Spoil
- ผื่นแพ้ผ้าอนามัย เป็นผื่นที่เกิดขึ้นหลังใส่ผ้าอนามัย ดีขึ้นเมื่อไม่ได้ใส่ และกลับมาเป็นซ้ำได้
- เกิดจากการเสียดสี แพ้แถบกาวหรือน้ำหอม อับชื้น หรือติดเชื้อ
- หากเกิดอาการแพ้หรือมีผื่นคัน ให้เปลี่ยนยี่ห้อทันที
ช่วงมีประจำเดือน ใส่ผ้าอนามัยแล้วรู้สึกคัน เป็นเพราะผ้าอนามัยรึเปล่าคะ?
สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนนะคะ มาพบกับพี่หมอขาประจำแห่ง Sex Education by Dek-D อีกแล้ววว พี่เชื่อว่า ผู้หญิงเกือบ 90% ต้องเคยมีปัญหาในการใส่ผ้าอนามัย โดยเฉพาะอาการคันหรือมีผื่นหลังใส่ สงสัยกันใช่มั้ยคะว่า อาการคันนี้เกี่ยวกับผ้าอนามัยที่เราใส่รึเปล่า แล้วมีวิธีแก้ไขยังไง วันนี้พี่หมอจะเล่าให้หมดเปลือกเลยค่ะ
ผื่นแพ้ผ้าอนามัย (pad rash)
เป็นผื่นที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังใส่ผ้าอนามัย อาการจะดีขึ้นเมื่อไม่ได้ใส่ และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเมื่อกลับมาใส่ผ้าอนามัย นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นที่พบร่วมได้ เช่น อาการคัน บวมแดงบริเวณอวัยวะเพศ แสบ หรือเกิดเป็นแผลขึ้นได้ที่บริเวณปากช่องคลอด หัวหน่าว และบริเวณระหว่างอวัยวะเพศกับทวารหนัก
มันคืออาการแพ้ผ้าอนามัยหรือเปล่่า?
ถ้าถามว่าเหมือนไหม พี่หมอก็ขอบอกว่าอาการคล้ายกันค่ะ แต่ผื่นคันจากผ้าอนามัยสามารถเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ พี่หมอขอแบ่งสาเหตุออกเป็นดังนี้นะคะ
1. การเสียดสีระหว่างผ้าอนามัยกับอวัยวะเพศ
ทำให้เกิดอาการระคายเคืองเป็นผื่นคันได้ค่ะ โดยเฉพาะสาวๆที่ใส่ผ้าอนามัยทำกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่ง ขี่จักรยาน ยิ่งทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างผ้าอนามัยกับอวัยวะเพศได้ ทำให้ผิวหนังน้องสาวของเราที่บอบบางอยู่แล้วนั้นยิ่งอักเสบบวมแดงมากขึ้นค่ะ
2. ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส (Contact dermatitis)
เป็นโรคที่เกิดจากผิวหนังเกิดการแพ้เมื่อสัมผัสผ้าอนามัย ซึ่งอาการแพ้ดังกล่าวนั้นเกิดจากการแพ้ส่วนประกอบของผ้าอนามัย ซึ่งในแต่ละคนอาจจะแพ้ไม่เหมือนกัน บางคนอาจแพ้แถบกาวของผ้าอนามัย ซึ่งเป็นสาเหตุการแพ้ที่พบได้บ่อย บางคนอาจจะแพ้น้ำหอมที่บางยี่ห้อใส่เพิ่มเข้าไป โดยแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมต่างกันออกไป
3. ความร้อน ความชื้น
เนื่องจากผ้าอนามัยที่เราใส่มีประจำเดือน สารคัดหลั่งจากมดลูก และเหงื่อสะสมอยู่เป็นเวลานาน อวัยวะเพศของเรานั้นจึงเกิดความอับชื้นและความร้อนขึ้นได้ง่าย ทำให้เกิดอาการคัน หรือเกิดขึ้นผื่นได้ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อตามมา เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย นอกจากผ้าอนามัยแล้วยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดความอับชื้นและความร้อนได้ เช่น กางเกงเกงชั้นในที่ทำจากผ้าไนลอน การไม่เช็ดบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งหลังปัสสาวะ
4. ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยระหว่างวัน
โดยปกติแล้วผู้หญิงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3-4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอับชื้นและป้องกันการสะสมของเชื้อโรค การใส่ผ้าอนามัยทีละนานๆนั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
5. การติดเชื้อ
โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไม่ชอบเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆดังที่พี่หมอบอกไว้ก่อนหน้านี้ การติดเชื้อนั้นจะทำให้เกิดผื่นคันได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้อาจจะมีอาการอื่นร่วม เช่น ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติ ปวดท้องน้อย เป็นต้น
มีวิธีรักษาและป้องกันยังไง?
วันนี้พี่หมอก็มีวิธีการป้องกันและรักษาอาการระคายเคืองจากการใส่ผ้าอนามัยมาฝากน้องๆ กันค่ะ
- ต้องเริ่มจากการเลือกผ้าอนามัยที่เราไม่แพ้
หากน้องๆ ใช้ผ้าอนามัยแล้วรู้สึกระคายเคือง ให้รีบเปลี่ยนยี่ห้อทันทีเลยนะคะ หากเปลี่ยนผ้าอนามัยแล้วไม่มีอาการระคายเคือง แสดงว่าเราอาจจะแพ้ส่วนประกอบของผ้าอนามัยชนิดนั้นได้ค่ะ
- เปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างน้อยทุกๆ 3-4 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันการอับชื้นและป้องกันสะสมของเชื้อโรค หากสาวๆคนไหนที่รู้ตัวว่าประจำเดือนของตัวเองนั้นมีปริมาณมาก ให้เลือกชนิดของผ้าอนามัยที่สามารถรองรับปริมาณเลือดได้เหมาะสม เช่น เลือกแผ่นหนาที่ไม่ซึมเปื้อนได้ง่ายหรือเลือกผ้าอนามัยที่ระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงการเกา
หรือถูเมื่อมีอาการคัน เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบยิ่งขึ้น และเกิดแผลได้
- รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศอยู่เสมอ
โดยใช้น้ำเปล่าธรรมดาเท่านั้น และไม่สวนล้างช่องคลอดโดยไม่จำเป็น
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอาการ แพทย์จะทำการรักษาโดยอาจจะให้ยาทาเฉพาะที่หรือยากิน
น้องๆ บางคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะร้อง โห ใส่ผ้าอนามัยมันมีเงื่อนไขขนาดนี้เลยเหรอคะ แต่เชื่อพี่หมอเถอะค่ะ หากน้องๆ ปฏิบัติตามที่พี่หมอแนะนำได้เป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ร่างกายจะชินไปเองจนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่ทำได้ง่ายมากๆ เลยค่ะ
วันนี้พี่หมอต้องขอตัวก่อนนะคะ น้องๆ คนไหนมีข้อสงสัยสามารถฝากคำถามไว้ที่คอมเมนต์ได้เลยนะคะ แล้วอย่าลืมติดตาม คอลัมน์ Sex Education by Dek-D เรื่องเพศคุยกันได้ พร้อมให้ความรู้ที่ถูกต้อง ตอนต่อไปนะคะ
ที่มาhttps://www.medicalnewstoday.com/articles/pad-rash#summary
0 ความคิดเห็น