี้เก๊กของเขาแล้ว (จริงๆ คือปลง)  แต่ในตอนนี้ สถานการณ์แบบนี้ มันใช่เวลามายิ้มมั้ย เป็นไบโพลาร์เรอะ!!

“แล้วนายจะเอายังไง สะพานลอยมั้ยล่ะ” ฉันหมายถึงสะพานลอยที่ตรงนู้นนนนนนน ประมาณห้าร้อยเมตรได้อ่ะ แค่เดินไปก็เหนื่อยละ วอนฟ้าเห็นใจขาสั้นๆ ของฉันด้วย

“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก”

อื้อหือ...ตั้งแต่รู้จักกันมาสาบานเลยว่านี่เป็นคำแรกที่ฟังเข้าหู ฉันนึกขอบคุณเขาในใจ แต่พอได้ฟังประโยคทันถัดไป เท้าฉันก็แทบลื่นไปสะกิดปากคนตรงหน้า

“แค่จูงมือฉันข้ามไปก็พอ”

บ้าไปแล้วโว้ยย!

ฉันไม่เคยพอใจกับคำสั่งของเขา ไม่ว่าจะส่งไลน์ก่อนนอน หรืออะไรก็ตามฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้น ทว่า...ทั้งหมดทั้งมวลที่เคยทำมานั่นกลายเป็นเรื่องขี้ประติ๋วไปเลยเมื่อเจอคำสั่งนี้

จูงมือข้ามถนนเนี่ยนะ ใครจะไปทำกันฟะ!

นายจะบ้าหรือไงฮะ พูดจาเป็นเด็กๆ ไปได้ โตเป็นควายแล้วมั้ย ขาดความอบอุ่นเหรอถามจริง ขนาดฉันที่ออกจะง้องแง้งงอแง ยังเลิกให้เฮียๆ ทั้งหลายเดินจูงมือตั้งแต่ขึ้นม.ต้นแล้วนะเฟ้ย

“อุบัติเหตุเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่จำกัดอายุหรอกนะ (‘ ‘)มันเกี่ยวตรงไหนเนี่ย!

“แล้วยังไง การจูงมือข้ามถนนไม่ได้ช่วยให้คนมักง่ายเลิกฝ่าไฟแดงอยู่ดีปะล่ะ” ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ฉันนี่ไง มักง่ายมาสิบเจ็ดปีแล้วยังเลิกไม่ได้เลย :(

 “แต่มันช่วยให้อุ่นใจได้นะ” เอเธนส์บุ้ยหน้าไปทางถนนที่เต็มไปด้วยโชเฟอร์ตีนผี แต่ละคันนี่ออกตัวแรงยิ่งกว่าจรวดมิสไซล์

ฮัลโหลลลล นี่เขตโรงเรียนนะรู้ยัง +___+???

เอี๊ยดดดดด

ปึง!

เอ้า เสยตูดกันซะงั้น!

“อันตรายเนอะ ^__^” คนตัวสูงเลิกคิ้วยักไหล่เป็นนัยว่า ฉันบอกแล้วไง

ยังคงยืนยันคำเดิมว่าถ้าสูงกว่านี้สักสิบเซ็นต์ฉันจะกระชากคอเสื้อเขาแล้วต่อยๆๆ แล้วถ้ายังไม่สาแก่ใจ ฉันจะจับไอ้บ้านี่ขึงพืดแล้วแส้ฟาดเทียนลน! แต่คราวนี้ฉันจะเพิ่มความทรมานด้วยการโยนฝูงมดคันไฟใส่หมอนี่ด้วย ให้โดนมดกัดตายไปเลย!

เอเธนส์ยังค้างมือไว้ตามเดิมเพื่อยืนยันว่าไอ้จูงมือข้ามถนนอะไรนั่นเขาไม่ได้ล้อเล่น 

“เร็วเข้าเถอะ ไฟเขียวแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา” ร่างสูงเร่งเร้า “อย่าลืมสิว่าเธอต้องกลับบ้านไปลงดันเจี้ยน”

!!!ฉันถึงกับเบิกตากว้าง O.O ในที่สุดก็นึกออกแล้วว่าตัวเองลืมอะไร

ฉิบหายแล้ว ลืมไปเลยว่ามีนัดลงดันฯ วันนี้!

