จากการวิจัยในต่างประเทศพบว่าข้อความเหล่านี้มีเหตุผลสนับสนุนครับ โดยจากการศึกษาพบว่า ฝ่ายรับ (ชายรักชาย) โดยเฉพาะทางทวารหนัก (Anal route) นั้น มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ HIV มากกว่าการร่วมเพศทางอวัยวะเพศหญิง (Vaginal route) ของคู่รักหญิงชายเกือบ 5 เท่า
อ้าว แล้วอย่างนี้จะทำยังไงครับ ในเมื่อรักกัน ก็อยากจะมีอะไรกันบ้างไม่ได้เหรอ
ได้ครับ! พี่หมอไม่ได้ปิดกั้นเรื่องรักร่วมเพศแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามที แต่ในเมื่อมีความเสี่ยงสูงมากขนาดนี้ เราก็ต้องมีทางหนีทีไล่ไปพร้อมๆ กับมีความสุขกันด้วยครับ
แล้วต้องทำยังไง? งดมีเพศสัมพันธ์กันเหรอ!!!
เอ่อ ก็ใช่ครับ งดไปเลยก็ไม่มีความเสี่ยง แต่ถามตัวเองดูว่าทำได้มั้ย ถ้าไม่ได้ พี่หมอก็มีสิ่งดีๆ มานำเสนอครับ นั่นคือ
ใช้ถุงยางอนามัย
เบสิคอีกแล้ว พี่หมอพูดทุกครั้งเลยนะเรื่องถุงยางเนี่ย แต่ก็อาย ไม่กล้าไปซื้อ หรือไปซื้อแล้วก็ไม่รู้จะเลือกแบบไหนอีก ไม่อยากจะยืนเลือกนานอีก กลัวคนจะมอง ไหนจะราคาถุงยางสมัยนี้ก็แพงไม่ใช่เล่น... แหม น้องครับ ไม่ต้องไปซื้อแบบกลิ่นสตรอเบอร์รี่ รสช็อกโกแลตตามร้านสะดวกซื้อก็ได้ครับ เพราะราคามันแพง (มีคนบอกมานะ ตอนนี้ราคาเท่าไรใครรู้บ้าง) เพราะว่าเรามีของฟรี!
ของฟรีมีจริงในโลกครับ อย่างน้อยโลกนี้ก็มีถุงยางอนามัยแจกฟรีแน่นอน โดยน้องๆ สามารถไปขอรับได้ตามสถานอนามัย เช่น โรงพยาบาล แผนกวางแผนครอบครัว สถานีอนามัย คลินิกนิรนาม เป็นต้น เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ เราก็ปลอดภัยจาก HIV ได้ด้วยถุงยางอนามัยแจกฟรีครับ
ใช้ยาป้องกันการติดเชื้อ
ข้อนี้พี่หมอว่าหลายคนยังไม่รู้ เราไม่ได้มีแค่ยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเท่านั้นนะครับ แต่ยังมี ยาป้องกันก่อนการติดเชื้อ (PrEP) ย่อมาจาก Pre Exposure Prophylaxis อีกด้วย โดยยา PrEP นี้เป็นตัวยาเดียวกับที่ใช้รักษาในผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว แต่ต่างกันตรงที่เป็นการกินเพื่อป้องกันการติดเชื่อ คล้ายๆ ยาคุม ที่กินไว้เลย ไม่ใช่ฉุกเฉิน กินวนไปหากยังมีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่
สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการใช้ยา PrEP คือ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำก่อนใช้ยา และผู้ใช้ยาควรได้รับการตรวจร่างกายก่อนว่าไม่มีเชื้ออยู่แล้ว น้องๆ คนไหนที่สนใจ พี่หมอแนะนำให้ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกนิรนามครับ
