สังคมในโรงเรียนที่พี่โอ๊ตเคยอยู่ บอกเลยค่ะว่าเพื่อนคือส่วนสำคัญมากๆ ที่จะทำให้เราอยากไปโรงเรียนในทุกๆ วัน แต่ทีนี้ มันก็จะมีเพื่อนบางคนที่พอได้รู้แล้วอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ซึ่งพอเจอแบบนี้เข้าไป ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดจนการไปเรียนไม่ได้เป็นเรื่องสนุกอีกต่อไป
          ทีนี้ เพื่อนแบบไหนล่ะ ที่อาจจะทำให้เราถึงขั้นนอยด์ เฟล กลับมาคิดกับตัวเองบ่อยๆ ว่าปัญหามันอยู่ที่เราเป็นเพื่อนที่ไม่ดีพอ หรือเป็นที่เพื่อนเรากันแน่ พี่โอ๊ตเลยลองลิสต์เพื่อน 5 แบบ ที่เจอแล้วต้องหนีให้ไกล หรือถ้ายังหนีไม่ได้ เราจะรับมือกับคนแบบนี้ยังไงดี
 
1. เพื่อนเห็นแก่ตัว/เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง
          แหม่ เพื่อนแบบนี้คืออันดับหนึ่งของทุกโพลที่เราอยากเลิกคบเลย ลักษณะของเพื่อนแบบนี้สังเกตได้ไม่ยากค่ะ เวลาทำงานกลุ่มจะไม่ค่อยช่วยเลย ปฏิเสธทุกครั้งที่เราขอความช่วยเหลือ แบ่งอะไรกันเพื่อนเราต้องได้มากกว่า แต่ถ้ากลับกัน เราเป็นฝ่ายไม่ช่วยไม่แบ่ง เพื่อนจะเกรี้ยวกราดใส่เลยทันที โอ้โห...ภาพชัดเลยใช่มั้ยล่ะ หรือเพื่อนที่เอาแต่พูดปัญหาของตัวเอง พูดจบแล้วก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องใหม่ โดยที่เราไม่มีโอกาสได้แชร์เรื่องตัวเองเลย พี่โอ๊ตคิดว่ามันน่าอึดอัดเหมือนกันนะ ยิ่งช่วงไหนเรากลุ้มใจมากๆ บอกเลยว่าไม่สามารถพึ่งเพื่อนคนนี้ได้แน่ๆ ค่ะ
 

วิธีรับมือ : รับมือกับเพื่อนแบบนี้เราต้องจิตแข็งประมาณนึงเลยค่ะ เพราะเราต้องเตรียมรับความเกรี้ยวกราดที่จะเกิดขึ้น แต่พี่โอ๊ตอยากให้เราลองอธิบายเหตุผลกับเพื่อนเราไปตรงๆ อย่าฟาดอารมณ์ใส่กันเด็ดขาด แล้วก็ห้ามใจอ่อนด้วยนะ เพื่อนประเภทนี้เค้าจะมีลูกเล่นมาให้เรายอมได้เสมอล่ะ
 
2. เพื่อนที่ชอบตัดสินคนอื่น
          ทำตัวเป็นศาลเตี้ยทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร คือลักษณะของเพื่อนแบบนี้ค่ะ สังเกตว่าเวลามีดราม่าอะไรปุ๊บ เพื่อนคนนี้จะตัดสินฉับๆ ทันทีว่าคนนั้นเป็นแบบนั้น คนนี้เป็นแบบนี้ โดยไม่สามารถบอกเหตุผลกับเราได้ ทุกอย่างมาจากความรู้สึกและมโนล้วนๆ ข้อเสียของการมีเพื่อนแบบนี้คือ ถ้าเราอยู่กับเค้าไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มมองคนรอบข้างตามเค้า คือมองคนด้วยความรู้สึกของตัวเอง อันนี้พี่โอ๊ตว่ามันไม่แฟร์เลยเนอะ ลองคิดอีกทีสิว่า เพื่อนคนนี้ที่ว่า เค้ากำลังมองเราแบบนี้ด้วยรึเปล่า
 
