Spoil
- วัยรุ่นจีนหลายคนเข้าใจผิดๆ ว่าแค่จูบก็ท้องได้
- ทดลองปรับแบบเรียน สอนเรื่อง LGBT และเพศศึกษาตอนประถม
- ผู้ปกครองจีนเชื่อว่า แบบเรียนใหม่จะทำให้ลูกใจแตก!
________
อย่างที่เรารู้ๆ กัน เวลาพูดถึงเพศศึกษา หลายๆ คนมักจะมองว่าเรื่องแบบนี้ใครเค้าเอามาพูดกัน โดยเฉพาะในโซนเอเชียที่การพูดเรื่องเซ็กส์ ถุงยางอนามัย กลายเป็นเรื่องน่าอาย ในประเทศจีนเองก็เช่นกันค่ะ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีการปรับเปลี่ยนแบบเรียนสุขศึกษาเด็กประถมใหม่ และก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นที่ผู้ปกครองออกมาประท้วง!
พ่อแม่จีนนิยมบอกลูกถูกเก็บมาจากถังขยะ!
ถ้ายังนึกไม่ออกว่าชาวจีนเหนียมอายกับเรื่องเพศศึกษาแค่ไหน ลองให้ลูกๆ หลานๆ ในประเทศจีนถามพ่อแม่ดูสิคะว่าหนูเกิดมาจากไหน ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ที่ได้ก็คือ เก็บมาจากถังขยะ เพราะไม่อยากจะตอบความจริงหรืออธิบายเรื่องต่างๆ
ภาพจาก pixabay.com
ยิ่งสอนเยอะ ยิ่งชี้นำ มันคือเรื่องต้องห้าม
สำหรับสังคมจีนแล้ว พ่อแม่ยังคงมีความเชื่อว่าการสอนเพศศึกษาให้กับเด็กๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการชี้โพรงให้กระรอก เหมือนการยั่วยุให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องผิดและเลวมากๆ
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักเรียนมัธยมหลายๆ คนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา จากการสัมภาษณ์ของสำนักข่าวจีนรายงานว่า สาวๆ หลายคนเชื่อว่าการจูบจะทำให้ท้องได้ และมีผู้หญิงคนหนึ่งคิดว่าตัวเองท้อง เพราะเพื่อนผู้ชายใช้ผ้าขนหนูผืนเดียวกับเธอ
นักเรียนมัธยมยอมรับว่า การเรียนรู้เพศศึกษาของวัยรุ่นจีนส่วนใหญ่มักจะมาจากอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก เพราะเข้าถึงได้ง่ายและเป็นส่วนตัวกว่า ไม่ต้องอายใคร แต่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ภาพจาก pixabay.com
ตำราเรียนยุคใหม่ สอนเรื่องเพศศึกษาตั้งแต่ประถม!
จากค่านิยมเรื่องเพศที่ชาวจีนมีนั้น ทำให้นักวิชาการหลายๆ คนเป็นห่วง และพยายามลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง ในปี 2551 กระทรวงศึกษาธิการของจีนจึงออกแนวทางการเรียนการสอนสุขศึกษาใหม่ โดยเน้นตั้งแต่เด็กประถมที่จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเรื่องเพศ การเจริญเติบโต นักเรียนมัธยมควรจะต้องรู้จักทักษะการเอาตัวรอดและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสียงที่ทำให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศ
จนกระทั่งมหาวิทยาลัยครูแห่งปักกิ่ง (Beijing Normal University) จัดทำตำราเรียนสุขศึกษาขึ้นมา โดยทำการวิจัยและพัฒนาแบบเรียนนี้มากับโรงเรียนทดลองถึง 9 ปี มีการฝึกอบรมครูผู้สอน และมีการติดตามผลตลอดภาคการศึกษา ซึ่งภายในเล่มประกอบด้วยภาพการ์ตูนน่ารักสีสันสดใส ควบคู่ไปกับเนื้อหาที่เจาะลึกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนค่ะ พอมาเปิดเผยแบบนี้ ผู้ปกครองหลายคนรับไม่ได้ คุณแม่ท่านหนึ่งถึงกับถ่ายรูปลง weibo ตำหนิว่านี่หรือคือแบบเรียนเด็ก ป.2 เหมาะสมแล้วจริงๆ เหรอ ฉันอ่านเองยังอายเองเลย กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