สำหรับอาการคนติดเชื้อนั้น โดยปกติแล้วผู้ติดเชื้อ HIV จะมีระยะฟักตัวของโรคที่เราไม่มีอาการอยู่สักพักใหญ่ บางคนนานเกือบสิบปีถึงจะแสดงอาการ โดยตอนนั้นก็มีอาการของการติดเชื้อโรคฉวยโอกาส (Opportunistic infection) ไปแล้ว ตอนที่เม็ดเลือดขาดในเลือดต่ำมาก โดยเฉพาะ CD4 ต่ำกว่า 200 เช่น วัณโรคปอดและลุกลามไปสมองหรือส่วนอื่นๆ
แต่เนื่องจากสมัยนี้วิธีการรักษาของผู้ที่ติดเชื้อมันล้ำสมัยไปมากแล้วครับ การรักษาด้วยยาที่กินครบ และตรงเวลา ทำให้ผู้ป่วยแทบไม่มีอาการเลย และใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติจริงๆ โอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นก็น้อยมาก ผลข้างเคียงของยาชุดใหม่ๆ ก็น้อยลง แต่อย่างไรก็ตามการที่เราเริ่มกินยาช้า หรือไม่ตรงเวลาก็ทำให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย และหมดยาที่จะใช้ได้ไปทันที
ดังนั้น อ่านแล้วไม่ต้องกรีดร้องว่า ไม่ทันแล้วแกรรรร!!! ไม่ต้องนั่งเครียดสงสัยตัวเองเบาๆ ว่า เรานั้นติดเชื้อหรือยังนะ เราเสี่ยงมั้ยนะ ถ้าติดเชื้อจะมีอาการยังไงนะ เอาเป็นว่า ถ้าสงสัยก็ไปตรวจครับ ถ้ามีความเสี่ยง เพราะครั้งเดียว ก็เสียวได้ (ในที่นี้หมายถึง เสียวติดเชื้อนะ แหม เพราะถ้าเสียวแบบอื่น ไม่น่าจะครั้งเดียว #ผิด)
ขนาดบุคลาการทางการแพทย์ที่โดนเข็มทิ่มกันไม่เว้นแต่ละวัน ยังต้องกินกันเลยครับ นี่ก็ใกล้จะสองทุ่มแล้ว ขอตัวไปกินยาก่อน (ยาลดน้ำมูกนะๆ อย่าเข้าใจผิด ฮ่าๆ)
เช่นเคยครับ ใครมีคำถามอะไร คอมเม้นต์ไว้เลยจ้า :)
18 ความคิดเห็น
เหย เด็กดีมาไกลอะ ที่สามารถตั้งกระทู้เนื้อหาล่อแหลมไรแบบนี้ได้แล้ว ดีอะ คือดี
ปล.ขอเตือนน้องๆวัยกระเตาะทั้งหลาย เด็กมัธยมด้วยกันก็มีสิทธิ์มีเชื้อเอชไอวีได้นะจ๊ะ อย่าคิดว่าแค่มัธยมคงไม่มีเชื่อเอดส์หรอก เป็นเอดส์กันจริงๆก็เพราะความหละหลวมงี้แหละจ้า
เราเคยบังเอิญเปิดเจอในทวิตเตอร์นะคะ เพศที่สามเละเทะมากเลยค่ะ ทั้งไม่สวมถุงยาง ไม่ใช้เจลหล่อลื่น แต่ไปใช้พวกโลชั่น ครีม น้ำมัน จารบี ทาหล่อลื่นถุงยางไปแทนทำให้ถุงยางแตกแล้วติดเชื้อกันเพียบเลย และพบว่ามัธยมศึกษา วัยทำงาน และประถมศึกษาเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมากที่สุดเลยล่ะค่ะ (นอกเหนือกว่านั้นหลายคู่เต็มอกเต็มใจเสี่ยงซึ่งเป็นอันตรายมาก
