เคยเป็นกันมั้ยคะ ที่ดื่มนมวัวมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ปกติดี ไม่เคยเป็นอะไรเลย แต่พอเริ่มโตขึ้นมาก็เริ่มสังเกตว่า ทุกครั้งที่ดื่มนมวัว หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมวัว เช่น ครีม ชีส เบเกอรี่ต่างๆ แล้วมีอาการปวดท้องทุกครั้ง (บอกเลยว่าพี่โอ๊ตก็เป็นค่ะ) อาการแบบนี้ปกติมั้ย หรือว่าเรากำลังเสี่ยงจะเป็นโรคอะไรอยู่รึเปล่า วันนี้พี่โอ๊ตจะมาเล่าเรื่องนี้แบบเข้าใจง่ายๆ ให้ฟังกันค่ะ
 

รู้จักกับ "น้ำตาลแลคโตส" ที่มาของอาการปวดท้อง

         ช่วงปีหลังๆ มานี้ น่าจะสังเกตเห็นได้ง่ายค่ะ ว่าเริ่มมีผลิตภัณฑ์นมวัว ที่เคลมว่า No Lactose (ไม่มีน้ำตาลแลคโตส) ออกมาวางขายเยอะขึ้น ซึ่งน้อยคนมากๆ ที่จะรู้ว่าทำไมต้องเคลมว่ามันไม่มี แลคโตสคืออะไร แล้วทำไมเราถึงกินมันไม่ได้?
         แลคโตส คือน้ำตาลชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมค่ะ (ในนมแม่ก็มีนะ) แต่อย่างกรณีนี้เอาที่เข้าใจง่ายก็คือนมวัวนั่นเอง อาการปวดท้องที่เราเป็นนั้น มาจากการแพ้แลคโตสนี่แหละค่ะ
 

อาการแพ้แลคโตสคืออะไร?

         โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรา จะมีเอ็นไซม์อยู่ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า แลคเตส (Lactase) ซึ่งมีหน้าที่ในการช่วยย่อยแลคโตสโดยตรง แลคเตสจะมีอยู่เยอะมากๆ ในเด็กวัยแรกเกิดเพื่อช่วยย่อยแลคโตสในน้ำนมแม่นั่นเองค่ะ
         แต่เมื่อคนเราโตขึ้น ร่างกายก็จะเริ่มผลิตแลคเตสน้อยลงๆ จนทำให้เกิดความผิดปกติในการย่อยน้ำตาลแลคโตส หรือที่เราเรียกว่า “อาการแพ้แลคโตส” โดยจะมีอาการปวดท้อง ท้องอืด หรือท้องเสียได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ โดยเฉพาะคนเอเชียอย่างเรา ที่ไม่ได้กินผลิตภัณฑ์จากนมวัวเป็นหลักค่ะ
 


จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเริ่มแพ้แลคโตส
 

1. มีอาการปวดท้องและท้องอืด
         อาการนี้ถือว่าปกติมากๆ ค่ะ เพราะว่าร่างกายไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ น้องเค้าก็เลยผ่านลงไปถึงลำไส้ใหญ่ แต่ลำไส้ใหญ่ก็ไม่สามารถดูดซึมได้อีก เลยต้องเกิดการย่อยน้องแลคโตสด้วยจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งขั้นตอนนี้เองทำให้เกิดทั้งกรดและก๊าซ จนเรารู้สึกปวดท้องบริเวณรอบๆ สะดือ หรือหน้าท้องส่วนล่าง (บางคนถึงขั้นเป็นตะคริวก็มีนะ) ส่วนอาการท้องอืดก็มาจากการเพิ่มปริมาณของน้ำและก๊าซนั่นเองค่ะ
 
2. ท้องเสีย
         ต่อยอดมาจากการปล่อยกรดและก๊าซในลำไส้ใหญ่ในข้อแรกค่ะ โดยปกติแล้ว เมื่อกรดย่อยแลคโตสเสร็จ มันก็จะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในลำไส้ใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ! มันยังมีปริมาณกรดที่ออกมาแล้วไม่กลับเข้าไป ผสมกับแลคโตสที่อาจจะย่อยไม่หมด สองอย่างนี้เลยทำให้เกิดปริมาณน้ำในลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดการถ่ายเหลว ท้องเสีย หรือบางคนอาจจะหนักถึงท้องร่วงได้ แต่ข่าวดีก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบนี้ และไม่ใช่ว่านมของทุกที่จะทำให้ท้องเสียได้ค่ะ อาการแบบนี้มักพบในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องระวังกันนิดนึงค่ะ
 
3. ผายลม/เรอ บ่อยกว่าปกติ
         อันนี้น่าจะเดาได้ไม่ยากค่ะ เป็นเพราะปริมาณก๊าซในลำไส้ที่เพิ่มขึ้นมานั่นเอง แต่ๆๆ พี่โอ๊ตก็เพิ่งรู้ค่ะ ว่าก๊าซจากการย่อยคาร์โบไฮเดรตมักจะไม่มีกลิ่น ส่วนก๊าซที่มีกลิ่นนั้นมักจะมาจากการย่อยโปรตีนค่ะ
 
4. ท้องผูก
         เป็นอาการคู่ตรงข้ามกับข้อ 2 เลย ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ เชื่อกันว่าอาจเกิดจากการผลิตก๊าซมีเทนในลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำให้เวลาในการขนส่งในลำไส้ช้าลง ซึ่งอันนี้ก็ไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนว่าแพ้แลคโตส จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเพื่อการวินิจฉัยที่แน่นอนขึ้นค่ะ
 
5. อาการอื่นๆ
         จริงๆ การแพ้แลคโตสนั้นมักจะส่งผลโดยตรงกับระบบทางเดินอาหาร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอาการอื่นๆ เลยค่ะ อย่างเช่น อาการปวดหัว รู้สึกปวดเมื่อย เสียสมาธิ ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ เป็นแผลที่ปาก ปัญหาในการปัสสาวะ กลาก เป็นต้น แต่อาการเหล่านี้ก็ยังไม่มีแพทย์ท่านใดรับรองได้เป๊ะๆ ว่าเกิดจากการแพ้แลคโตสค่ะ
 

         บางคนเข้าใจว่าการแพ้นมวัวและแพ้แลคโตส คืออันเดียวกัน พี่โอ๊ตบอกเลยว่าเข้าใจผิดมากๆ ค่ะ อาการหลักของการแพ้นมจะมีค่อนข้างรุนแรงกว่า เช่น เกิดผื่นและกลาก อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง เป็นโรคหอบหืด ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย เพราะฉะนั้นควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดจะดีที่สุดค่ะ
 

ถ้ารู้แล้วว่าแพ้แลคโตส จะมีวิธีแก้ยังไง

 
1. ลดปริมาณนมวัวที่กินอยู่
         สมมติว่าเราดื่มนมทุกวันจนเคยชิน อยู่ๆ จะให้มาหักดิบเลยอาจจะยากไปค่ะ ลองลดลงเหลือวันละครึ่งแก้ว หรือดื่มวันเว้นวัน เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวแล้ว ก็จะสามารถดื่มนมในปริมาณที่เยอะขึ้นได้ค่ะ
 
2. อย่าดื่มนมตอนท้องว่าง
         เพื่อลดอาการปวดท้องหรือท้องอืด ให้ดื่มนมพร้อมอาหาร หรือหลังจากทานอาหารแล้ว ร่างกายของเราจะทนต่อแลคโตสได้มากขึ้นค่ะ
 
3. หาตัวเลือกอื่น
         อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า เดี๋ยวนี้มีนมที่ No Lactose วางขายเพียบ ลองซื้อมาดื่มดูค่ะ ราคาอาจจะแพงกว่าปกตินิดหน่อย แต่สบายใจสบายตัวมากกว่าเยอะเลย หรือใครจะลองเบนเข็มไปสายเฮลท์ตี้ ดื่มนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ นมมะพร้าว ก็ได้ค่ะ แต่ข้อเสียคือเค้าจะมีแคลเซียมน้อยกว่านมวัวนะ
 
4. เสริมแคลเซียมด้วยวิธีอื่น
         สำหรับคนที่ไม่ไหวแล้ว กินนิดเดียวก็มีอาการ อาจจะต้องหันไปพึ่งแคลเซียมจากอาหารประเภทอื่นค่ะ เช่น กุ้งแห้ง, กะปิ, ปลาเล็กปลาน้อย, ปลาสลิด, หอยนางรม, ผักใบเขียวที่มีลักษณะแข็ง (คะน้า, ใบยอ, ใบชะพลู), งาดำ แต่บางอย่างก็อย่ากินเยอะจนเกินไปนะคะ อย่างหอยนางรมเนี่ย เสี่ยงไขมันในเลือดสูงได้เหมือนกัน หรือใครจะลองทานอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มแคลเซียมก็ได้ค่ะ


    สรุป! กินนมแล้วปวดท้อง ไม่ใช่เรื่องผิดปกติค่ะ เป็นเรื่องธรรมดามากๆ อย่างที่เล่าไปจนหมดเนื้อหมดตัวแล้ว เว้นแต่ถ้าใครคิดว่าตัวเองอาการหนักมากๆ แบบท้องร่วง อาเจียน ทุกครั้งที่ดื่มนมหรือทานอาหารที่มีนมเป็นส่วนประกอบ พี่โอ๊ตก็อยากให้ไปพบคุณหมอแล้วตรวจให้ละเอียดไปเลยค่ะ 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.healthline.com/nutrition/lactose-intolerance-symptoms#section5
https://www.doctor.or.th/ask/detail/2940
https://cpmeiji.com/lactosefreemilk/knowledge/how-to-prevent-lactose-intolerance

 
พี่โอ๊ต
พี่โอ๊ต - Columnist คอลัมนิสต์สายบิวตี้ ชอบอัปเดตเมคอัพ และศึกษาเรื่องสกินแคร์ เพื่อผิวสวยอย่างปลอดภัย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น