วิธีรับมือ : ถ้าเป็นเพื่อนที่เราสนิทพอสมควร พี่โอ๊ตแนะนำว่าให้เราค่อยๆ ดึงสติเค้าค่ะ อย่าไปค้านหัวชนฝาตั้งแต่แรก แต่ค่อยๆ ป้อนข้อมูลที่เรารู้มาให้เค้าทีละนิดๆ เพื่อให้เค้าเริ่มซึมซับว่าการจะตัดสินใครหรือสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม เราควรมีข้อมูลก่อนประมาณนี้นะ แล้วค่อยวิเคราะห์มาเป็นเหตุเป็นผล
 
3. เพื่อนขี้โกหก
          เป็นเพื่อนกันมาก็นาน แต่มีเรื่องโกหกเราเยอะมากๆ สมัยเรียนพี่โอ๊ตเคยเจอเพื่อนโกหกหลายรูปแบบมากๆ เลยค่ะ มีทั้งโกหกว่าแฟนเป็นไอดอล มีบ้านเป็นคฤหาสถ์ ปิดเทอมไปเที่ยวยุโรป มารู้ทีหลังว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องจริงซักอย่างเลย ก็ทำให้งงเหมือนกันค่ะ คือจริงๆ การโกหกมันไม่ได้แย่นะ ถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้าเริ่มโกหกจนเป็นนิสัยแล้วล่ะก็ วันนึงต้องเดือดร้อนขึ้นมาแน่ๆ ค่ะ
 

วิธีรับมือ : ถ้ารู้สึกว่าเพื่อนเราเริ่มโกหก อย่างแรกเลย ลองหาเหตุผลดูก่อนว่า ทำไมเพื่อนถึงโกหกเราเรื่องนี้ แล้วลองหาวิธีพิสูจน์ดูว่าเรื่องนั้นมันจริงหรือไม่จริง ถ้าเราแน่ใจแล้วว่าเรื่องนี้เพื่อนโกหกแน่ๆ ก็ลองพูดกับเพื่อนไปเลย แต่ไม่ใช่ลักษณะของการต่อว่านะคะ ต้องลองตะล่อมๆ เค้าดู ให้เค้าค่อยๆ พูดความจริงออกมา เพราะไม่อย่างนั้นเค้าจะเริ่มสร้างกำแพง และเริ่มคิดคำโกหกต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
 
4. เพื่อนชอบล้อ
          พี่โอ๊ตว่าเป็นลักษณะของเพื่อนที่มีอยู่ในทุกคนเลยค่ะ เวลาเห็นเพื่อนทำอะไรพลาดก็อยากเอามาแซว แต่...มันต้องไม่ใช่การแซวที่นำไปสู่การบูลลี่ค่ะ ถ้าเราบังเอิญมีเพื่อนที่ตั้งใจล้อเราทุกวัน ทุกครั้งที่มีโอกาส จนทำให้เรารู้สึกแย่และเสียใจทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดนั้น เราก็ไม่ควรอยู่ใกล้เพื่อนแบบนี้แล้วค่ะ
 

วิธีรับมือ : พี่โอ๊ตเคยได้ยินน้องๆ หลายคนแก้ปัญหาด้วยการ “ล้อมาล้อกลับไม่โกง” การทำแบบนี้ไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ เพราะนั่นมันเหมือนกับว่าเรากำลังเล่นกับเค้า เหมือนเราโอเคกับสิ่งนี้ ทั้งที่จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย ถ้าเราอยากให้เพื่อนหยุด เราต้องพยายามข่มใจตัวเอง และทำเหมือนคำพูดพวกนั้นเป็นอากาศ อย่าให้ความสนใจ แล้ววันนึงเค้าก็จะเหนื่อยและเลิกไปเองค่ะ
 
5. เพื่อนชอบเอาเราไปพูดลับหลัง
          อยู่กับเราก็พูดแบบนึง พอคุยกับคนอื่นก็พูดอีกแบบนึง เอาเราไปพูดลับหลังเสียๆ หายๆ พูดจนเราเองยังงงว่าเราเคยไปทำเรื่องแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ลองสังเกตดูสิว่า ต้นตอของเรื่องที่ไม่ดีส่วนใหญ่ มันมาจากคนใกล้ตัวเราทั้งนั้นเลยค่ะ เพื่อนแบบนี้คือน่ากลัวที่สุดเลย เพราะพออยู่กับคนอื่นก็เหมือนเป็นคนที่เราไม่รู้จักไปเลยล่ะ
 