แบบเรียนสุขศึกษาแบบใหม่ ป.2 ที่มีวางขายในออนไลน์ เช่น เว็บ amazon ด้วย
หลักสูตรที่เด็กเรียนรู้ แต่ผู้ใหญ่เดือดร้อน
หลายคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าเด็กๆ เรียนอะไรกัน ทำไมผู้ปกครองบางคนถึงรับไม่ได้ ลองมาดูตัวอย่างบทเรียนกันค่ะ
แบบเรียน ป.2 : เรียนรู้เกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถประกอบอาชีพใดๆ ก็ได้ ผู้หญิงสามารถเป็นตำรวจที่เก่ง หรือแม้แต่นักบินอวกาศสุดเท่ ส่วนผู้ชายก็เป็นพยาบาลและครูอนุบาลได้เช่นกัน
และยังมีบทเรียนเพื่อการตระหนักรู้ว่าการสัมผัสทางกายที่ไม่ยินยอมจากบุคคลต่างๆ ทั้งคนแปลกหน้าและญาติๆ เป็นเรื่องที่ต้องระวังและปฏิเสธได้ทันที ซึ่งมีการจำลองสถานการณ์เป็นรูปภาพให้เห็นชัดด้วย
เด็กชายบอกพ่อแม่ว่าคุณลุงพยายามจะจับอวัยวะเพศ แต่เด็กชายปฏิเสธไป
แม่บอกว่าถ้าลุงทำแบบนั้นอีก เราจะแจ้งตำรวจ
ภาพจาก : Liu Wenli บรรณาธิการหนังสือสุขภาพทางเพศระดับประถม, เกรดสอง,
Beijing Normal University Press, 2014
แบบเรียน ป.4 : เรียนรู้ความต้องการทางเพศ และการยอมรับความแตกต่าง คนเรามีความพึงพอใจในเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกันก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
แบบเรียน ป.5 : เรียนรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการใช้ถุงยางอนามัยคือวิธีที่ดีที่สุด
ภาพจาก www.huffingtonpost.com
งานนี้มีทั้งผู้ปกครองที่ต่อต้าน บอกว่าเนื้อหารุนแรงเกินไป เด็กจะใจแตกและกลายเป็น LGBT กันมากขึ้น ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ออกมาสนับสนุนและชื่นชมว่าเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ดีที่จะมาเปลี่ยนแปลงสังคม และน่าจะช่วยให้เด็กๆ รู้จักดูแลและป้องกันตัวเองได้ดีขึ้นในอนาคต
แล้วน้องๆ ในฐานะวัยเรียนเหมือนกัน เห็นด้วยกับแบบเรียนแนวนี้หรือไม่ แล้วอยากให้ของไทยเป็นแบบไหนบ้างคะ?
ข้อมูลจาก
6 ความคิดเห็น
เนื้อหาเหมาะสมดีนะ ยิ่งรู้เยอะ ยิ่งสามารถนำไปแก้ปัญหาในเรื่องพวกนี้ได้
ควรจะนำเสนอความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติทางเพศ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม รู้ก็ดีกว่าไม่รู้นั่นแหละ
พอเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว ก็จะสามารถปลดปล่อยในทางที่เหมาะสม
คนเอเชียไม่ว่าประเทศไหนก็อายเรื่องเพศศึกษากันเนอะ วัฒนธรรมของพวกเราหรือยังไงกัน
มีอะไรต้องซ่อนไว้ต้องปกปิดไว้กันหมดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
-ธรรมเนียมปกปิดน่าจะแพร่จากตะวันตกช่วงยุคล่าอาณานิคมนี่แหละค่ะ เพราะสมัยอยุธยายังไม่ใช่เรื่องน่าอายขนาดนี้เลย จำได้ว่าตอนที่ออเจ้าดัง มีการถกเรื่องสงวนเนื้อสงวนตัวอยู่เลย
เป็นการเรียนที่ควรนำมาใช้ในไทย(รวมถึงประเทศอื่นๆที่ยังหัวโบราณอยู่)มากเลยค่ะ เนื้อหาก็เหมาะสมดี
บางทีอยู่จีนก็สงสัยคนจีนบางประเภทนะ จะว่าไปคนไทยบางประเภทก็ไม่ต่างกัน อยากให้ลูกเป็นนั้นเก่งนี้รู้โน่น แต่ห้ามให้เรียนรู้ เช่นอยากให้โตมาเก่งๆรวยๆแต่ไม่อนุญาตให้ไปฝึกงาน และอัดเรียนพิเศษ อยากให้ลูกระวังภัย แต่ไม่ให้ลูกรู้วิธีป้องกัน พอลูกทำตามแล้วไม่ได้ดังหวังก็อับอาย พอลูกดื้อเรียนรู้ก็ด่าว่า แต่พอลูกดันได้กับเชิดหน้าว่าเป็นลูกฉัน ไม่เถียงว่พ่อแม่ผู้ปรกครองดีๆมีก็มาก แต่พูดเลยแบบนี้ก็ใช่ว่าไม่มี