“นี่กี่โมงนะ โอ้โห จะห้าโมงแล้ว เธอนัดเพื่อนไว้ห้าครึ่งนี่”

กรี๊ดดดดด จริงด้วยยยยย

“เห็นว่าคราวนี้ถ้าไม่มาจะถูกไล่ออกจากกิลด์แล้วไม่ใช่เหรอ”

ก็เพราะนายนั่นแหละ!

ที่ฉันกลับบ้านช้าไม่ทันเวลานัดลงดันเจี้ยนจนเพื่อนในเกมโกรธกริ้วก็เพราะเฝ้านายแข่งบาสฯ นั่นแหละ!!

“ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะไม่ทันเอานะ นี่เย็นวันศุกร์ด้วย รถติดน่าดู”

โว้ยยยยยยย!!

“แย่จัง การบ้านศิลปะต้องส่งจันทร์หน้าด้วยสิ แถวคอนโดฉันก็...”

หมับ!

เมื่อมีเรื่องเกมมาเกี่ยวข้อง สำนึกผิดชอบชั่วดีก็ปลิวหายไปกับสายลม ฉันคว้าหมับเข้าที่มือใหญ่ของเอเธนส์โดยไม่เสียเวลาอิดออดอะไรอีก ในใจตอนนี้มีแต่คำว่าดันเจี้ยน ดันเจี้ยน แล้วก็ดันเจี้ยน! ร่างสูงตรงหน้าเบิกตากว้าง และถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อถูกฉันดึงไป

ใช่...ฉันจูงมือเขาข้ามถนน

ฉันรีบเดินออกไปเมื่อเห็นว่าสัญญาณไฟข้ามถนนยังคงเป็นสีเขียวอยู่ แม้จะมีความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมาแต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการกลับบ้านไปลงดันฯ อีกแล้ว จิตวิญญาณเกมเมอร์ร่ำร้องบอกว่าฉันควรรีบๆ พาไอ้คนเรื่องมากข้ามถนนไปซะ ดังนั้นฉันจึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงอีกฝั่งไวๆ การปลงและคิดเสียว่าจูงควายมากินหญ้า พาหมามาเดินเล่นช่วยให้ฉันฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ง่ายๆ

แล้วในที่สุด...ฉันกับควาย+หมาที่ชื่อเอเธนส์ก็มาถึงอีกฝั่งแล้วค่ะ เย่ะ (ชูสองนิ้ว)

“ถึงแล้ว” ฉันรีบปล่อยมือจากเอเธนส์แล้วเอามาถูกระโปรงอย่างลวกๆ เพราะความเหนอะหนะ มืออีตาบ้านั่นก็ร้อนชะมัด มือฉันนี่ชุ่มจนแฉะเลยล่ะ “พอใจแล้วสิ ทีนี้ฉันกลับบ้านได้หรือยัง”

“...”

“เฮ้”

“...”

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

“ฉันถามเนี่ย ได้ยินมะ...!!!” ฉันหันไปมองคนข้างหลังอย่างหัวเสียเมื่อถามแล้วไม่ได้คำตอบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่เมื่อสายตาปะทะกับใบหน้าหล่อเหลาซึ่งอยู่ระดับเดียวกันเข้าพอดี

ตึกตัก...ตึกตัก...

ระยะห่างเพียงน้อยนิดทำให้ฉันชะงักงัน มันใกล้...จนได้กลิ่นน้ำหอมอันอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์อย่างที่เคยบอกไว้ แสงสีส้มของยามเย็นอาบไล้ร่างสูงสร้างเงาตกกระทบบนตัวฉัน เอเธนส์คลี่ยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนสีหน้าอันน่าขบขัน...

แต่เอเธนส์ไม่ได้หัวเราะ... เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่...มองฉันนิ่งๆ ใกล้ๆ ด้วยสายตาสื่อความหมายบางอย่างที่มีคงจะมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้...

แล้วในทันทีที่เรียวปากได้รูปขยับขึ้นลง ความรู้สึกที่ถูกเพิกเฉยก็พวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้งราวกับเรียกร้องอยากมีตัวตน...

“Happy weekend นะไปเปอร์ :)

ตึกตัก...ตึกตัก....ตึกตัก...

