7 ทริค เอาชนะใจตัวเองให้ “ลดความอ้วน” ได้สำเร็จ!

A : จริงๆ การจะลดน้ำหนักแทบจะไม่ต้องใช้เวลาเยอะ หรือยุ่งยากอะไรเลยค่ะ เพียงเรารู้ทันตัวเราเอง ไม่ปล่อยให้ตัวเองกินตามใจอยาก รู้จักเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกกินในช่วงเวลาที่เหมาะสม อาจจะไม่ต้องถึงขั้นนับแคลอรี่เป๊ะๆ เพราะสำหรับบางคนการควบคุมตามกฎแบบนั้นจะยิ่งเบื่อและถอดใจกันกลางทางกันก่อนทุกทีไปดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะลดน้ำหนักได้โดยที่ไม่ทรมานและฝืนใจมากเกินไป 

1.เลิกกินอาหารสำเร็จรูป 

     ช่วงสอบเป็นช่วงที่เรามักจะกินอะไรก็ได้ที่เร็ว สะดวก และอิ่ม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง อาหารแช่แข็งซึ่งตัวการสร้างความอ้วนมักจะมาในรูปแบบของความง่าย สะดวก นี่แหละค่ะ เพราะทั้งแคลอรี่ ทั้งโซเดียม จะถาโถมมาหาเราแบบไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะค่ะ ยิ่งบางคนเน้นกินไปอ่านหนังสือไป พอรู้ตัวอีกที น้ำหนักขึ้นพรวดจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแล้ว ฉะนั้นเปลี่ยนเป็นเมนูปรุงสุกใหม่ๆ ดีกว่านะคะ ได้ประโยชน์มากกว่า สละเวลาอ่านหนังสือสัก 30 นาที แต่รับรองว่าคุ้มแน่นอนค่ะ

2.หยุดทำตัวเชื่องช้า ขยับร่างกายบ้าง 

     แม้จะยุ่งแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ต้องไม่ลืมขยับร่างกายบ้างนะคะ อย่านั่งแช่อ่านหนังสือทั้งวัน ทั้งคืน นอกจากจะอ้วนแล้ว ยังไม่ดีกับร่างกายอีกด้วย แนะนำว่าให้ลุกจากที่บ้าง การได้ขยับร่างกายนั้นจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อาจจะไม่ต้องถึงขั้นไปออกกำลังกายจริงจัง เพียงแค่เดิน,แกว่งแขน,หมุนไหล่ เปลี่ยนอิริยาบทบ้าง แล้วค่อยกลับไปอ่านหนังสือต่อ แค่นี้ก็ช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้แล้วค่ะ

3.หยุดกินหลัง 2 ทุ่ม

     ยิ่งอ่านหนังสือดึกก็ยิ่งหิวใช่มั้ยคะ แน่นอนว่าหลายคนต้องพ่ายแพ้ให้กับมื้อดึก หรือมื้อก่อนนอนแน่ๆแนะนำว่าให้เลือกกินไขมันดีช่วงมื้อเย็น เช่น ปลา ไข่ เนยถั่ว อัลมอนด์ซึ่งอาหารเหล่านี้จะช่วยลดความอยากในช่วงมื้อดึกลงได้ และเพื่อให้ร่างกายได้หยุดพักเป็นเวลา 10-12 ชม.

4.เลี่ยงการทำกิจกรรมอื่นระหว่างกินอาหาร

     ระหว่างมื้ออาหาร แนะนำให้เราตั้งใจกิน เพื่อให้กินเท่าที่เรากำหนดไว้ เพราะถ้าระหว่างกินไปนั้นเราดูทีวีไป เล่นโทรศัพท์ไป รับรองว่าเราจะกินเยอะขึ้น เพราะรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมอิ่มนั่นเอง และควรเคี้ยวให้ช้าลงและละเอียดมากขึ้นจะทำให้เราอิ่มเร็วขึ้น และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนักเกินไปด้วย

5.ฟื้นฟูระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ 

     ช่วงร่างกายเครียดๆ และกินแต่อาหารประเภทแป้งและเนื้อสัตว์เยอะ มีผลทำให้ท้องผูกได้ แนะนำให้เลือกกินประเภทอาหารเน้นผัก ผลไม้ และอาหารประเภทไขมันดี เช่น อัลมอนด์ เนยถั่ว ฟักทอง แล้วดื่มน้ำให้มากขึ้น จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานง่ายขึ้นและเป็นปกติ หรือถ้ารู้สึกว่าท้องผูกมาก แนะนำให้ดีท็อกซ์ค่ะสูตรตามนี้เลย > สูตรดีท็อกซ์ลดพุง

6.กินมื้อเช้าให้เยอะ

     หลายคนพลาดมื้อเช้า เพราะตื่นสายบ้าง รีบบ้าง ไม่มีเวลาบ้าง ซึ่งการพลาดมื้อเช้าส่งผลเสียให้เรามากมาย นอกจากร่างกายและสมองจะไม่มีพลังงานแล้ว ยังทำให้ระบบเผาผลาญเราเสียหายด้วย ถ้ารู้สึกว่าเราไม่มีเวลาเตรียมในช่วงเช้า แนะนำว่าเราควรเตรียมอาหารเช้าไว้ก่อน ตั้งแต่ตอนกลางคืนและควรรีบกินอาหารเช้าให้เช้าขึ้นหน่อย อย่ากินสายมาก เพราะตลอดทั้งคืนเราขาดอาหารมากว่า 12 ชม.แล้ว เลือกกินแป้งให้เยอะในมื้อเช้า และกินให้เยอะ เพื่อจะได้ไปลดมื้อต่อไปให้น้อยลงค่ะ

7.จดอาหารที่กินเข้าไป 7 วัน 

     หลังจากกินอาหารทุกมื้อ รวมอาหารว่างด้วย สาวๆ ลองจดดูนะคะว่า วันนี้เรากินอะไรไปบ้าง แล้วค่อยมาดูซิว่าเรากินโปรตีน ไขมัน น้ำตาลไปเท่าไหร่ต่อ 1 วัน แรกๆ อาจจะรู้สึกว่ามันยุ่งยากและไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่เมื่อครบ 7 วัน ลองนำเมนูต่างๆ ที่เรากินไปนั้นไปค้นดูว่าให้พลังงานกี่แคลอรี่หรือมีน้ำตาลเท่าไหร่ เราจะเริ่มเห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากขึ้น และสามารถแยกออกได้ว่าเรากินเกินพลังงานที่ร่างกายต้องการไปเยอะแค่ไหน จากนั้นเราจะปรับลดลงได้เองโดยอัตโนมัติเลยค่ะว่า มีเมนูไหนที่เราควรลดหรือเลิกดี ลองทำดูนะคะได้ผลมากเลยล่ะค่ะ

     จากเคล็ดลับง่ายๆ ทั้ง 7 ข้อนี้ บางคนอาจจะรู้สึกว่าทำไมเราต้องลงทุนปรับตัวเองใหม่ขนาดนี้เลยเหรอแต่พี่นิดอยากให้กำลังใจค่ะว่า เราลงทุนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเท่านี้ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องไปลงทุนหนักๆ กับคอร์สออกกำลังกายแพงๆ หรือค่ารักษาตัวเองตอนที่มันสายไปแล้วนะคะ แล้วสิ่งที่ได้มานอกจากจะเป็นรูปร่างที่ดี สุขภาพที่ดีแล้ว ความมั่นใจก็จะตามมาด้วยค่ะ แล้วกลับมาพบกันใหม่ใน NUGIRL GURU HEALTH ครั้งหน้านะคะ บายค่ะ