จำได้ว่า ก่อนหน้านี้เคยดูละครเรื่องหนึ่ง มีฉากที่คู่รัก ชช ขัดแย้งกันเพราะแฟนเก่าเคะเจือกเป็นเอดส์ แถมเคะก็เคยมีอะไรกับแฟนเก่าอีก แต่โชคดีที่ทั้งเมะเคะเลือกที่จะพากันไปตรวจ ฉากนั้นคือค่อนข้างสมจริงมากๆ น่าเสียดายละครเรื่องนี้เก่าแล้ว ยูทูปลบไปหมดแล้วอ่าาาา
ปล. ยังไงทั้งเคะเมะก็ควรระวังตัวไว้ทั้งคู่เลยจะดีกั่ว รักกันก็ต้องรู้จักปลอดภัยนะจ๊ะะ
ถ้าไม่แน่ใจว่าทั้งสองคนมีเชื้อ HIV มั้ย ให้ไปตรวจเลือดพร้อมกันทั้งคู่เลยค่ะ
ถึงตรวจแล้ว ผลเป็นลบทั้งคู่ ก็อาจจะยังไม่น่าไว้วางใจนะคะ เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายอาจปกปิดและอยู่ในระยะฟักตัว (Window period) ก็ได้ เพราะฉะนั้นระยะแรกขอให้สวมถุงยางและใช้เจลหล่อลื่นร่วมด้วยไปก่อนค่ะ สักประมาณ 3 เดือน
เมื่อครบ 3 เดือนแล้ว ให้ไปตรวจซ้ำ หากตรวจพบว่าผลเป็นลบ (Negative = ไม่ติดเชื้อ, ไม่มีเชื้อ) ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าในอนาคตไม่คิดจะเปลี่ยนคู่นอน อีกทั้งตัวติดกันหรืออยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่แยกจากกันเลย ไม่เลิกรา ไม่หย่าขาด ไม่นอกกาย ไม่นอกใจกัน รักกันชนิดไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เมื่อนั้นจะไม่ใช้ก็ได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะถึงคราวจริงหรือชีวิตจริงก็ไม่อาจไว้ใจใครได้เสมอไปค่ะ ดังนั้น สวมถุงยางและเจลหล่อลื่นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะดีที่สุดนะคะ
ป.ล. ถุงยางใช้ได้ครั้งเดียว เมื่อใช้เสร็จแล้วห้ามนำชิ้นเดิมกลับมาใช้ซ้ำนะคะ ทั้งนี้เพื่อสุขอนามัยของคุณทั้งคู่ค่ะ
ทราบค่ะ เพราะเราเป็นเกย์สาวมีสามีแล้ว (เราเป็นฝ่ายรับ แต่นาน ๆ ทีจะรุกสามีบ้าง) และเป็นคู่ผัวเดียวเมียเดียวด้วยค่ะ รักกันดี ไม่นอกกายนอกใจกัน
แล้วถ้าอย่างสมมุติว่าคนที่ติดเชื้อ HIV แบบนี้ แล้วถ้าเค้าอยากจะไปทำงานหรืออะไรแบบนี้หล่ะ ก็ทำไม่ได้หรอหรือยังไงอะ งง
ถ้าเป็นเอดส์ ทำงานได้ตามปกตินะครับ ไม่มีปัญหาอะไรเลย กินยาต้านไวรัสแล้ว ใช้ชีวิตได้ปกตินะ คุณลองปรึกษามูลนิธินี้นะครับ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ http://www.lovefoundation.or.th/th
ถ้าสมมติ มีเพศสัมพันธ์หมู่ ซึ่งแต่ละคนตรวจมาแล้ว ผลเลือดเป็นลบทุกคน ปกติทุกคน แบบนี้ถ้ามีอะไรกันโดนไม่สวมทุกอย่าง แบบนี้จะเป็นอะไรมั้ยครับ?
แต่ผญ.มีเมนส์นะครับ ไม่เสี่ยงกว่าหรอ