นะ...นะ...นี่มันอะไรกัน

 
Let’s talk (again and again)

สายแล้วว้อยยยยยยย!! //กรี๊ดลั่นพลางวิ่งออกจากบ้าน ปากก็คาบขนมปังไปด้วย

ตอนลงบทสี่ก็อารมณ์ประมาณนี้ล่ะค่ะ 5555

ให้ตายเถอะ นึกว่าจะไม่ทันลงซะแล้ว แบบว่าบทนี้มันผีจริงๆ เอาตรงๆ คือนี่เกือบจะเลิกแล้วนะ แต่ความหน้าด้านเรามีมากกว่าไง (ฮา) ก็เลยยังอยู่อ่ะนะคะ

สำหรับคอมเมนต์ @เจ้าหญิงผู้เลอโฉม ไม่ใช่แค่กรรมการที่คิด อีนี่ก็คิดงั้นเหมือนกันค่ะ 5555 ฮือ

ตอนต้นกับกลางเรื่องนี่มันเป็นอะไรที่อยากจีๆ นะคะ บั่บว่า...นั่งคิดทีไรก็ได้แต่ตอนจบทุกที //รีบ เท่าที่วางแผนไว้ จุดไคลแมกซ์เป็นอะไรที่พีกมาก เล่นใหญ่มาก แล้วก็เขียนยากมากเช่นกัลลลล แต่จะมีบุญได้เขียนตอนนั้นมั้ยก็อีกเรื่องโน๊ะ

ในบทที่ 4 นี้จะเห็นว่าอีตาเอเธนส์นางเริ่มมาแจมแล้วนะคะ แลดูมีความลับมากๆ ด้วย

สัญญาว่าตอนหน้าจะพีกกว่านี้ //ชูสามนิ้ว

แล้วก็นี่ค่ะ...

อิมเมจไปเปอร์

ล้อเล่น! Queen Xenomorph แขกรับเชิญของเราต่างหาก เธอจะมาทำอะไร ตอนหน้าได้รู้กันแน่นวลลลลลล...

 

 

9 ความคิดเห็น

  • 1
  1. #1 (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 17:40:45
    ไปเป๊อออร์ ไปเปอร์ ไม่อยากทำหน้าที่นี้จริงๆหรอ ส่งต่อมาให้เก๊าได้นะ //ผิด555
    นี่ตอนพาทเอเธนส์ อ่านไปลุ้นไป คิดว่าจะแอบแย้มๆความลับออกมาให้ชื่นใจบ้าง คอตกค่ะ
    ปักหลักรอกันต่อไป55555 ไปเปอร์นี่สายเกมเข้าขั้น ตลกกับฉากจูงมือข้ามถนน

    ลั่นสุดคือตอนเลื่อนลงมาเจอรูปนี่แหละ 5555555
    รอตอนหน้าน้าาาพี่มีนา จ้องรูปที่พี่แนบไว้ไปนานๆ แล้วรู้สึกเหมือนจะโดนง้าบหัวตลอดเวลา ก๊ากกก
    #1
  2. #2 Marshmallows. (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 17:56:25
    โอ้ยยยยยยยยย คือกำลังจะเม้นอะไรนี่ล่ะ เจออิมเมจแล้วลืม นึกแปปนะคะ 555555
    ตอนนี้คิดไปเองรึเปล่า แต่บรรยายดีขึ้นมาก สำนวนก็ไหลลื่นด้วย นางเอกดูไม่โว้ยว้าย 555555
    อีพระเอกนี่ เสียดายที่นางเอกยังคงสเต็ปความเป็นนางเอก ดูไม่ออกหรอว่าเค้าจีบเธออออออ
    อยากจะเขย่าคอแล้วปลุกไอคิวและอีคิวในตัวคุณจังเลยค่ะ

    นี่เดาว่าพระเอกต้องมีแผนอะไรจริงๆ ด้วยแหละ มันคงไม่ใช่แค่ทำให้นางเอกหวั่นไหวหรอก
    #2
  3. #3 Kyoha (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 21:06:55
    กำลังขำๆอยู่ดีๆ...

    พอเลื่อนลงมาป๊ะข้างล่างสุด...