วิธีรับมือ : เรื่องนี้อาจจะยากหน่อย แต่ก็ต้องลองค่ะ ลองสืบให้แน่ใจว่าเรื่องไม่ดีของเราที่ได้ยินมา มาจากเพื่อนคนนี้จริงๆ รึเปล่า และถ้าชัวร์แล้วไม่ต้องเข้าไปถามนะคะ เพราะธรรมชาติของเพื่อนแบบนี้เค้าจะไม่ยอมรับความจริง พี่โอ๊ตแนะนำว่าให้เฟดตัวเองออกมาตั้งแต่เนิ่นๆ เลยดีกว่าค่ะ
 
เรากำลัง “ทน” กับเพื่อนที่นิสัยไม่ดีอยู่รึเปล่า?
          อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนก็แอบสงสัยว่า เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าเพื่อนคนนี้กำลังทำให้เราเฟลถึงขีดสุด เพราะนิสัยแย่ๆ ทั้ง 5 ข้อ บางทีถ้าเราไม่ได้เดือดร้อนมากๆ เราก็อาจจะมองข้ามไปได้ งั้นพี่โอ๊ตก็มีสัญญาณบางอย่างที่อยากให้ลองสังเกตตัวเองดูค่ะ
 

 
  • อยู่กับเพื่อนแล้วเหนื่อย เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ รู้สึกเหมือนต้องรับภาระอยู่คนเดียว ทำเวรคนเดียว ทำงานกลุ่มคนเดียว 
  • มีปัญหาแต่บอกเพื่อนไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนจะเอาไปบอกคนอื่นมั้ย จะเอาไปเล่าแบบใส่สีตีไข่รึเปล่า หรือจะเอาเรื่องของเรามาล้อเลียนมั้ย
  • มีเพื่อนแล้วเดือดร้อน โดนเพื่อนโยนความผิดให้ตลอด
  • รู้สึกถูกเอาเปรียบ เพื่อนไม่เคยแชร์อะไรด้วยกันเลย ทำไมมีแต่เราคนเดียวที่เป็นฝ่ายให้
  • เสียใจกับคำพูดเพื่อนบ่อยๆ ถูกต่อว่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เหมือนกลายเป็นสนามอารมณ์ของเพื่อน
 
          ทั้ง 5 ข้อนี้คือสิ่งที่เราไม่ควรรู้สึกกับคนที่เราเรียกว่า “เพื่อน” เลยค่ะ ส่วนตัวพี่โอ๊ตคิดว่า เพื่อน ไม่ใช่คนที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเราก็จริง แต่อย่างน้อยต้องเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นคนแรกๆ ที่เราจะนึกถึงไม่ว่าเราจะแฮปปี้หรือมีปัญหา เป็นคนที่เราอยากแชร์เรื่องดีให้ฟัง อยากใช้เวลาร่วมกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มเกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาแล้ว พี่โอ๊ตก็ไม่แน่ใจเลยค่ะ ว่าเรายังสามารถบอกตัวเองว่าคนๆ นี้เป็นเพื่อนเราได้อยู่มั้ย
          ดังนั้น ถ้าจะให้สรุปว่าเพื่อนนิสัยแบบนี้เราควรเลิกคบมั้ย ก็อยากให้ยึดความรู้สึกของตัวเองเป็นหลักค่ะ ถ้าสิ่งที่เพื่อนทำมันร้ายแรงจนทำให้เราเดือดร้อนหรือเสียใจซ้ำๆ ก็ลองถอยออกมาแล้วหาเพื่อนใหม่ แต่ถ้าเราคิดว่ามันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร และเรากับเพื่อนยังเปิดใจคุยกันได้ ปรับตัวเข้าหากันได้ ก็ถือว่าเป็นการให้โอกาสตัวเองและเพื่อนได้เรียนรู้นิสัยกันค่ะ
          สิ่งหนึ่งที่พี่โอ๊ตอยากแชร์กับน้องๆ คือ เพื่อน ก็เหมือนกับจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งในชีวิตค่ะ กว่าเราจะหาตัวที่ต่อลงในชีวิตเราได้พอดีเป๊ะๆ มันต้องใช้เวลาพอสมควร และบางคนชีวิตก็ไม่ได้มีจิ๊กซอว์แค่ตัวเดียวด้วย เพราะฉะนั้น อย่าฝืนต่อตัวที่ไม่ใช่ลงไปซ้ำๆ เพราะนอกจากมันจะทำให้ชีวิตเราไม่สมบูรณ์แล้ว บางทียังเป็นการปิดกั้นจิ๊กซอว์ตัวที่ใช่ออกไปอีกด้วยนะ หลักการคล้ายๆ กับเวลามีความรักนั่นแหละ ไม่ใช่อย่าฝืน เรามีโอกาสได้เจอเพื่อนที่ดีในชีวิตอีกเพียบค่ะ

