อยากมีแฟน! แต่พ่อแม่ไม่เข้าใจ ไหนจะสั่งห้าม ไหนจะเช็กมือถือ โอ๊ย สารพัดวิธีที่โดนกระทำ มีแฟนมันผิดตรงไหน? ขนาดส้มส้มจะรักกับพละอย่างเข้าอกเข้าใจกัน ยายยังไม่ยอม (อินจัด)
เคสแบบนี้ พี่แก้วเห็นน้องๆ หลายคนโดนมาเต็มๆ ก็คบแล้ว จะให้เลิกก็ทำใจไม่ได้ จะให้แอบคบต่อไปก็รู้สึกผิด คนมันรัก ยังไงก็คงตัดใจไม่ลงใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างนั้น ลองทำ 7 วิธีต่อไปนี้ พิสูจน์ตัวเองว่ารักจริง อย่ากีดกันหนูเลย
เปิดตัว เปิดใจ
ใครคิดจะมีรักทั้งที ขอเถอะค่ะ อย่าปิดบังกันเลย เปิดตัวเปิดใจไปเลยจ้า อ๊ะ! หลายคนบอก เปิดตัวก็โดนสกัดดาวรุ่งสิคะพี่ ดูสิ ขนาดส้มส้มจริงจังจริงใจแค่ไหน ยังโดนยายกีดกัน แต่ถ้าน้องยิ่งปิดบัง แล้วผู้ใหญ่จับได้ จะยิ่งแล้วใหญ่ พามาแนะนำให้เห็นๆ ไปเลยค่ะ จะชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน อย่างน้อย เราแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราตั้งใจจะคบคนนี้ เริ่มด้วยดี มีชัยไปกว่าครึ่งนะ
ไม่ทิ้งการเรียน
เหตุผลที่ผู้ใหญ่มักห้ามวัยรุ่นมีแฟน เพราะกลัวจะเสียการเรียน มัวแต่จีบกันจนลืมอ่านหนังสือหนังหา เกรดตกขึ้นมาจะทำไง ถ้าอย่างนั้น เราก็ทำให้ท่านเห็นสิคะ ว่ามีแฟนได้ การเรียนก็ไม่เสีย ถ้าเอาให้ดี ก็ฟิตเกรดให้พุ่งปรี๊ดกว่าเดิม ดูสิ ความรักไม่ทำให้การเรียนเสียนะ แถมดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
รับผิดชอบตัวเองให้ได้
อยากมีแฟน อยากทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจ แต่ถ้าน้องๆ ไม่ทำให้ตัวเองดูน่าไว้ใจ ก็อย่าหวังจะได้อิสระในการคบหาใครเลยค่ะ ปกติวัยรุ่นตัวคนเดียว ใช้ชีวิตโสดๆ กับแก๊งเพื่อน ก็ดูจะเฮฮาปาร์ตี้ ไม่มีระเบียบวินัยในสายตาผู้ใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งมีแฟน จะยิ่งเละเทะกว่าเดิมมั้ย คุณพ่อคุณแม่ก็คิดนะ!
ถ้าอย่างนั้น เราก็ต้องมีความรับผิดชอบให้มากขึ้นในทุกๆ ด้าน ลองสิคะ มีแฟนแล้วลุกมาเก็บห้องให้สะอาด มาช่วยงานที่บ้านอย่างแข็งขัน ถึงเวลาไม่ต้องให้แม่มาคอยบอกทำการบ้านหรือยัง เอาเป็นว่า ตัวเองมีภาระหน้าที่อะไร ทำให้ดีที่สุด ให้ดียิ่งกว่าโสด ให้เค้ารู้ว่ามีแฟนแล้วดีขึ้นนะ สนับสนุนเถอะ!