    //สะดุ้งตกเก้าอี้

    มีนาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!
    #3
  4. #4 Macramé (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 23:02:28
     พี่มีนาาาา

    อ่านไปก็นึกว่าจะรู้ความลับ เห็นพาร์ทพระเอก
    นี่ไม่อยากให้มันจบไง 55555 เป็นเบ๊อีกสักสามปีได้ไหม (ผิดๆ)
    สะดุดกับความร้ายเงียบของมิลินสุดอ่ะ สุดท้ายนางร้ายก็คือนางร้าย เย่

    รอตอนต่อไปนะคะพี่ ฉู้ๆ ♥
    #4
  5. #5 JOlly' M (จากตอนที่ 4)
    2017-02-03 23:35:02
    กรีดร้องงง อะไรคือความลับของเอเธนส์อ่ะ อยากเผือกมากมายยยย ฮือออ
    พระเอกดูหล่อ มีเสน่ห์ ชอบบ หลัวว //พูดแบบนี้กับพระเอกทุกเรื่อง5555555

    ชอบสำนวน ฮากรามค้างงง จากเครียดๆ นี่หายทันที

    รออ่านตอนต่อไปอยู่นาาา จุ้บๆ
    #5
  6. #6 Banilla Honie, Karin (จากตอนที่ 4)
    2017-02-04 00:02:11
    เมนต์นี้คือจะมาแปะอีโมติค่อนอ่ะค่ะ
    เสิร์ชเล่นๆ ไปเจอมาละชอบไง ก็เลยแอ๊บเนี่ยนเอามาแปะในงานด้วย แต่ที่ไหนได้ ดันขึ้นเป็น ???? ซะงั้น
    จริงๆ แล้วมันต้องเป็นตัวนี้





    @โพซิตรอน 
    คนแปะเองก็ยังไม่กล้ามองหน้านางนานๆ เลย กลัววโดนเฉาะกบาล 555


    @Marshmallows. 
    นางออกมาเพื่อเฉลยว่า เออ...ตูมีความลับจริงๆ เว้ย โดยเฉพาะอ่ะ ฮืออออ 

    @
    Kyoha
    ได้ยิลลลลลเสียงกรีดร้องมาแต่ไกล แขกรับเชิญนางสวยนะ เอาชริงๆ กะเอามาเรียกเรตติ้ง แต่ที่ไหนได้ คนอ่านหนีเบิ๊ดด ฮาาา

    @
    CALLMESAI
    นุ๊งทรายยยยยยยย
    ให้มันจบเถอะลูก พี่จะตายแล้ววววววววว
    หมดมุขจะเล่น ถ้านี่เป็นเอเธนส์จะจับจูบให้สิ้นเรื่อง //ผิดโว้ยยยยย

    @
    JOlly' M
    น้องจ๋อมคะ พี่ก็หลัวไปทุกเรื่องเหมือนกันค่ะ
    ทำไงดีคะ ที่ไม่พอจะยัดแล้วด้วย

    ยังไงก็ขอบคุณที่มาเล่นด้วยกันนะฮะ หลังๆ ชักมีแต่นักเขียนเมนต์กันเอง 555
    บทห้าสู้กันนะทุกคน ฮรืออออ
    #6
  7. #7 (จากตอนที่ 4)
    2017-02-05 22:23:03
    เกลียดอิมเมจ
    ตกใจ
    5555555555555555555
    โอ้ยยย 
    รออ่านต่อนะคร๊าาาาา
    #7
  8. #8 (จากตอนที่ 4)
    2017-02-06 06:21:00
    ตกใจอิมเมจมากค่ะ 5555
    ตอนนี้ดีขึ้นมากนะคะมีการเปิดปมมีลับลมคมในแล้ว
    การบรรยายก็ไม่ติดเป็นขยุ้มและไม่เคาะจนเหนื่อยเหมือนสามตอนแรกแล้วด้วยค่ะ
    ทำได้ดีขึ้นนะคะ ขอให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยน้า เป็นกำลังใจให้จ้า ^^

    #8
  9. #9 Mydear :) (จากตอนที่ 4)
    2017-02-07 22:05:43
    นี่ไงงงง เอเธนส์อ่อยไปเปอร์ชัดๆ!! โฮกกก มีการให้จูงมงจูงมือข้ามถนนนด้วย แล้วสรุปไมค์ก็ยังไม่บอกความลับ ค้างคาต่อไปค่ะ 55555
    พระเอกนี่มีลับลมคมในนะ ทำไมเหมือนนางจะไม่ได้รุ่นเดียวกันกับนางเอกเลย ตอนนี้คือสงสัยไปหมดแล้ว อยากรู้ต่อออออ
    #9
  • 1

แสดงความคิดเห็น