ไม่ชอบการที่พ่อแม่คาดหวังให้ลูกทำนั่นทำนี้ หรือเลี้ยงลูกให้เด่นเพื่ออวดกันโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูกเลย และความคิดที่ว่าลูกต้องคิดเหมือนพ่อแม่
ไม่จริงเลย เพราะลูกไม่ได้อยู่บ้านอย่างเดียว เขาก็มีสังคมของเขา ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากที่นั่น ไลฟ์สไตล์ ค่านิยมของคนแต่ละรุ่นก็ต่างกัน อย่าว่าแต่คนละรุ่นเลย รุ่นเดียวกันที่คิดไม่เหมือนกันก็มี
เราเห็นด้วยกับคุณที่ว่าต้องลงมือปฏิบัติหรือไปเห็นของจริงถึงจะได้ข้อมูลที่realกว่าในหนังสือที่ถูกคัดกรองเพื่อให้มีเนื้อหาเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับในสังคม
สิ่งที่สังเกตเห็นจากพ่อแม่คนไทยและคนจีนคือขี้บ่น ถ้าแรงหน่อยคงทำให้ลูกคิดว่าความเป็นจริงก็น่าจะเป็นเหมือนที่พ่อแม่พูด จากนั้นเกิดความกลัว เชื่อตามนั้นโดยที่ไม่พิสูจน์และไม่เปิดรับข้อมูลใหม่ๆที่อาจค้านกับความคิดทียึดถือนี้
จนในที่สุดก็กลายเป็นคนที่มีทัศนคติแคบ คิดว่าตัวเองถูกแต่ที่จริงรู้น้อย เวลาเจอปัญหาก็จะกลัวไปก่อนโดยไม่รอดูก่อนหรือคิดตามเหตุการณ์จริงเลย น่าเศร้า...
ครูโรงเรียนเราสอนเพศศึกษาแบบสุดโต่งมากเลยนะ ตอนม.ต้นสอนเรื่องถุงยาง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สอนทุกอย่าง มีภาพประกอบ สอนให้รู้จักป้องกัน มีได้แต่ต้องเซฟ แต่ถ้าเลี่ยงได้จะดีที่สุด มีจำลองสถานการณ์ว่าถ้าถูกชักชวนจะปฏิเสธยังไงด้วย ครูเข้าใจวัยรุ่นมาก แล้วที่โรงเรียนก็จัดค่ายเพศศึกษา สาธิตวิธีเลือกขนาดและใส่ถุงยาง แถมบอกด้วยว่าเป็นผู้หญิงต้องใส่ให้เป็น(เพราะมันเร้าอารมณ์ชายถ้าใส่ให้5555) สาธิตว่าเขาทำแท้งกันยังไง คือหมดเปลือกเลยอะ แต่เราที่ผ่านการเรียนแบบนั้นมาก็ไม่ได้ใจแตกอะไรนะ ก็ยังเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทครอบครัวยังตั้งใจเรียน ยังไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำ
เราก็รู้ว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ รู้วิธีป้องกันตัว รู้ทุกอย่าง เราคิดว่าการที่เรารู้หมดเปลือกแบบนี้มันปลอดภัยกว่าและรู้เท่าทันอันตรายมากกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่รู้เรื่องเลยแบบที่ยกตัวอย่างในกระทู้แล้วถูกหลอกไปมีเพศสัมพันธ์ก็ยังไม่รู้ตัวล่ะ พ่อแม่หลายๆท่านควรคิดให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้ จะดีกว่าไหมถ้าโรงเรียนสอนเพศศึกษาแบบถูกต้องถูกวิธีให้ มันดีกว่าที่ลูกคุณไปเรียนรู้เอาเองจากสื่ออินเตอร์เน็ตที่ถูกๆผิดๆ และการปิดกั้นจะทำให้เด็กอยากรู้อยากลองมากกว่าเดิมหรือเปล่า?
และเรื่องLGBT ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเรียนเพศศึกษาแล้วจะเป็น อันนี้มันขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคล ต่อให้ไม่ได้เรียนแต่ใจอยากเป็นมันก็เป็นค่ะ เรื่องแบบนี้ห้ามไม่ได้และไม่ควรห้ามนะคะ
เราอายุ18 กำลังจะขึ้นปี1 เรียนเพศศึกษามาตั้งแต่ประถมปลาย ปัจจุบันยังเรียนดีอยู่ เรียนเพศศึกษาไม่ได้ทำให้ใจแตกค่ะ
พอดีอินกับเรื่องนี้นิดหน่อยค่ะ55555