เล่าสู่กันฟัง
หลายๆ บ้าน หลายๆ ครอบครัว เวลามีอะไรมักไม่ค่อยสนใจเล่าอะไรให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง แต่ถ้าน้องๆ อยากชนะใจท่าน ก็เล่าไปเลยจ้า วันนี้เป็นยังไง แฟนเป็นคนยังไง นัดไปไหนกัน ทำอะไรมา บอกกล่าวเล่าเรื่องให้เหมือนที่เราเล่าให้เพื่อนฟัง เล่าไปเถอะค่ะทุกวัน ไม่ต้องปิดบัง เดี๋ยวผู้ใหญ่ก็ใจอ่อนเอง
หยุดต่อต้าน ห้ามประชด
อย่าบอกว่าไม่มีคนทำ พี่แก้วรู้นะ ว่าพอคุณพ่อคุณแม่ห้ามมีแฟน หลายคนคงไม่พอใจ ประชดใส่ซะเลย ห้ามมาเหรอ ก็ไม่แคร์อ่ะ ใครจะทำไม แอบคบ หลบซ่อน สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่ ทำแบบนี้มันไร้ประโยชน์จ้า ยิ่งไม่เข้าใจกันเปล่าๆ ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยการปิดบัง หรือโกหกหลอกลวงคนรอบข้าง มันจะไปยืนยาวอยู่รอดได้ยังไง แล้วระหว่างแฟนกับคุณพ่อคุณแม่ คิดว่าใครรักเราแบบไม่มีเงื่อนไขมากกว่ากันล่ะ? ลองถามใจดู
ทำตัวตามปกติ
เคยเลิกเรียนกลับบ้านไม่เกินหกโมงเย็น แต่พอมีแฟนแล้วขอกลับสามทุ่มแล้วกัน หรือเคยนั่งดูทีวีกับพ่อแม่เป็นประจำ หลังๆ พอมีแฟนก็แอบไปหมกตัวในห้องนอนไม่สุงสิงกับใคร ใครทำแบบนี้ถือว่าพลาดครั้งใหญ่ ผู้ใหญ่จะมองว่าเราเสียคน ความรู้สึกติดลบกับรักครั้งนี้ไปอีก
คำแนะนำคือ ใครที่เคยทำกิจวัตรประจำวันอะไรยังไง ก็ให้ทำไปตามปกติไปค่ะ ให้เหมือนกับว่า แฟนก็คืออีกคนที่เรารู้สึกดีๆ ด้วย ไม่ได้จะแย่งพื้นที่ใคร หรือทำให้เราเปลี่ยนไปแบบที่ผู้ใหญ่คิดนะ
ทำตามสัญญาให้ได้
วิธีพิสูจน์รักแท้ข้อสูดท้าย ให้บอกคุณพ่อคุณแม่ไปว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นานนนน” ลองสัญญากับท่านดูค่ะ ว่าเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง จะไม่ทำให้เกรดตก จะไม่เสียคน จะยังเป็นคนดีของสังคม แล้วอย่าลืมทำให้ได้อย่างที่สัญญาไว้ พ่อแม่จะได้ชื่นใจ ไว้ใจ และยอมรับในความรักครั้งนี้ แต่ถ้าน้องๆ แหกกฎ ผิดสัญญาเมื่อไหร่ เตรียมตัวเตรียมใจรับความผิดให้ดีค่ะ งานนี้พี่แก้วก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ นะ
จำไว้ ก่อนจะไปให้ความสำคัญกับแฟนคนไหน อย่าลืมหันกลับไปให้ความสำคัญกับครอบครัวของเราก่อน สุดท้ายแล้ว ความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะผิดถ้าหากเรารักไม่เป็นต่างหาก
น้องๆ ล่ะคะ ใครที่เคยโดนคุณพ่อคุณแม่ห้ามมีแฟนบ้าง แล้วพิสูจน์ตัวเองยังไง มาคุยกันค่ะ
33 ความคิดเห็น
ก็อยากจามีเหมือนคนอื่นบ้างงงงง ทำไมๆๆพ่อแม่ไม่ข้าใจซะเลยย
ของเราพ่อด่า แต่แม่ไม่ว่านะ
ถ้าพ่อแม่สั่งให้ไม่มี ก็ต้องไม่มีอะ แอบก็ไม่ได้
เราต้องถือคำสั่งของพ่อแม่สูงสุด
ถ้าไม่เชื่อฟัง ปัญหามันก็ตามๆ มาอีกเป้นโหลๆ
นอกจากนี้ การทำให้ท่านสบายใจก็เป็นการกตัญญูแบบหนึ่ง
การมีแฟนมันในเวลานี้ไม่ใช่สิ่งที่ควร ถ้ามันดีจริง ทำไมมีแล้ว ต้องหาข้ออ้างร้อยแปดมากลบข้อเสีย
ทำไมต้องหาทางปรับโน่นปรับนี่ตลอด เพื่อไม่ให้โดนว่า เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย
ก็เพราะมันเป็นสิ่งไม่เหมาะสมไง
ผลดีของการมีแฟนก็คือ มีความสุขทางความรู้สึกของหนุ่มสาว โลกเป็นสีชมพู
ส่วนผลเสีย คนส่วนใหญ่ก็จะหาข้ออ้างมาป้องกัน เช่น เรื่องท้อง ก็ใช้ถุง เรื่องเรียน ก็ช่วยกันติว ไรงี้
แต่ร้อยละ 99 เลย ลืมมองข้อเสียสำคัญสุด คือ "ความเศร้า เสียใจ จิตตก" เมื่อความรักมันมีปัญหา ซึ่ง มันเกิดแน่นอนไม่ต้องโลกสวย
และเป็นสิ่งที่เกิดบ่อยมาก ไม่งั้น เฟส ทวิต ไลน์ คงไม่เต็มไปด้วยคำพร่ำเพ้อพรรณา เพจคำคมไลค์กันเพียบ เพราะช่วงเวลาที่เป็นทุกข์มันมีมากกว่าไง
และ-ช่วงนี้แหละ ถ้ามันเกิดกะสอบย่อย ทำไง สอบกลางภาค ทำไง สอบไฟนอล ทำไง สอบวิชาสามัญ ทำไง แกทแพท ทำไง โอเนต ทำไง สอบตรง ทำไง
ตอนที่มันดีๆ sweetๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะดี มันก็จะ ลุ่มหลง สนุก แฮปปี้ เอาแต่เคลิ้ม เพ้อ นอนดึก หนังสือหนังหา ไว้ก่อน
ยากที่มันจะดีได้
สรุปว่า ดีที่สุดคือ อย่ามี แล้วก็เลิกค่านิยมว่า ไม่มีแล้วชีวิตจะไม่คุ้ม เป็นวัยรุ่นไม่คุ้ม มันไม่ใช้เหตุผลที่ดีเท่าไรนะ การหาความสุข ยังมีทางอื่นอีกมาก การใช้ชีวิตให้คุ้ม มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้แน่นอน
เราเคยนะ ตอนแรกคบกันได้สามวัน พ่อแม่เราไม่โอเคอ่ะ กับการมีแฟนครั้งแรก แต่ป้า(พี่สาวพ่อ) บอกให้คบแต่ต้องอยู่ในกรอบนะ จนตอนนี้คบกันได้ 2ปี9เดือนแล้ว เราทั้งคู่พิสูจน์อยู่ในกรอบ จะไปเที่ยวด้วยกันก็บอก พ่อแม่ทั้งคู่ของเราต่างฝ่ายต่างรับรู้ เค้าก็พิสูจน์ให้เห็น แม่เราก็เลยเหมือนจะชอบแฟนเรา 5555 มีเรื่องทีไรโทดเราทุกทีเลย บางทีก็แอนอยด์นะ (ขำๆๆๆ)
หนูแอบไปชอบพี่คนนึง เค้านั่งรถคันเดียวกันกับหนูค่ะที่โรงเรียน นั่งติดกันด้วย แต่ไม่เคยที่จะคุยกันเลยค่ะ พี่เค้าก็แบบคุยกับน้องสาวเค้าอ่ะค่ะเนี่ย เค้าดูเหมือนจะเข้าถึงยากด้วย หนูแอบชอบพี่เค้าก่อนนานพอสมควร แล้วเลยตัดสินใจแอดเฟสไปพอรู้ว่าพี่แกชื่อเฟสอะไร ตลอดจนพี่รับแอดค่ะ แล้วก็ได้คุยกันด้วย ตอนนั้นช่วงปิดเทอมพี่มาแฮปปี้เบิร์ดเดย์เราด้วยค่ะ ดีใจ หวังว่าสักวันพี่เค้าคงเห็นสิ่งที่หนูรู้สึกนะคะ ขอพรจากดาวตก สวดมนต์ภาวนา จากใจก็แล้วค่ะ แต่หนูจะไม่ล้มเลิก แค่ได้คุยกันก็ถือว่านี่ก็เกินความคาดหมายแล้วค่ะ ไม่เสียดายเลยค่ะที่เป็นคนเข้าไปหาเค้าก่อน เพราะมันอึดอัด และทนไม่ได้จริงๆที่ต้องมาทนเห็นหน้ากันทุกวันอยู่อย่างนี้ และถ้ามีโอกาสสานสัมพันธ์ต่อไปก็คงจะดีที่สุดค่ะ แต่พี่แกยังแสดงออกไม่มากมาย แต่ก็เริ่มรู้แล้วว่าหนูชอบเค้า แล้วหนูก็เกือบเอาโปสเตอร์ทีมบาซ่า ทีมโปรดของพี่เค้า มั้งนะคะ จะเอาไปให้ด้วยแหละ ฮ่าๆๆแต่มาคิดดูหลังจากที่ปรึกษาพ่อกับแม่ ลุงป้า แล้วใจจริงจากทุกคนบอกออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าเพิ่งๆเค้าจะหาว่าเราเสนอตัวให้ผู้ชายได้ แต่บางคนในบ้านก็บอกว่าให้ไปเลยก็ไม่เสียหายแต่นั่งข้างกันอย่างนี้ เมื่อเค้ารู้ว่าเราชอบแล้วลองคิดดูในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร เค้าอาจจะแอบหอมแก้มเราเอาได้ เพราะงั้นเรื่องนี้หนูเลยคิดใหม่ค่ะ นอกจากผลเสียที่ว่าแล้ว ยังมีอีกคือ พี่เค้าอาจมองเราเป็นผู้หญิงอีกแบบนึงก็ได้ ทีนี้เรื่องอะไรจะให้ล่ะค่ะ เกือบไปแล้วค่ะ แต่จิงก็อยู่ที่การตัดสินใจของเรา และเค้าว่าจะไปกันรอดมั้ย แต่จรงหนูก็กลัวผิดหวังเหมือนกันค่ะ แต่หนูจะรักเค้าต่อไป ความรักที่มีคงไม่มีวันหมดและคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ แต่คงไม่ถึงขั้นไปเป็นธาตุมัน ควบคุมมันให้อยู่กับเราไปจนถึงวันที่จะมีคนที่จริงใจกับเรา เปิดใจให้เค้าเข้ามาดีกว่าค่ะ ว่ามั้ยคะ
มั่นใจว่าทำได้นะ แต่ที่สำคัญคือไม่มีแฟนซักทีไง อุตสาห์จะลองพิสูจน์ตัวเอง แต่คนที่ชอบเรายังไม่มีเลย--
ครอบครัวสั่งห้ามไม่ให้มีแฟนมาตั้งแต่ประถมเลยค่ะ แล้วพอมีใครมาขอจีบก็ปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอด จนกระทั่งเพิ่งเข้าปี 1 วันนั้นทำกิจกรรม เพื่อนผู้หญิงเอาจดหมายมาให้เรา เราคิดว่าคงจะเป็นจดหมายจากรุ่นพี่กระมัง (แบบว่าให้นัดทำกิจกรรมอะไรประมาณนี้แล้วให้เราเรียกรวมเพื่อน) พอเปิดปุ๊บ... เป็นจดหมายขอคบ แถมทิ้งเบอร์ด้วย ฟหกดฟหกดฟหกด เราในตอนนั้นยังถือคำของแม่ที่ว่าเรียนก่อนค่อยมีแฟน ส่ง Message ตอบโต้เลยค่ะ ทางนู้นก็บอกว่าห้ามมีแฟน แล้วไง ให้ไปที่บ้านเธอมั้ย บลาๆ 555555555555+ จนกระทั่งเพื่อนกรุ๊ปเดียวกันที่นั่งอยู่ข้างๆบอกว่า "อย่าเพิ่งตัดเยื่อใยกัน ลองศึกษาดูใจกันก่อน" ก็เลยเออ... ตกลง เลยให้เฟซ ไลน์กับเขาไป จนกระทั่งช่วงพักทำกิจกรรม เราไปพักดื่มน้ำ มีเพื่อนร่วมคณะคนนึงมาชวนเราคุย เราก็เนียนคุยเพราะถือว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง พอจะกลับไปทำกิจกรรม... เท่านั้นแหละค่ะ คนนั้นคือคนที่ส่งจดหมายขอคบ = [ ] = !!!!!!!!!!!!!
หลังจากวันนั้น ประมาณสองวีคได้ก็ศึกษากันว่านิสัยยังไง อะไร บลาๆ แล้วก็รู้ว่าเขานิสัยดีมาก ตั้งใจที่จะรักเราจริง วันนั้นเขาถามว่า "ถึงขนาดนี้แล้ว จะให้เรียกว่าเป็นแฟนได้แล้วยัง?" เราก็บอกไปว่า "แล้วแต่ต่ะ" สุดท้ายก็เป็นแฟนกัน
ก่อนสอบไฟนอล บอกแม่ไปว่าหนูมีแฟนแล้ว แม่ตกใจเล็กน้อย... แต่สุดท้ายก็เข้าใจค่ะ ก็เลยบอกว่าอย่าทำอะไรเกินเลยแล้วกัน ตอนนี้คบกันประมาณห้าเดือนค่ะ มีหยอกล้ออะไรแรงๆบ้าง มีงอนกันบ้างแต่สุดท้ายก็เข้าใจกัน ต่างคนต่างเห็นคุณแม่ของอีกฝ่ายก็โอเคทั้งสองฝ่ายค่ะ ตอนนี้จึงพยายามอย่าทำให้ครอบครัวผิดหวังเพราะเรื่องแค่นี้ค่ะ
ดีจังที่เราโสด