 
พี่โอ๊ต
พี่โอ๊ต - Columnist คอลัมนิสต์สายบิวตี้ ชอบอัปเดตเมคอัพ และศึกษาเรื่องสกินแคร์ เพื่อผิวสวยอย่างปลอดภัย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
KUSA-chan Member 8 ม.ค. 63 20:10 น. 2

เราเคยโดนเพื่อนที่สนิทมากๆหักหลังค่ะ แบบหนักมาก

จนตอนนี้ไม่สามารถคุยกับใครเป็นเพื่อนจริงๆได้เลย ตรง"สิ่งที่เพื่อนไม่ควรรู้สึก"

เรารู้สึกทุกข้อกับทุกคนเลยค่ะ แบบมันเปิดใจไม่ได้เลย

แล้วเรารู้สึกว่าอยู่แบบนี้มันก็ดีนะโล่งดี ไม่ต้องไปยุ่งกับใครเกินจำเป็น

ไม่ต้องมาระแวงอีก

1
HanaOat Columnist 9 ม.ค. 63 11:15 น. 2-1

ถ้ามีเพื่อนแล้วทำให้ทุกข์กว่าเดิม พี่ว่าก็ถูกแล้วที่เราถอยออกมาค่ะ แต่ว่าก็ไม่อยากให้น้องปิดใจกับคนอื่นๆ ที่จะเข้ามาในอนาคตนะ ส่วนตัวพี่คิดว่าการมีเพื่อนเหมือนมีแฟนเลยล่ะ ถ้าเจอคนที่ใช่ เวลาที่เหมาะ บอกเลยว่าจะเป็นเพื่อนกันไปได้อีกนานเลย

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
Pinto 4 ม.ค. 66 18:59 น. 4

เป็นคนที่พูดตรงมากๆแล้วก็ปากไวมากๆค่ะ จนเพื่อนที่ได้ยินดำพูดเราเสียความรู้สึก แต่บางครั้งเรื่องที่พูดมันก็คือเรื่องจริง แล้วเราก็พูดถูกค่ะ เพื่อนมาบอกบ่อยๆว่าอย่าพูดแบบนี้อีกนะคนที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ดี แต่เราก็คิดว่า มันคือความจริงนะ แล้วบางครั้งก็เผลอพูดอะไรที่ไม่ควรแล้วก็มาคิดได้ว่าไม่ควรพูดนะ เพื่อนเสียความรู้สึก แต่จะเป็นคนที่ไม่พูดขอโทษค่ะ แล้วก็มีครั้งหนึ่งที่เพื่อนมาพูดเลยว่า ถ้ายังพูดแบบนี้ตะไม่มีใครคบละนะ ควรปรับตรงไหนบ้างคะ

1
HanaOat Columnist 13 ม.ค. 66 13:31 น. 4-1

ส่วนตัวพี่มองว่าคนที่พูดตรงๆ ก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งนะคะ แต่ตามที่น้องเล่ามามันก็คือความจริงว่าบางคนเค้าก็ไม่โอเคกับคำพูดของเรา พี่คิดว่าวิธีแก้คือเราอาจจะต้องคิดให้มากขึ้น ตอบโต้ให้ช้าลง แต่ถ้าตอนไหนที่เราเผลอพูดออกไป แล้วอีกฝ่ายไม่โอเค ก็ควรพูดขอโทษอีกฝ่ายนะคะ บางครั้งการขอโทษมันไม่ได้แปลว่าเราต้องผิดเสมอไป แต่มันคือคำที่ใช้แสดงออกได้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกจริงๆ เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดของเรา พี่คิดว่าอย่างน้อยๆ มันก็คือการเจอกันครึ่งทางนะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด